ขอร่วมทำบุญบูชา เหรียญบาตรน้ำมนต์เจ้าขรัวเเสง (เนื้อเหล็กนิพพานวัชรธาตุ) 1 เหรียญ
ร่วมทำบุญบูชา มงคลครูบรมบิดาปฐมมนต์เนื้อยารักร้อยพันชาติภพ(กายเพชรพระเป็นเจ้า) พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 53 ของ 459
-
ขอจองเหนียญขรัวเจ้าแสง 1 องค์ครับ
-
ความรู้วันละนิด (ศีล)
เราจะมาต่อจากเมื่อวานกันที่พูดถึงในเรื่องของบุญกิริยาวัตถุ 3 บุญที่จะทำให้เราทั้งหลายได้อุบัติเป็นเทวดา ซึ่งเมื่อวานได้พูดถึงเรื่องทานไปแล้ว วันนี้เราก็จะมาต่อกันที่เรื่องของศีล
ศีลหรือที่เราเรียกว่าสีลมัย ตัวนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เป็นการทำบุญแบบหนึ่ง เป็นการทำบุญด้วยการถือศีล รักษาศีล อบรมขัดเกลาความประพฤติ ความรู้สึกนึกคิดตนเองให้ประพฤติอยู่ในกรอบความดีงาม
ในส่วนของศีลนั้น ผู้ถือศีลจะได้บุญมากด้วยการกระทำ 2 ประเภท ดังนี้
- อปจายนมัย อันนี้คือการทำบุญแบบง่ายๆด้วยการอ่อนน้อมต่อผู้อื่น
- เวยยาวัจจมัย นี่ก็เป็นบุญเช่นกัน ทำได้โดยการขวนขวายรับใช้ตามโอกาส
ศีลนี้ถ้าแปลตรงตัวเลยมันจะเเปลว่าการประพฤติชอบโดยปกติ ที่เราๆชาวบ้าน ชาวพุทธนิยมถือกันให้ได้ก็จะมี ศีล 5 ศีล 8 เราหรือเธอจำไว้นะตรงนี้ก็ถือได้เหมือนกัน และควรทำให้ครบ คือในวันหนึ่งๆนี่เราก็ถือศีล 5 โดยปรกติตามธรรมดา เเต่ในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือแรม 15 ค่ำก็ด๊ อันนี้ควรรักษาศีล 8 เขาเรียกว่าวันศีลใหญ่ ให้รักษาอุโบสถศีล คือศีล 8 นี้
ที่นี้เรามาถามใจตนเองกันว่า รักษาศีลนั้นเราได้อะไร นอกจากได้ทำความดีละเว้นความชั่วตามข้อกำหนดของศีลเเต่ละข้อแล้ว การรักษาศีลนั้นทำไมถึงเป็นคุณสมบัติทำให้เราเป็นเทวดา ก็เพราะการรักษาศีลนั้นทำให้เรามีจิตใจที่อ่อนลง อ่อนโยน
เมื่อเธอทั้งหลายรู้จักรักษาศีลนั้น เธอจะมีคุณธรรมอื่นๆติดตัวเธอขึ้นมาอีกมากโขทีเดียว เพราะมันไปพร้อมๆกัน นั่นคือเมื่อจิตใจเธออ่อนโยนขึ้น เธอก็รู้จักความศรัทธา มีความเพียร มีสติ มีสมาธิมีปัญญาเพียบพร้อมบริบูรณ์
คนจะรักษาศีลให้สมบูรณ์นั้น เราจะเเนะวิธีให้ จะได้ทำให้ร่างกายเเละจิตใจพวกเธอสบายไปด้วย ศีลนั้นควรประพฤติควบคู่ไปกับการระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้านี่ได้พุทธานุสตินะ นึกถึงสาระเเห่งธรรมมะทั้งปวงนี่ก็เป็นธัมมานุสติ นึกถึงความเป็นอริยบุคคลที่จำเเนกไว้ตามธรรมนี่ก็เป็นสังฆานุสติ เสร็จเเล้วลองมองลงมาพิจารณาศีลที่เราถืออยู่ พิจารณาเองนะหาคำตอบด้วยตัวเอง ว่าศีลนี้มีคุณลักษณะอย่างไรเป็นสีลานุสติ
การรักษาศีลนั้นจะต้องอิงกับปัจจัยหนึ่งคือความเพียร เพราะต้องทำสม่ำเสมอทำเป็นประจำเพื่อดัดอุปนิสัยของคนที่เกิดมาร้อยพ่อพันเเม่ให้อ่อนโยนลง ความเพียรนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญขาดไปไม่ได้เลย พวกเธอทั้งหลาย การทำความเพียรนั้นประกอบด้วยสิ่งต่างๆและธาตุต่างๆดังต่อไปนี้ คือ
