ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    คุยกันคร่าวๆเรื่องกุมารทอง

    กุมารเจ้าสัวทับทองที่แจกไปจำกันได้หรือไม่ ของผมก็มีองค์นึงชื่อน้องสมบัติ ฟังแต่ประสบการณ์ของคนอื่นแต่ก็รู้นะว่าน้องเค้าอยู่ใกล้ๆเรามันเป็นความรู้สึก จนเมื่อวานไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมากิน หยิบน้องมาวางไว้ข้างๆจานเรียกเค้ากินกับเรา

    ก็เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งแต่เค้าให้น้ำซุปมาซดด้วย เราก็ใส่ถาดแล้วกินบนตียงเลย วางไว้บนเตียงรอน้องสมบัติกิน ทีนี้จังหวะที่เราลุกก็ไปโดนจานที่เกยกับชามใส่น้ำแกงจะเทคว่ำตรงเตียงหันมาคิดแล้วว่าชิบหายแล้วเตียง หมดแน่ๆยังไงก็เปียก

    แต่ปรากฏว่าชามใส่น้ำแกงนั้นครึ่งหงายครึ่งเอียงไม่คว่ำ แปลกใจชะมัดคือเหมือนมีคนประคองชามเอาไว้ไม่ล้มไม่หกให้เปื้อนเตียงเราซักหยดเดียวเอียงกะเท่เร่อยู่อย่างนั้น แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตามันไปหยุดอยู่ตรงน้องสมบัติที่วางไว้ข้างๆจาน เหมือนเค้าจะฟ้องเราว่าเค้าช่วยถือไว้ให้แบบนั้นชามมันเลยไม่คว่ำ ก็เอามาเล่าให้ฟัง น่าจะเข้าใจเพราะเตียงมันมีสปริงเวลาเราดีดตัวลุกของที่วางอยู่ก็แทบจะลอยอยู่แล้วยิ่งรู้ตัวว่าดีดแรงมากแถมไปโดนจานที่เกยอีก ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เห็นภาพ

    อีกเรื่อง อันนี้เห็นบางคนบอกว่าเลี้ยงแล้วตัวแม่พี่เค้าเห็นก็มี แต่ตัวเองไม่รู้เรื่อง ว่าเวลาทำอะไรจะมีเด็กคอยตามนั่งอยู่ข้างๆ เวลานั่งทำงานก็เห็นเด็กเอากระดาษมาคอยจด กินนอนอยู่กับพี่เค้า เราก็ถามว่าตั้งใจใช่มั๊ยที่เลี้ยง เค้ายอมรับว่าตั้งใจและใส่ใจมากเลี้ยงแบบลูกเลย แต่ตัวเองไม่เห็นกลายเป็นแม่และคนในบ้านเห็นแทนเป็นเด็กห้าหกขวบตัวขาวๆจ้ำม่ำ การเลี้ยงกุมารนั้นนอกจากทำบุญอุทิศแผ่เมตตาแบบส่งๆให้เค้า จะแรงจะช่วยเราแค่ไหน ตัวแปรก็อยู่ที่ความเอาใจใส่ ความตั้งใจความรักที่เราให้เค้านี่เอง
     
  2. PaChaRah Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +63
    ขอจองตะกรุดพ่อสมหวัง 1 ดอกครับ
    ไม่ทราบว่ายังมีเหลืออยู่หรือเปล่าครับ
     
  3. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พระถุงแดง

    วันนี้ก็จะมาเล่าเรื่องของพระคเณศให้ฟัง แต่ดูเสด็จพี่ท่านจะไม่ค่อยเป็นใจเพราะถ่ายรูปทีไรหาความสวยไม่ได้เลย ก็อาราธนาท่านออกจากกรอบมาถ่ายรูป มีความรู้สึกว่าสีอ่อนไป บางรูปก็เข้มไป ไม่เห็นเส้นแตกลายงาของเนื้อไม้ที่อายุมากกว่าร้อยปี ถ่ายอย่างไรก็สวยสู้องค์จริงไม่ได้แบบนั้น

