พระของหลวงปู่จะมีครบทุกด้านเเต่ที่เด่นนำออกมาคือลาภเเละเมตตาร่มเย็น ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินไปกราบหลวงปู่หลายวาระพระองค์ท่านทรงมีพระบรมราชานุญาติให้ใช้ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. บนวัตถุมงคลของหลวงปู่คลี่อีกด้วย
*ครั้งหนึ่งพระอาจารย์บ๊ะเคยพูดว่า “ของพ่อคลี่ใครไม่เก็บกูเก็บหมด ท่านปิดบังความเก่งตัวเอง ทั้งลาภทั้งเมตตาเย็นนำออกมาก่อนเลย” บนโต๊ะพระอาจารย์บ๊ะจะมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อคลี่วางอยู่ชิ้นหนึ่ง หลายคนคงเคยเห็นเเต่ไม่รู้จักกัน ท่านบอกว่า”ลาภโคตรดีเลยนะของพ่อคลี่เนี่ย”
ใครไม่เอาตูเอา
หลวงพ่อเอเคยถามพระอาจารย์บ๊ะว่า ความเมตตาของหลวงปู่คลี่ต่างจากเมตตาของอาจารย์ชุม ไชยคีรีอย่างไร ท่านตอบว่า “ ของหลวงพ่อคลี่ท่านจะเป็นในด้านของผู้ใหญ่ให้ความเมตตา เจ้านายเมตตา เพื่อนร่วมงานเมตตา ไม่มีเรื่องของชู้สาว”
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญหลวงปู่คลี่วัดประชาโฆสิตารามหลังภปร.ปี 2524ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
เหรียญหลังคาระเบิดลพ แช่มลป สี ถ้ำเขาบุญนาคลพ.วิชา ครูบาขัยวงศ์ลพ.จ้อยเขาสุวรรณประดิษฐ์เพรช
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.
หน้า 77 ของ 105
-
-
เมื่อปี 2542 ลงไทยรัฐ"เหนือฟ้าใต้บาดาล" แหวนของหลวงพ่อเอียดสู้ไฟเผาศพไม่ไหม้" เรื่องราวเป็นมาดังนี้
ประมาณกลางปี 2542 มีคนที่จังหวัดปทุมธานี ได้ป่วยและเสียชีวิตทางวัดได้ทำการฌาปนกิจศพ ชื่อนายประยูร รุจิอาจ อายุ 49 ปี ซึ่งมีญาติเข้าร่วมพิธี เหมือนงานศพทั่วไปมีการวางดอกไม้จันทร์ และพระสงฆ์ เข้าร่วมพิธี เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการก็มี หัวหน้าหมวดอนามัย ต.เชียงรากน้อย คุณสำราญ อยู่เกตุ ร.ต สวัสดิ์ คชบาง (ข้าราชการเกษียร) นาย ชาย อุ่นบางตลาด ซึ่งทั้งหมด เป็นชาวบ้านแถวนั้น และเป็นอาสาสมัคร ฌาปนกิจ (สัปเหร่ออาสา) ในพิธีกรรมก็ดำเนินการไปตามปกติ ที่ทั้ง 3 ท่านทำมาด้วยความชำนานกว่า 5 ปี ก็ใส่ไฟเข้าไปร่วม 3 ชั่วโมง จนทีมงานสัปเหร่ออาสา เห็นว่านานแล้วก็เปิดเตาเผาดู ปรากฎว่า เสื้อผ้าไหม้ไฟหมดแต่ร่างยังอยู่ปกติ ทั้งสามเห็นแหวนพระของหลวงพ่อเอียดอยู่ในนิ้วมือ จึงนำออกมาให้ญาติ แล้วจุดธูปบอกหลวงพ่อจึงใส่ไฟเผาใหม่ ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงจึงเผาหมดร่าง นับว่าเป็นที่อัศจรรย์มาก เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่วัดนี้มาก่อน และวันที่ 7 พ.ย 42 ทางไทยรัฐก็ลงเรื่องนี้
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกหลวงพ่อเอียดวัดไผ่ล้อม ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
อ.เจ็ก ผู้มีมานะบากบั่นเป็นเลิศ
อ.เจ็ก เป็นลูกคนจีน พ่อแม่ทำสวนอยู่
พระประแดง ท่านเป็นคนชื่นชอบวิชา
ไสยศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ อายุสิบสองปี ก็ไปเป็นศิษย์อ.พ่วง ในขณะที่คนอื่นในวัย
เดียวกัน ยังวิ่งเล่นกันอยู่เมื่ออายุ๑๖ปี ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์อ.แก้ว คำวิบูลย์ ศิษย์ก้นกุฏิหลวงปู่ทอง สำหรับอ.แก้วนับเป็นปรมาจารย์สายสักของสายนี้ เพราะศิษย์ของท่าน ไปมีชื่อเสียงทางสัก นับเป็นสิบๆคน ไว้วันหลังแอดมินจะนำรายชื่อลูกศิษย์ท่าน ที่เป็นอ.สักมาลงให้ดูกันเมื่ออ.เจ็กมาเป็นศิษย์อ.แก้ว ได้หกเดือนอ.เจ็กกับเพื่อนร่วมสำนักอีกสี่คน ได้รบเร้าอ.แก้วให้พามาฝากเป็นศิษย์หลวงปู่ทองอ.แก้ว จึงได้นำพาทั้งห้าคน มาที่วัดราชโยธาซึ่งสมัยมาวัดที่ลำบากมาก ต้องนั่งรถ แล้วต้องมาต่อเรืออีก จึงมาถึงวัดได้เมื่ออ.แก้วพามากราบหลวงปู่ทองแล้ว ก็เอ่ยปากฝากลูกศิษย์ทั้งห้ากับท่าน หลวงปู่ทองก็นั่งนิ่งเฉยไม่พูดอะไรอ.แก้วก็ขอตัวกลับก่อนแตก่อนกลับสั่งว่ายังไงก็อย่าเพิ่งกลับเพราะอ.แก้วคงรู้ใจหลวงปู่ทองว่าต้อทดสอบความอดทนพวกนี้แน่เมื่ออ.แก้วกลับไปแล้ว หลวงปู่ทองก็เดินเข้ากุฏิ ปิดกุฏิเงียบ แล้วไม่ยอมออกมาอีกเลยทั้งห้าคนจึงเดินเล่นกันบ้าง คุยกันบ้าง แต่รอถึงเย็นท่านก็ไม่ยอมออกมาตกลงทั้งห้าคน จึงต้องนอนค้างที่วัด ต้องนอนแถวหน้ากฏิ นอนก็ไม่ค่อยหลับ เพราะยุงชุมมากพอตอนเช้า หลวงปู่ทองก็ยังไม่ยอมออกจากกมิ จนกระทั่งบ่ายท่านก็ยังไม่ยอมออกมาเพื่อนอีกสี่คนจึงชวนกันกลับ เพราะพวกนี้ยัง
เป็นนักเรียนอยู่ มีแต่อ.เจ็กคนเดียวไม่ยอมกลับ คืนนั้น อ.เจ็กเลยต้องนอนหน้ากฏิคนเดียวพอเช้าอีกวันนึง หลวงปู่ทอง ท่านจึงเดินออกจากกุฏิมา เห็นอ.เจ็กอยู่คนเดียว ท่านก็เลยพูดว่า"ยังอยู่อีกหรือ ทำไม เอ็งยังไม่ยอมกลับเพื่อนเอ็งหนีกลับไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ"อ.เจ็กจึงบอกท่านไปว่า"ผมตั้งใจแล้ว ว่าต้องฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ให้ได้ ยังไงก็ไม่ยอมกลับ" หลวงปู่ทอง ท่านจ้องหน้าอ.เจ๊กเขม็ง
แล้วพูดว่า"เอ็งจะเรียนได้เหรอ หนังสือก็อ่านไม่ออก"ทำเอาอ.เจ็ก ประทับใจในญาณหยั่งรู้หลวงปู่ทองมาก เพราะยังไม่ได้บอกท่าน ว่าตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ท่านกลับรู้ได้ทำเอาอ.เจ็ก ประทับใจในญาณหยั่งรู้หลวงปู่ทองมาก เพราะยังไม่ได้บอกท่านว่าตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ท่านกลับรู้ได้อ.เจ็กจึงบอกท่านว่า "ผมจะใช้มานะจำเอาจะพยายามเรียนให้ได้ครับ" หลวงปู่ทอง จึงทดลองมานะอ.เจ็กอีก ใช้ให้ไปตัดฝืน ตักน้ำมาใส่ตุ่ม ใช้ทำงานสารพัด แต่อ.เจ็กก็ไม่ท้อกลับดีใจที่ได้รับใช้หลวงปู่ทองหลังจากวันนั้น อ.เจ็กก็เทียวมาจากพระประแดง มาวัดราชโยธามิได้ขาดทั้งที่สมัยนั้นการเดินทางใช้เวลาเป็นวันๆ อ.เจ็กมาพักได้ไม่กี่วัน ก็ต้องลากลับ เพราะต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ทำสวน อ.เจ็กเทียวไปเทียวมาจนหลวงปู่ทองมรณะภาพแอดมินจึงอยากให้คนรุ่นหลังที่อยากได้วิชาให้ยึดความมานะบากบั่น ของอ.เจ็กเป็นไอดอล ว่าสมัยก่อนลำบากขนาดนั้น ท่านยังมุ่งมั่นเรียนจนสำเร็จ
ศิษย์สายวัดสะพานสูง
อาจารย์เจ็กสามแยกไฟฉายฆราวาส 1 ใน 4 ที่โด่งดังมีชื่อเสียงแห่งยุคคือ 1 อาจารย์ชุมไชยคีรี 2 อาจารย์เที่ยงน่วมนามา 3 อาจารย์เจ็กสามแยกไฟฉาย 4 อาจารย์รอดสุดแสงจันทร์
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
รูปถ่ายหลวงปู่ทองวัดราชโยธารุ่นสร้างโบสถ์อาจารย์เจ็กปลุกเสก
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
เหรียญในหลวง ร.5 ไปมาใกล้ไกล ปลอดภัยทั่วทิศ ปลุกเสกโดย หลวงพ่อดี วัดพระรูป จ.สุพรรณบรี ปี 2536 เนื้อกะไหล่ทองปลุกเสก๑ไตรมาส พุทธคุณ เหรียญรุ่นนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีพลังทิพย์ของรัชกาลที่ 5 ดังนั้น เหรียญนี้จึงดีเด่นด้าน ป้องกันอันตราย เสริมดวงชาตา มหาอำนาจ มหานิยม น่าเก็บครับ
เหรียญนี้เหมาะสำหรับท่านที่ชอบเดินทาง
