ประวัติหลวงพ่อสุวรรณ ถิรสทโธ วัดยาง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง
หลวงพ่อสุวรรณ ธีรสัทโธ แห่งวัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง พระเกจิอาจารย์เจ้าตำรับตะกรุดโทน ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า เอกอุด้านวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
ได้รับสมญานามจากคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งแดนวีรชนใจกล้า"
อัตโนประวัติ เกิดในสกุล บัวสรวง เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2487 ที่บ้านทับยา ต.บ้านไร่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอินและนางก้อย บัวสรวง ประกอบอาชีพกสิกรรมและค้าขาย
ในช่วงวัยเยาว์ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านไร่ ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ ย่างเข้าวัยหนุ่ม ได้ประกอบอาชีพเป็นตัวแทนขายเคมีภัณฑ์ตามที่ญาติแนะนำ
กระทั่งอายุ 42 ปี เกิดความเบื่อหน่ายทางโลกและต้องการบวชทดแทนคุณบุพการี จึงเข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดคำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมีพระครูเกษมจริยคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดไทรย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูโฆสิษโชติคุณ เจ้าอาวาสวัดคำหยาด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดบุญยัง เขมปัญโญ วัดขุนอินทประมูล เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาที่วัดคำหยาด สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และออกท่องธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศ ครั้งหนึ่งมีโอกาสไปพำนักที่วัดพรหมประกาสิต (ถ้ำสามพี่น้อง) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปฏิบัติกัมมัฏฐานบำเพ็ญเพียร เมื่อปฏิบัติธรรมสมหวัง จึงเดินทางมาจำพรรษาที่วัดคำหยาด ศึกษาร่ำเรียนสรรพวิทยาคมสายหลวงพ่อแป้น วัดบ้านไร่, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี พระเกจิดัง ได้ถ่ายทอดวิชาให้อย่างครบถ้วน
พ.ศ.2535 คณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง ได้มอบหมายให้ท่านบูรณปฏิสังขรณ์วัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ตั้งอยู่ริมคลองห้วยไผ่ฝั่งตรงข้ามวัดโพธิ์เก้าต้น และอนุสรณ์สถานค่ายบางระจัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
วัดยางถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่สมัยศึกบางระจัน เสนาสนะที่หลงเหลือมีเพียงวิหารฐานอ่อนโค้งอยู่ในสภาพปรักหักพัง ไม่มีหลังคา
หลวงพ่อสุวรรณ ได้จัดสร้างตะกรุดเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน เพื่อให้บูชารวบรวมจตุปัจจัย จนสามารถก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ อนุสรณ์สถานวีรชนไทยใจกล้า เป็นต้น
หลวงพ่อสุวรรณ เป็นที่ยอมรับและศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เชื่อกันว่าท่านมีคาถาอาคมทรงพุทธคุณครอบจักรวาล โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม และด้านมหาอำนาจปกป้องผองภัยสารพัด
วัตถุมงคลของท่าน ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชน เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักร วาล โดดเด่นหลายด้าน ที่ได้รับความนิยม คือตะกรุดที่ปรากฏปาฏิหาริย์แก่ผู้บูชา เอกลักษณ์เฉพาะสร้างตามตำราพิชัยสงคราม ยันต์จารมือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ (นะ มะ พะ ทะ) และยันต์ถอด (ทะ พะ มะ นะ) จึงเท่ากับ 16 ตาราง คือ ยันต์พระเจ้า 16 พระองค์
มียันต์อัครสาวกซ้ายขวา (ซ้าย อุมิ อะมิ) (ขวา นะมะ นะอา) และยันต์ถอด รวมทั้งยันต์แคล้วคลาด (สะ รา คา มิ) และยันต์ถอด จึงเป็นเจ้าตำรับตะกรุดโทนแห่งยุค
นอกจากนี้ วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมยังมีเหรียญเสมา เหรียญมหาบารมี รูปหล่อเหมือน
หลวงพ่อสุวรรณ ย้ำอยู่เสมอว่า วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
การเข้ากราบไหว้ขอพรจากหลวงพ่อสุวรรณ ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันหมด ไม่มีผู้ใดกีดกัน และท่านมักจะนำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็น กุศโลบายในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชา ชนทั่วไป โดยให้ยึดหลักธรรมคำสั่งสอนตามแนว ทางพระพุทธศาสนา
ประสบการณ์ตะกรุดโทนหลวงพ่อสุวรรณ
ตะกรุดของหลวงพ่อสุวรรณฯ มีประสบการณ์พี่น้องฝาแฝด อายุ 15 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมสกัมทั้งยิงทั้งแทงแต่รอดตายราวปาฏิหารย์แค่เสื้อขาดกับรอยช้ำตามร่างกายเท่านั้น เป็นเพราะพี่น้องฝาแฝดคู่นี้พกตะกรุดโทน และ เหรียญเสมาหลวงพ่อสุวรรณฯคุ้มครอง
อีกเหตุการณ์หนึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภ.จ.อ่างทอง ล้อมจับผู้ค้ายาบ้าถูกยิงด้วยปืนลูกซองเต็มหน้าอกแต่ไม่เข้าก็เป็นเพราะตะกรุดหลวงพ่อสุวรรณคุ้มครองจึงรอดตาย หลวงพ่อสุวรรณฯ เป็นพระที่ใจดีมีเมตตา ถ้าผู้ใดได้ไปกราบนมัสการท่านแล้วลงนะหน้าทองกลับมาจะโชคดีตลอดกาลและผู้ใดพกตะกรุดของท่านไม่มีวันตายโหงแน่ครับ
วิชา นะหน้าทอง ขุนแผนชมตลาด อันลือลั่น!!