- อารัพภธาตุ อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเพียรเลย เธอต้องมีความคิดริเริ่มที่จะทำ
- นิกกมธาตุ นี่คือธาตุที่มุ่งหวังความเจริญก้าวหน้า พวกเธอทั้งหลายคงรู้จักมันดีเเละมีกันทุกคน เมื่อเรามีความคิดริเริ่มที่จะทำอะไร เราก็มุ่งหวังปรารถนาที่จะเจริญก้าวหน้า ก้าวไปให้ไกลจากสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่
- ปรักกมธาตุ อันนี้เป็นเเรงขับเคลื่อนในตัวของเธอทุกคนเเน่นอนว่าในการประกอบความเพียรนั้น ย่อมต้องมีสิ่งนี้ นั่นคือความมุ่งมั่น
- ถามธาตุ มุ่งมันอย่างเดียวไม่พอ หากเราประกอบความเพียรเเล้ว เราจะประสบความสำเร็จหรือไม่หรือจะท้อถอยก่อนก็อยู่ที่ตัวนี้ นั่นคือ ความบากบั่น
- ธิติธาตุ หลังจากบากบั่นเเล้ว ในการปะกอบความเพียรใดๆเราเองต้องมีกำลังใจนะ จำไว้นี่สำคัญมาก มันจะเป็นเเรงที่ขับเคลื่อนเราออกมาจากภายในเรียกว่าความหนักแน่น มั่นคงอยู่กับเป้าหมายของเราเอง
- อุปักกมธาตุ เมื่อเรามีทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ก้คือเราเริ่มลงมีกระทำความเพียรเเล้ว ในการทำความเพียรนั้นย่อมต้องมีอุปสรรค อุปักกมธาตุนี้ก็คือการต่อสู้ฝ่าฟันไปให้ได้ให้ถึงความสำเร็จ
นี่เเหละเธอเห็นมั๊ย เมื่อธาตุทั้งหลายเหล่านี้ในตัวเธอได้มาประชุมกัน เราถึงพึงเรียกสิ่งนั้นว่าความเพียร ในการรักษาศีลก็เช่นกัน เมื่อเเรกเริ่มอาจต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอยู่บ้างเเต่เธอทั้งหลายก็จะผ่านมันไปได้ด้วยธาตุๆต่างๆของเธอด้วยการทำความเพียรของเธอ
วันนี้ก็จบเรื่องศีลเพียงเท่านี้ แต่จะมาเพิ่มเติมให้เรื่องอื่น นั่นคือเราได้พูดถึงหลักธรรมที่จะทำให้เราเข้าถึงความเป็นเทวดาเเล้ว แต่นั่นคือชีวิตหลังความตายที่เราจะไปจุติยังพิภพต่างๆ
ไหนๆก็พูดเรื่องศีลเเล้วก็จะพูดรวมไปเลยทีเดียวเพราะเป็นเรื่องใกล้ๆกัน พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ธรรมที่ให้รักษาให้ปฏิบัตินี้ไม่ใช่เพื่อให้เธอสร้างภาพวาดวิมานในอากาศ ให้เธอมีความอยากได้ใคร่ดีจะไปเกิดเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เเต่บอกเพื่อให้เธอยกระดับกำลังใจให้สูงขึ้น มากขึ้นๆพอที่จะไม่ตกลงไปสู่นิรยภูมิเทานั้น
หากปรารถนาความเป็นเทพยดาเเล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปรอชีวิตหลังความตาย เเม้ในขณะที่เธอทั้งหลายกำลังหายใจอยู่นี้ ในปัจจุบันนี้ เธอก็ถึงซึ่งความเป็นเทวดาได้ เป็นเทวดาในกายมนุษย์นี่เลย ที่เขาเรียกกันว่ามนุสสเทโว
การเป็นเทวดาในร่างมนุษย์นั้น เธอทั้งหลายต้องรู้ธรรมที่เราเรียกๆกันว่าเทวตานุสติเสียก่อน ธรรมที่จะทำให้เราเป็นมนุษย์ที่เรียกว่ามนุสสเทโวได้นั้น ก็มี
- สัทธา
- ศีล
- สุตะ
- จาคะ
- ปัญญา
เห็นหรือไม่ว่าเรื่องเหล่านี้ก็ไม่หนีไกลกันเท่าไหร่ ศีลเราได้กล่าวถึงไปแล้ว ทีนี้เราจะมาเเนะนำในส่วนอื่นให้ครบ