    วันนี้ก็พูดถึงเรื่องพระคเณศ เท่าที่ส่งของมาในจำนวนมงคลประจำกายทั้งหมด รู้สึกจะมีน้อยมากที่ผู้ส่งดวงมาจะได้พระเคณศไป ล่าสุดที่ส่งไปก็น่ารักดีเป็นปางนั่งจดพระเวทย์(เอามาชมกันบ้างนะ555+) ก็อย่างที่ทราบกันคือพระคเณศนั้นท่านเป็นใหญ่ในปวงวิทยา คือมีความรู้มาก รู้ในทุกศาสตร์ทุกแขนง พ่ออาจารย์ท่านยังกล่าวว่าเรื่องที่เหนือกว่านั้นขึ้นไปก็มี คือหน้าที่ของท่าน ใครจะสำเร็จ จะเจอปัญหาอุปสรรคอะไร ทำอะไรล้มเหลวหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเทพองค์นี้ บางคนหวังรวยทางลัด อยากขึ้นสวรรค์ทางลัด อยากได้ญาณสมาบัติทางลัด ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์อีกนั่นเอง ด้วยว่าท่านจะขัดขวางคนขี้โกงทั้งหลายด้วยเล่ห์กลโลกากิเลสรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสทั้งปวง ดังนั้นพระเคณศจึงเป็นเทพที่มีความสำคัญมากที่สุดองค์หนึ่ง ถึงขนาดที่ว่าถ้าอยากข้ามพ้นอุปสรรคใดๆ ให้พึงบูชาพระองค์ แล้วพระองค์ก็จะพาข้ามพิฆนะจัญไรทั้งหลาย กล่าวว่าให้มีเรื่องร้ายเพียงใดก็กลายเป็นดีได้ในทันทีนั่นเอง เพราะเรารู้หน้าที่ท่าน แทนที่จะให้ท่านมาขวางก็เคารพบูชาและอาราธนาท่านให้พาเราก้าวข้ามอุปสรรคไปในทีเสียเลย

    พ่ออาจารย์ท่านจึงมักพูดเสมอว่าดี เป็นคำเดียวสั้นๆที่มีความหมายลึกซึ้งที่สุด คำว่าดีของท่านนี้คือ ในวาระที่ชีวิตล้มเหลว ย่ำอยู่กับที่ เจอปัญหาอุปสรรคใดๆ มันมีอะไรที่มันติดมันก้าวข้ามไม่ได้ซักที จะผ่านเรื่องนี้ไปก็มีแต่ปัญหาอุปสรรคตลอด จะทำงานก็เจอปัญหา ชีวิตครอบครัวก็มีผู้ใหญ่เป็นอุปสรรค จะจีบใครก็เจอก้างขวางคอ คือรวมคำจำกัดความว่าอุปสรรคทั้งหมดนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าอาราธนาท่านไว้ด้วยใจเคารพบูชานั่นแหละดี ท่านว่าไม่ต้องไปหาพระแหวกม่านสำนักไหนองค์ละหมื่นละแสนเลย ก็นี่หน้าที่ท่าน ไม่ใช้คนที่ทำหน้าที่แล้วจะไปมองอะไร (พ่ออาจารย์ท่านได้ทำพระคเณศแหวกม่านเอาไว้เหมือนกันเสกมานานแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ว่าท่านจะออกในวาระไหน)

    ไหนๆก็พูดกันแล้วก็จะพูดถึงองค์ที่เราใช้นี่แหละ เพราะมันไม่ไกลตัวดี เนื่องจากตัดตลับใส่แล้วองค์พระใหญ่ขึ้นนิดนึงเราเองไม่ชอบอะไรใหญ่ๆเพราะเป็นคนตัวเล็ก จึงอาราธนาท่านใส่ถุงแดงพกไว้กับตัวแทน แปลกใจอยู่มากเวลาไปกราบพระเจอเกจิอาจารย์ดังๆที่ไหนไม่เว้นแม้แต่งานพุทธาภิเษก ที่เราชอบโผล่หัวเข้าไปขอพรมน้ำมนต์ขอของดีติดไม้ติดมือกลับมา ก็แปลกที่ว่าท่านหลายๆรูปมักจะทักจะถามตรงกันว่าอะไรอยู่ในถุงแดงบ้าง นั่นถุงอะไบ้าง แต่ก็มีไม่กี่ครั้งที่เราจะหยิบออกมาถวายให้ท่านเหล่านั้นดู ในความรู้สึกเรา เหมือนท่านกำลังจับเพชร คือความรู้สึกมันไม่โกหกคนทั้งการจับสายตารอยยิ้มมันทำให้รู้ว่าท่านมองเหมือนของมีค่าเพราะอะไร บางรูปยังถามว่าเช่ามาจากไหน ถ้าไปวัดเอามาฝากฉันด้วยนะ เออก็แปลก แต่เรื่องของเสด็จพี่นี่ก็มีเฉพาะคนที่ใช้นั่นแหละจะดีจะเฮี้ยนเพียงใดก็รู้ได้เฉพาะตน เอาว่าหนักกว่ากุมารทองแน่นอน ถ้าไม่ดีจริงเราเองก็คงไม่เอามาพูดหลายรอบ

    อีกเรื่องหนึ่งลืมไม่ได้เลยก็คือพวกนักจับพลังพระงงเป็นไก่ตาแตกกันเพราะลองมาหลายที่ ให้จับทั้งถุงแดงอย่างนั้นฉงนสนเท่ห์กันจนตอบไม่ถูก ออกนอกโลกไปเลยก็มี แต่เราก็เข้าใจว่าครูเทพนี้ถ้าว่ากันด้วยฤทธิ์หรืออะไรก็แล้วแต่จะเอาไปเปรียบกับพระนั้นคงไม่ได้ ต่อให้เป็นวัดระฆังเลยก็เถอะ คนจับทั้งหลายจึงงงกันมากว่าอะไรทำไมมันแรง มองไปทางไหนก็เห็นแต่เทพเจ้าชุมนุมกันเต็มไปหมด