กิตติคุณอันโด่งดังของ หลวงพ่อสุวรรณ แห่งวัดยาง จังหวัดอ่างทอง อีกอย่างหนึ่งก็คือวิชาลงนะหน้าทอง ขุนแผนชมตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรับวิชาอันโด่งดัง ลือลั่น ของท่าน ที่เมื่อท่านลงให้กับใครไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ เมตตา มหานิยม คนเห็นคนชม เทวดารัก จะเดินทางไปแห่งหน ตำบลใด มีแต่คนเมตตารักใคร่เอ็นดู มากมาย อย่างไม่น่าเชื่อ!
เวลาลงนะหน้าทองหลวงพ่อสุวรรณ ท่านจะสวดพระคาถาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ขาดปาก ในขณะที่กำลังลงทอง และ เจิมจาร ลงในลิ้น และ ที่หน้าผากของเรา นั่นแหละ ความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายทั้งมวล ได้ก่อเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น เวลานั้น ซึ่งจะสัมผัสได้ในทุกเวลานาที จนกระทั่งท่านลงให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย เราก็จะรู้สึกได้ว่า หน้าของเรา ใจของเรา เปลี่ยนไป อิ่มอก อิ่มใจ อย่างไรไม่รู้ อธิบายไม่ถูก แต่สุขใจ เหลือประมาณ!
วิชา นะหน้าทอง ขุนแผนชมตลาด สามารถนำไปใช้ นำไปสวด ไปเสริม เพื่อเพิ่ม บารมีเมตตา ให้กับตัวเองได้ เพียงแต่ บูชาครูอาจารย์แล้วทำตามวิธีการดังต่อไปนี้
เริ่มด้วย ตั้งนะโม 3 จบ แล้วบูชาครูบาอาจารย์ด้วยดอกไม้ธูปเทียน ระลึกถึงท่าน แล้วเริ่มด้วย การตั้งองค์พระ ว่า...
ศรีษะ พุทธา ปะนะวิชายะเต ขอจงมาบังเกิด เป็นศรีษะ
อังคะ พุทธา ปะนะวิชายะเต ขอจงมาบังเกิด เป็นองค์พระ
บาทะ พุทธา ปะนะวิชายะเต ขอจงมาบังเกิด เป็นฝ่าพระบาท และ ดอกบัว....
นะ กะโรโหติ สัมภะโว จงมาบังเกิด เป็น นะเมตตา มหานิยม นะ โอม สิทธิ ฟ้าฟื้นเจริญศรี ตัวกูนี้คือฟ้า หน้ากูคือ พระจันทร์ ฟันกูคือ พระกำแพง แสงกู คือพระอาทิตย์ จิตกู คือ พระนารายณ์ ฉายดู สาวใดในมนุษย์ และ สวรรค์ เห็นหลงใหล รักใคร่ทุกคน นะมะ พะทะ นะโม พุทธายะ กะริ กะริยะ สีวะ จะ มหาเถโร นะระปุสิโต โสระโห ปัจจายะ ถิขะมะอิ อะหัง วันทามิ สีวะลี เถระคุนัง โสตถีระนัง ภะวันตุเม ฯ พุทธัง เมตตา นะ ชาลีติ ธัมมัง เมตตา นะ ชาลีติ สังฆัง เมตตา นะ ชาลีติ ฯ
ขณะว่าพระคาถาต่างๆ ก็ให้นำแผ่นทองคำเปลวแท้ๆ ปิดลงที่ลิ้น และ ที่หน้าผาก ขณะภาวนาพระคาถา ก็ให้ใช้นิ้วกลาง คลึงแผ่นทอง ให้ซึมหายเข้าไปในใบหน้า เสร็จแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอเอา ตามประสงค์ ผู้ที่เชื่อมั่น หมั่นปฏิบัติ และภาวนา ไม่ช้าไม่นาน ก็จักสำเร็จ สมหวัง ดังที่ปรารถนา ตามพลังบุญอันสมควรแห่งตน...
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญเสมาหลวงพ่อสุวรรณวัดยาง
ให้บูชาคู่กัน 2 เหรียญ 240 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
ถ้าแยก เหรียญ เหรียญละ150 บาทครับ
เหรียญที่๑
เหรียญที่๒
เสกจนเหรียญแตกรุ่นแรกหลวงพ่อไวย์๑ใน๑๖เกจิพิธีจตุรพิธพรขัยเหรียญและพระผงลพ.คลี่ประชาโฆษิตาราม
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.
