ใครมีตะกรุดพระศรีขอดทรัพย์แล้วยังไม่เคยมาพกติดตัว ลองเอามาพกดูนะครับ ผมพกมาตลอดตั้งแต่บูชามา ดีจริงๆเงินเข้าตลอด:cool:
ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 57 ของ 457
-
-
เกล็ดความรู้ ยามา
วันนี้ก็จะมากล่าวถึงเกล็ดความรู้ย่อยๆก่อน ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องใหญ่ๆอีกทีหนึ่ง
วันนี้เราจะกล่าวถึงสวรรค์ชั้นยามา สังเกตุว่าไม่ค่อยมีคนจะพูดถึงกันเเละมองข้ามไปเสียอีกด้วย
วิถีของมนุษย์นั้นมักจะซื่อสัตย์จงรักภักดีอยู่กับเหล่าเทพเจ้าเฉพาะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจากมีภารกิจที่ให้คุณให้โทษกับมนุษย์ได้ ดังนั้นจะสังเกตุได้ว่าหมู่เทพเเละท้าวเทวราชทั้ง 4 แห่งจตุมหาราชิกา หรือเหล่าคณะจอมเทพเเห่งดาวดึงส์มักจะเป็นที่กล่าวถึงกันบ่อย ๆและคุ้นหูพวกเรายิ่งนัก
เมื่อพ้นแสงสุริยจันทรา พ้นจอมเขาพระสุเมรุราชขึ้นไป ก็จะไปถึงสวรรค์และพิภพต่างๆมากมาย แต่ทว่าเทพเจ้าเหล่านั้น ไม่มีใครที่จะลงมายุ่งวุ่นวายในโลกมนุษย์ ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบผูกพันธุ์กับมนุษย์ ทั้งที่มีลำดับศักดิ์ เเละความเป็นทิพย์ตลอดจนมีอำนาจสูงกว่า เพียงเเต่ทว่ามนุษย์รู้ว่ายังมีเหล่าเทพชั้นสูงเหล่านั้น แต่ก็เพียงรู้ไว้ รู้จนลืม เมื่อพูดถึงสวรรค์ เทพที่คิดออกองค์แรกๆก็มักจะเป็นพระอินทร์เเละท้าวเวสสุวรรณวนเวียนกันอยู่ไม่กี่องค์เพียงเท่านั้น
วันนี้เราจะมาพูดถึงพิภพยามา ซึ่งดูจะไร้ประเด็นสนทนา และก็เคยพูดไปแล้วในวาระหนึ่ง แต่วันนี้จะมาพูดให้ละเอียดมากขึ้นกว่านั้น
สวรรค์ชั้นยามานี้ถือเป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นชั้นแรกที่พ้นเเสงสุริยจันทราขึ้นไป จะเรียกว่าพัฒนาการทางจิตของมนุษย์ทั้งหลายนั่นเอง ที่ก่อให้เกิดสวรรค์สุดวิเศษชั้นนี้
เเละประชากรพลเมืองของสวรรค์ชั้นยามานี้ในระดับเทพบุตรเทพธิดาต่างๆก็ล้วนเป็นพระอริยบุคคล อันมีพัฒนาการที่จะไม่มีวันตกต่ำลงอีกทั้งสิ้น นี่กระมังจึงเป็นเหตุให้สวรรค์ชั้นนี้มีอะไรที่พิเศษ ต่างจากดาวดึงส์เเละจตุมหาราชิกา
คำว่ายามานี้ เป็นคำพูดที่เอาไว้ใช้แบ่งเวลาเมื่อพูดถึงยามาก็จะนึกถึงเวลายามค่ำคืน เมื่อสวรรค์ชั้นนี้เกิดขึ้น มีการนำศัพท์มาใช้เรียก เพื่อให้เราสื่อสารกันได้เเละเข้าใจว่าเออชั้นนี้คือยามานะ เเค่พูดยามาก็รู้เเล้วว่าเหล่าเทพบนสวรรค์ชั้นนี้อยู่กันอย่างไร
เพราะคำว่ายามานั้น เป็นชื่อของสวรรค์ของเทพนครที่ได้ชื่อว่ามีความรุ่งเรือง ปราศจากเวลาทั้งกลางวันเเละกลางคืน ยามาก็มาจากยามะ หมายถึงยามดี เวลาดี ไม่มีมืดไม่มีค่ำอะไรทั้งสิ้น มีแต่ความสว่าง ความเป็นทิพย์อยู่ตลอดเวลา ประชากรทั้งหลายของยามานั้น จึงประกอบไปด้วยความสุข ไม่ต้องคอยกังวลในสิ่งต่างๆทั้งกลางวันเเละกลางคืนนั่นทีเดียว
ก็อย่างที่ทราบไป ทำไมถึงสว่าง พ้นเเสงพระอาทิตย์ไปแล้ว ความสว่างนั้นมาเเต่ไหน มันสว่างตลอดเวลาเชียวหรือ นี่ต้องทำความเข้าใจหากยังพอจำได้ก็เคยพูดไปแล้ว มันสว่างด้วยแสงสว่างเรืองรองอยู่ในตัวของพิภพยามาเอง ซ้ำมันยังสว่างด้วยสมบัติ ด้วยรัศมีแก้วตลอดจนของทิพย์ทั้งหลายในพิภพยามานี้ แต่มิใช่เพียงเท่านั้น มันยังสว่างเพราะรัศมีกายของเหล่าท้าวเทวดาทั้งหลายซึ่งล้วนเเต่มีบารมีอยู่ในระดับพระอริยบุคคลด้วย
ความสูงของสวรรค์ชั้นยามา หากจะนับจากมหาสมุทรสีทันดรไปถึงยอดเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ตั้งดาวดึงส์นั้น พิภพยามานั้นสูงได้ 2 เท่าของดาวดึงส์ ห่างกันถึง 168,000 โยชน์
เคยพูดไปเเล้วว่าชาวยามานั้น เค้าจำเเนกกลางวันกลางคืนด้วยการดูดอกไม้ทิพย์ ถ้าดอกไม้บานก็รู้ว่ากลางวัน ถ้ามันหุบไปก็รู้ว่ากลางคืน ใช้วิธีสังเกตุดอกไม้ทิพย์นี่แหละแบ่งแยกลักษณะของเวลา
ดังที่กล่าวไปแล้วว่าจะขึ้นมาอยู่ในยามานั้น ก็ต้องเป็นเหล่าเทพบุตรเทพธิดาที่มีคุณธรรมระดับโสดาบัน ดังนั้น ดินเเดนยามาจึงเป็นแดนเอกเทศน์ที่เรียกว่าสวรรค์ของเทพเจ้าผู้ปราศจากความทุกข์ ก็ด้วยความเป็นอริยบุคคลที่ภูมิจิติมีเเต่จะพัฒนาขึ้นไม่มีวันตกลงก็ถือว่าพ้นทุกข์ไปโดยส่วนหนึ่งเเล้วนั่นเอง
พูดถึงตรงนี้หลายคนอาจติดใจว่าถ้าไม่ใช่พระโสดาบันไปเกิดในยามาได้หรือไม่ ก็ตอบเลยว่าได้ หากบุญถึงก็จะไปจุติ เเต่คงจะได้เป็นเพียงเหล่าเทพที่ไปเกิดขึ้นในวิมานของเทพเจ้าเหล่านั้นอีกที อาจจะเกิดมามีหน้าที่รับใช้ท่านทั้งหลาย หรืออาจเกิดในตำแหน่งที่เรียกว่าเป็นบุตรของท่านเหล่านั้น ก็มีหลายวิธีที่จะไปอุบัติได้