วันนี้ขออนุญาติพิมพ์เฉพาะเรื่องของ สุตะเเละจาคะก่อน ในส่วนของสัทธาเเละปัญญานั้น ขอติดไว้วันพรุ่งนี้เป็นภาค 2เพราะค่อนข้างยาว ก่อนที่จะไปขึ้นเรื่องของการภาวนานะครับ
- สุตะ สิ่งนี้ก็เเปลตรงตัวเลยว่าการฟัง ธรรมที่จะทำให้เราเป็นเทวดาในชาติปัจจุบันที่เรียกว่ามนุสสเทโวได้ ก็ด้วยการรับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ หมั่นศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเองนั่นเอง
- จาคะ ในส่วนนี้ก็คือการเสียสละ ทำไมจาคะถึงเป็นธรรมที่จะทำให้เราเป็นเทวดาได้ การเสียสละในที่นี้ อยู่นอกเหนือการเสียสละสิ่งเล็กๆน้อยๆอื่นๆ แต่เป็นการเสียสละที่นอกจากจะทำให้เป็นเทวดาเเล้ว ยังทำให้เราเป็นอริยบุคคลอีกด้วย นั่นคือการเสียสละกิเลส ขัดเกลากิเลสในตนเอง สิ่งนี้ทุกคนต้องมี คือความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว คำนึงถึงอัตตาตัวตน เราต้องลดละเลิก ในสิ่งเหล่านี้ พูดอาจจะดูง่ายๆว่าทำไมพ่ออาจารย์ท่านพูดง่ายๆจัง ซึ่งท่านบอกว่าสิ่งนี้ความจริงมันก็ไม่ได้ยากอะไร หากเธอค่อยๆทำไปทีละน้อย ทุกสิ่งไม่ได้บังคับให้ทำสำเร็จออกมาเดี๋ยวนั้น เเต่ให้ใช้ธาตุใช้ความเพียรพยายามของเธอทั้งหลายเอง ผลักดันทำไปทีละน้อย ในเรื่องการเสียสละของจาคะก็เช่นกัน ทำได้ง่ายนักเพียงเธอรู้จักคุณค่าของสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่อยู่รอบข้าง รู้จักเปิดโอกาสให้เค้า เอื้อเฟื้อต่อเค้า เอื้อเฟื้อด้วยธรรมที่เป็นความถูกต้องเเละสุจริตทั้งหลาย
วันนี้ก็ขอจบไว้เท่านี้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องคุณธรรมที่จะทำให้เป็นเทวดาในร่างมนุษย์ที่เรียกว่ามนุสสเทโวให้จบก็ติดตามกันนะครับ ท่านว่าการกระทำของใครก็ของคนนั้น ท่านทำเพียงเเต่บอกกล่าวเเนวทางเเละวิธี คิดจะทำรึไม่ ชาติไหน โอกาสใด ก็อยู่ที่แต่ละบุคคล -
-
แจ้งได้รับตะกรุดแม่ทัพแล้วครับ ขอบคุณมาก
-
ขอบูชาตะกรุด คุณพระแก้กรรม 1 ดอกครับ
-
บูชาตะกรุดคุณพระแก้กรรม 1 ดอก
-
ร่วมทำบุญ1ดอกครับ
-
ได้รับเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับ
-
ความรู้วันละนิด (ศีล ตอนที่ 2)
เมื่อวานเราได้เเทรกหัวข้อเข้าไป ในชั้นเเรกนั้นเราพูดกันถึงเรื่องคุณธรรมที่จะทำให้เกิดเป็นเทวดา จำแนกไว้ใหญ่ๆ 3 หัวข้อ ซึ่งในระหว่างที่อยู่เรื่องของศีลนั้น ก็ได้แทรกเเละเพิ่มเติมให้ ถึงเรื่องคุณธรรมที่จะทำให้มนุษย์ที่มีชีวิตนั้นเป็นดุจดั่งเทวดาที่เรียกว่ามนุสสเทโว ซึ่งก็ติดค้างเอาไว้อีก 2 เรื่อง คือ สัทธาและปัญญา
ในคุณธรรมที่จะทำให้เป็นเทวดาได้ในชาติปัจจุบันนั้น ก็ประกอบด้วยเทวตานุสติ ได้แก่
- สัทธา
- ศีล
- สุตะ
- จาคะ
- ปัญญา
ซึ่งเมื่อวานในเรื่องของศีลนั้น เราได้อธิบายในเรื่องของศีล สุตะ และจาคะไปแล้ว วันนี้ก็จะมาเริ่มกันที่สัทธาก่อน
พ่ออาจารย์ท่านว่า สัทธาตัวนี้มันก็คือตัวเดียวกับศรัทธานั่นเเหละ ความหมายเดียวกันออกเสียงคือกัน มันหมายความถึง ความเชื่อ นี่ก็เป็นอารมณ์เป็นดวงจิตของเราประเภทหนึ่ง