หน้า 38 ของ 103
-
-
https://www.pra-
maeklong.com/2021/05/Nat-Watsriloha.html?m=1&fbclid=IwAR0OGduHTRYCU4VxsNptVnd7tdIALqcUcByyBQK9J33Yckfnmcd8XfvWDHQ
เมื่อประมาณปีพ.ศ.2509 หลวงพ่อนารถท่านได้รับนิมนต์จากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ฟื้น ชุตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมปัญญาบดี ให้มาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสามพระยาร่วมกับพระเกจิอีก 8ท่าน(ไม่ทราบรายนาม) ภายหลังจากเสร็จพิธีแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านได้นำผงกรุบางขุนพรมที่ท่านได้รับมาเมื่อคราวเปิดกรุในปีพ.ศ.2500 จำนวนทั้งสิ้น 4ปี๊บ แล้วแจ้งแก่พระเกจิที่มาปลุกเสกทั้ง9รูปว่า ท่านปรารถนาจะมอบผงทั้งหมดนี้แก่พระที่มาร่วมปลุกเสกแต่ไม่รู้ว่าจะแบ่งอย่างไรดี ท่านจึงให้พระเกจิทั้ง9รูปได้ทำการจับสลากเพื่อมอบผงทั้งหมดให้ หลวงพ่อนารถท่านได้ทำการอธิษฐานจิตระลึกถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผู้สร้างพระสมเด็จบางขุนพรหมและเป็นเจ้าของผงชุดนี้ว่า ท่านปรารถนาอยากจะได้ผงทั้งหมดนี้เพื่อนำมาสร้างพระเพื่อหาเงินมาสร้างโบสถ์วัดศรีโลหะ ผลปรากฏว่าท่านเป็นผู้โชคดีได้รับผงกรุบางขุนพรหมนี้มาทั้งหมด
และเมื่อท่านกลับมาที่วัดท่านได้เริ่มดำเนินการสร้างพระผงชุดนี้ขึ้น มีจำนวนทั้งหมด 10พิมพ์ และพิมพ์จัมโบ้อีก 1พิมพ์ รวมถึงพระสมเด็จหลังขีดแดงด้วย โดยเป็นการสร้างขึ้นเองที่วัด(ไม่ได้สั่งโรงงานทำแต่อย่างใด) โดยท่านให้พระที่วัดช่วยกันทำเป็นการสร้างแบบทยอยทำไปเรื่อยๆจนผงหมด(ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี2512-2517) เมื่อปั้มพระและนำไปผึ่งจนได้ที่แล้วท่านก็จะวางไว้ในลังกระดาษโดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเป็นชั้นๆจนเต็มลัง เมื่อถึงฤกษ์ที่กำหนดท่านก็ทำพิธีปลุกเสก เสร็จแล้วท่านจึงนำลังที่บรรจุพระเหล่านี้ขึ้นไปเก็บไว้บนชั้น2ของกุฏิท่าน โดยท่านตั้งใจว่าจะนำพระขุดนี้ออกให้ทำบุญเพื่อหาเงินมาสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้น จึงทำให้พระชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้จวบจนท่านมรณภาพในปี2530 ภายหลังคณะกรรมการวัดได้เข้าไปตรวจดูสิ่งของภายในกุฏิท่านได้พบเจอวัตถุมงคลต่างๆของท่านรวมทั้งพระเนื้อผงชุดนี้ด้วย แต่เนื่องจากฝ้าบนเพดานตรงนั้นเกิดรั่ว ทำให้มีน้ำซึมและหยดลงมาโดนกองวัตถุมงคลพอดีและมีเกิดมีปลวกขึ้นมาทำรังอีกด้วย(เป็นที่มาของพระชุดที่มีคราบกรุนั่นเอง)
เนื่องจากพระเนื้อผงชุดนี้ในสมัยที่หลวงพ่อนารถยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้นำมาแจกให้แก่ลูกศิษย์หรือชาวบ้านน้อยมาก เพราะท่านตั้งใจจะเก็บพระชุดนี้ไว้เพื่อหาโอกาสออกให้ทำบุญเพื่อนำเงินมาสร้างโบสถ์(หลังปัจจุบัน)นั่นเอง ทำให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงได้กล่าวหาว่าพระชุดนี้หลวงพ่อนารถไม่ได้สร้าง และพูดทำนองที่ว่าวัดสร้างขึ้นมาเสริมทีหลัง ทำให้ในสมัยก่อนคนพื้นที่เองก็ไม่นิยมเล่นหาพระชุดนี้ ซึ่งความเป็นจริงแล้วพระชุดนี้หลวงพ่อนารถท่านได้ตั้งใจสร้างขึ้นมาเอง(ทำเองที่วัด) และที่สำคัญคือพระชุดนี้ท่านได้ผสมผงกรุบางขุนพรหมที่ท่านได้รับมาถึง 4ปี๊บ ลงไปจนหมด
ปัจจุบันเราจะหาพระที่ผสมผงกรุบางขุนพรหมนั้นบอกเลยว่าหายากมากแทบจะไม่มีอีกแล้ว ที่ลงโฆษณาทุกวันนี้ว่าพระรุ่นนั้นรุ่นนี้ผสมผงกรุบางขุนพรหมนั้นอย่างมากก็แค่โรยพอเป็นกระสายเท่านั้น แต่สำหรับพระเนื้อผงของหลวงพ่อนารถชุดนี้ได้ผสมผงกรุบางขุนพรหมถึง4ปี๊บ ลำพังแค่พระที่หลวงพ่อนารถปลุกเสกก็ถือได้ว่าศักดิ์สิทธิ์และมีพุทธคุณรอบด้านอยู่แล้ว แต่นี้ยังมีส่วนผสมของผงกรุบางขุนพรหมอีกด้วย ยิ่งทำให้พระชุดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จกรุหลวงปู่นารท ให้บูชาสายบาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
พระสมเด็จแช่น้ำมนต์หลวงพ่อจ้อยวัดพันลาน นครสวรรค์ สภาพสวยเดิมพร้อมกล่อง
บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระสมเด็จญสส.พระราชทานศิษย์ พระธรรมคุณรุ่น 1 พระยุคเก่าๆ เนื้อหามวลสาร สวย กล่องเดิม
ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)
พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513
ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อแป๋ว-วัดดาวเรือง-อ-บางระจัน-จ-สิงห์บุรี.237157/
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงทุกๆท่านครับ