    เมื่อพูดถึงมงคลประจำกายตั้งแต่ที่ท่านทำมา อันนี้จะข้ามก็ไม่ได้ เพราะอยากจะบอกจริงๆ เชื่อเถอะมีประเภทหนึ่งที่หาคนรับแทบไม่ได้เลย ปกติเวลาท่านทำมงคลประจำกายนั้นท่านก็จะพิจารณาดวงแล้วแกะไป จะได้อะไรก็สุดแล้วแต่แตกต่างกันออกไปทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยออกเลยให้กับใครก็คือเครื่องมงคลประเภทเศียรครูนั่นเอง เพราะท่านบอกว่าสำคัญที่สุด เพราะเศียรครูนั้นมันเป็นตัวแทนของสรรพวิชา สรรพศาสตร์และศูนย์กลางที่รวมครูทุกสายเข้าด้วยกัน ท่านจึงทำให้เฉพาะคนเป็นกรณีพิเศษจริงๆ ยิ่งเป็นเศียรครูพระสยมกับเศียรบรมพรหมสหัมบดีด้วยแล้ว ท่านว่าเคยทำนับองค์ได้ท่านจะไม่แกะให้กับใครซี้ซั้ว แต่ก็มีกรณียกเว้นกับคนที่มีศรัทธา ใจรัก ต้องการจริงๆ เพราะท่านถือว่าศรัทธามันขึ้นมาเป็นตัวนำแล้ว เพราะมีศรัทธาจึงมีปาฏิหาริย์ตามมา ถ้าเค้ามีศรัทธาเราจะไปขัดก็ไม่ควร แทรกไว้หน่อยว่าเศียรครูเนื้อผงมวลสารที่ออกให้จองไป หัวครูคุรุเทพอิศวรมุนีภพนั้นก็สุดๆเลยเหมือนกัน ใครได้ก็ถือว่ายินดีได้เลย

    * อันนี้จึงแอบแนะนำกันเบาๆ สำหรับท่านที่ทำมงคลประจำกาย ขอเถอะ ขอเข้ามาพูดตรงๆเลยว่า ผมจะเอาเศียรครูพระคเณศครับ ผมจะเอาเศียรครูพระสยม จะเอาเศียรครูพระพรหมสหัมบดี ขอกันเข้ามาตรงๆแบบนั้น ช่วยมั่นใจและแสดงมันออกมาตามความต้องการของจิตสำนึกตัวเอง อย่าไปอายอะไร พูดตรงๆไม่ต้องบอกว่าให้ท่านเลือกให้ คือถ้ามีศรัทธาก็ช่วยยิงตรงมาเลย ตามแต่ว่าเราจะศรัทธาอะไรใจเรายึดเกาะอยู่กับองค์ใด เชื่อได้เลยว่าเดี๋ยวมีเฮแน่นอน ในกรณีจะเอาไปห้อยคอก็ช่วยคอมเม้นมาด้วยว่า ขอนะขอองค์เล็กๆหน่อยหรืออย่างไรก็ว่าไป ให้เอาไปใช้งานจริงได้ไม่ใช่เก็บไว้วางเฉยๆ ที่ยกตัวอย่างมงคลประจำกายโดยเฉพาะประเภทเศียรครูนั้นเพราะท่านว่าเฮี้ยนและแรงกว่าธรรมดาและท่านลงไม่ต่างจากลงเศียรประธานครอบครูเลย มันมากกว่าการแกะเครื่องมงคลธรรมดาแบบไกลลิบ เกินกว่าที่ตาเรารู้เห็น บอกได้แค่นี้จริงๆ

    ก็วันนี้มาคุยกันเบาๆ แนะแนวทางให้แบบไกด์ไลน์เพื่อให้ไปในทางที่ถูก ก็ถือเสียว่าคุยกันเล่นๆสบายๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_5007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      125
  4. อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    ก็น่ารักมากๆครับ อิอิ มงคลประจำกาย ถ่ายชัดสุดประมานนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0648.JPG
      ขนาดไฟล์:
      478.8 KB
      เปิดดู:
      119
  5. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อยากบอกว่าน่ารัก 555+
     
  6. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แอบบอกกันนิดนึง แม้แต่พ่ออาจารย์ตัวท่านเองก็ยังห้อยมงคลประจำกายของท่าน ของที่ท่านห้อยนั้นแกะเป็นเศียรครูสมเด็จโต (บอกได้แค่นี้)สำคัญจริงๆ
     
  7. อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    นับว่าเป็นมงคลยิ่งครับ สาธุๆๆๆ
    :cool::cool::cool:
     