กล่าวกันว่าเทพเจ้าชาวยามานั้น มีความสูงของวรกายถึง 8,000 วา มีอายุขัยถึง 2,000 ปีทิพย์ คิดเป็น 144,000,000 ปีมนุษย์ (555+นี่แค่ยามานะ ร้อยสี่สิบสี่ล้านปี ไม่ค่อยจะนานเลยเนาะ เมื่อวานเจอเหล่าอรูปพรหมไป 84,000 มหากัลป คือคิดไม่ออกเลยว่ามันนานขนาดไหน)
แดนสวรรค์ชั้นยามานี้ แน่นอนว่ายังเป็นดินแดนของพวกเราของพระพุทธศาสนาของเราอยู่ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเทพเจ้าในพิภพยามานี้ ส่วนใหญ่จะมาจากพระศาสนาของเรา ศาสนาอื่นมีบ้าง เเต่ศาสนาของเรานี่แหละเรียกได้ว่าครองพิภพยามาอย่างเเท้จริง
ในพิภพยามานี้เหล่าเทพเจ้าเทพบดีทั้งหลายจะมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ซ้ำยังมีความผูกพันธ์มีความรักเทิดทูนเเละเคารพสมเด็จพระผู้บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแบบลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณเลยทีเดียว
เมื่อพระพุทธเจ้ายังดำรงค์พระชนม์อยู่ หากมีเหตุการณ์ที่เรียกว่าเทพชุมนุม หรือเหล่าเทวดาเฝ้าเพื่อจะสนทนาคำถามกับพระพุทธองค์ เป็นความจริงที่ว่าเทพเหล่านั้นส่วนใหญ่มาจากสวรรค์ชั้นยามาทั้งสิ้น
ก็ปิดท้ายด้วยการกล่าวถึงจอมเทพเเห่งพิภพยามานี้ พระนามของท่านคือท้าวสุยามเทวราช(สุ-ยา-มะ) คนก็เพ้อเจ้อเห็นลงองค์ดิ้นกระเเด่วๆบอกว่าเป็นองค์เดียวกับท้าวสยามเทวราช มันฉลาด เเค่ชื่อท่านมันยังตัดสระอุทิ้งตั้งชื่อใหม่เรียกของมันใหม่ทำให้คนเข้าใจผิดไปใหม่ๆ หลายคนเมื่อพูดถึงท้าวสยามเทวราชมักจะเข้าใจไปเเล้วว่า เป็นจอมเทพเเห่งยามา ซึ่งมันไม่ใช่ คนละเรื่องคนละองค์ไกลกันมาก เทียบกันไม่ติด
เเม้เเต่นางสิริมา ซึ่งเป็นน้องสาวของบรมครูจอมเเพทย์ชีวกโกมารภัฏ นางนั้นได้ชื่อว่าหมดเคราะห์กรรมจึงเสียชีวิตลงเเต่วัยสาว ได้รับการเทศนาจากพระพุทธเจ้าเป็นพระโสดาบันและยังมีความชำนาญทางฌานสมาบัติเป็นพิเศษถึงขนาดพระพุทธองค์ยกย่องให้เป็นยอดของสาวกในฝ่ายอุบาสิกาผู้ใด้ฌานสมาบัติ เมื่อตายไปก็มาเกิดเป็นมเหสีพระองค์หนึ่งของท้าวสุยามเทวราชเช่นกัน
หลายคนจะคิดว่า ท้าวสุยามเทวราชเเละเหล่าจอมเทพเเห่งยามานั้นไม่โปรดโลกมนุษย์ ไม่ใคร่จะบูชาหรือรู้จักท่านกัน เพราะท่านไม่มีหน้าที่ในโลกมนุษย์ พ่ออาจารย์ท่านกลับเเย้งมาเลยว่า เข้าใจผิดกันทั้งนั้น จริงอยู่ท้าวสุยามเทวราชไม่มีภารกิจใดๆให้ต้องยุ่งกับโลกมนุษย์ แต่ก็มีเหตุผลในตัวมันเองที่ว่าพระองค์มีความผูกพันธ์มากกับพระพุทธศาสนา มีความผูกพันธ์ลึกซึ้งกับพระพุทธเจ้า เหมือนศิษย์เคารพครูเช่นนั้น เช่นนี้เเล้วภารกิจปกป้องดูแลเหล่าพุทธบริษัทต่างๆคอยปกป้องดูแลผู้กำลังประพฤติปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งก็ยังเป็นภารกิจของพระองค์เช่นกัน
ทำไมถึงกล่าวว่าพระองค์มีความผูกพันธ์กับพระพุทธเจ้า ก็เพราะจอมเทพที่ชื่อท้าวสุยามเทวราชนี่แหละ ที่คอยถวายอุปัฏฐากให้กับพระพุทธองค์อย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ ในทุกกาลทุกวาระที่พระองค์จะสามารถกระทำได้ทั้งตอนเสด็จสวรรค์หรืออยู่ในโลกมนุษย์ แม้กระทั่งตอนพระเจ้าเปิดโลกพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ ท้าวสุยามเทวราชก็ยังโดยเสด็จด้วย โดยถือพัดวาลวิชนีคอยตามโบกพัดให้พระบรมศาสดา
หากพูดถึงพระอินทร์เเล้วหลายคนมักจะรู้จักพระอินทร์มากกว่า ทั้งที่ท้าวสุยามเทวราชนั้นก็มีตำเเหน่งอยู่ในระดับจอมภพเช่นเดียวกับพระอินทร์เช่นกัน หากแต่คนไม่ค่อยรู้จัก เหตุผลเดียวก็เพราะเค้าคิดว่าท่านไม่ได้มายุ่งเรื่องของโลกมนุษย์นั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านก็ให้ทำความเข้าใจกันไว้เสียใหม่ หากเป็นคนของพระพุทธศาสนา เป็นผู้อยู่ในศีลในธรรมฝึกฝนปฏิบัติตัวเอง มีอะไรก็ขอความช่วยเหลือจากท่านได้เลย เพราะเป็นหน้าที่ของสวรรค์เป็นหน้าที่ของพระองค์ท่านที่จะตอบรับการช่วยเหลือ หาไม่เเล้วก็เท่ากับว่าเทวราชสุยามละเลยหน้าที่
นี่เพราะเช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านก็คงจะมีประสงค์อยากจะบอกกับทุกๆคนให้รู้จักท้าวสุยามเทวราชมากขึ้นกระมัง หรือจะเป็นเหตุผลอยากเผยเเพร่บารมีของพระองค์ท่านก็ไม่ทราบได้
เรื่องเหล่านี้มีอีกมากมายถ้าไม่เบื่อเดี๋ยวเราจะนำมาพูดกันต่อ วันนี้ก็ให้ความรู้เป็นน้ำจิ้มไปก่อนเดี๋ยวจะมาลงเกล็ดความรู้ของวันนี้ต่อไป -
ความรัก
จากที่ดูกระทู้อยู่ตรงนี้ เราเจอคนหลายประเภทเจอปัญหาหลากหลายไม่เว้นเเต่ละวัน ที่มาถามโทรมาปรึกษา
เเต่เห็นอยู่เรื่องหนึ่งที่เจอบ่อยที่สุดจนเราเองรู้สึกว่าชินกับมัน ก็คือเรื่องความรัก ทั้งท่านชาย ท่านหญิง ตุ๊ด กระเทย ทอม ดี้