รูปหล่อรุ่นแรกอายุ60ปีหลวงพ่อแป๋ววัดดาวเรือง ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
หลวงพ่อชื่น อินทปัญโญ เดิมชื่อ นายชื่น แก้วศรีมล เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2467 บิดาชื่อ นายล่อง มารดาชื่อ นางพร้อย
บิดาของท่านเป็นที่รู้จักกันในนาม อาจารย์ล่อง ผู้รักษาคนไข้ทางด้านอาคม หรือ ไสยศาสตร์ในสมัยนั้น เมื่ออายุครบ 7 ขวบ ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดศิลา จ.นครศรีธรรมราช ได้เรียนจบชั้น ป.4 หลังจากเรียนจบ บิดาของท่านได้นำท่านไปฝากเป็นศิษย์หลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหลวงพ่อคล้ายมีฐานะเป็นตาของนายชื่น ครั้งหนึ่งพ่อท่านคล้ายได้สรงน้ำ ในขณะที่นายชื่นซักสบงให้พ่อท่านคล้ายอยู่ พ่อท่านคล้ายได้ตักน้ำขันที่สามนำมารดศีรษะและนำมือรับน้ำใต้คาง แล้วส่งให้นายชื่นดื่ม เมื่อดื่มน้ำนั้นแล้วพ่อท่านคล้ายได้เริ่มถ่ายทอดวิชาต่างๆ และท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย เช่น วิชาทำนายดวงชะตา ขับไล่ภูตผีปีศาจ การขับไล่คุณไสยต่างๆ อีกมากมายจากพ่อท่านคล้าย และเล่าเรียนวิชาอาคมที่ตกทอดจากตระกูลของบิดาท่าน ซึ่งได้ถ่ายทอดให้จนครบอายุครบ 18 ปี บิดาได้เสียชีวิตจึงได้กลับมาบ้านทำงานเลี้ยงดูผู้เป็นมารดา
นายชื่นได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2522 ณ วัดไม้เรียง ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง
จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระครูญาณวรากร เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ชื่น อินทปัญโญ เมื่อ พ.ศ.2532 ได้มาจำพรรษาที่พักสงฆ์ ที่ชาวบ้านจัดไว้และได้เริ่มสร้างเป็นวัดมาจนถึงปัจจุบันชื่อว่า วัดในปราบ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี โดยความร่วมมือจากชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธา โดยชาวบ้านให้ความนับถือหลวงพ่อมาก เนื่องจากหลวงพ่อมีวิชาอาคมรักษาชาวบ้าน ต่อมาใน ปี 2548 หลวงพ่อได้จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นแรกขึ้นมา หลักจากชาวบ้านได้รูปเหรียญหลวงพ่อห้อยคอ ได้มีประสบการณ์มากมายเป็นที่ร่ำลือในด้านอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม และชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งภาคใต้ เช่าหาบูชากันจนหมดไม่เหลือ จนเป็นที่ต้องการของผู้นิยมสะสมพระเครื่อง และชาวต่างประเทศยังเดินทางมาจากมาเลเซียเพื่อกราบขอพร...
คัดลอกจาก : หนังสือนะโม ฉบับที่ 903
https://palungjit.org/threads/ใครมีประสบการณ์-หลวงปู่ชื่น-วัดในปราบ-จ-สุราษฏร์ธานีบ้างครับ.488419/
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลทุกๆที่มาอย่างสูงครับ
พระผงรูปเหมือนพ่อท่านชื่นสำนักสงฆ์ในปราบให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เล็กวัดทำนบ อ่างทอง
ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
วันนี้ จัดส่ง
ขอบคุณครับ -
สำหรับอัตตชีวประวัติของลพ.แม้นนั้น จะขออ้างอิงจากหนังสืออนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ ของท่าน ซึ่งคุณพ่อของผมได้เป็นเจ้าภาพ จัดพิมพ์ เป็นอนุสรณ์ มาลงเป็นโครงนะครับ แล้วอาจมีเพิ่มเติมรายละเอียดที่ได้รับฟัง หรือประสพมาเพิ่มเติม
ชีวประวัติ พระอาจารย์แม้น อัคคจิตโต
วัดเกาะสุวรรณาราม แขวงคลองถนน เขตสายไหม (แยกตัวจากเขตบางเขน) กทม.
ชาติกำเนิด
ท่า่นถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2470 ตรงกับแรม 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ณ บ้านออเกาะ (ชุมชนวัดเกาะสุวรรณาราม) หมู่ที่ 3 ต.คลองถนน อำเภอบางเขน (ปัจจุบันอยู่ในเขตสายไหม) กทม.
บิดาชื่อ คุณพ่อผิน เชื้อแก้ว
มารดาชื่อ คุณแม่มาลัย สองห้อง (เชื้อแก้ว)
มีพี่น้องร่วมอุทรทั้งสิ้น 8 คน ดังนี้
1. นายม้วน เชื้อแก้ว ถึงแก่กรรม
2. ลพ.แม้น อัคคจิตโต
3. พระภิกษุล้วน เชื้อแก้ว มรณภาพแล้ว
4. นางลมูล อุทัยฉาย (เชื้อแก้ว) ถึงแก่กรรม
5. พระอาจารย์จวน สุทธจิตโต
6. นางกุหลาบ เชื้อแก้ว
7. พระภิกษุโปร่ง เชื้อแก้ว มรณภาพแล้ว
8. นายละม่อม เชื้อแก้ว ถึงแก่กรรม
เพศฆราวาส