  8. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ว่าด้วยชานหมาก

    สำหรับชานหมากนั้น ก็เห็นว่าสมควรเอามากล่าวถึงอีกรอบ เพราะว่าหลายคนนั้นเคยลองขอบารมี นำไปบูชาแล้วเจออะไรดีๆกันมาก็มาก ถึงอยากจะบอกไว้ว่าของดีราคาถูกก็ยังมี บางคนเช่ากันทีเผื่อคนในครอบครัวหลายๆลูกก็มี แต่ทั้งนี้เชื่อว่าหลายคนมองข้ามไปก็เยอะ

    ชานหมากของพ่ออาจารย์นั้น ท่านมักจะเคี้ยวอยู่เสมอๆ โดยท่านมักจะนำหมากที่ถวายครูบาอาจารย์ คือเจ้าปู่สมเด็จโต มาขอบารมีแล้วเคี้ยวซึ่งในระหว่างเคี้ยวนั้น ท่านมักจะบริกรรมคาถาหรือกำหนดจิตเสกเครื่องมงคลไปด้วย คำหมากนั้นๆจึงมีค่ามาก จะว่าไปก็คงเป็นของที่เปี่ยมด้วยอิทธิคุณ แกร่งกล้ากฤติยาคมมากนั่นเอง

    ซึ่งคำหมากนี้ หากจะถามว่าดีทางไหนท่านว่าตอบไม่ถูก ลองเอาไปใช้กันเองแต่ผมจะตอบให้ เพราะเท่าที่เห็นได้ยินได้ฟังมาคือดีทุกทาง มีคนเคยเอาไปสะเดาะก้างปลาที่ติดคอออกก็มี อาราธนาพกพาเป็นลูกอมก็มีส่วนใหญ่จะใช้ทางมหานิยม ค้าขายเจรจา บูชาเสร็จแล้วจะนำไปปิดทองเลี่ยมห้อยคอ เขาว่าดีกว่าสาลิกาลิ้นทองที่เขาเคยห้อยมาเป็นไหนๆ ทั้งยังเป็นคุ้มครองแคล้วคลาดออกได้ทุกทาง

    แต่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ชานหมากนั้นพ่ออาจารย์มักจะพูดว่าให้บอกกับคนที่บูชาไปเสมอ ว่าเวลาใช้ไม่ต้องมานึกถึงฉัน ก่อนใช้ให้นึกถึงสมเด็จโตนะ นี่เป็นคำหมากสมเด็จ ก็ไม่รู้ว่าท่านทำอย่างไรหรือต้องการสื่ออะไรก็บอกไม่ถูก แต่หลายครั้งที่มีคนขอบูชาคำหมากสดๆ คือให้ท่านเคี้ยวแล้วส่งให้เลย เมื่อได้รับไปก็จะนำไปกิน กลืนลงไปทั้งเม็ดเลยก็มี หลายท่านบอกว่าแบบนี้พลังดี มีครูอยู่ในร่างกายของเขา ดีกว่านำไปห้อยคอมาก บางท่านก็บูชาไปทั้งกินทั้งห้อยเลยก็มี

    และสังเกตุว่าคนที่ใช้ชานหมากของท่านนั้น มักจะมีเรื่องดีๆโทรมาบอกโทรมาเล่าให้เราฟังอยู่เสมอ ไปไปโดนรถเฉี่ยวชนรอดตายไม่มีแผลบ้างล่ะ ไม่ก็เจริญรุ่งเรืองบ้างล่ะ ได้โชคถูกหวยเพราะฝันเห็นพระพรหม เห็นเสือมาหาบ้างล่ะ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวบุคคล พูดไปก็เท่านั้น ท่านจึงว่าชานหมากนี้ใช้ง่ายที่สุดไม่ต้องมีคาถาอะไรกำกับเลย มีข้อห้ามเพียงอย่างเดียวก็คือห้ามหาย ห้ามลืมเท่านั้นก่อนใช้ก็อย่าลืมนึกถึงครูสมเด็จ ถ้าสวดชินบัญชรได้จะดีมาก

    โดยปกตินั้นท่านจะไม่เคี้ยวหมากเวลาปกติและจะไม่นำหมากธรรมดาที่ยังไม่ได้ถวายครูสมเด็จมาเคี้ยว ท่านจะเคี้ยวเฉพาะตอนมีกิจพิธีหรือตอนบริกรรมกำหนดจิตและทำอะไรพิเศษจริงๆ บางครั้งท่านจะทำน้ำมนต์ท่านก็หยิบคำหมากที่ท่านคายไว้นั้นมาบิๆขยี้ๆในน้ำเป็นอันใช้ได้ไม่ต้องเสกซ้ำแต่อย่างใด จึงเป็นที่แน่แก่ใจว่าชานหมากนั้นก็เป็นที่สุดของลูกอม ที่ควรมีไว้บูชากันติดตัวจริงๆ อันนี้ก็เอามาแนะนำกันเพราะแน่ใจว่าหลายคนมองข้าม ลองแล้วจะรู้ว่าของถูกๆท่านก็ทำเต็มที่ ไม่ใช่เคี้ยวส่งๆไป ทำเล่นๆที่นี่ไม่มี
     