เราเองก็ให้คำปรึกษาเท่าที่เราจะพูดได้ แต่ก็รู้สึกไม่ชอบคนอยู่ประเภทหนึ่งที่โทรมาถามเอาอาจารย์หลายๆสำนักวัตถุมงคลวัดต่างๆหลายๆที่จดมาเกือบ30รายการ นั่งถามผมทีละรายการว่าอาจารย์นั้นหลวงพ่อนี้ดีมั๊ยของจริงมั๊ย อันนี้ควรเช่ามั๊ยใช้ได้มั๊ย บังคับเราตอบ เราก็บอกว่าเราตอบไม่ได้เพราะมันเหมือนดาบสองคม ถ้าจะทำจะถามกันถึงขนาดนี้ เพราะว่า เค้าอาจจะมาหลอกคุยกับเราเเล้วไปพูดกับคนอื่นก็ได้ว่าเราว่าของที่นั่นที่นี่ไม่ดี โทรหาผมพูดเหมือนคนโรคจิตพูดซ้ำไปซ้ำมาเรื่องเดิมเกือบสองชั่วโมงบ้าง เกือบชั่วโมงบ้าง เราก็พยายามมีมารยาทจะวางเเต่ก็ไม่กล้าวาง คุยนานๆมันก็รำคาญเเละปวดหูเพราะอยู่ดีๆเป็นใครไม่รู้โทรมา เเล้วก็จะโทรมาเเบบจิกๆๆๆๆๆอยู่เช่นนั้นพอเราไม่รับ เค้าก็เอาเบอร์ใหม่โทรมา พอเรารับเชื่อมั๊ยว่ามันพูดเรื่องเดิมกับคราวที่เเล้วเลย พูดซ้ำๆอยู่3-4รอบพูดวนๆเวียนๆอยู่นั่นตอบเเล้วถามใหม่จนเราต้องเเสดงอารมณ์ไม่พอใจ คือมันกะว่าสเรามีความรู้อะไรที่มันจดมันลิสต์ไว้มันจะสูบให้หมดเสียแบบนั้นให้วิจารณ์วัตถุมงคลวัดนั้นวัดนี้ นี่ก็คงพอรู้ตัวเเล้วในระดับหนึ่งถึงได้เงียบหายไปเลย ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกมากโข เพราะเจ้านี่ทำเอาบางวันเราก็หงุดหงิดไปเลยก็มี
ก็มาต่อกันที่เรื่องนี้แหละ คือเค้าโทรมาเพื่อถามความรักของเพศที่สาม ทีเเรกหลอกคุยกับเรา ก็นึกว่าชายหญิงคุยกันไปชั่วโมงครึ่งผมถึงรู้ว่าเป็นชายรักชาย โหนี่เเทบจะเขวี้ยงโทรสับทิ้งเลย คิดเเค่มันเอาอะไรมาปรึกษาเราวะ
ก็เเอบขอระบายนิดนึง มาเข้าเรื่องกันต่อ เพราะเรื่องความรักนี้มันมีหลายระดับที่มาคุยกับผม แอบรักเพื่อน แอบชอบเจ้านาย สามีภรรยาเตียงหัก สามีนอกใจ เเล้วก็สารพันปัญหาเเม้เเต่เรื่องบนเตียง จนวันนี้เราเองหันมาดูตัวเอง เออเรากลายเป็นที่ปรึกษาเรื่องพวกนี้ไปตั้งเเต่ตอนไหน แต่ก็ยังดีที่คำเเนะนำเรามันพอช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย อย่างมากก็พยายามจะตอบเป็นเคสๆไปและพูดให้คนฟังสบายใจ เพราะคนเราจิตใจขุ่นมัวไปทำอะไรมันก็ดูไม่ดี
ก็ผ่านมาหลายเคสมีทั้งสมหวังผิดหวังมาเล่าให้เราฟัง ต้องบอกกันไว้ตรงนี้ ว่าความรักมันเป็นเรื่องของความรู้สึกนะ มันมีหลายกรณีเเละก็เป็นไปได้หลายๆอย่างเลยเเหละ ที่กล่าวเช่นนี้เพราะส่วนใหญ่ผิดหวังจากความรัก ก็จะโทรมาหาหนูกรณ์ให้หนูกรณ์คนนี้ช่วย ซึ่งส่วนมากจะคุยให้เค้าหายทุกข์มากกว่าไปเเนะนำวัตถุมงคลทำเสน่ห์ เรื่องของเสน่ห์นี้จะเป็นเรื่องหลังที่เราคุยเพราะว่าจำเป็นต้องพูดให้เค้าไม่เครียดยกระดับจิตใจเค้าขึ้นมาก่อน
หลายๆกรณีมันคล้ายๆกันคือเลิกกันเเต่ฝ่ายนึงยังรักอยู่ทำอย่างไรจะให้ดีกัน ตัวนี้เราต้องพูดว่า คนเราน่ะมันอยู่กันได้ก็เพราะรัก แต่ในจุดๆหนึ่ง มีเหตุการณ์อะไรมากระทบกระเทือนให้หมดรักความรักนั้นก็จะหมดไปแล้ว ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานเป็นเครื่องประคับประคองความรู้สึก เรียกว่าหมดใจไปเเล้ว บุญที่ทำร่วมกันมาสิ้นสุดเพียงเเค่นี้ แบบนี้ก้ไม่ควรฝืนหรือดึงดันจะรั้งให้อยู่ให้รักกันต่อไป
มันละเอียดอ่อนจริงๆนะเพราะรู้ว่าเเนะนำอะไรใครไปเค้าก็เอาไปทำตามนั้นกันหมด บางทีก็กลัวพูดพล่อยๆหรือพูดอะไรเล่นๆไปตามนิสัยเรามันจะกลายเป็นเวรกรรมตกมาเเก่เราอีก
ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ยอมรับว่าถึงตอนนี้ก็ยังเรียบเรียงในสมองไม่ถูกเลย เพราะเจอมาเยอะเเต่ละเคสนี้ไม่ซ้ำกันเลย บางทีให้ลองเอาวัตถุมงคลของพ่ออาจารย์ไปใช้สำเร็จได้ดีคืนดีกันบ้านไม่เเตกเตียงไม่เเยกก็มี บางรายเอาไปรักก็ร้าวเหมือนเดิม เเต่กลับมีเรื่องดีๆอื่นๆเค้ามาทดแทนในเรื่องที่ขาดหายไป พูดยากมาก น้ำท่วมปากเลยเเหละ เพราะปากเรามันเล็ก จะให้เเบกรับบ่วงกรรมของคนนั้นคนนี้ก็ไม่ไหว คือชีวิตเนี่ย มันไม่ได้มีพรหมลิขิตอะไร เราเชื่อในกรรมลิขิตมากกว่า จุดนี้ขอยกองค์เทพออกไปไว้ทีหลังก่อน
คือผมเชื่อว่าคนเราเนี่ยมันทำอะไรไว้มันถึงทำให้มาเจอกันได้รู้จักกัน เมื่อสิ่งที่ทำไว้มันไม่มากพอ มันหมด มันสิ้นสุด เราก็ต้องเเยกกัน เดินไปให้ได้ตามทางของเรา ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนไว้ว่าเวลามีความรักนั้น อย่าไปเทใจให้ใครเขาหมด ให้เหลือไว้บ้าง เราก็ถามว่าเวลารักมันควรจะทุ่มเทรึไม่ มันต้องให้เค้าไปเต็ม100สิ ท่านก็บอกว่าไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะถึงวันนึง วันที่บุญสัมพันธ์ที่ได้สร้างรวมกันหมดไป วันที่เจอกระเเสกรรมอื่นใดถาโถมเข้ามาเราจะได้ไม่หมดใจ ยังเหลือความรู้สึกอีกส่วนหนึ่งที่เราจะมาทดเเทนมาปลอบใจตนเองได้