ชีวิตวัยเยาว์ ท่านเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล วัดเกาะสุวรรณาราม จนจบชั้น ป.4 เมื่อพ.ศ. 2482 จากนั้นออกมาช่วยบิดา มารดา ทำนา ท่านเล่าว่า "สมัยเด็กๆ ลำบากมาก ต้องเลี้ยงดูน้องๆ หลายคน ประกอบกับช่วงนั้นเกิดสงครามหาเอเชีย บูรพา และสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย พอหลังสงครามก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2485 พอหลังสงครามสงบ และน้ำลดแล้ว ก็มารับจ้างทำนาบ้าง ทำงานก่อสร้างบริเวณสนามบินดอนเมือง " นอกจากนี้ท่านยังเล่าว่า " มีเพื่อนรุ่นพี่ได้ชวนท่านไปทำนาเกลือ และจับปูแสมมาดอง เพื่อนำกลับมาขาย ทำได้ประมาณ 2 ปีเศษก็ต้องเลือกเพราะเกลือราคาตกมากจึงได้กลับมาทำนาต่อ"
สมัยวัยหนุ่มท่านมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อ ร.ต.เสน่ห์ ทองหยด (ถึงแก่กรรมแล้ว) เมื่อสมัยหนุ่ม ดำนา ออกแขกเกี่ยวข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอเป็นเสมือนคู่แฝด
เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
เมื่อสมัยหนุ่ม ท่านและ ร.ต.เสน่ห์ เคยบอกว่าจะบวชพร้อมกัน แต่มาติดที่ฐานะทางบ้าน และอีกประการหนึ่ง ร.ต.เสน่ห์นั้นติดราชการทหาร ต้องรอไปก่อน ส่วนท่านมิได้ละความตั้งใจที่จะบวช เมื่ออายุครบบวช มารดาของท่านจึงปึกษาและไหว้วานให้คุณลุงสาย และคุณป้าจันทน์ พระเทพ (คุณปู่และคุณย่าของผม) เป็นธุระจัดงานบวชให้ (คุณพ่อบอกว่า เนื่องจากท่านทั้งสองสนิทสนมกับลป.สงวน) โดยอุปสมบทที่พัทธสีมา วัดเกาะสุวรรณาราม โดยมีพระครูสังฆวิชิต (ลป.สงวน ธัมมโชติ สมณศักดิ์สุดท้าย ที่พระครูพิศาลวิริยคุณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เมฆ จิมิโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สง่า ธรรมเสวี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษา อยู่ที่วัดเกาะสุวรรณาราม ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และกรรมฐาน รวมถึงสรรพวิชาอาคม จากลป.สงวน เป็นองค์ปฐม หลังจากที่ท่านสอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอกแล้ว ท่านจึงได้หันมาศึกษาทางปฏิบัติ อย่างจริงจังจากลป.สงวน มากขึ้น จวบจนลป.สงวน ละสังขารในปี พ.ศ.2505 รวมระยะเวลาที่ท่านได้ศึกษาจากลป.สงวนทั้งสิ้น 9 ปี
สมเด็จอาจารย์แม้น วัดเกาะสุวรรณราม มี3พิมพ์ด้วยกัน เล็ก กลาง ใหญ่
อาจารย์ ได้สะสมว่านชนิดต่างๆแร่น้ำพลี้แร่อื่นๆและเริ่มพระผงสมเด็จมาตั้งแต่ปี2504ถึง2506จนครบจำนวน84,000องค์แล้วนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถ วัดเกาะสุวรรณาราม อาจารย์ได้ปลุกเสกเดี่ยวอีก1ไตรมาสของปี2506อีกด้วย สายเหนียวชานเมืองครับ
https://palungjit.org/threads/ลพ-แม้น-อัคคจิตโต-วัดเกาะสุวรรณาราม-อริยาจารย์ผู้เมตตา.140060/
ท่านเป็นผู้สร้างพระนางพญาแม่ทิพย์สุวรรณ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จหลวงพ่อแม้นวัดเกาะให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
เหรียญพระอาจารย์ดอกรักหลังพ่อแก่วัดพระพิเรนทร์
เหรียญเสมาพ่อแก่ วัดพระพิเรนท์นิยมกันมาก ในหมู่ดาราศิลปินนักแสดง นักดนตรี เหรียญนี้เป็นเหรียญพระอาจารย์ดอกรัก หลัง พ่อแก่ วัดพระพิเรนท์ เสกทันตัััวท่านและนำมาแจกงานศพท่าน
ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
-
จอง เหรียญพระอาจารย์ดอกรักหลังพ่อแก่วัดพระพิเรนทร์
-
-
หลวงปู่ได้ออกธุดงค์ไปทางจังหวัดอุทัยธานี เข้าสู่ป่าใหญ่ ออกไปถึงประเทศเขมรเป็นเวลา ๓ ปี จึงกลับมายังวัดธรรมเจดีย์ได้บวชเรียนเเละศึกษาวิชาต่างๆกับ
หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ๖ พรรษา
หลวงพ่อต้วม วัดสนามชัย ชัยนาท
หลวงพ่อคำ จ.อุทัยธานี
หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
หมอเจียก จ.อุทัยธานี
อาจารย์รื่น อำเภอวิเชียร จ.เพชรบูรณ์
อาจารย์อ้วน วัดด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
คุณวิเศษ
หายตัวได้ หลายครั้งที่ศิษย์พบเหตุการณ์ดังกล่าว เช่นขับรถมาถึงหน้ากุฏิ เห็นหลวงปู่นั่งจารตะกรุด พอลงรถมาถึง จะกราบท่านและนำของมาถวาย กลับมองไม่เห็น พอเดินไปเดินมา หาท่าน กลับเห็นท่านนั่งอยู่ที่เดิม
ถ่ายรูปไม่ติด หลายครั้งที่ท่านไปงานพิธีต่างๆ มีช่างมาขอถ่ายรูปท่าน บางครั้งหลวงปู่รำคาญ ถ่ายแบบไม่เกรงใจ หรือท่านยังไม่พร้อม พวกช่างเลยกด ชัตเตอร์ไม่ลง บางครั้งถ่ายไปไม่ติดก็เคยมี
ทำวัตถุมงคลได้ขลัง ท่านเป็นพระ ชอบพระเอง แม้อายุมาก ผ้ายันต์ ตะกรุดจารเอง มีดหมอก็จารเอง
ลงอาถรรพ์ได้ ในสระที่วัด หลวงปู่ได้ขุดไว้ ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำอาบและกิน ท่านได้ลงอักขระที่เสาฝังไว้ที่ขอบสระทั้งสี่ด้าน ถือเป็นเขตวัด เขตอภัยทาน ต่อมีมีชาวบ้านบางกลุ่ม ถือวิสาสะ ไม่เกรงใจเขตวัดเขตอภัยทาน มาดักปลาในสระไปทำอาหารกินกัน ต่อมาเกิดอาเพศเดือดร้อนไปตามๆกัน
.