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญรัชกาลที่๕ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก ๒ เหรียญคู่
ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระผงพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ พิษณุโลก รุ่นปิดทอง ปี47
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่สวยงาม เด่นสง่าที่สุดของประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยผสมผสานกับศิลปะเชียงแสนอย่างลงตัว นับได้ว่าเป็นประติมากรรมชั้นสูงสุดแห่ง " พุทธศิลป์ "
องค์พระพุทธชินราชที่สร้างด้วยเนื้อโลหะทองสัมฤทธิ์ ลงน้ำรัก ปิดทอง เมื่อเนิ่นนานวันก็มีการชำรุดเกิดขึ้น ซึ่งเป็นหลักของธรรมชาติ เมื่อมีการชำรุด ก็ต้องมีการซ่อมแซมใหม่ เนื้อแผ่นน้ำรักและทองที่ลอกออกจากองค์พระพุทธชินราช ที่ได้ปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2444 มีอายุมาถึง ณ วันนี้ 103 ปี
ระยะเวลา103 ปีได้ซึมซับรับเอาความศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระพุทธชินราชไว้อย่างเต็มเปี่ยม และยังได้รับเอาพลังจิตจากพระเกจิทั่วประเทศ หลายยุคหลายสมัยที่ได้นั่งอธิษฐานปลุกเสกวัตถุมงคลจนนับครั้งไม่ถ้วน
จึงเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นในตัวเองของแผ่นน้ำรัก และทองที่ลอกออกมา
พระเทพรัตนกวี เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จึงได้นำแผ่นน้ำรักและทองอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ลอกออกจากองค์พระพุทธชินราช มาบดทำเป็นมวลสารเอก สร้างพระพุทธชินราชจำลองรุ่น " ปิดทอง " ทั้งเนื้อผงและเนื้อ โลหะ ผสมรวมกับเนื้อผงว่าน 200 ชนิด อาทิ ว่านตระกูลกวัก ว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์ ว่านตระกูลเศรษฐี ว่านโกเมน ว่านเครือ สาวหลง ว่านเงินไหลมา ว่านญาณรังษี ว่านถุงเงินถุงทอง ว่านทองไหลมา ว่านธรรมรักษา ว่านพญาหงษ์ทอง ว่านนเรศวร ว่านน้ำเต้าทอง ว่านปัดตลอด ว่านเพชรกลับดำ ว่านเพชนหลีก ว่านมงคลชัย ว่านวาสนาทางลาย ว่านสาลิกาลิ้นทอง ว่านค้ำคูณ ว่านนางคุ้ม ว่านสาวหลง ว่านเหล็กไหล ฯลฯ และผงเหล็กน้ำพี้ ผงกัลปังหาเนื้อแดง-ดำ
พิธีมหาพุทธาภิเษก
เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นสิริมงคล 9 วัน 9 คืน เริ่มตั้งแต่ วันที่ 17-18-19-20 (เว้น 21) 22-23-24-25-26 พฤศจิกายน 2547 (ตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12) ณ วิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงพระพุทธชินราชรุ่นปิดทองปี ๒๕๔๗
ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
วันนี้ จัดส่ง
ขอบคุณครับ -
ด้วยความเบื่อหน่ายปรารถนาจะ บวชอีกสักครั้งซึ่งในขณะนั้นมีอายุได้ ๒๙ ปี ๒๕๐๐ เป็นการฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษไปด้วยก็ตัดสินใจอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพนทอง อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับสมณฉายาว่า อติกฺกนฺโต แล้วอยู่ปฏิบัติธรรมกับ หลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง (หลวงพ่อเล็กรูปนี้เป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย)
หลวง พ่อได้เดินธุดงค์ไปตามเขาทั่วภาคตะวันออกเฉียงจรดไปถึงถ้ำนาแก นครพนม ได้พบกับพระป่านักปฏิบัติหลายรูปทั้งได้ขอเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสพบกับอาจารย์บุญลือ เป็นฆราวาส ชาวเขมร ผู้เก่งกล้าในด้านไสยศาสตร์ ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาถอนคุณไสยต่างๆ จนเป็นที่พอใจ แล้วเดินธุดงค์ต่อไป
พระเกจิที่ท่านได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมซึ่งท่านได้ลำดับครูบาอาจารย์ดังนี้
๑.พระอาจารย์อ่อน วัดหนองแขม นครสวรรค์
(มีศักดิ์เป็นอา ได้ศึกษาตั้งแต่เป็นสามเณร)
๒.หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์
(เมื่อครั้ง ไปอยู่ปรนนิบัติรับใช้เป็นสามเณรที่วัดหนองโพธิ์)
๓.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์
(ศึกษาอยู่ได้ 1 พรรษา ตอนบวชครั้งแรก)
๔.พระอาจารย์เล็ก วัดคลองเม่า ลพบุรี (มีศักดิ์เป็นอา)
๕.หลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง นครสวรรค์
(เมื่อครั้งอุปสมบทอยู่วัดโพธิ์ทอง ซึ่งหลวงพ่อเล็กรูปนี้เป็นศิษย์ที่สืบทอดพุทธาคมมาจาก หลวงพ่อปาน วัดบางเ หีย้)
๖.อาจารย์บุญลือ
(ไม่ทราบนามสกุล) เป็นชาวเขมร (เมื่อคราวออกธุดงค์)
เริ่มพัฒนาสร้างสำนักสงฆ์ และโรงเรียน
เหรียญ ทบ.๑ หลังหนุมานกงจักร หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย ---
รายละเอียด เหรียญหนุมาน ทบ.๑ หลังหนุมานกงจักร หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย สุดยอดเหรียญรุ่นนึงที่มีประสบการณ์มากสุดๆ เช่น
จ่าสิบเอก วารี ช่อประทีป สังกัดกองร้อยสนับสนุนช่วยรบ ค่ายขุนผาเมือง ได้รับรถเก๋งออกจากค่ายไปทำธุระในตัวเมือง พอไปถึงหน้าโรงพยาบาลเพชรรัตน์ มีรถจักรยานยนต์ตัดหน้า ด้วยความเร็วไม่ทันตั้งตัวก็หักหลบ รถตกถนนพลิกคว่ำ 3 ตลบ แล้วพลัดลงข้างทาง (เกิดขึ้นฤดูฝน) น้ำเจิ่งนองเต็มไปหมด จนรถจมไปในเลนน้ำ พอเจ้าตัวตั้งสติได้ ก็หาทางออกอยู่นาน ก็ออกไปได้ เลยนึกถึง หลวงพ่อประเทือง ขึ้นมาได้เอามือไปสัมผัสกับกระจกรถ กดลงก็เปิดไม่ได้อีก จนตัดสินใจกระทุ้งตัวจนออกมาได้ แล้วขึ้นมาอยู่บนถนน
อีกประสบการณ์ มีนายพันโท ทางจังหวัดกาญจนบุรี ที่ลาดหญ้า เคยอาราธนาเป็นหลังเป้าให้ทหารยิง 5 คน ยิงกันไปที่เป้าที่มีเหรียญอยู่ ปรากฏว่าทั้ง 5 กระบอกยิงไม่ออก ไม่ได้ยินสักนัดเลย
เรื่องต่อมา จ่าสิบเอกไพฑูรย์ สวนสิริ สังกัดกองพันทหารม้าที่ 13 อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ค่ายขุนผาเมือง ซึ่งค่ายขุนผาเมืองนี้มีลูกศิษย์หลวงพ่อประเทืองแทบทั้งนั้น เคยไปร่วมรบกันที่จังหวัดน่าน ยืดยื้อมาถึงอุตรดิตถ์ 3 หมู่บ้าน แล้วที่เขาค้อ บ้านร่มเกล้า อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ตาก แม่สอด ท่าสองยาง ทหารของกองม้าที่ 13 ค่ายขุนผาเมือง จ.ส.อ.ไฟฑูรย์ พร้อมครอบครัวได้เดินทางไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่จังหวัดขอนแก่น ขับมาด้วยความเร็ว 120-130 โดยคุยกับภรรยาไปด้วย ไม่ทันมอง หันกลับมาเจอรถสิบล้ออยู่ด้านหน้า ไม่ทันตั้งตัวเลยหักหลบลงข้างทาง ล้อแม็กด้านซ้ายหน้าหลุดทำให้รถพลิกลงข้างทางสูง 50 เมตร สภาพรถไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก ตัวจ่าเองติดอยู่ในรถ จ่าไม่ได้รับอันตรายใดใดเลย แต่เหรียญ ทบ.๑ ที่แขวนอยู่นั้นหายไป ระหว่างชุลมุล
อีกเรื่อง สิบเอก วสันต์ อ่ำศรีเอี่ยม เป็นทหารหาญอยู่ที่เขาค้อ ขับรถจักรยานยนต์ลงจากเขาค้อ ด้วยความเมา ประกอบด้วยเขาสูงชัน พอมาครึ่งทางก็พุ่งเข้าชนท้ายรถสิบล้ออย่างจังๆ สิบเอกวสันต์ สลบคาที่คิดว่าจะตายแล้ว แต่พอฟื้นมาไม่มีรอยอะไรเลย จะมีก็แค่ข้อมือที่กำแฮนด์เท่านั้น