  9. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มหาพรหม

    ก็มีคำถามเข้ามาน่าสนใจ เกือบจะพร้อมๆกันห่างกันราวอาทิตย์หนึ่ง กับผู้ที่บูชาครูบรมพรหมสหัมบดีและองค์ปรพรหมอาตมันไป

    ที่ว่าถามมาพร้อมกันนั้นเพราะเป็นคำถามในลักษณะเดียวกัน รายหนึ่งฝันเห็นลูกแก้วดวงใสมีแสงสีขาวสุกนวลพวยพุ่งโดยรอบเป็นรัศมีกระจ่างสื่อสารพูดคุยกับเค้า อีกรายฝันเห็นแสงจ้าเหมือนกันแต่ไม่ได้เป็นลูกแก้ว เป็นกลุ่มก้อนแสงสว่างมีประกายเหลืองทองพูดคุยกับเขาเช่นกัน อันนี้เป็นความฝันของผู้ที่บูชาแล้วโทรมาเล่าให้เราฟัง

    ประเด็นก็คือทำไมพี่เขาถึงไม่เห็นรูป พูดง่ายๆคืออยากเห็นตัวมากกว่าญาณธาตุอากาศ อยากสัมผัสมากกว่าว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรมากกว่าการเห็นแสงและได้ยินเสียง ก็เลยถามพ่ออาจารย์ให้ ท่านกล่าวว่ารูปที่เราเห็นมันเป็นสิ่งสมมติในโลกเท่านั้น ที่ว่าพรหมจะมีสี่หน้าแปดมืออะไรเช่นนั้นเพราะเค้าแทนความหมายของคุณธรรมต่างๆลงในรูปเคารพให้เรายึดเหนี่ยวจิตใจและเอาไปปฏิบัติ

    อันที่จริงคำว่าพรหมนั้น ได้ชื่ออยู่แล้วว่าเป็นผู้ใหญ่ ผู้มีอายุ ต่างจากเทวดาทั่วไปเพราะสถานะความสำเร็จแตกต่างกัน การจะเข้าถึงพรหมนั้นเค้าอาศัยฐานของการภาวนา ต่างจากเทวดาที่อาศัยฐานของการให้ทานการรักษาศีล จุดนี้เป็นจุดที่ต่างกัน เมื่อเข้าถึงความเป็นพรหมแล้ว ทั้งพรหมมีรูปและไร้รูป แต่ละชั้นนั้นก็จะมีคุณธรรมโดดเด่นต่างกันไปอีก จนไปถึงมหาพรหมสุทธาวาสอันเป็นที่สถิตย์ของเหล่าพรหมอนาคามีทั้งหลาย ที่ได้ชื่อว่าเป็นพรหมโลกที่ละเอียดมากที่สุดใกล้เคียงกับนิพพานหรือแดนของพระอรหันต์

    เมื่อเข้าถึงความเป็นพรหมแน่นอนว่า กามคุณจะไม่สามารถครอบงำเขาได้ คือเขารู้แล้ว เห็นโทษแห่งกามแล้ว รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเหล่านี้ครอบงำเขาไม่ได้แล้ว ก็มีคุณธรรมวิเศษในระดับหนึ่ง เพราะพ้นขอบเขตของกาม อย่างน้อยพรหมชั้นต่ำที่สุดก็ต้องได้ปฐมฌาณแล้วทั้งนั้น เพราะว่าฌาณนั้นเป็นฐานกำลัง เป็นปัญญาโดยธรรมชาติเพื่อนำไปสู่ฐานของการตรัสรู้ หรือที่เรียกว่าอรหันต์ นิพพาน ความหลุดพ้นสุดแต่เราจะเรียก

    แต่ก็กระไร พรหมก็ยังได้ชื่อว่ามีกิเลศมีความยึดติดอยู่นั่นเอง อันนี้ต้องว่ากันเป็นองค์ๆไปไม่ใช่จะมีกิเลสกันหมด อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่อันจะดึงให้พรหมตกต่ำได้เห็นจะมีอยู่สองลักษณะ คือ บางคนก็ยังยึดติดกับอภิสังขารของตนเพราะว่าแต่ละองค์นั้นมีอายุขัยยาวนานเรียกว่าใช้ชีวิตกันจนลืมเวลาตายไปทีเดียว บางคนก็หลงเพลิดเพลินในวิมานในทรัพย์สมบัติ นี่ฌาณสมาบัติอะไรก็เสื่อมถอยได้เหมือนกัน ต้องเป็นพรหมที่เป็นอริยบุคคลระดับโสดาบันขึ้นไปจึงจะไม่เสื่อมและไม่มีวันตกลงมา

    เมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมโดยแท้นั้นจึงมักจะไม่ยึดติดกับรูปกายสังขารของตนที่เป็นรูปกายว่าเราจะหน้าตาแบบนี้ต้องหล่อเหลาหน้าคมผมงามอะไรเช่นนี้ เพราะเค้าข้ามขอบเขตของความหลงในกามไปแล้ว ปกติจะโปรดใครก็จะไปโดยญาณธาตุอากาศแบบนั้นไม่ใช่จะเดินมาสองขาแปดแขนพูดคุยกับเราเสียเมื่อไหร่ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่พบท่านด้วย ถ้าเรามีวาสนาเก่าร่วมกับท่านมาเราอาจเห็นท่านในกายมนุษย์ ในรูปของพราหมณ์ ในรูปของเทวดา ในรูปของนักบวชก็ได้ อยู่ที่ว่าสัญญาความจำได้หมายรู้ของเราเคยผูกพันธ์กับท่านมั้ยชาติภพไหนเท่านั้น หรืออีกเหตุหนึ่งก็คือท่านต้องการจะให้เห็นอย่างไรเพื่อเป็นปริศนาธรรมให้เราได้ขบคิดพิจารณา

    ที่เรามาเจอมาศรัทธาท่านก็ถือว่าเริ่มหรือเคยมีบุญสัมพันธ์ร่วมกันมาแต่ปางก่อนอันจะเป็นเหตุให้ได้พบและเกื้อหนุนกันในชาตินี้ ถ้าขาดตรงนี้ไป แม้เกิดยันตายทำอย่างไรก็ไม่ได้พบ คนที่มีความรู้สึกศรัทธาและอบอุ่นที่หัวใจเมื่อได้อาราธนาแล้ว อย่าไปน้อยใจแม้ว่าเรายังไม่ฝันไม่เจอ ก็นี่แหละเห็นแล้วเจอแล้ว ต่อไปจะอุปถัมภ์ค้ำจุนกันแล้วจะไปคิดวุ่นวายอย่างไรทำไม

    ยิ่งครูพรหมของเราคือพรหมในปัญจสุทธาวาส ต้องเข้าใจท่านหน่อย อย่าเอาแต่ตามใจตัวเอง ทำความเข้าใจกันเสียก่อน พรหมปัญจสุทธาวาสทั้งห้าชั้นนี้ ล้วนเป็นพระอนาคามีทั้งหมด ตั้งแต่ อุทธังโสโตอกนิฐคามี สสังขารปรินิพพายี อสังขารปรินิพพายี กายสักขี อุปหัจจปรินิพพายี อันตราปรินิพพายี ล้วนเป็นผู้ที่ได้คุณธรรมยิ่งใหญ่พร้อมที่จะเลื่อนขึ้นนิพพาน แต่เมื่อยังเป็นเทพเจ้ามีฐานะสูง ก็ยังมีความรับผิดชอบ มีกิจที่ต้องกระทำตามหน้าที่ของตน เหมือนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เป็นพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์แล้วก็ยังมีหน้าที่ต้องโปรดสัตว์ฉันใดก็ฉันนั้น

    พึงรู้ว่าท่านมีหน้าที่ของท่าน เราก็มีหน้าที่ของเรา และจุดนี้หน้าที่ของท่านคือเกื้อกูลเรา

    ดังนั้นจึงไม่จำเป็นว่าพรหมองค์เดียวกัน คนที่เห็นจะเห็นเหมือนกัน เพราะมีหลายสาเหตุที่ดลบันดาลให้เป็นไปเช่นนั้นก็มี จำไว้เถิดว่าอย่าสงสัยสิ่งใดที่มันไม่เกิดประโยชน์กับตนเอง คือมันสงสัยได้ แต่มันเสียเวลา คุณจะไปควานหามวลอากาศเพื่อถ่ายรูปพรหมโลกหรืออย่างไร ถ้าอยากเห็นพรหมอยากอยู่พรหมโลกก็เอาเวลาไปทำให้ตนเองถึงความเป็นพรหมเสียก็จะได้เห็นกันเอง อย่างต่ำก็ไปภาวนากันให้ได้ปฐมฌาณเพียงเท่านั้นท่านจะได้เห็นเอง ดังนั้นอย่าไปยึดติดกับรูปเอาเวลามาสนใจและใส่ใจกิจที่ตนควรจะพึงกระทำจึงจะได้ชื่อว่าดีที่สุดหรือไม่

    สำหรับผู้ที่บูชาครูบรมพรหมของเรานั้น จงจำไว้ให้ดี ในฐานะของเหล่ามหาพรหมนั้น จงจำไว้เถิด ท่านคือผู้ให้ ที่ไม่ต้องการผลของสิ่งตอบแทน เราควรมองท่านในจุดนี้ และจงคิดว่าทำอย่างไร วันนึงเราถึงจะเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่นได้ วันนึงเราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่เช่นท่าน รู้จักให้โดยปราศจากสิ่งตอบแทน ให้ด้วยความเมตตาเกื้อการุณย์เช่นนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Capture.PNG
      ขนาดไฟล์:
      427 KB
      เปิดดู:
      100
  10. กัญจน์ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +123
    ผมจองชานหมาก 2ลูกครับโอนพรุ่งนี้เช้า
     