สัตว์โลกมักจะพูดกันติดปากเสมอว่า ศรัทธาๆ เราก็รู้เเค่เพียงว่ามันคือความเชื่อ มิได้รู้เลยว่าทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในเทวตานุสติ มีความสำคัญอย่างไร เเละไอ้ตัวสัทธานี้มันมีอะไรบ้าง
ศรัทธานั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นสิ่งกำหนดความเชื่อของคนกำหนดศาสนา กำหนดสิ่งต่างๆมากมาย ซึ่งศรัทธาของชาวพุทธนั้นได้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 รูป ได้แก่
- กัมมสัทธา
- วิปากสัทธา
- กัมมัสสกตาสัทธา
- ตถาคตโพธิสัทธา
ซึ่งเเต่ละเเบบก็มีความหมายต่างๆกันไป ดังนี้
- กัมมสัทธา ความศรัทธาประเภทนี้ คือศรัทธาในเรื่องของกรรม มีความเชื่อว่ากรรมนั้นมีอยู่จริง การกระทำทั้งหลายของสิ่งมีชีวิตที่มีเจตนา จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี ย่อมมีผลอยู่ในตัวของมันเอง ความสำเร็จทั้งหลายจะสำเร็จเสร็จสิ้นได้ก็ด้วยผลของการลงมือกระทำ
- วิปากสัทธา ความศรัทธาประเภทนี้ก็เชื่อในเรื่องกรรมเช่นกันเเต่ลึกกว่านั้น คือเชื่อในผลของกรรม ประเภทนี้จะเชื่อว่า การกระทำทุกการกระทำนั้นย่อมต้องมีผลของมันเอง จะมีเจตนารึไม่ก็ตาม
- กัมมัสสกตาสัทธา ศรัทธาประเภทนี้ คือเชื่อในกรรมเฉพาะตน เชื่อว่าคนทุกคนนั้นมีกรรมเป็นเจ้าของกรรมทั้งหลายที่เคยได้กระทำลงไป ตนเองทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลเเห่งกรรมนั้นๆ
- ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในธรรมอันเกิดเเต่ปัญญา จากการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อว่าธรรมนั้นคือเครื่องนำออกจากความขัดข้องความทุกข์ทั้งหลาย
จะศรัทธาใดๆก็ดี 1ใน4นี้ถือเป็นศรัทธาที่ถูกต้อง เป็นจริตของความประพฤติที่ดีงาม เป็นหนึ่งในธรรมของเทวดาในคราบร่างมนุษย์ ก็สำรวจตนเองให้ดีว่าเรามีความศรัทธามีความเชื่อในอะไร
เเละก็ลำดับสุดท้ายของเทวตานุสติ ที่จะกล่าวในวันนี้ก็คือเรื่องของปัญญา ซึ่งก็จะได้อธิบายในลำดับต่อไป
ปัญญานั้น มีความหมายว่าความรอบรู้ ความเห็นทั่ว การได้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งปัญญานั้นก็ประกอบด้วยักษณะประเภทต่างๆ ดังนี้
- สุตมยปัญญา กรณีนี้เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการคิดพิจารณาตาม เวลาเราสดับรับฟังสิ่งต่างๆจนรู้แจ้งเห็นจริง
- จินตามยปัญญา กรณีนี้เป็นปัญญาที่เกิดเเต่การคิดค้น ขบคิดภายในจิตใจของเรา พิจารณาหาสาเหตุหาผลที่เกิดขึ้น ด้วยตัวเราด้วยประสบการณ์ของจิตเราที่มันสั่งสมมาเอง
- ภาวนามยปัญญา กรณีนี้คือปัญญาที่เกิดเเต่การภาวนา อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือปัญญาที่เกิดจากการคิดค้นเเต่ภายในของจิตเช่นกัน ด้วยการอบรมจิตให้บริสุทธิ์ มีกำลังเป็นปัญญาอันเกิดจากจิตที่มุ่งมั่นและจดจ่อกับการปฏิบัติ