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงไม่มีแต่งเสริมครับ พุทธคุณสุดบรรยายจริงๆ ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
รูปหล่อหลวงพ่อประเทืองเหรียญกันภัยและเหรียญทบหลังกงจักรรุ่นประสบการณ์
ให้บูชา 3 องค์ 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระอาจารย์มหาปลอด ติสุสเทโว วัดโพธิ์นิมิตรสถิตมหาสีมาราม
พระเครื่องของท่าน...หายาก
ประวัติพระอาจารย์มหาปลอด ติสสเทโว ป.ธ. ๘
สถานะเดิม ชื่อ ปลอด นามสกุล เดชอุดม
เกิดวันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๗ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีขาล นามบิดา นายเดช เดชอุดม
นามมารดา นางเปลี่ยน เดชอุดม ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ ๑๐ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
บรรพชา วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ. ศ. ๒๔๗๔ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปี มะแม ณ วัดกันตทาราราม แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยมีพระครูสุขวัฒนเวที เจ้าอาวาสวัดกันตทาราราม เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ณ วัดกันตทาราราม พระทักษิณคณิศร เจ้าอาวาสวัดอินทาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูสุขวัฒนเวที เจ้าอาวาสวัดกันตทาราราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
วิทยฐานะ พ.ศ. ๒๔๖๘ สำเร็จวิชาสามัญ ชั้นประถมปีที่ ๓ จากโรงเรียนประถมวัดอินทาราม แขวง บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๗๖ สอบได้ นักธรรมเอก สำนักเรียนวันอินทาราม แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๘๘ สอบได้ ป.ธ.๘ สำนักเรียนวันอินทาราม แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
การศึกษาพิเศษ เป็นผู้ทรงจำพระปาฏิโมกข์
เป็นผู้มีความรู้ในภาษามคธ
เป็นผู้มีความรู้ในภาษาพม่า
เป็นผู้มีความรู้ในภาษาอังกฤษ
งานปกครอง พ.ศ. ๒๔๙๑ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ. ๒๕๐๕ – ๒๕๑๒ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกันตทาราราม
พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นเจ้าคณะ ๑ วัดโพธินิมิตร
พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธินิมิต
งานการศึกษา พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมที่สำนักเรียนวัดอินทาราม
พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง
พ.ศ. ๒๔๗๙ พระวิเชียรมุนี เจ้าอาวาสและเจ้าสำนักเรียนวัดอินทารามไปขอต่อเจ้าอาวาสวัดกันตทาราราม (โดยเดินตากฝนไม่กางร่มมา) ให้ย้ายไปอยู่วัดอินทารามเพื่อช่วยการศึกษาปริยัติธรรมให้เต็มที่ และสะดวกในการเดินทางไปกลับทุกวัน
พ.ศ.๒๔๙๐ เป็นกรรมการตรวจข้อสอบประโยคบาลีสนามหลวง
พ.ศ. ๒๔๙๕ ในวันที่ ๙ มิถุนายน พระโพธิสังวรเถระ เจ้าอาวาสวัดโพธนิมิตร ซึ่งขณะนั้นเป็นพระครูไพโรจน์วุฒิคุณ คิดจะตั้งสำนักศึกษานักธรรม – บาลี ขึ้นในวัดโพธินิมิตร เพราะภิกษุสามเณรมีจำนวนมากขึ้นต้องแยกย้ายกันไปเล่าเรียนตามวัดต่างๆ รวมพระนวกะที่บวชใหม่ด้วย เป็นการไม่สะดวก ครูอาจารย์ที่จะมาสอนก็ไม่มี จึงไปขอกับพระวิเชียรมุนี เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ให้ขอย้ายไปอยู่วัดโพธินิมิตร เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินการจัดตั้งสำนักศึกษานักธรรม – บาลี ขึ้นประจำวัด และเป็นอาจารย์สอนปริยัติธรรมเป็นการถาวร จนมีภิกษุ- สามเณร – เปรียญ – นักธรรม เพิ่มมากขึ้นเป็นปึกแผ่น และได้ยกฐานะขึ้นเป็นสำนักเรียนเรียกว่า “ สำนักเรียนวัดโพธินิมิตร ” อยู่จนถึงทุกวันนี้
พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการศาสนาบัณฑิต ในการสังคายนา พระธรรมวินัย ตรวจชำระพระไตรปิฎก
พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นประธานการแจกทุนการศึกษา แก่นักเรียนที่เรียนดีแต่มีความประพฤติดี แต่ขาดทุนทรัพย์ ในงานวันเด็กแห่งชาติ กิจกรรมภายในห้องสมุดวัดโพธินิมิตร
งานการเผยแผ่ ท่านเป็นพระนักเทศน์รูปหนึ่ง ได้แสดงธรรมในสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านได้ร่วมจัดนิทรรศการโต๊ะหมู่บูชา และนิทรรศการเรื่องต่างๆในพระพุทธศาสนา ในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาวันวิสาขบูชา ที่ท้องสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นพระวิทยากรบรรยายอบรม โครงการเสริมความรู้พระนวกะ ในช่วงพรรษากาลตลอดไตรมาส ของคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร
งานศึกษาสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๕๔๓ บริจาคเงินสมทบ เข้ากองทุนมูลนิธิโรงเรียนวัดโพธินิมิตร เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่เรียนดี แต่ขาดทุนทรัพย์ เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และเพิ่มทุน อีก ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นจำนวนเงินอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งหมด ๖๐๐,๐๐๐ บาท
มรณภาพ
ท่านอาพาธเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีโรคประจำตัว พอมาวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
ท่านมี อาการหายใจไม่ค่อยออก ลูกศิษย์ได้พาส่งโรงพยาบาลทหารเรือ แต่ท่านก็ยังปรกตินั่งได้ พูดคุยได้ เพียงบ่นว่านอนไม่หลับ
พอวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. คุณดิเรกไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ท่านยังคุยปรกติ พอเวลา ๑๓.๐๐ น. ท่านก็หลับไปอย่างสงบ รวมสิริ อายุได้ ๙๙ ปี ๑ เดือน ๓๓ วัน
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ล็อกเก็ตหลวงพ่อมหาปลอด วัดโพธิ์นิมิตร ตลาดพลู
ทำบุญอายุครบ ๘๔ ปี ปี ๒๕๓๙
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระขุนแผนเเสนเสน่ห์ หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์ สิงห์บุรี (ออกที่วัดห้วยเจริญสุข) เป็นอีก 1 รุ่นท้ายๆก่อนที่หลวงปู่จะละสังขาร ปัจจุบันพบเห็นกันน้อยมากครับ
วิธีบูชา
ตั้งนะโม 3 จบ
นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์
เเล้วให้ภาวนาคาถาว่า สุนะโมโล มหาลาโภ ภวันตุเมฯ
ให้ภาวนาคาถานี้ทุกวัน จะบังเกิดสิริมงคล เมตตามหานิยม โชคลาภเงินทอง ดีนักหนาฯ