  11. อโศกาชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +447
    เกือบทุกวัน 5.30น.-6.00 น.ก่อนไปทำงาน ผมจะนั่งสมาธิภาวนา เสร็จแล้วก็แผ่เมตตาครับ
     
  12. bright14252 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2015
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +17
    พรหมวิหารที่ผมนำมาใช้นะครับคือ
    ความกรุณา โดยการช่วยเหลือผู้ที่มีทุกข์ต่างๆ เช่นให้เงินขอทาน หรือปล่อยนกปล่อยปลา
    และ อุเบกขานะครับ ในชีวิตเราย่อมมีคนว่าร้ายหรือคิดร้ายเสมอ เราก็ต้องวางเฉยต่อสิ่งเหล่านั้นครับ
     
  13. อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    ก็จะเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับความ
    - เมตตาและกรุณาก่อน
    ซึ่ง 2 หลักธรรมนี้ได้โน้มจิตให้ผมคิดที่จะทำทาน เรื่องมีอยู่ว่า ที่หน้าเซ่เว่นแถวบ้านมักจะมีเด็กยากจน เนื้อตัวมอมแมม ประมมาน 4 คน มานั่งเล่นเราก็เผลอแอบได้ยินน้องเขาคุยกันว่าหิวข้าวแต่ไม่มีตัง ผมเลยตั้งใจว่าเอาหล่ะ เราต้องกรุณาเขาสละทรัพย์ตามกำลังเป็นทานให้บ้าง ผมเลยตัดสิ้นใจให้เงินน้องไปจำนวนหนึ่งเท่าๆกัน และหลังจากนั้นสิ่งที่ผมเห็นและได้ยินมันทำให้ผมปิติและอิ่มใจสะท้านขึ้นมาจนผมน้ำตาไหล ด้วยทานครั้งนี้ เมื่อน้องๆพูดเสียงเดียวกันว่า " เย้..ดีใจจังมีเงินกินข้าวแล้ว ได้กินข้าวแล้ว" มันเป็นคำพูดที่ดูง่ายๆ แต่กินใจมหาศาล กระแสพลังงานมันจุกมาที่หน้าอก แบบชนิดไม่เคยเป็นมาก่อนนับว่าเป็นประสบการณ์และเป็นอนุสสติในทานบารมีได้ดีมากๆเลยครับ
    - สำหรับหัวข้อมุฑิตา และ อุเบกขา โดยส่วนใหญ่ถ้าผมเห็นคนเขาทำบุญทำบุญก็มักจะอนุโมทนากับเขาตลอดอยู่แล้ว หรือแม้แต่กระทั่งมีคนจูงผู้เฒ่าข้ามถนน หรือ ลุกให้คนคนแก่นั่งรถเมล์ ผมก็อนุโมทนาสาธุหมด
    - ส่วนอุเบกขา มักจะเกิดขึ้นตอนสลดสังเวชกับข่าวที่มีคนฆ่ารันฟันแทงกัน แทนที่จะสาปแซ่งเขา แต่กับเวทนา ว่าโอ้หน้อ...กฏแห่งกรรมชัดเจนหน่อ ใครทำบุญก็เป็นบุญ ทำบาป หาบชั่ว ก็ก็รับตามผมของการกระทำโดยถ่ายเดียวหลักหนีไม่ได้หน่อ....ก็นับว่าเป็นอนุสติ ต่อจิตใจเราไม่น้อยเลยครับ
     
  14. rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    สำหรับผมจะสวดบทพระมหาจักรพรรดิ์ และทำการอุทิศกุศลผลบุญให้กับบิดามารดา บรรพบุรุษ ครูอาจารย์ เทพพรหมเทวดา เจ้าที่ เจ้ากรรมนายเวร สัพดวงจิต ทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุ เกือบทุกวันครับ เวลาอื่นๆก็ทำใกล้ตัว คือถ้าเห็นมด แมลงที่อาจตายได้เวลาเราล้างถ้วยจาน ก็จะพยายามยามไล่ให้หนีไปให้ได้มากที่สุด จนไม่เห็นตัวเป็นๆแล้วจึงลงมือล่างถ้วยจานครับ
     
  15. sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,726
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    สำหรับดิฉันได้เข้าโครงการรักษาศีลห้า กรรมบทสิบ พรหมวิหารสี่ ในช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนาค่ะ ในช่วงที่ปฏิบัติเมื่อโกรธก็รู้ตัวว่าโกรธ แล้วภาวนาโกรธหนอ จนดับไปภายในไม่กี่นาที เมื่อโกรธก็ไม่เผลิอด่า จะทำเฉยปิดวาจาแทน แล้วก็พิจารณาถึงความโกรธ สาเหตุที่โกรธ ก็จะยอมรับได้ว่าบางทีเราก็มีส่วนผิดอยู่ครึ่งนึง หรือบ้างครั้งก็คิดว่าอภัยทานได้บุญแรงดีค่ะ ก็จะให้อภัยได้
     