ท่านเป็นผู้คงแก่เรียน ชอบศึกษา ทำผงได้เก่ง เก่งทางตะกรุด มีดหมอ ลงอาถรรพ์
วิชาหลายอย่างทำได้แบบหลวงปู่กวย
ชอบทำวัตถุมงคลเอง ที่หน้ากุฏิหลวงปู่มักนั่งจารตะกรุด
เขียนผ้ายันต์ คนไปกราบ บางครั้งนั่งลงยันต์ไป นั่งคุยไป เขียนเสร็จ เสกเดี๋ยวนั้นเลยก็มี
ร้อนวิชา หลวงปู่ค่อนข้างร้อนวิชา อย่างที่กล่าว ท่านชอบลงของ ทำของด้วยตัวเอง
ชอบเลี้ยงสัตว์ หลวงปู่เลี้ยงหมา แมว ไก่ ตอนเช้าๆท่านจะขุนข้าวให้มันเองปรกติหลังหกโมงเย็น หลังจารตะกรุด ท่านจะมาให้ข้าวพวกมัน แมวคลุกข้าวให้กินในกุฏิ หมาจะมีข้าวในอ่างให้ข้างนอก เสร็จกิจ หลวงปู่จะสรงน้ำ ทำวัตรสวดมนต์ ปลุกเสกวัตถุมงคลและปฏิบัติธรรม
ชอบยิงคันกระสุน ใช้ลูกดินยิงแทนลูกธนู ท่านมักวางไว้ใกล้ตัว สมัยก่อน ใครเคยไปกราบ มักจะเห็นคันกระสุนวางข้างๆตัวท่าน
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จนาคปรกหลวงปู่ปรงวัดธรรมเจดีย์
ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
-
พระผงพระราหูหลวงปู่ทิมวัดพระขาวปี 2538 ปีที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงdiamondring ช่วงนี้ กระแสพระราหูแรง พระราหูเข้า ท่านใดชอบสายนี้ มีความเชื่อ ลองบูชาดูครับ ของดีของแท้ ครูบาอาจารย์ยุคเก่า สร้างเสกไว้นานแล้ว ร่วม30ปี
ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา
ชีวประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้
รายละเอียด : หลวงพ่อเอื้อน อตตมโน มีนามเดิม เอื้อน นามสกุล พันธุมิตร เกิดเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ที่บ้านเลขที่ ๑ หมู่ ๖ ตำบลวังแดง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ่อแม่ของท่านประกอบอาชีพในการทำนา และพ่อของท่านยังเป็นหมอแผนโบราณมีความเชี่ยวชาญรักษาโรค ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ เล่าเรียนด้านมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งการดูฤกษ์พานาที ทำนายทายทักก็ถือว่าค่อนข้างมีคนให้ความเลื่อมใสอย่างมาก
หลวงพ่อเอื้อนมี พี่น้องด้วยกัน ๗ คน ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวชาวนาเหมือนชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ชีวิตในวัยเยาว์ ท่านก็ช่วยเหลือครอบครัวเท่าที่ช่วยได้ นิสัยตอนเด็กของท่านนั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตา ไม่เคยเอาเปรียบใคร ๆ ช่วยเหลือคนอื่น ไม่ชอบการรังแกกลั่นแกล้ง
ถึงท่านจะเป็นเด็กที่ มีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่กว่าคนอื่น เมื่อเข้าเรียนหนังสือท่านยิ่งไม่ชอบการเอาเปรียบและกลั่นแกล้ง ใครจะมาแกล้งท่าน ท่านก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน อยู่ไปนานวันเข้าก็ไม่มีใครมารังแก เพราะใจมันสู้ซะอย่าง
พอจบชั้นประถมปีที่สี่แล้วก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ทั้งเลี้ยงวัว เกี่ยวหญ้า บางคราวก็ไปหาปลามาประกอบอาหาร เพราะในสมัยนั้นทำนาได้ปีละครั้ง หมดหน้าทำนาแล้วก็ไม่มีอะไร อยู่กับบ้านทำงาน ต่าง ๆ ไป ด้วยความเป็นคนที่ชอบความสงบ
สมัยนั้นชอบมากที่สุดคือในช่วงคืนเดือนหงาย พระจันทร์สาดส่อง สว่างไสวเป็นสีเหลืองที่งดงามมาก ท่านบอกดูแล้วมีความสุข ด้วยการที่เราไปเที่ยวบ้านเหนือบ้านใต้ก็ต้องระวังตัว เจ้าถิ่นเขาคอยจะหาเรื่องทะเลาะวิวาท ยิ่งถ้าไปจีบสาวในหมู่บ้านนั้นด้วยยิ่งแล้วเลยต้องเจอดีแน่นอน ท่านเองจึงไม่ค่อยชอบไปเที่ยวที่ไหน
ช่วงที่เริ่มเป็นหนุ่มนั้นก็ ถือว่าพอตัวเหมือนกัน คือไม่ยอมให้ใครมารังแก แต่ก็ไม่เคยไปรังแกใคร ไปบ้านไหนก็อ่อนน้อมถ่อมตน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็เล่าเรียนวิชามาเหมือนกัน โยมพ่อได้ถ่ายทอดให้ ตอนนั้นที่ว่าแน่นั้นต้องเสกปูนคาดคอ ขอดชายผ้าติดตัว บางครั้งก็เสกใบพลูกิน เรียกว่าพอเสกอะไรแล้ว ต้องลองกันได้เลย ถึงจะมั่นใจว่าไปแล้วไม่มีคำว่าเลือดไหลให้แมลงวันกิน ชีวิตเริ่มเป็นหนุ่มมากขึ้น ท่านกลับต้องช่วยโยมพ่อ
บาง ครั้งโยมพ่อจะสอนให้ทำกรรมฐาน ทำให้มีจิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ตอนแรก ๆ นั้นก็ทำไม่ค่อยได้ ใจคิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่พอบอกว่าเรียนมนต์คาถาต่าง ๆ ทำให้มีความสนใจ ตอนหลังถึงเข้าใจว่านั่นคือสมาธิ แต่การฝึกฝนทำสมาธิให้สงบ เมื่อนั่งแล้วต้องเห็นอะไร เมื่อจิตมีความสงบ มีสติ ก็ทำให้เกิดปัญญา มีความคิดรอบคอบ จะทำอะไรก็ไม่ผิดพลาด ต้องใช้การพิจารณาก่อน