หลวงปู่ปรง ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ท่านเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ เป็นศิษย์รุ่นเดียวกันกับ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ผงอิทธิเจ ของหลวงปู่ปรงนั้น เด็ดขาดมาก ทางมหานิยม มหาเสน่ห์ ขนาดที่ว่า เวลาที่ท่านลบผง และทำผงอิทธิเจ จะมีพวกแมลงต่างๆ มากมายมารุมเกาะตามตัวและใบหน้าของท่านเต็มไปหมด นั้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้ใดได้พระของท่านไปบูชา จะทำให้ผู้บูชามีสง่าราศี บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ทางด้านเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ เป็นเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามและอุดมด้วยโชคลาภ ผู้ที่บูชาพระเครื่องของท่านล้วนแต่เจริญในหน้าที่การงาน ร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็มีมากทั้งยังมีประสบการณ์ทางด้านแคล้วคลาด รอดตายจากอุบัติเหตุ ลูกศิษย์ที่มีพระเครื่องของท่านไว้บูชาบางคนถูกลอบยิง แต่ไม่ได้รับอันตราย ปืนยิงไม่ออก ปากกระบอกปืนแตกหลวงปู่ปรงได้อยู่จำพรรษาที่วัดธรรมเจดีย์ เป็นเวลาถึง ๓๐ พรรษา ในบั้นปลายของชีวิต ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยเจริญสุข ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน และเป็นวัดที่ท่านได้อุปสมบทครั้งแรกโดยหลวงปู่ปรง ได้ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถที่ชำรุดทรุดโทรม จนคืนสู่สภาพเรียบร้อยแข็งแรงดี ท่านได้มรณภาพลงเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ ๙๕ ปี
สำหรับวัตถุมงคลที่หลวงปู่ปรงได้สร้างไว้มีหลายประเภท เช่น พระพิมพ์สมเด็จเนื้อผง, พระปิดตาเนื้อผง, รูปถ่าย, เหรียญ, ตะกรุด, ผ้ายันต์, ล็อกเกต, แหวนมงคลเกล้า, ปลัดขิก, รักยม, ฯลฯ
การปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านจะอัญเชิญพระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ของท่านมาร่วมปลุกเสกด้วยเสมอ โดยตัวท่านเองจะปลุกเสกด้วยพระคาถาชินบัญชร และพระคาถาบทอื่นๆ ตามความเหมาะสมของวัตถุมงคลนั้นๆ
พูดถึงผงอิทธิเจของท่าน ถือว่าสุดยอดมากๆ หลวงปู่ปรง ท่านสำเร็จวิชาลบผงที่เก่งจริงครับ ท่านชอบลบผง ผงลบทีท่านจะทำครั้งละหลายๆวัน ทำเสร็จหลวงปู่จะไม่สบายทุกครั้ง เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ เพราะฉะนั้นพุทธคุณพระที่เป็นเนื้อผงของหลวงปู่ปรง สาสโน เมตตาสุดยอดจริงๆ ทำมาหากินได้คล่อง เงินทองไม่ขาดมือ เหมือนจะหมด แต่ก็มีมา ยิ่งขอหลวงปู่ ยิ่งได้ ต้องขอ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการครับ)
-
เปิดดูไฟล์ 6384495 เปิดดูไฟล์ 6384498 เปิดดูไฟล์ 6384500 ]
เหรียญพระประธานในพระอุโบสถหลังภปร.วัดกัทลีพนาราม( วัดบ้านกล้วย )จัดสร้างขึ้นในปี2512วัตถุประสงค์ในการ
จัดสร้าง ในงานยกช่อฟ้าวัดบ้านกล้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙และรัชกาลที่ ๑๐ ได้เสด็จยกช่อฟ้าและเททองหล่อป้ายพระเกตุพระประธานในพระ
อุโบสถวัดบ้านกล้วยตามคำบอกเล่าของคนแก่ว่าเหรียญพระประธานโบสถ์วัดบ้านกล้วยได้มีการจัดสร้างขึ้นหลายเนื้อเช่น
1 เนื้อทองคำ
2 เนื้อนาค
3 เนื้อเงิน
4 เนื้อทองแดงผิวไฟ
5 เนื้อทองแดงรมดำ
จำนวนการสร้างไม่ทราบแน่ชัดมีพระเกจิปลุกเสกมากมาย อาทิเช่น.
1.หลวงปู่คำมี วัดถำ้คูหาสวรรค์
2.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
3.หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน
4.หลวงพ่อบุญมี วัดสิงห์ทอง
5.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
6.หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
7.หลวงพ่อเกรียง วัดหินปักใหญ่
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เหรียญกลมเล็ก ท่านเจ้าคุณนรฯ พร้อมโบว์เข็มกลัด หลังยันต์น้ำเต้า สภาพสวยสมบูรณ์ กะไหล่ทองเดิมๆ ปี 2513
เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิตย์ วัดเทพศิรินทร์ฯ กทม. ท่านเป็นพระผู้ทรงไว้ซึ่งปฏิปทาและวัตรปฎิบัติอันดีงาม บริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านเป็นพระอรหันต์ในยุคกึ่งพุทธกาล ซึ่งควรแก่การเคารพสักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณเป็นอย่างยิ่ง
เข็มกลัด เหรียญ หันข้างกลมเล็ก เจ้าคุณนร ธมฺมวิตกฺโก เนื้อกระไหล่ทอง พร้อมโบว์เข็มกลัด ออกวัดเทพศิรินทราวาส พ.ศ. 2513
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
สมเด็จปรกโพธิ์เก้าพลิกแผ่นดินหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน กลับร้ายกลายเป็นดีเสริมดวงชะตา ผสมเกศาหลายเส้นเห็นชัดเจน เจ้าของเดิมทาทอง ลงสีทอง องค์พระตามความเชื่อบูชาด้วยทองเร่งโชลาภ
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
-
ขอกราบอาราธนาประวัติหลวงพ่อ เพื่อเชิดชูเกรียติคุณของหลวงพ่อให้สาธุชนรุ่นหลังได้รู้และไม่ลืมเลือนหายไป สาธุ
ชาติภูมิ หลวงพ่อสม เกิดในสกุล ยาอุไร เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2441 ณ บ้านเลขที่ 130 หมู่บ้านทองลุ่ม หมู่ที่ 2 ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายถมยา และนางบุญมา มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงพ่อสมเป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องทั้ง 4 คน
เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2461 ณ พัทธสีมาวัดตะค่า (วัดดอนบุบผาราม ในปัจจุบัน) ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี มีพระครูธรรมสารรักษา (หลวงปู่อ้น) วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการผ่อง วัดยาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการโฉม วัดพังม่วง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายา คังคสุวัณโณ
ในช่วงพรรษาแรก ท่านได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่อ้น ที่วัดดอนบุบผาราม ศึกษาวิทยาคมจากหลวงปู่อ้น ซึ่งหลวงปู่อ้นได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้มากมาย
กล่าวกันว่าในยุคนั้น วัดดอนบุบผาราม เปรียบเสมือนตักสิลาแห่งการเรียนรู้อีกแห่งหนึ่งของเมืองสุพรรณบุรี อีกทั้งหลวงปู่อ้น เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มี ชื่อเสียงโด่งดังของเมืองสุพรรณบุรีในสมัยนั้น มีชื่อด้านวิทยาคมและแพทย์แผนโบราณ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
พ.ศ.2462 หลวงพ่อสมได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(เข้ม) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ โดยจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ที่คณะ 9 ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี สอบได้นักธรรมชั้นตรี
หลวงพ่อสม เดินทางกลับวัดดอนบุบผาราม เมื่อปี พ.ศ.2467 เพื่อปฏิบัติรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่อ้น ซึ่งขณะนั้นอาพาธ และในปี พ.ศ.2469 หลวงปู่อ้นมรณภาพด้วยโรคชรา สิริอายุได้ 88 ปี
ต่อมา หลวงพ่อสม ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนบุบผาราม ในปี พ.ศ.2471