  16. ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    ประมาณ 10 ปีก่อน ผมเจอชายคนหนึ่งที่สนามหลวง เขานุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดเก่าๆ และขาด เขาเดินไปหาคนที่อยู่บริเวณนั้นหลายคน ดูเหมือนจะขอเงินกลับบัาน แต่ไม่มีใครช่วย ที่สุดเขาเดินมาหาผม ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองตาผม ผมจึงถามว่า มาจากไหน ต้องการอะไร เขาก็ว่า เขาหนีมาจากเรือหาปลา ต้องการจะกลับบ้าน เพราะไต้ก๋งกำลังตามจะจับกลับไปทำงานในเรือ งานหนักมาก เขาทนไม่ไหว จึงหนีมา ผมไม่ถามอะไรอีก ตอนนั้นมีเงินในกระเป๋าราว 900 บาท เลยให้เขาไป 800 บาท แล้วให้เขารีบไป เขามองผมน้ำตาคลอ ยกมือไหว้แล้วเดินจากไป คนรอบข้างมองผมเหมือนคนโง่ที่โดนหลอก แต่ผมเฉยๆนะ เรื่องที่เขาเล่ามาจะจริงก็ช่าง จะเท็จก็ตาม ผมต้องการแค่ช่วยเขาได้ ก็ช่วย ก็แค่นั้น
     
  17. seaown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +984
    สำหรับผม หลักพรหมวิหาร4 ที่ได้กระทำเกือบจะทุกวันก็คือการใส่บาตรพระสงฒ์ และ การสวดมนต์ไหว้พระ และการให้ทานกับชายที่สติไม่สมบูรณ์ซึ่งผมจะเจอเกือบจะทุกวันซึ่งเขาจะมานั่งอยู่หน้า7-11(ที่ระยอง)เวลาผมเข้าไปซื้อของจะต้องซ์ื้อน้ำและขนมให้เค้าซึ่งเค้าก็จะไหว้ตอบขอบคุณทุกครั้ง ซึ่งทำให้ผมได้คิดขึ้นมาว่าถึงเค้าจะดูสติไม่สมบูร์แต่ก็รัูจักบุญคุณยกมือไหว้ขอบคุณ ต่างกับคนปกติหลายๆคน ไม่รู้จักบุญคุณและความกตัญญู คราวๆแค่นี้นะครับผม ขอบคุณครับ(f)
     
  18. mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    เมตตา คนชั่วเพราะเค้าไม่รู้ว่าสิ่งใดชั่วสิ่งใดดี รู้แต่ว่าทำตามตัญหาเท่านั้น

    โดยไม่คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นจะทำให้ใครเดือดร้อน แต่รู้ว่าทำแล้วตัวเองสบาย

    เปรียบเสมือน หมาได้เคยกินขี้ ย่อมติดใจในรสชาติและกลิ่นของขี้

    โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กินลงไปเป็นสิ่งสกปรก เพราะหลงไหลในรสชาติและกลิ่น

    ที่เสพคุ้นเคยจนติดเป็นสันดาน เมื่อวันใดไม่ได้กินก็จะกระสับกระส่ายหาทาง

    ที่จะได้มาเพื่อที่จะลิ้มรสชาติและกลิ่นของขี้
     
  19. nga sai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +3,409
    พรหมวิหารสี่ สำหรับผมคือ ส่วนใหญ่ช่วงเช้าจะทำบุญตักบาตร ส่วนด้านอุเบกขา หากมีเรื่องทะเลาะกับคนใกล้ชิดจะพยายามวางเฉยในวาระนั้นๆ
     
  20. whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ที่ทำเป็นประจำ คือ ขับรถไปไหนเวลาเห็นอะไรที่จะช่วยได้ก็ช่วย เช่น เห็นคนนอนเจ็บก็รับไปส่ง เห็นคนล้มก็ไปช่วยยก เห็นคนไม่มีเสื้อก็เอาเสื้อไปให้ เห็นคนมามืดๆ ก็เอาไฟฉายไปให้ บางทีก็ขับรถส่องไฟให้เค้าเพราะสังเกตว่ารถเค้าไม่มีไฟ เอาของกินไปให้คนข้างทางเป็นประจำค่ะ แม้แต่งูที่ถูกเหยียบแต่ไม่ตายดีก็ยังหาไม้ไปเขี่ยให้พ้นจากถนน พรหมวิหารสี่ตัวเองคือ การมีใจกรุณาและลงมือ ลงแรงช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ เกินจากนี้จะอุเบกขาค่ะ ....
     

แชร์หน้านี้