ชีวิตตอนเป็นหนุ่มของท่าน ไม่มีเรื่องที่ต้องทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ร้อนใจ มีแต่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อน ๆ ช่วยงานทางบ้านทุกอย่าง หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนใกล้บวชพระนั้น มีความเบื่อหน่ายมาก เบื่อชีวิตในการครองเรือน เพราะเห็นเพื่อน ๆ มีความเดือดร้อนหลายคน บางคนมีลูกเมียแล้วก็ต้องพลัดพรากกัน ป่วยไข้ทรมาน แม้คนในหมู่บ้านที่ป่วยตายนั้นก็หลายคน ยิ่งมาพบเห็นชาวบ้านตายตอนโรคห่าระบาด ท่านบอกตอนนั้นกลัวเหมือนกัน พอเย็นลงมันวังเวงที่สุด บ้านของท่านมีคนแวะเวียนมาไม่เคยขาด เขามาขอให้ช่วยเหลือปัดเป่าให้โรคร้ายนั้นหายไป พ่อของท่านก็ทำน้ำมนต์ใส่กระถางใบโต เสกนานเป็นชั่วโมง
ท่านมาคิดได้ว่าชีวิตคนเรานี้ เมื่อเกิดแล้วก็ต้องป่วยไข้ หากไม่ป่วยไข้อาจถูกคนทำร้ายตาย บางคนยากจนแสนเข็ญหากินจนตาย ทำให้ปลงว่า ชีวิตนี้ต้องตายทุกคน บางรายนอนป่วยนานเป็นเดือนถึงตาย บางรายกว่าจะตายทรมานมาก อันนี้เกิดขึ้นด้วยผลแห่งกรรม
ต่อมา เมื่ออายุ ๒๒ ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบึง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีโอกาสศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐานตามแบบอย่างหลวงพ่อตาบ แห่งวัดมะขามเรียง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี รวมทั้งศึกษาการเขียนยันต์ตะกรุดจากหลวงพ่อตาบ จน พ.ศ. ๒๕๑๔ จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังแดงใต้ ได้พัฒนาวัดแห่งนี้จนมีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
สมเด็จและรูปถ่ายหลวงพ่อเอื้อนวัดวังแดงใต้หลังจารยันต์ด้วยหมึกหมึก ให้บูชาคู่กัน 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
-
ประวัติพระครูนิเวฐปัญญาภรณ์ (หลวงพ่อปัญญา ปัญญาทีโป)
ศิษย์กรรมฐานหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ศิษย์เอกและบุตรบุญธรรม หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
หลวงพ่อปัญญา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 ณ. บ้านเลขที่ 97 หมู่ 6 ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อ พ่อตา วิเชียร มารดาชื่อ แม่เผื่อน วิเชียร ในวัยเยาว์นั้น เด็กชายปัญญา มักจะขี้โรคเจ็บป่วยบ่อยๆบิดา มารดา จึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน เมื่อหลวงพ่อโอด รับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ได้ทำพิธีบรรพชาบวชเป็นสามเณร ให้ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 สามเณรปัญญา ได้รับใช้ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน อย่างใกล้ชิดตลอดมา จนกระทั่งอายุ 22 ปี จึงทำพิธีอุปสมบท ณ.อุโบสถ วัดจันเสน โดยมี พระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) วัดจันเสน เป็นพระอุปปัชฌาย์ พระครูลำใย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดบุตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัญญาทีโป” อุปปัชฌาย์ให้ความหมายว่า ผู้มีปัญญาดุจประทีป หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดจันเสนเช่นเดิม โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก แล้วเดินทางไปศึกษาบาลี จบประโยค 1 - 2 จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเลขานุการเจ้าคณะอำเภอตาคลี ซึ่งสมัยนั้น หลวงพ่อโอด ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าอาวาส วัดกกกว้าว เป็นพระครูสัญญาบัตร เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชน ตามลำดับ
ศึกษาพระกรรมฐาน และ พระเวทย์อาคม
หลวงพ่อปัญญาท่านได้เริ่มศึกษาพระเวทย์อาคมต่างๆจากหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ได้ถ่ายทอด วิชาอาคมต่างๆ ตลอดจนวิชาการเพ่งแผ่พลังจิต ให้กับหลวงพ่อปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงวันที่หลวงพ่อโอดละสังขาร
ศึกษากรรมฐาน
เมื่อครั้งเป็นสามเณร หลวงพ่อปัญญาได้เริ่มศึกษาพระกรรมฐานจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งจะเห็นหลวงพ่อปัญญา ติดตามหลวงพ่อโอดอยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงพ่อพรหม ได้เล่าเรื่องราวการธุดงค์ให้ หลวงพ่อปัญญาฟัง หลวงพ่อปัญญาเกิดความสนใจ จึงได้ศึกษาวิชาสมถะกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน วิชาอาคมต่างๆ กับหลวงพ่อพรหม จนหมดสิ้น พอสำเร็จวิชาแล้วหลวงพ่อพรหม จึงมอบชานหมากให้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยมาฝึกกับหลวงพ่อพรหม
นอกจากนี้
หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม และ หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี อีกด้วย
ด้านวัตถุมงคล