ที่จริงก็มีอะไรคุยหรือบ่นเยอะกว่านี้ ถือว่าวันนี้ก็บ่นๆให้ฟังกัน ก็ยินดีรับฟังปัญหาถ้าใครจะมาปรึกษาอะไร เเต่ขออย่างนึงว่า สาธุเลย โรคจิตอย่าโทรหาผม คือเราก็มีมารยาทกับคู่สนทนาพอตัวนะเกรงใจอยู่มากรู้ว่าเค้าทุกข์มาเค้ามีเรื่องถึงโทรมาหาเรา อย่างน้อยก็คงอยากได้เพื่อนเพิ่ม ก็จะพยายามรักษามิตรภาพตรงนี้ไว้ให้มากที่สุด วันนี้คือพิมพ์ไปบ่นไปไม่ได้มีสาระอะไร เเต่ว่าก็อยากจะฝากเอาไว้เพราะความรักบางทีปัญหาตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทำคนหมดตัว หมดอาลัยไม่มีเเรงทำงาน ประชดชีวิตต่างๆสารพัดก็มีมาเเล้ว ใครเจอปัญหาเช่นนี้ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีไวๆนะครับ -
ผมมีประสบการณ์เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับขุนแผนมาเล่าให้ฟังครับ
พอดีได้ขุนแผนมาแล้วเปิดดู เห็นว่าพระเบลอไม่คมเหมือนในรูป (เพราะการจัดส่งของไปรษณีย์) เลยว่าจะถ่ายรูปให้คุณกรดู ว่าพระเบลอจริงไหม พอกล้องจับภาพได้กลับไม่เซฟ ค้างอยู่อย่างงั้น กดอะไรไม่ได้เลย เราก็คิดว่าเครื่องค้างก็เลยถอดแบตออก เปิดใหม่ ไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่พอเปิดเครื่อง เปิดเท่าไรก็ไม่ติดคับ ค้างอยู่ยังงั้น ไม่เคยเป็นมาก่อน คราวนี้เลยลองขอจุนแผนท่านดูว่าจะขออนุญาตถ่ายรูป เครื่องถึงจะเปิดติด แล้วก็ถ่ายได้ งงมากเลย คิดว่าน่าจะเพราะความเฮี้ยนขององค์พระแน่ๆเลยครับ เพราะมือถือผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ก็เล่าสู่กันฟังนะคับ คุยกับคุณกรแล้วอกให้พิทพ์เลย ในกระทู้จะได้มีอะไรอ่านกัน =) -
-
ท้าวพกาพรหม
จำไม่ได้ว่าเคยเล่าถึงพรหมองค์นี้กันไปหรือยัง เรื่องของท้าวพกาพรหมนี้ เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของพระพุทธเจ้าโดยตรงเเละก็เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ด้วย ก็จะขอเล่าไว้ในที่นี้อีกคำรบหนึ่งเเล้วกันถ้ายังไม่ได้เล่าก็ถือว่าเล่าเสียเลย
มันเป็นเรื่องที่สมเด็จพระโคดมได้รับการเชื้อเชิญจากท้าวพกาพรหม เรียกได้ว่าการเชื้อเชิญแห่งพรหมก็ได้
ในสมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่บริเวณโคนไม้สาละเมืองอุกกัฏฐา ในขอบเขตเเห่งพุทธญาณอันไม่มีประมาณนั้น ได้ปรากฏพรหมองค์หนึ่งขึ้นมาในข่ายพระญาณของพระพุทธองค์ ด้วยมหากรุณาธิคุณอันไม่มีประมาณ พระพุทธองค์ทรงหยั่งรู้ว่ามหาพรหมองค์นี้กำลังจะเสื่อมไปซึ่งอานุภาพจากบุญที่เคยได้กระทำมาอันมหาศาล ซ้ำอุปนิสัยเเต่เดิมนั้นก็เป็นผู้มีน้ำใจดีงาม
เเต่เดิมนั้นท้าวพกาพรหมเป็นมหาพรหมผู้ใหญ่ เป็นระดับมหาเทพอยู่ในเวหัปผลาพรหม เมื่อหมดอายุในพิภพเวหัปผลาก็จุติเคลื่อนลงมาอยู่ในสุภกิณหกาพรหม พอหมดอายุอีกก็เลื่อนลงมาอาภัสสราพรหม เลื่อนลงมากายิกาพรหม
เช่นนี้ มันคือความตกต่ำจากดวงจิตเดิมที่ควรจะเลื่อนขึ้นเข้าสู่ปัญจสุทธาวาสมหาพรหม ซึ่งท้าวพกาพรหมนั้นด้วยได้ประพฤติบุญมาใหญ่หลวงถึงวิมานเเต่ละชาติจะตกต่ำลงเเต่ก็ยังคงดำรงค์อยู่ในระดับมหาพรหมเช่นเดิม จุติเเละอุบัติกลับไปกลับมาอยู่ในสถานรูปภพในพรหมโลกหลายภพหลายชาติ
เมื่อมาถึงจุดนี้น้ำใจที่เคยใสสะอาดจิตใจที่เคยดีงามก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นผู้มีใจกระด้าง มีทิฏฐิมานะยึดมั่นถือมั่น ด้วยมีความเห็นเฉพาะของท้าวพกาพรหมเองว่าตนเองนั้นคือผู้สร้าง ความเป็นพรหมเท่านั้นคือความเที่ยงเเท้ โดยท้าวมหาพรหมพระองค์นี้ ไม่เคยรู้พระองค์เลยว่า กำลังเเห่งการจุติเเละอุบัติของพระองค์เองนั้นกำลังอ่อนตัวลงเเละได้เริ่มเสื่อมลงมากขึ้น มากขึ้นทุกขณะ
ด้วยเป็นพุทธกิจหรือจะเป็นมหากรุณาเเห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทราบได้ ทรงมีความเอ็นดูในอุปนิสัยดั้งเดิมของท้าวพกาพรหม พระพุทธโคดมจึงหายพระองค์ไปจากโคนไม้สาละ ปรากฏขึ้นในพรหมโลกทันที
จะกล่าวถึงท้าวพกาพรหม มหาพรหมองค์นี้มีพรหมบริวารมากมายเป็นเหล่าพรหมในปาริสัชชาภูมินั่นเอง เมื่อท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จพุทธลีลาขึ้นมาสู่พรหมโลก ก็มีความยินดี ออกมาเชื้อเชิญให้พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าประทับในวิมานของตน หลังจากนั้นจึงเริ่มเเสดงทิฏฐิของตนให้พระพุทธเจ้ารับทราบ ซึ่งพระองค์ก็ทรงทราบเเต่เดิมอยู่เเล้วถึงได้ขึ้นมา
พระพุทธเจ้านั้นได้เตือนสติท้าวพกาพรหม เเต่เนื่องจากเหล่าพรหมปาริสัชชาทั้งหมดได้ถูกท้าวปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ใช้อานุภาพเเห่งจอมเทพฝ่ายมารครอบงำไปแล้ว จึงกำเริบเสิบสานกับพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวว่าขอให้พระองค์จงนิ่งไว้ พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่จะมาสั่งสอนพวกตน แต่ท้าวพกาพรหมผู้เป็นใหญ่ต่างหากที่ควรจจะสอนพระองค์ (นี่คืออานุภาพเเห่งจอมฟ้าพญามารที่ทำให้เหล่าพรหมปาริสัชชากำเริบกับพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ขนาดนี้)