หลวงพ่อสม ท่านเป็นที่มีเมตตาจิตต่อประชาชนเสมอเหมือนกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นพระนักพัฒนา ทั้งอาคารสถานที่ การศึกษา จนกระทั่งพัฒนาคน ส่งเสริมการศึกษาเล่าเรียน อบรมศีลธรรม จริยธรรม แก่พุทธศาสนิกชนให้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบตามหลักของพระพุทธศาสนา และประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและบ้านเมือง
อีกทั้ง หลวงพ่อสม ไม่เคยใช้วาจาที่เปล่งออกไปซึ่งทำให้บุคคลใดเจ็บใจเลย หรือพูดง่ายๆ ว่า "หลวงพ่อด่าไม่เป็น"
คำสอนที่หลวงพ่อสม มักกล่าวอบรมลูกศิษย์ คือ "สะทา โสตถี ภวันตุ โว" อันมีความหมายว่า "จงทำดี พูดดี คิดดี จะเป็นศรีแก่ตน"
ครั้งหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ.2492 หลวงพ่อสมได้เดินทางไปตัดไม้ในป่า เพื่อนำมาสร้างวัด โดยมีกรรมการวัดเดินทางไปด้วยมากมาย ท่านตั้งกองเกวียนอยู่ที่ด่านช้างดงเชือก หรือ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ในปัจจุบัน
ตกกลางคืน หลวงพ่อสมได้จำวัด มีลูกศิษย์และคณะกรรมการวัดที่ เดินทางติดตามกันมานอนกันล้อมรอบหลวงพ่อสม ด้วยความอ่อนเพลีย คนส่วนมากจึงหลับกันหมด
ปรากฏว่าได้มีงูเห่าหม้อดำสนิท ยาวประมาณ 1 เมตร เลื้อยขึ้นมานอนขดอยู่บนอกหลวงพ่อสม แต่หลวงพ่อไม่ตกใจ กลับเรียกให้ทุกคนที่นอนล้อมเป็นวงกลมรอบๆ ท่านดู พร้อมกับบอกบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายว่า "อย่าไปทำอะไรเขานะ เขามาร่วมอนุ โมทนาในการตัดไม้ไปสร้างวัดกับพวกเราด้วย เดี๋ยวเขาก็จะไปเอง"
จากนั้นงูเห่านั้นก็ได้เลื้อยไปอย่างช้าๆ พอพ้นเขตกองเกวียนของวัด งูนั้นได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์
ยามรุ่งอรุณของวันที่ 5 เมษายน 2532 ซึ่งเป็นวันพระทำบุญตามประเพณีไทย ชาวบ้านต่างมาทำบุญใส่บาตร พระภิกษุสามเณรลงสู่ศาลาการเปรียญ และทายกได้ดำเนินศาสนพิธี
ขณะนั้น หลวงพ่อสมนอนพักอยู่ที่กุฏิ ได้ยินเสียงพระกำลังให้ศีลอยู่บนศาลาใหญ่ ท่านจึงถามลูกศิษย์ซึ่งอยู่ปฏิบัติรับใช้ ว่า "วันนี้เขาทำอะไรกัน" ลูกศิษย์ตอบว่า "วันนี้เป็นวันพระสิ้นเดือน 4 เขาทำ บุญกัน"
หลวงพ่อสมก็ตอบมาทันควันว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันตายวันนี้แหละ" ทุกคนที่นั่งตรงนั้นต่างตกตะลึง
จากนั้นท่านได้ขอให้ลูกศิษย์ช่วยอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ก่อนให้หลวงพ่อสม นอนหลับตาทั้งสองอย่างสนิท
ในที่สุด หลวงพ่อสมได้มรณภาพ อย่างสงบ สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71
วันนี้เขาทำอะไรกัน ท่านพระครูปลัดสมทรง ตอบกลับหลวงพ่อว่า วันนี้เป็นวันพระสิ้นเดือน (แรม๑๕คำ่เดือน๔) เขาทำบุญตรุษกัน หลวงพ่อท่านตอบสวนขึ้นมาทันควันว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันตายวันนี้แหละ" หลังจากหลวงพ่อชำระล้างร่างกาย ครองจีวรเสร็จเป็นปริมณฑลเรียบร้อย หลวงพ่อท่านบอกฉันจะนอนแล้วนะ พอท่านนอนเรียบเหยียดเท้าทั้งสองข้างตรง ท่านเอามือทั้งสองข้างวางทับกัน เอามือขวาทับมือซ้ายประดุจว่าท่านเข้าสมาธิ เมื่อท่านหลับตาทั้งสองข้างสนิท จากนั้นท่านหายใจแผ่วเบาลง อ่อนลงๆ แล้วหลวงพ่อก็สงบนิ่งไม่มีอาการหวั่นไหวกายสะเทือนแม้แต่สักนิด ประดุจเทียนที่จุดสว่างไสว แล้วดับไปเองฉันนั้น ในเวลา ๐๗.๕๐ น. ในปี ๒๕๓๒
กราบพระเดชพระคุณ พระครูศรีคณานุรักษ์ (หลวงพ่อสม คังคสุวัณโณ) ยาอุไร
อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนบุบผาราม
อดีตเจ้าคณอำเภอศรีประจันต์
จังหวัดสุพรรณบุรี
เหรียญหลวงพ่อสมยาอุไรหลวงพ่อสม คังคสุวัณโณ
วัดดอนบุบผาราม สุพรรณบุรี ปี ๒๖
ยอดพระเกจิ แห่งเมืองสุพรรณบุรี
พระเครื่องของท่าน มีประสบการณ์มากมาย
ประวัติ “หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม” เกจิสุพรรณฯ
เหรียญดัง”โดดร่มไม่กาง…ตกปรางค์ไม่ตาย”
"พระครูศรีคณานุรักษ์" หรือ "หลวงพ่อสม คังคสุวัณโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนบุบผาราม และอดีตเจ้าคณะอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระนักพัฒนาชื่อดังในอำเภอศรีประจันต์ หลวงพ่อสม เป็นพระเกจิชื่อดัง 1 ใน 9 สุดยอดพระเกจิเมืองสุพรรณในยุคหลังกึ่งพุทธกาล และเป็น 1 ในพระเกจิอาจารย์ดัง 9 รูป ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญ 9 สมเด็จเมืองสุพรรณ
ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชีวิตยืนยาวถึง 5 แผ่นดิน เกิดในสกุล “ยาอุไร” เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2441 ณ บ้านเลขที่ 130 หมู่บ้านทองลุ่ม หมู่ที่ 2 ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี โยมบิดาชื่อ นายถมยา โยมมารดาชื่อ นางบุญมา มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงพ่อสมเป็นบุตรคนที่ 2
อายุ 20 ปีเข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดตะค่า (วัดดอนบุบผารามในปัจจุบัน) ตรงกับวันที่ 16 ส.ค 2461 โดยมี พระครูธรรมสารรักษา (หลวงปู่อ้น) วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผ่อง วัดยาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการโฉม วัดพังม่วง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “คงฺคสุวัณฺโณ” ในช่วงพรรษาแรกได้อยู่ศึกษาวิชาอาคมต่างๆกับหลวงปู่อ้นที่วัดดอนบุบผาราม ซึ่งท่านให้ความรักและเมตตาอย่างมาก โดยถ่ายทอดสรรพเวทวิทยาคมต่างๆที่ท่านศึกษามาทั้งชีวิตให้หลวงพ่อสมจนหมดสิ้น
สำหรับหลวงปู่อ้นท่านเก่งด้านพระเวทวิทยาคม และแพทย์แผนโบราณ เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเดียวกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย แม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ยังเคารพนับถือหลวงปู่อ้นมากๆ และท่านยังดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีด้วย ในยุคนั้นวัดดอนบุบผารามเปรียบเสมือนตักศิลาแห่งการเรียนรู้อีกแห่งหนึ่งของเมืองสุพรรณทีเดียว
ปี 2462 หลวงพ่อสมเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ท่าเตียน) โดยจำพรรษาอยู่คณะ9 ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี สอบนักธรรมชั้นตรีได้ แต่ยังไม่ทันสอบบาลีก็ต้องเดินทางกลับวัดดอนบุบผารามเพื่อปฏิบัติพระอุปัชฌาย์จารย์คือ หลวงปู่อ้น ซึ่งขณะนั้นอาพาธและต่อมามรณภาพด้วยโรคชราในปี2469 สิริอายุ 88 ปี โดยหลวงพ่อสมได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน ในปี พ.ศ.2471
วาระสุดท้ายหลวงพ่อสมมรณภาพในปี 2532 ซึ่งเป็นวันพระทำบุญตรุษตามประเพณีไทย มีชาวบ้านมาทำบุญใส่บาตรจำนวนมาก ในช่วงนั้นท่านอาพาธอยู่ที่กุฏิได้ยินเสียงพระกำลังให้ศีลอยู่บนศาลาใหญ่ ท่านจึงถามพระลุกศิษย์ที่อยู่ปฏิบัติรับใช้ว่า "วันนี้เขาทำอะไรกัน"