หลวงพ่อปัญญา ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ทั้งพระเครื่อง และ เครื่องรางของขลัง ซึ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างและปลุกเสกล้วนแล้วแต่ มีประสบการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งทางด้าน มหาอุด คงกระพัน กันภัยแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ป้องกันเขี้ยวงาและเหล่าวิญญานร้ายต่างๆ
รู้วาระจิตและวันละสังขาร
ในวันที่ 11 ธันวาคม 2559. ได้มีคณะผ้าป่าจาก ก.ท.ม.มาทอดที่วัดเพื่อหาปัจจัยบูรณะอุโบสถวัดกกกว้าว หลังจากทอดผ้าป่าเสร็จ ท่านได้เรียกพระอาจารย์ต้น ซึ่งเป็นพระเลขาฯและศิษย์ใกล้ชิด เข้าไปหา และได้กล่าวกับเจ้าภาพผ้าป่าว่า ให้มอบปัจจัยถวายพระอาจารย์ต้นจำนวนหนึ่ง และ สั่งให้พระอาจารย์ต้นไปเอาวัตถุมงคลที่กุฏิท่านกลับไปอีกจำนวนหนึ่ง และกำชับว่านี่เป็นปัจจัยเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่แล้ว จะได้ไม่เดือดร้อนจากนั้นท่านได้กล่าวขอบคุณกับคณะผ้าป่า เหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย แต่ไม่มีใครเคลือบแคลงในคำพูดของท่าน จากนั้น ในเวลา 22.25 น.ของคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2559. หลวงพ่อได้จาก เหล่าศิษยานุศิษย์ไปด้วยอาการอันสงบ ณ.กุฏิของท่าน สิริอายุ 65 ปี 43 พรรษา
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
รูปหล่อหลวงพ่อปัญญาวัดกกก้าวรุ่น 3 ปี 2538 ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
พระเกจิอาจารย์ผู้มีไสยเวทย์พุทธาคม ศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลัง พลังจิตแก่กล้า มีความสามารถเชี่ยวชาญในไสยเวทย์พุทธาคมหลายท่าน เมตตา มหานิยม เมตตาค้าขาย มหาเสน่ห์ โชคลาภ อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด ทำผงอิทธิเจ ผงปัทมัง ผงมหาราช ผงหน้าพระรักษ์ ผงอิติปิโสรัตนมาลา สีผึ้งมหาเมตตา
หลวงปู่สุข เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ถือมักน้อยสันโดษ บริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม บรรลุญาณสมาบัติชั้นสูง มีเมตตา พูดน้อยแต่ใจดี เอื้อเฟื้อปฏิบัติต่อพุทธศาสนิกชนที่มากราบนมัสการอย่างเสมอเหมือนกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
หลวงปู่สุข สุขเปโม เป็นศิษย์สืบทอดไสยเวทย์พุทธาคม สายหลวงปู่ศุข ชลประทาน วัดคงคาเดือด จากพระครูพรหมจริยคุณ (หลวงปู่ดี ธมฺมปญฺโญ) วัดแจ้งพรหมนคร สืบทอดสายวิชาท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม จากหลวงพ่อเปลี่ยน กัลญาโณ พระฐานานุกรม ของพระมงคลทิพยมุนี (ปญฺฑิโต มุ้ย) วัดจักรวรรดิราชาวาส (วัดสามปลื้ม) สืบทอดสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากเจ้าอธิการผิว คนฺธชาโต วัดป่าหวาย ได้รับถ่ายทอดวิชาสายหลวงพ่อลา
จวบ
หนึ่งท่านมีชื่อเสียงด้านวิชาไสยเวทย์พุทธาคมเข้มคลังมาก เป็นหลวงพ่ออยู่วัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ด.ช.สุข ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการท่านซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี ในขณะนั้นชื่อ พระครูโพธิสาร (หลวงพ่อสุธี) ซึ่งท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิ ผู้ได้รับสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อลา ชุณฺณชิ ด.ช.สุข จึงได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อสุธี และต้องการขอศึกษาวิชาไสยเวทย์พุทธาคม สายหลวงพ่อลา ชุณฺณชิ จากท่าน หลวงพ่อสุธี ก็ต้อนรับพร้อมกล่าวว่า ด.ช.สุข ต้องบรรพชาเป็น สามเณร เสียก่อนแล้วจึงมาเรียนได้ จากนั้น ด.ช.สุข ก็ได้กราบลากลับไปยังวัดป่าหวาย ได้นำเรื่องราวนี้ไปปรึกษาและเล่าให้ หลวงพ่อผิว ได้ทราบ หลวงพ่อผิว เมื่อทราบแล้ว จึงได้พิจารณาเล็งเห็นว่า ด.ช.สุข มีความสนใจด้านศาสนา และไสยเวทย์เป็นอย่างยิ่ง จึงได้ทำการบรรพชาให้ ด.ช.สุข เป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 14 ปีในปีพ.ศ.2486 เป็นต้นมา
สามเณรสุข ก็ได้เดินทางโดยนั่งเรือเมล์ไปยังวัดโพธิ์ศรี ระยะทางเรือจากวัดป่าหวายไปถึงวัดโพธิ์ศรี ประมาณ 25 กม. จะต้องใช้เวลานั่งเรือประมาณ 1 ชม. สามเณรสุข ได้มาเรียนสายวิชา หลวงพ่อลา ชุณฺณชิ จากพระครูโพธิสาร (หลวงพ่อสุธี) ไปกลับครั้งละ 2-3 วัน อยู่ถึง 2 พรรษา ได้รับการถ่ายทอดวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ จนจบสิ้น จากนั้นสามเณรสุข ก็ได้อยู่วัดป่าหวาย ช่วยเหลือดูแลรับใช้หลวงพ่อผิว ตลอดมา
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญหลวงปู่ศุขวัดป่าหวายสิงห์บุรีให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
หน้า 38 ของ 103