ด้วยจอมฟ้าพญามารท้าวปรนิมนั้น ได้ใช้อานุภาพครอบงำพรหมปาริสัชชา ให้พรหมปาริสัชชาทั้งหมดใช้หลักธรรมของตัวเองหักล้างคำเทศนาของพระพุทธเจ้า ปิดโอกาสไว้ไม่ให้พระพุทธเจ้าของเราได้มีโอกาสเตือนสติท้าวพกาพรหม
แต่กระนั้นธรรมของเหล่าปาริสัชชาพรหม ก็สู้เหตุผลความรอบรู้ที่ประณีตลึกซึ้งต่างกันราวฟ้ากับก้นเหวของพระพุทธเจ้าไม่ได้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสถึงกำเนิดของท้าวพกาพรหมให้ฟัง
ว่าแต่อดีตนั้น ท้าวพกาพรหมเป็นมนุษย์ผู้สูงส่งด้วยคุณธรรม ได้ถือเพศเป็นนักบวชชื่อเกสวะ มีอิทธิฤทธิ์มากมาเเต่เดิม
ซึ่งการที่พระพุทธองค์ทรงพูดถึงอดีต ทำให้ท้าวพกาพรหมฉุกคิดขึ้นมาได้ เเละก็เริ่มเกิดความอึดอัด ไม่มั่นใจในความเป็นอมตะของตนเองอีกต่อไป แต่ก็ยังเฉลียวใจอยู่ ก็เลยขอท้าประลองอิทธิฤทธิ์กับพระพุทธเจ้าเสียเลย ที่ท้าวพกาพรหมทำเช่นนี้ก็เพราะคิดว่า เมื่อพระพุทธเจ้ากล้าที่จะเเสดงธรรมอันได้ชื่อว่าสูงส่ง ก็มาเเสดงฤทธิ์อันเป็นพื้นฐานแห่งการเห็นธรรมนั้นให้เห็นกันไปเลยดีกว่า
ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ทรงรับคำด้วยการนิ่งเฉยแสดงอาการดุษณียภาพ ท้าวพกาพรหมจึงหายตัวไปจากพรหมโลก เเต่ถึงเเม้จะใช้อานุภาพเเห่งพรหมไปซ่อนเร้นที่ไหนมากมาย เเม้เเต่ในมิติอื่นๆ พระพุทธเจ้าก็ยังทรงบอกต่ำแหน่งด้วยพระสุรเสียงที่ก้องกังวาลไปทั้งพรหมโลกได้ถูกหมดทั้งสิ้น
ถึงตอนนี้เหล่าพรหมปาริสัชชาที่โดนอานุภาพพญามารครอบงำ ก็เริ่มเเปลกใจ รู้สึกมหัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ได้เห็นมนุษย์มีปาฏิหาริย์เหนือกว่าพรหมชั้นผู้ใหญ่
แม้ท้าวพกาพรหมเองก็เริ่มยอมรับพระพุทธเจ้าเเล้ว เเต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมหมดใจ ได้ขอให้พระพุทธเจ้าเล่นซ่อนหากับพระองค์บ้าง
พระพุทธเจ้าจึงหายวับไป การหายไปของพระพุทธเจ้านั้น คือหายไปจากประสาทสัมผัสการรู้เห็นทั้งปวงของเหล่าพรหม นี่พระองค์หายไปด้วยวิธีนี้ แต่ยังคงเหลือเเต่เพียงเสียงเทศนาแสดงธรรมคลายทิฏฐิมานะแห่งอัตภาพความเป็นพรหมก้องกังวาลไปทั้งพรหมโลก
อานุภาพอันยิ่งใหญ่เเห่งท้าวพกาพรหมนั้นก็ยังไม่สามารถตามหาพระพุทธเจ้าได้ และเมื่อพระพุทธเจ้าใช้วิธีนี้ พญาปรนิมพญามารก็รู้ตัวว่าหมดโอกาส เกมส์นี้ตนเเพ้เเล้วจึงอันตรธานหายไปจากพรหมโลก
พระพุทธเจ้าจึงทรงปรากฏพระองค์ให้พรหมทั้งหลายได้เห็น ว่าเเท้จริงนั้นพระองค์ได้ทรงเดินจงกรมเเละกล่าวธรรมเทศนาอยู่บนพระเศียรเเห่งท้าวพกาพรหมนั่นเอง(นี่จึงเป็นที่มาของการสร้างพระพิมพ์พระเหนือพรหมโดยจะมีพระพุทธเจ้ายืนอยู่บนศรีษะท้าวพกาพรหม)
ท้าวพกาพรหมนั้นเมื่อได้สดับอดีตชาติที่พระพุทธเจ้าทรงอธิบายอย่างละเอียดก็ลดทิฏฐิลงมาก ยิ่งประจักษ์ฤทธิ์อันเป็นอานุภาพเเห่งการบรรลุพระอนุตรธรรมสัมมาสัมโพธิญาณ ก็เข้าใจได้ถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เกิดดวงตาเห็นธรรมบรรลุโสดาปัตติผลเป็นพระอริยบุคคล หลังจากวันเวลานั้นก็มีความเจริญเเละพัฒนาจิตขึ้นโดยลำดับ
จุดสำคัญที่เป็นพุทธประสบการณ์นี้ ไม่ได้อยู่ตรงที่พระพุทธเจ้าหายวับไปในพรหมโลก หากแต่มันสำคัญอยู่ตรงที่ว่า แม้เเต่พรหมซึ่งอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า ก็ยังตกอยู่ใต้อำนาจเเห่งพญามารซึ่งอยู่ในภูมิที่ต่ำกว่า สาเหตุนั้นเพราะเหล่าพรหมยังมีสิ่งที่เรียกว่าอภิสังขารเเละยังมีกิเลสที่ละเอียดอ่อน คือภวตัณหา ยึดติดอยู่กับภพภูมิที่ตนอุบัติ อภิสังขารที่เข้าใจว่าตนเป็นอมตะเเละกิเลสที่ยึดติดภพภูมินี้ถูกนับเนื่องอยู่ในกลุ่มมาร มาราธิราชหรือจอมฟ้าพญามารจึงสามารถใช้ความสามารถของพระองค์ถ่วงดึงพรหมทั้งหลายให้ตกต่ำมาอยู่ภายใต้การครอบงำของพระองค์เเละต่อไปพรหมเหล่านั้นก็จะตกต่ำมาถึงกามภพ
แต่ความไม่ตกต่ำอีกเเล้ว เพราะเป็นพระอริยบุคคลมีแต่พัฒนาการทางจิตที่จะสูงยิ่งขึ้นไปของท้าวพกาพรหม ถือเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่อีกบทหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่มีต่อพญามาราธิราช
พระพุทธองค์นั้นนอกจากทรงชนะท้าวพกาพรหมแล้วก็ยังบรรลุชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เพราะสิ่งที่พระองค์ชนะก็คืออานุภาพเเห่งมารของท้าวปรนิมที่ครอบงำเหล่าพรหมปาริสัชชาทั้งหมดให้ต่อต้านพระองค์ ความเป็นจริงของบทพาหุงที่ว่าด้วยชัยชนะของพระพุทธองค์ต่อท้าวพกาพรหมอยู่ที่ตรงนี้ -
มหาสาธุกาล ......