พระลูกศิษย์ตอบว่า "วันนี้เป็นวันพระสิ้นเดือน 4 เขาทำบุญกัน" ท่านก็ตอบมาทันควันว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันตายวันนี้แหละ"
แล้วท่านก็มรณภาพในท่านอนเหยียด เท้าทั้งสองตรง เอามือทั้งสองมาวางทับกันโดยมือขวาทับมือซ้าย ประดุจดังว่าท่านเข้าสมาธิ สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 15 วัน 71 พรรษา ปรากฏว่า สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และประดิษฐานอยู่ในโลงแก้วให้ศิษยานุศิษย์และผู้เคารพศรัทธากราบไหว้
วัตถุมงคลหลวงพ่อสมได้รับความนิยมตลอดกาล พุทธคุณจะโดดเด่นในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย ค้าขายดีมีกำไร แต่ผู้ที่ใช้ต้องเป็นคนดี ไม่เป็นคนคดโกงใคร และเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะวัตถุมงคลหลวงพ่อสมทุกรุ่น จะมีชื่อแบบชาวบ้านเรียกตามประสบการณ์ของรุ่นนั้นๆ เสมอ
อย่างเช่น "เหรียญรุ่นคานหัก" สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2528 เนื่องในโอกาสที่อายุครบ 88 ปี สร้างจากเนื้อกะไหล่รมดำ เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อสม ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอธิษฐานจิตเสกเดี่ยวถึง 4 ครั้ง ที่อุโบสถวัดดอนบุบผาราม ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่ปี 2528 จนกระทั่งถึงปี 2532
ลักษณะเป็นเหรียญเสมา ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อสมหน้าตรง ด้านล่างเขียนว่า "หลวงพ่อสมยาอุไร" เขียนติดกัน ซึ่งคำว่า "ยาอุไร" เป็นนามสกุลเดิมของหลวงพ่อสม
ด้านหลังเป็นยันต์ "มะอะอุ" ซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวหลวงพ่อสม ใต้ยันต์เขียนว่า "พ.ศ.๒๕๒๘" รอบเหรียญด้านล่างเขียนว่า "วัดดอนบุบผาราม รุ่นอายุครบ ๘๘ ปี"
ส่วนที่ชาวบ้านเรียกกันว่ารุ่นคานหัก เนื่องจากเหรียญรุ่นนี้ไม่เคยนำออกมาแจกญาติโยมเลย หลังจากสร้างขึ้น จนกระทั่งหลวงพ่อสม ได้มรณภาพลง ทางวัด ได้เตรียมนำเหรียญรุ่นนี้ออกมาเพื่อแจกญาติโยม แต่ปรากฏว่าจะแบกจะดึงกล่องบรรจุเหรียญอย่างไร ก็ไม่ขยับออกมาแม้แต่น้อย จนกระทั่งชาวบ้านร่วมใจกันไปหาไม้คาน กระทู้ไม้ไผ่มาหาบหาม ก็หักทุกครั้ง
สุดท้าย ต้องจุดธูปอธิษฐานขออนุญาตหลวงพ่อสม จึงสามารถเคลื่อนย้ายเหรียญรุ่นนี้ออกมาแจกชาวบ้านได้ ชาวบ้านจึงเรียกกันติดปากว่า "เหรียญรุ่นคานหัก"
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์เหรียญรุ่นพระปรางค์ หรือรุ่น 3 สร้างปี พ.ศ.2519 ก็มีประสบการณ์เลื่องลือจนชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “เหรียญรุ่นโดดร่มไม่กาง ตกพระปรางค์ไม่ตาย” ที่มาเกิดจากเมื่อปี 2522 ร.ต.ท.ทอง หล่อ ทับทิมศรี ซึ่งเป็นทหาร ไปฝึกโดดร่มที่จังหวัดลพบุรี ขณะโดดร่มลงมาปรากฏว่าร่มไม่กางออก ส่งผลให้ตกลงสู่พื้นอย่างแรง เพื่อนทหารที่โดดร่มด้วยกันคิดว่าต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่กลับไม่มีอะไรระคายผิว และนั่งพับร่มเก็บเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อีกรายได้ขึ้นไปซ่อมบูรณะพระปรางค์ที่วัด (เหรียญรุ่นนี้มีรูปพระปรางค์ด้านหลังเหรียญ ) เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงมา แต่เจ้าตัวไม่เป็นไรแม้แต่นิด
พระเครื่องหลวงพ่อสม ยาอุไร
เล่นหาสบายใจ ไม่ค่อยมีของเก๊
https://www.facebook.com/share/v/71cUKdy8QyZXvUMn/?mibextid=KYm0EW
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญหลวงพ่อสมยาออกวัดปู่เจ้า งานผูกพัทธสีมาปี 2526
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
ศึกษาพุทธาคม เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาปฐวี เพราะมีความเสื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ธูปเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อโฉมสนใจในเรื่องไสยเวทย์มาตั้งแต่อายุ 10 กว่าปี เมื่อทราบว่าหลวงปู่ธูปมีความเชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์มาก มีความตั้งใจจะอยู่ใกล้ชิด ต้องการศึกษาวิชาจากหลวงปู่ธูป ได้มาจำพรรษาอยู่วัดเขาปฐวี ได้ใกล้ชิดรับใช้หลวงปู่ธูป หลวงพ่อโฉม ได้เรียนนักธรรมพร้อมศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐาน สมถกรรมฐานและไสยเวทย์ คาถาอาคมต่าง ๆ
วิชาการหนุนธาตุทั้ง 4 วิชาบรรจุพลังเวทย์มนต์ให้คงอยู่ในวัตถุธาตุ ทำตะกรุดโทน ตะกรุดมหาลูด ทำผงเมตตา วิชาอยู่ยงคงกระพัน มหาอุต การขับคูณไสย ทำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากหลวงปู่ธูป เจ้าอาวาสวัดเขาปฐวีองค์ก่อน หลวงปู่ธูป ท่านเป็นชาวอำเภอพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เป็นพระลูกมูล ชอบออกธุดงค์เป็นประจำ เคยเดินธุดงค์มาวัดเขาปฐวีถึง 3 ครั้ง ในครั้งหลังสุดประมาณปี พ.ศ.2485 ได้มาจำพรรษาอยู่วัดเขาปฐวี ได้นำเอาตำรับตำราไสยเวทย์ต่าง ๆ มาไว้ที่วัดเขาปฐวีมากมาย ท่านมาอยู่วัดเขาปฐวีจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ส่วนตำราที่นำมาอยู่วัดเขาปฐวี มีของหลวงพ่อมา วัดปกมะพร้าวสูง ของหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ธูป กล่าวบอกหลวงพ่อโฉมว่า ท่านได้ศึกษาวิชาคาถาต่าง ๆ จากหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี อยู่ไม่ไกลบ้านเกิดของท่าน และได้ธุดงค์ไป จ.นครสวรรค์ ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อแก วัดส้มเสี้ยว ต่อจากวัดส้มเสี้ยว ก็ธุดงค์ต่อไป อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้ไปวัดคฤหบดีสงฆ์ พบกับท่านพระครูวิบูลย์วชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร) เข้าปรึกษาขอเรียนวิชาไสยเวทย์ คาถาอาคม พิธีการบวงสรวง ปลุกเสกบรรจุพุทธคุณเข้มขลังด้านคงกระพันชาตรี และแคล้วคลาด จากนั้นก็เดินทางกลับผ่านมายัง อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มีโยมชาวบ้านเป็นหมอไสยศาสตร์ ได้ถวายตำราอาคมต่าง ๆ ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าให้มา 1 เล่ม และได้ตกทอดมาอยู่วัดเขาปฐวี หลวงปู่ธูป อยู่ในวัย 70 กว่าปี ได้สอนวิชาคาถาอาคม ไสยเวทย์ต่าง ๆ ให้หลวงพ่อโฉม ตลอดมาจนถึงปีพ.ศ.2507 หลวงปู่ธูป ฉนฺทธมโม ก็ได้ละสังขารมรณภาพลงรวมสิริอายุได้ 82 ปี หลวงพ่อโฉม ถึงแม้ว่าจะเล่าเรียนวิชาไสยเวทย์ก็หาละทิ้งเรียนธรรมไม่ ท่านสอบได้นักธรรมเอกในปีพ.ศ.2504 เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาปฐวี ต่อมาถึงปัจจุบันและต่อมาในปีพ.