ซึ่งในวิถีพุทธของเรานั้น ปัญญาก็คือความรอบรู้ สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องความรอบรู้เลยก็คือความรู้เเจ้งเห็นจริงในรูปแบบของอริยสัจ 4 ประการ คือ
- ทุกข์ อันนี้คือความหมายของรูปแบบที่เราต้องการจะรู้ ทุกๆสิ่งนั้นล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
- ทุกขสมุทัย สิ่งนี้คือโครงสร้างของมัน เป็นโครงสร้างรูปแบบของสิ่งที่เราต้องการจะรู้
- ทุกขนิโรธ สิ่งนี้คือจุดประสงค์อันเป็นเป้าหมายในโครงสร้างรูปแบบที่เราต้องการจะรู้
- ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ลำดับดำเนินการเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์อันเป็นเป้าหมายนั้นๆ
พ่ออาจารย์ท่านกล่าวย้ำเสมอว่าคุณธรรมทั้ง 5 ข้อนี้สำคัญมาก แม้สมเด็จพระสัมมาสัพุทธเจ้าท่านก็รับรอง ได้แก่ สัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เพราะคุณธรรมทั้ง 5 นี้จะทำให้มนุษย์ได้เกิดในฐานะที่สูงขึ้นตามแต่จะปรารถนา ไม่ว่าจะเป็น มหาพราหมณ์มหาปราชญ์ คฤหบดีมหาเศรษฐี พระเจ้าจักพรรดิ์ จนถึงเทพเจ้า พรหมทั้งในรูปพรหมปรืออรูปพรหม หรือแม้กระทั่งการทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไปจนถึงพระนิพพาน ทุกสิ่งนั้นล้วนมาจากการปฏิบัติคุณธรรมทั้ง 5 นี้ทั้งสิ้น
ซึ่งจะกล่าวได้ว่าเราเองนั้นก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทางในการเกิดเป็นเทวดา คือเป็นเมื่อตายไปแล้ว หรือเป้นเสียตั้งเเต่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งการปรากฏของเทวดานั้น ก็เป็นเรื่องที่ใครๆสามารถมองเห็นได้ ไม่ใช่เรื่องวิกลจริต คนอื่นเห็นเเต่เราไม่เห็น มันบ้า เช่นนี้ก็ไม่ถูก การเห็นเทวดานั้นอาจจะกระทำได้ง่ายๆด้วยวิธีการ 2 วิธี คือ
- ถอดกายทิพย์ ซึ่งการถอดกายทิพย์นี้จะต้องใช้ฤทธิ์แห่งสมาธิเป็นตัวกำหนดระดับของสวรรค์ที่เราจะไปปรากฏ
- หายตัวไป คือการหายตัวไปดื้อๆด้วยกายเนื้อเช่นนี้ไปปรากฏในเทวโลกหรือพรหมโลกเลย แบบพระอรหันต์ทั้งหลายหรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการสำเเดงอนุภาพของอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ จะสำแดงได้ก็ในขณะที่จิตนั้นได้เข้าสู่สมาธิชั้นสูงเเละชำนาญความเป็นวสีในการอธิษฐานเข้าออกสมาธินั้นๆด้วย
ก็ติดตามกันต่อไปในเรื่องหัวข้อสุดท้าย ซึ่งก็คือการภาวนา คาดว่าน่าจะเเบ่งออกเป็นหลายตอนเช่นกัน เพราะยาวพอสมควร -
-
บูชาสมิงพระกาฬ 1 องค์
-
จองบูชาพระสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
-
จองสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
-
ขอจองสมิงพระกาฬ 1 องค์ โอนช่วงปลายๆเดือนนะครับ.
-
จองสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
-
จองสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
ปล. ขออนุญาตยกเลิกรายการจองเจ้าขรัวแสงครับ เนื่องจากงบจำกัด -
ได้รับพระที่ส่งมาแล้ว ขอบคุณครับ
-
รอติดตามครับ
-
จองบูชาสมิงพระกาฬ 1 องค์ค่ะ
หน้า 53 ของ 459