-
เรื่องในไลน์
ก็เมื่อคืนมีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ได้พิมพ์ไลน์มาหา พี่ผู้หญิงท่านนี้เล่าให้เราฟังว่า เค้าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขูดๆในบ้านก็ไม่รู้
ผมเองก็ไม่รู้จะออกความคิดเห็นอย่างไร ไม่เข้าใจที่พิมพ์มาด้วยส่วนหนึ่ง
จนพี่เค้าถามว่าได้จองสมิงพระกาฬไว้จะเกี่ยวกันหรือเปล่าคะ เราก็ว่าอยู่ว่าไม่มั้ง อยู่ดีๆไม่ใช่ฝันด้วยนะ ไม่ใช่นิมิตรเสียด้วยเเต่พญาเสือสมิงจะไปเอากรงเล็บขูดๆข่วนๆกับบริเวณบ้านให้คุณเจ้าของได้ยินทำไม
ก็นึกในใจอยู่ว่าแปลก เออคือมันกี่คนกันเเล้วเนี่ยที่จองหรือยกเลิกการจองไปเเต่กลับมาจองใหม่เพราะสมิงพระกาฬไปเข้าฝันไปกระทำอะไรให้ได้รู้ได้เห็นกัน
เราก้ยังไม่ปักใจทีเดียวว่าเป็นเพราะสมิงพระกาฬหรือไม่ จนคุณพี่เล่าออกมาว่า เค้าได้อ่านเรื่องสมิงพระกาฬที่ผมพิมพ์ไว้ ว่าเค้าจะมาเเสดงให้รับรู้แล้วพี่เค้าก็คิดว่าทำไมของเรายังไม่มาเเสดงให้เห็นเลย แล้วก็เจอกับเรื่องแบบนี้
ก็ตาสว่างนะว่าเพราะอะไรถึงเจอ เเต่ก็ติดใจเเปลกๆอยู่ว่าพญาสมิงอาคมของพ่ออาจารย์นั้นเฮี้ยนดีพิลึก เเม้เเต่คนที่อยู่ไกลยังไม่ทันเช่าเเค่จองไว้ก็ยังได้รู้ได้เห็น สมกับที่ท่านว่าเขามีเจ้าของทุกตัว เขาเลือกนายของเขาไว้เเล้ว มีเฉพาะนายที่ถูกเลือกเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์รับไป ถึงเวลาก็คอยดูเถอะเฮี้ยนกว่าพวกกุมารอะไรนั่นหลายเท่านัก
ก็เป็นเรื่องเเปลกๆเมื่อคีนที่สนทนาไว้ นำมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ -
ความรู้วันละนิด(สนังกุมารมหาพรหม)
สำหรับความรู้วันละนิด วันนี้ก็จะขอกล่าวถึงท้าวมหาพรหมองค์หนึ่งให้รู้จักกัน
หลายท่านได้ฟังชื่อเเล้วอาจจะไม่คุ้นหู เเละอาจเกิดอคติกับท้าวมหาพรหมพระองค์นี้ ว่าเพราะเหตุใด เป็นถึงมหาพรหมผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับมีคำว่ากุมารซึ่งเเปลว่าเด็กผสมอยู่ในชื่อของท่าน
เราคงได้เรียนรู้กันไปแล้ว ว่าในพรหมโลกนั้น ปัญจสุทธาวาสมหาพรหมนับว่ามีความสำคัญมาก เป็นดินเเดนของเหล่าพรหมอนาคามี มหาพรหมทั้งหลายจะรวมตัวกันอยู่ที่นี้
เข้าใจไม่ผิดเลย ท้าวสนังกุมารพรหมก็เช่นกัน ทรงมีภูมิธรรมยิ่งใหญ่ระดับพระอานาคามีและดำรงค์ตำเเหน่งสำคัญมากในพรหมโลกเเละเทวโลก
หลายครั้ง ชื่อหรือนามของพระองค์ ท้าวสนังกุมารพรหม มักจะไม่เป็นที่นิยมเรียก หากเเต่จะเรียกพระองค์สั้นๆว่ามหาพรหมกุมาร หรือพรหมกุมารก็ได้เช่่นกัน หากกล่าวคำว่าพรหมกุมารเเล้ว ก็เป็นที่เข้าใจกันว่ากำลังพูดกันถึงท้าวสนังกุมารพรหม
มหาพรหมพระองค์นี้มีจจิตดีงามนัก ไม่ใคร่ถือตัว มักเสด็จโปรดมนุษ์เเละเหล่าพรหมชั้นต่ำกว่าตลอดจนเทวดาในกามภพอยู่ประจำเสมอๆ
ก่อนที่จะไปดูเรื่องอื่น ก็ต้องขอเล่าขัดไว้ซักนิดหนึ่งว่า ท้าวสนังกุมารนั้น มีกำเนิดในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรานั่นเอง พ่ออาจารย์กล่าว่าท่านทรงเป็นพระอริยะบุคคลระดับอนาคามีที่มีวัยเเละชันษาเด็กมากที่สุด คือถึงกาลกิริยาเข้าสู่พรหมโลกตั้งเเต่วัย 7 ขวบ
ทำไมต้องกล่าวถึงพรหมกุมาร ต้องเป็นท้าวสนังกุมารมหาพรหม พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ท้าวสนังกุมารนั้น ท่านอยู่ในอกนิฏฐมหาพรหม ถึงเป็นมหาพรหมที่กำเนิดขึ้นใหม่ เเต่ก็ต้องยอมรับว่าท่านมีบารมีสูงมาก สูงจนอยู่ในระดับเดียวกันกับท้าวสหัมบดีพรหมหรือท้าวฆฏิการพรหมเลยทีเดียว
ทั่วทั้งพรหมโลกเเละเทวโลกนั้นให้ความสำคัญกับมหาพรหมองค์นี้มาก จะกล่าวว่าเป็นที่เคารพเเละสรรเสริญไปทั่วก็ไม่ผิด พ่ออาจารย์ท่านกล่าวติดตลกว่า ท่านเป็นคนดังประจำเทวสภา(อารมณ์คงเหมือนคนบ้านเราเจอพี่เจมส์พี่ณเดช55+)
ด้วยท้าวสนังกุมารพรหมนั้น มักจะได้รับเชิญจากพระอินทร์ให้เสด็จสู่เทวสภาเป็นประจำ เพื่อให้ท้าวสนังกุมารนั้นเป็นองค์เเสดงธรรมเทศนาปาฐกถาธรรม เพื่อโปรดพระองค์เองรวมไปถึงเหล่าเทพพรหมต่างๆ
ลักษณะของพระองค์นั้นพ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่างามนัก ให้ดูพระปัญจสิงขรคนธรรพ์เทวบุตรไว้ เพราะว่าเวลาท้าวสนังกุมารมหาพรหมเสด็จลงจากอกนิฏฐพรหมโลกนั้น พระองค์จะทรงโปรดเนรมิตรรูปกายของพระองค์เองให้เหมือนกับพระปัญจสิงขรคนธรรพ์เทวบุตร(ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย พระปัญจสิงขรน์นี่ต้องงามมากเเน่ๆ)
ที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้น ก็เพราะมีเหตุผลด้วยว่าพระปัญจสิงขรคนธรรพ์เทวบุตรนี้ เป็นผู้มีรูปงาม มีอัธยาศัยดี เป็นที่ถูกเนื้อถูกใจของเหล่าเทวดาทั้งหลาย เมื่อพระองค์เสด็จลงเทวสภาที่ดาวดึงส์อันเรียกว่าสุธรรมาเทวสภาเเล้ว ก็จะเนรมิตรวรกายเช่นนั้นก่อนขึ้นนั่งธรรมมาสน์ประทานโอวาทเเละธรรมเทศนา