ศ.2534 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ในเรื่องเรียนวิชาไสยเวทย์ในพรรษาที่ 9 ได้ไปขอเรียนวิชาสายหลวงพ่อเดิมกับพระครูอุเทศวรรณสารณ (หลวงพ่อปุย กตปุณโญ) วัดหนองสระ วิชาเสกมีดหมอ คาถาคงกระพัน คาถานางกวัก เสกเคี้ยวงา นอกจากนั้นอดีตเจ้าอาวาสยุคต้น ๆ ของวัดเขาปฐวียังมีหลวงพ่ออยู่ ได้เขียนตำราไสยเวทย์ทิ้งไว้ หลวงพ่อโฉมได้นำมาศึกษา มีวิชาขับคูณไสยทำตะกรุดคลอดลูก ตะกรุดป้องการผีป่า วิชานั่งทางในดูฤกษ์ยามอุบากอง เวลาปลูกบ้าน ออกรถ วางศิลาฤกษ์ การเดินทาง ลาสิกขา พระอาจารย์ของหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อพลอย วัดทุ่งโพธิ์ ท่านเป็นสายไหนไม่ทราบ แต่ว่าท่านเก่งเรื่องคงกระพันชาตรีและมหาอุต ด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์มาก อยู่อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี พูดถึงหลวงพ่อพลอย วัดทุ่งโพธิ์ ดังจากอุทัยเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ว่าปากพระร่วง คงเป็นเพราะหลวงพ่อโฉมได้วิชาดีมากจากท่าน ทำให้หลวงพ่อโฉม ก็วาจาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนวิชาหุงน้ำมันมนต์ รักษากระดูกแตก กระดูกหัก กระดูกร้าว ไปเรียนมาจาก พ.อ. ชม สุคันธ์รักษ์ และได้เรียนวิชาเสกปลักขิกกระโดดได้จากครูถึง อยู่จังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้ปลัดมีชื่อเสียงโด่งดัง หลวงพ่อโฉมได้เรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ชื่อพระอาจารย์ขาว ท่านจำไม่ได้ว่าอยู่วัดอะไร พระอาจารย์ขาวบอกว่าวิชาที่สอนให้เป็นวิชาของสำนักเขาอ้อ เมื่อประมาณปีพ.ศ.2515 มีผู้ใหญ่บานได้ไปนิมนต์พระอาจารย์ขาว มาจากพัทลุงหลายครั้ง ได้นิมนต์ท่านมาพักที่วัดเขาปฐวีหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาปฐวี 1 พรรษา และได้มาถ่ายทอดวิชาไล่ผีขับวิญญาณให้หลวงพ่อโฉม วิชาที่หลวงพ่อใช้เกี่ยวกับเรื่องไล่ผี ขับวิญญาณที่ใช้รักษาอยู่ทุกวันนี้ เป็นวิชาสายเขาอ้อของพระอาจารย์ขาวนั่นเอง รักษาได้ผลหายเกือบทุกรายไป ที่กล่าวเรื่องราวประวัติด้านศึกษาไสยเวทย์ของหลวงพ่อโฉม แสดงให้เห็นว่าท่านสนใจมุมานะ และมีวิชาไสยเวทย์เข้มขลังจริงเชื่อถือได้ 100%
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จรุ่นแรกหลวงพ่อโฉมวัดเขาปฐวี
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
-
พระสมเด็จเนื้อผงหลวงพ่อพระเสริมสร้างโดยมูลนิธิศาลาพระราชศรัทธา-มูลนิธิถาวรจิตตถาวโร-วงศ์มาลัย โดยพระอาจารย์มหาถาวรหรือพระเทพวิมลญาณ (พระตาถาวร จิตฺตถาวโร) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นผู้จัดสร้าง พิธีใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เนื้อหามวลสารศักดิ์สิทธิ์จํานวนมาก**อีกหนึ่งพระดีพิธียิ่งใหญ่ เจตนาการจัดสร้างโปร่งใส เพื่อนํารายได้ไปสมทบทุนการก่อสร้างศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ซึ่งพระเครื่องรุ่นนี้แกะพิมพ์โดย นายช่างเกษม มงคลเจริญ
เนื้อหามวลสารต่างๆ ที่นํามาจัดสร้างพระผงรุ่นนี้ มีดังนี้ พระผงธูปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดปทุมวนาราม วัดโสธรวนาราม วัดไร่ขิง วัดบ้านแหลม วัดป่าบ้านตาด วัดหินหมากเป้ง วัดหลวงพ่อโต(บางพลี) ศาลพระกาฬลพบุรี แผ่นอิฐประตูเมืองกบิลพัสด์ ด้านตะวันออก อันเป็นด้านที่เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จทรงผนวช ดินจากสถานพุทธประสูติลุมพินี ประเทศเนปาล ผงพระของขวัญหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผงวัดระฆัง ผงปิโยมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงจากพระคณาจารย์สายพระกรรมฐานภาคอีสาน และภาคต่างๆ อีกมากมาย ฯลฯ จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พ.ค พ.ศ.2535 โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย และอธิษฐานจิต พระธรรมไตรโลกาจารย์(หลวงปู่รักษ์ เรวโต) วัดศรีเมือง จ.หนองคาย***ศิษย์เอกรุ่นใหญ่หลวงปู่มั่น*** เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมพระคณาจารย์ทั้งสายธรรมยุตและสายมหานิกายถึง 142 รูป ซึ่งเป็นพิธีใหญ่พิธีหนึ่งที่ไม่ธรรมดา
ท่านเจ้าพระคุณพระอาจารย์ถาวร (พระอาจารย์มหาถาวร จิตฺตถาวโร) วัดปทุมวนารามฯ กรุงเทพฯ ท่านถือเป็นกําลังหลักในสายธรรมยุติ และเป็นศิษย์องค์สําคัญในสายพระอาจารย์มั่นได้รับการอบรมกรรมฐานจากครูบาอาจารย์พระกรรมฐานหลายรูป อาทิ เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี , พระราชมุนี (โฮม โสภโณ) , หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น ท่านทั้งเป็นพระนักปฏิบัติและพระนักพัฒนาที่น่าเคารพกราบไหว้มาก
หลวงพ่อพระเสริมวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ที่เกี่ยวพันกับองค์หลวงพ่อ พระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวหนองคายมาช้านาน ตามประวัติได้กล่าวไว้ว่า จัดสร้างขึ้นพร้อม กันกับหลวงพ่อพระเสริม และหลวงพ่อพระสุก ซึ่งได้อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทร์ โดยลำเลียงมาทางลำน้ำโขง แต่ในระหว่างที่ล่องมา องค์พระสุกได้จมน้ำหายไปจึงเหลือพระเพียงสององค์ เท่านั้น องค์พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ ณ วัดปทุมวนาราม กทม. ส่วนองค์พระใสนั้น ประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัย เป็นมิ่งขวัญปกป้องคุ้มครองพี่น้องชาวอีสานให้มีความสุขสงบ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน
พิธีมหาพุทธาภิเษกท่านเจ้าพระคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธปฏิมา และพิธีชัยมังคลาภิเษกในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ณ มณฑลพิธีศาลาพระราชศรัทธาวัดปทุมวนาราม โดยอาราธนาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วประเทศ 142 รูป มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก อาทิเช่น
1. หลวงปู่วิริยังค์ วัดธรรมมงคล
2. หลวงปู่หลอด วัดสิริกมลาวาศ
3. พระอาจารย์มหาถาวร วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
4. หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี
5. หลวงปู่ดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี
6. หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรี
7. หลวงพ่อจำเนียร วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี
8. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม
9. หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
10. หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม
11. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการม กาญจนบุรี
12. หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์
13. หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพต หนองคาย
14. หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง เลย
15. หลวงปู่คำพอง วัดพัฒนาราม อุดรธานี
16. หลวงปู่ท่อน วัดถ้ำอภัยคีรีวัน อุดรธานี
17. หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง
18. หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม เชียงราย
19. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
20. หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเชอ ชลบุรี
21. หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ระยอง เป็นต้น
ที่มา : หนังสือมหามงคลแห่งแผ่นดิน โดย คุณอลุย์นันท์ทัต กิจไชยพร และ หนังสือ สระปทุมฯ ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จหลวงพ่อพระเสริมปี 2535 และเหรียญรุ่น๑ ออกวัดสว่างรัตนารามกาฬสินธุ์
เหรียญรุ่น ๑ ออกวัดสว่างรัตนารามเป็นรุ่น ๑ ของวัดสว่างรัตนาราม จ.กาฬสินธุ์ วาระที่ออกของหลวงพ่อท่านที่ออกวัดนี้ เป็นที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต ฉลองอุโบสถ พิธีใหญ่ศักดิ์สิทธิ์
ให้ บูชา ๒ องค์คู่กัน 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
ประวัติย่อ หลวงปู่บุญเลิศ วัดหัวเขา
"หลวงปู่บุญ" หรือ "พระครูอธิการบุญเลิศ ฐานจาโร" เจ้าอาวาสวัดหัวเขา ต.โพนทอง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
ท่านเกิดปี พ.ศ.๒๔๕๙ ที่บ้านโพนทอง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
เป็นบุตรคนโต ในจำนวนบุตร ๕ คนของนายพรหม-นางบาง พวงดอกแก้ว ครอบครัวมีอาชีพทำนา
เมื่อยังเป็น "ฆราวาส" เคยเป็นแรงงานรับจ้างทหารญี่ปุ่นไปก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี
และเกิดล้มป่วยเป็น "ไข้ป่า" จึงได้บนต่อ "ส่งศักดิ์สิทธิ์" ว่า ถ้าหายไข้จะขอ "บวชแก้บน" เป็นเวลา ๗ วัน
จากนั้น ก็หายป่วยดั่งปาฏิหาริย์ จึงได้ "บวช" ตามที่ได้บนเอาไว้
ช่วงที่บวชนั้น มีอายุได้ ๓๕ ปี ตรงกับ พ.ศ.๒๔๙๓ โดยอุปสมบท ณ วัดบ้านหมี่ใหญ่ มีพระครูพหรมจริยานุวัตร (หลวงพ่อพวง) วัดกล้วย เจ้าคณะตำบลโพนทอง เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อบวชแล้วจึงได้ศึกษา "พระธรรม" จนสำเร็จเป็น "นักธรรมโท" พร้อมกันนี้ยังได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ และศึกษาจากครูบาอาจารย์ดังๆอีกหลายท่าน
และศึกษาด้วยตนเองจากตำราต่างๆ มากมาย
อีกทั้งเคยเดินทางไปกราบนมัสการ “หลวงปู่แหวน สุจิณโณ” ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
แต่กว่าจะได้เจอต้องเดินทางไปถึง ๓ ครั้ง
เมื่อเจอแล้ว “หลวงปู่แหวน” ได้ให้แง่คิดหลักธรรมที่หลวงปู่บุญจดจำได้จนบัดนี้ว่า “ทุกอย่างอยู่ที่ใจ”
พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงปู่บุญ ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหัวเขา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสในปีเดียวกันนั้น
จวบจนกระทั่งปัจจุบัน และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูสุนทรศีลวิมล” เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๘
นับเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งใน จ.ลพบุรี ที่มี “วัตรปฏิบัติ” อัน “เลื่อมใส” และ “ศรัทธา”
หลวงปู่บุญ เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งในจังหวัดลพบุรีที่มี วัตรปฏิบัติ อันน่าเลื่อมใสและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง
ท่านเป็นสุปฏิปันโนที่พูดน้อย แต่จิตทรงไว้ด้วยอำนาจของสมาธิตลอดเวลา
และท่านเกสาของหลวงปู่แปรเป็นพระธาตุตั้งแต่ท่านยังทรงสังขารอยู่
พระครูสุนทรศิลวิมลหลวงปู่บุญเลิศ ฐานจาโร มรณภาพลงด้วยโรคชรา สิิริอายุ 96 ปี 58 พรรษา
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จรุ่น ๑ หลวงพ่อบุญวัดหัวเขา
ให้บูชาองค์ละ 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ มี ๒ องค์
องค์ที่๑(ปิดรายการ)
องค์ที่๒
-
หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย อยุธยา เล่าเรื่องเป่ายันต์นะหน้าทอง...
ศิษย์รุ่นใหญ่ท่านหนึ่งของท่านเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการเป่า "ยันต์เกราะเพชร"
เขาเล่าให้ฟังว่าเคยถาม หลวงพ่อมี เกี่ยวกับเรื่องการเป่า "ยันต์เกราะเพชร" ซึ่ง หลวงพ่อมี ท่านบอกว่า "ยันต์นี้รักษายาก เป่าให้ไปถ้ารักษาไม่ดีหายหมด " เขาจึงถาม หลวงพ่อมี เพิ่มเติมอีกว่า "ถ้าไปกินอาหารจีน ซึ่งบางอย่างมีเหล้าเป็นส่วนผสมล่ะครับ อันนี้ผิดมั๊ย" หลวงพ่อมี ท่านบอกว่า "แบบนี้ก็ไม่ได้ ยันต์หายหมด"
หลวงพ่อมี ท่านจึงเลือกเป่าแต่เพียง "ยันต์นะหน้าทอง" ตามแบบฉบับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เพียงอย่างเดียว
หลวงพ่อจงได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาลงยันต์นะหน้าทอง แก่หลวงพ่อมีและบอกว่า มหายันต์ที่ท่านนำมาลงแผ่นโลหะทำตะกรุดเมตตานั้น ก็คือ “ยันต์นะหน้าทอง” นี้เอง ทั้งยังได้เปิดเผยเคล็ดลับในการใช้วิทยาคมขั้นสูงโดยไม่ปิดบังอำพรางแก่หลวงพ่อมี ด้วยว่ายันต์นะหน้าทองนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้สารพัดตามใจนึก เวลาลงทองเมตตาก็จริง แต่เวลากำหนดจิตปลุกเสก ถ้าเริ่มต้นว่าพระคาถาตัวใด ลงท้ายให้ว่าตัวนั้นเป็นมหาอุด แต่ข้อสำคัญต้องสร้างสมาธิจิตของตนเองให้กล้าแข็งแกร่งกล้าเสียก่อน จึงจะสามารถกำหนดจิตอย่างแคล่วคล่องว่องไวใช้ได้สารพัดตามใจนึกทุกประการ
มหายันต์นะหน้าทอง เมื่อตกทอดมาถึงหลวงพ่อมี ท่านได้เพิ่มพระคาถาหัวใจยอดศีล “พุทธะสังมิ” ของหลวงพ่อปาน และพระคาถามหาอุดป้องกันอาวุธพันชนิด “นะอุทัง” ของหลวงพ่อเขียน วัดบ้านพร้าวนอก ลงไปอีกด้วยเพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณ 3 พระอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับท่านด้วยความกตัญญูรู้คุณ ดังมหายันต์ที่หลวงพ่อมียึดถือเป็นยันต์ประจำตัว นำมาประทับไว้ด้านหลังเหรียญรูปเหมือน ซึ่งท่านสร้างขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2507 และตะกรุดเมตตาจนก่ออภินิหารอย่างกว้างขวาง เป็นขวัญกันทั่วไปอยู่ขณะนี้
หลวงพ่อมี เขมธัมโม ผู้สำเร็จอสุภกรรมฐานหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค แล้วยังสำเร็จเตโชกสิณ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และสืบทอดวิทยาคมมาจากหลวงพ่อเขียน พระอาจารย์ชาวรามัญ วัดบ้านพร้าวนอก จนได้สมาธิจิตและ “ฌาน” ขั้นสูง ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมอิทธิมงคลที่ผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อมี จึงล้วนใช้ได้ผลประสิทธิภาพเข้าขลัง และความมีวิทยาคมเก่งกล้ารักษาโรค แก้คุณไสยกระทำย่ำยีต่าง ๆ ขับไล่คุณไสยด้วยพระเวทวิทยาคม สมกับสมญานามที่ว่า
“พระเถราจารย์จอมขมังเวท แห่งวัดมารวิชัย” ทุกประการ !
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญหลวงพ่อมีวัดมารวิชัยหลังยันต์นะหน้าทองมีไม่จนพุทธาภิเษกเสาร์ 5 ปี 2539 และพระผงรูปเหมือนปลุกเสกไตรมาสปี 2537 ให้บูชา๒ องค์ 320 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
วันนี้จัดส่ง
ขอบคุณครับ
หน้า 77 ของ 105