พ่ออาจารย์กล่าวว่า ท้าวสนังกุมารมหาพรหมพระองค์นี้ กล่าวได้ง่ายๆว่าทรงเป็นครูของพรหมเเละเหล่าเทวดาทั้งหลาย ถึงจะอ่อนด้วยชนมายุเพราะเพิ่งถือกำเนิดในสมัยพระบรมศาสดาองค์ปัจจุบัน แต่ก็ต้องกล่าวว่าบารมีนั้นมันคนละเรื่อง คนบรรลุพระอนาคามีเหมือนกันอยู่ในสวรรค์ชั้นเดียวกันก็ใช่เรื่องว่าจะมีบารมีเท่ากันเสมอไปขึ้นอยู่กับจิตเเละการฝึกฝนตลอดจนสำเร็จญานเช่นใด
ซึ่งทั้งนี้ท้าวสนังกุมารพรหม ทรงมีบารมีมากเทียบเท่ากับมหาพรหมผู้ใหญ่อย่างท้าวสหัมบดี ท้าวฆฏิการะ หมู่เทพพรหมทั้งหลายจึงได้ยกย่องสรรเสริญนัก
เมื่อเป็นครูผู้มีฐานะพิเศษ พระองค์จึงมีอภิสิทธิ์ที่จะขึ้นลงได้ทุกชั้นฟ้าเข้าถึงได้ทุกภพภูมิ
อุปนิสัยอันเป็นเอกเทศน์ไม่มีใครเหมือนของท้าวสนังกุมารมหาพรหมนั้น นอกจากฤทธิ์เเละบารมีที่สูงยิ่งเเล้ว ก็ดังที่กล่าวไป คือ พระองค์ทรงกอปรด้วยมหากรุณาธิคุณ มีความต้องการเเละตั้งใจจริงในการประทานพระสัทธรรมเทศนาโปรดสอนหมู่สัตว์ผู้มืดบอด ไขข้อข้องใจในสิ่งติดขัดทั้งหลายไม่เลือกชนชั้นวรรณณะ
พ่ออาจารย์กล่าวว่า ถ้าจะหามหาพรหมที่มีบารมีสูงสุดในปัญจสุทธาวาส คืออยู่ในระดับเดียวกับองค์ท้าวสหัมบดีท้าวฆฏิการะเหล่านี้เเล้ว องค์ท้าวสนังกุมารนั้นเป็นที่พึ่งของทุกคนได้อย่างเเน่นอน เพราะนอกจากหน้าที่ ที่พระอินทร์เชื้อเชิญมาเป็นองค์ปาฏกถาแสดงธรรมเปิดเทวสภาทุกรอบเเล้ว นอกจากหน้าที่ซึ่งทำให้ขึ้นๆลงๆติดต่อกับกามภพเป็นประจำ อุปนิสัยของพระองค์เองนั้นยังเจือไปด้วยมหากรุณาตลอดจนความน่ารักน่าเอ็นดูที่ท่านมีให้ต่อสรรพชีวิตอีกด้วย
วันนี้ก็กล่าวเเต่เพียงคร่าวๆไว้พอประมาณก่อน ถ้าหากอยากติดตามเรื่องของท้าวสนังกุมารมหาพรหมก็จะมาพิมพ์ให้อีกที ขอดูว่ามีคนสนใจอ่านมากน้อยเเค่ไหน -
หัวใจหมี
วันนี้ก็จะมอบคาถาหัวใจให้ไว้อีกบทหนึ่ง เห็นว่ามีประโยชน์ดี ใครๆใช้ก็ได้ และที่สำคัญน่าจะใช้ง่ายกันทุกคน
วันนี้จะมอบพระคาถาหัวใจหมีให้ ซึ่งก็ภาวนาสั้นว่า
สาสินิระ
สั้นๆเพียงเท่านี้ เอาไว้ท่องกันจะเสกเครื่องรางที่ทำจากเขี้ยวหมีก็ได้ คาถานี้เหมาะกับคนเหนื่อยง่ายหรือทำงานอะไรวันไหนที่ต้องใช้แรงงานมากๆ ใช้พละกำลังมากๆ ให้ตั้งสมาธิภาวนาหัวใจหมีพ่ออาจารย์ท่านว่าดีนัก
หากจะใช้ให้ง่ายยิ่งขึ้น ท่านให้เอาโหลน้ำผึ้งมา(หมีมันชอบน้ำผึ้งมั๊งผมคิดเอง)แล้วก็ภาวนาหัวใจหมีนี่แหละเสกเป่าไป เอาไว้เสกน้ำผึ้งนั่นเเหละ
ทีนี้น้ำผึ้งนั้นก็ใช้ตักกินตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ตลอด กินเเล้วมีเเรงมีพละกำลังมาก จะได้ไม่ต้องภาวนากันหลายๆรอบ กรณีนี้ท่านว่าสะดวกนักเวลาจะใช้งาน
* กลเม็ดเคล็ดน้อยๆของวิชานี้ มิใช่เเต่เพียงคนที่อ่อนเเอหรือต้องทำงานใช้กำลังควรทานน้ำผึ้งที่เสกด้วยหัวใจหมีหรือภาวนาหัวใจหมี เเม้เเต่คนสูงอายุก็ควรภาวนาเช่นกัน พ่ออาจารย์บอกว่านี่ตรงงานเลยๆ คนชราสูงอายุให้เค้าหมั่นภาวนาหัวใจหมี จะทำให้เเข็งเเรงมีสุขภาพดีขึ้นมีอายุยืนยาว ใครลองเอาไปให้พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือคนที่เรารักภาวนาดูก็ได้นะครับ พลิกแพลงใช้ได้มากมายเป็นพระคาถาที่เหมาะกับผู้ต้องการความเเข็งเเรง มีกำลังวังชามาก -
หลายวันมาแล้วผมฝันแปลกๆ แต่ตัดสินใจอยู่นานถึงได้มาเล่าให้คุณกรฟังวันนี้ คุณกรเลยบอกว่าให้มาพิมหน้ากระทู้เลย คือฝันผมมีอยู่ว่า
ในฝันเห็นคนๆนึง รู้สึกจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่มีคนเรียกท่านรวมทั้งในฝันยังรู้สึกได้เองเลยว่าเป็นพ่ออาจารย์พล กำลังนั่งเสกเสือหล่อ สีเหมือนทองเหลืององค์เล็กๆ แล้วใช้ฝาแก้วครอบไว้ พร้อมบอกว่าห้ามเปิด เดี๋ยวเสือจะหนี ในฝันเราก็แอบเปิดตอนท่านเผลอ แล้วเสือก็หนีไปจริงๆ เราก็ซีดเลย ท่านว่าไม่เป็นไรท่านเรียกกลับมาใหม่ได้ แล้วเสือก็กลับมาใหม่จริงๆ ก็ตื่นขึ้นมาแบบงงๆลืมเรื่องนี้ไปสักพัก มานึกได้ตอนอาบน้ำ แล้วก็เก็บไว้มาหลลายวันเพราะคิดว่าคิดไปเอง เพราะเสือที่จอิงไว้ก็เนื้อผง ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เลยเก็บไว้ จู่ๆวันนี้ก็อยากเล่า เห็นเขาเล่าเรื่องเสือกัน เราเลยเล่าให้คุณกรฟังมั่ง กลายเป็นว่า คุณกรบอกว่า พ่ออาจารย์หล่อเสือองค์เล็กๆเอาไว้จริงๆ แต่ไม่ได้ออกให้บูชา เหมือนจะรอปีหน้าประมาณนี้
ก็เลยตกใจ แต่ก็รู้สึกดีว่าคงไม่ได้ฝันแบบคิดไปเองแล้วละ (ถึงจะไม่ได้ฝันถึงเสือเนื้อผงที่จองไว้แบบคนอื่นเขาก็เถอะ) ตอนนี้รู้สึกคิดไม่ผิดเลยคับที่เล่าให้คุณกรฟัง =) -
-
หายปวดหัวยังครับคุณกร?
ขอให้หายปวดและแข็งแรงเร็วๆครับ -
-
ประสบการณ์
ใครเคยกินเต้าฮวยบ้างยกมือขึ้น555+
พอดีเมื่อซักครู่เดินไปซื้อเต้าฮวยมากิน ปกติเจ้านี้เค้าให้ตัวเต้าหู้อ่อนน้อยมาก เราก็ขี้เกียจพูดอะไร วันนี้เลยทำตาหวานให้เเม่ค้าคนสวย
ผลปรากฏว่าเค้าตักเต้าหู้อ่อนให้ผมเยอะมาก เเถมยังตักเฉพาะเต้าหู้อ่อนล่วนๆไม่มีน้ำขิงมาให้ผมอีก 1ถุงเต็มๆ เเถมให้ผมฟรีๆเลยเอาไปกิน
มาถึงห้องจับกระเป๋าเสื้อดูถึงรู้ ว่าเราพกท่านย่านาคไปด้วยปกติเเม่ค้าคนสวยจะขี้ตืดเล็กน้อย ผมกินไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะให้เต้าหู้ผมนิดเดียว
ไม่รู้ว่าเรียกประสบการณ์ไหม เเต่ผมถือเป็นประสบการณ์เล็กๆ ที่อิ่มท้องสบายพุงมื้อดึกก่อนนอน:cool: -
ผมขอย้ำถึงความแรงของท่านย่านาค ครับ มีพี่คนหนึ่งจับพลังพระได้เขาดูตอนแรกคิดว่าธรรมดา แต่ พอลองจับพลังดูเขาบอกโอ้โหหหหห.....เมตตามหานิยม แบบเกินคาดครับ
.:cool::cool::cool::boo: -
คาถาวันละนิด(ทำน้ำมนต์)
พระคาถา ปกติที่ใช้ทำน้ำมนต์ เพียงเเต่สวดห้องพระพุทธคุณ จะเจริญชินบัญชรพาหุงมหากา หรือสวดมนต์บทพุธมงคลต่างๆ ส่วนมากก็นิยมมาทำน้ำมนต์ได้ทั้งสิ้น
เเต่สำหรับฝ่ายไสยเวทย์อาถรรพ์พระเวทย์ ก็ยังมีเวทย์มนต์คาถาเฉพาะทางที่ใช้สืบต่อกันมาในการทำน้ำมนต์
พ่ออาจารย์ท่านจึงให้มาลงเป็นวิทยาทานไว้ พระคาถานี้เป็นพระคาถาทำน้ำมนต์เฉพาะทางบทหนึ่ง แน่นอนว่าใช้เฉพาะด้าน
น้ำมนต์ที่เสกโดยโองการพระคาถานี้ใช้ทางด้านถอดถอนโดยเฉพาะ ถอนได้ทัั้งคุณผีคุณคน คุณไสยต่างๆ ทั้งผีเข้าเจ้าสิง ไม่ว่าผีประเภทใด หรือคุณไสยเช่นใดก็ตามเเต่ ล้วนถอดถอนได้ทั้งสิ้น
ทั้งยังใช้ทำน้ำมนต์เเช่วัตถุที่มีที่ต้องอาถรพพ์ร้ายทั้งหลายก็ได้ ใครที่มีเครื่องมงคลอันคิดว่าจะมีภูติผีปีศาจสัมภเวสีที่คอยให้โทษเราสิงอยู่ก็ทำน้ำพระมนต์ด้วยบทโองการนี้ก็ถอดถอนได้ทั้งสิ้น
วิธีใช้ให้นำน้ำสะอาดมา นำดอกบัวบูชาคุณพระพุทธเจ้า แกะดอกบัวกลีบใบเกสรต่างๆโปรยไว้ในน้ำมนต์ หลังจากนั้นจึงจุดเทียนขี้ผึ้งแท้ หรือเทียนทำน้ำมนต์ขึ้น แล้วภาวนาคาถานี้ไปเสีย 7 จบ บริกรรมไปเช่นนั้น พอครบ 1 จบก็เป่าผ่านเทียนลงไปที่โอ่งน้ำมนต์ ทำเช่นนี้ไปจนครบ 7 จบ
น้ำมนต์นั้นจะนำไปดื่ม หรืออาบกินก็ได้ จะใช้ทางถอดถอนในอุปเท่ห์วิธีใดก็สุดแท้เเต่จะคิดได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าถอดถอนได้ทุกสิ่งลองคิดกันเอา บ้านไหนที่มีถรรพ์ไม่ดี จะทำไปรดไปพรมหน้าบ้านก็ได้เเก้อาถรรพ์ร้ายอันจิตวิญญาณหรือเดรัจฉานวิชากระทำมา พิจารณาตามเเต่จะใช้เถิด
นะถอด มหาถอด กูจะถอดทั้งเสี้ยนฟ้าผ่า กูจะถอดทั้งห่าฝูงผี กูจะถอดทั้งนางธรณีอยู่แผ่นดินใต้ กูจะถอดทั้งไม้เขาเสือ ผีตายกุ้ม ตัวมันใสเสี้ยน กูจะถอดทั้งหว้านก้านกำแลก้านลาย กูจะถอดทั้งพรายและผีพรม กูจะถอดทั้งผีแม่มดแลผีแม่สะเอิน กูจะถอดทั้งผีฟ้าเเลผีพระอินทร์ ผีแถนพร้อมทั้งผีเจ้าเข้าทรง กูจะถอดทั้งพระภูมิเจ้าที่ กูจะถอดทั้งคุณคนคุณผี กูจักถอดทั้งคุณไสยเเละเวทมนต์พระคาถาอาคมต่างๆ กูถอดแล้ว
กูจะอ่านพระคาถา นะตันตัน มหาตันตัน กูตันได้ทั้งผีตัวบินบนอากาศ ตัวมันคอกเหล็ก ผีเงือกและผีงู ผีภูและผีป่า ตัวมันเอาคนไปผูกไว้ ยักษ์ผูกตีน นามะคะ ทะเสตะอะยุพะนา มะชะติติปุนโรตัง สะหะเพิ้ก
พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้ารู้จักใช้เรียนจำท่องให้คล่องไว้ ก็นับว่ามีประโยชน์มาก เป็นวิชาความรู้ประดับหัวประดับตัว เมื่อเข้าที่ฉุกเฉินหรือครอบครัวเจอสถานการณ์ร้ายต้องอาถรรพ์ใดๆ ตัวเราเองก็เป็นที่พึ่งได้ สามารถถอดถอนได้ไม่ต้องไปวิ่งโร่หาใครให้เขาหลอก จะยิ่งทุกข์มากขึ้น เสียทรัพย์สินมากขึ้น -
คุณกร อยากรู้พระเครื่องทางด้านใด ภาวนาบทสวดพุทธมนต์ใด ครับ ขอความรู้ครับ ขอบคุณมาก
-
ลองตอบเเบบที่เข้าใจนะ บทอาราธนาปกติที่พุทธังอาราธนานัง คนเเขวนพระก็เคยท่องอยู่น่าจะทุกคน คือไม่เข้าใจว่าพระทางใดอาราธนาด้านใด มันตอบไม่ได้เลยอ่ะเหมือนพระทั้งโลกเราตอบไม่ถูก
ปกติพระเเต่ละองค์ ที่พ่ออาจารย์ออกให้บูชาก็จะมีคาถาวิธีใช้ให้เฉพาะ คือถ้าจะมาถามว่าพระทางเมตตา ทางโชคลาภ ทางคงกระพัน ทางเสน่ห์รวมไปทั้งหมดทุกสำนักเนี่ย ต้องภาวนาบทไหน อันนี้ผมไม่ใช่อาจารย์ผู้เสกเเละเเต่ละที่ก็มีวิธีสร้างเเตกต่างกันผมให้คำตอบไม่ได้จริงๆ
ส่วนใหญ่เราจะเก็บรายละเอียดให้เเล้ว เวลาพิมพ์ให้บูชาอะไร ก็จะมีคาถาบูชาให้ อันไหนที่ไม่จำเป็นต้องมีเราก็บอกว่าไม่มี ทั้งนี้ก็ขอบอกว่าน่าจะครอบคลุมเเล้ว
ส่วนในเรื่องของที่อื่น ขอออกตัวแบบคุณริว จิตสัมผัสว่า ผมจะไม่ยุ่ง เพราะถ้ายุ่งเรื่องมันจะเยอะน่าดู 555+
หน้า 57 ของ 457