พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณ รุ่นเจริญลาภปราบไพรี- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

สวัสดียามสายครับป๋า

 

เจ้าของเค้าไม่เปิดอ่ะครับ

 

วันนี้ได้คุยกับพี่โต ลูกศิษย์หลวงปู่อีกคน ที่หลวงปู่ตั้งชื่อให้ว่า อิตาลี(อิ-ตา-ลี) ลูกศิษย์ที่ทันหลวงปู่เวลาเจอกัน ก็ต้องคุยเรื่องเกี่ยวกับหลวงปู่และประสบการณ์ที่ตนเองได้พบเจอมา คุยกันเป็นที่สนุกสนาน พี่โตได้เล่าเรื่องของหลวงปู่ให้ฟังเยอะแยะหลายเรื่อง และผมได้ขออนุญาตพี่เขาว่าจะนำมาเขียนให้สมาชิกในห้องนี้ได้อ่านกัน เพื่อเผยแผ่บารมีของหลวงปู่ และเป็นการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ท่านไปด้วย

#อังสะของหลวงปู่
ตามที่ผมเคยกล่าวไปบ้างแล้วว่า หลวงปู่ท่านจะสรงน้ำปีละครั้ง บางทีก็หลายๆปีครั้ง แต่ไม่ปรากฏว่ากายของท่านมีกลิ่นเหม็น แต่กลับมีกลิ่นหอมอีกด้วย(กลิ่นนี้ลูกศิษย์จะรู้กันดีและเรียกกันว่ากลิ่นทิพย์ของหลวงปู่ เวลาท่านไปหา ลูกศิษย์จะได้กลิ่นนี้เป็นอันรู้กัน) นั่นเป็นเพราะท่านมีจิตอันบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จนสามารถฟอกธาตุขันธ์ให้บริสุทธิ์ไปด้วยอย่างน่าอัศจรรย์
นอกจากนี้หลวงปู่ท่านยังใส่อังสะซ้อนกันไว้หลายชั้น ปีหนึ่งท่านจะถอดอังสะแจกลูกศิษย์ของท่าน ซึ่งถ้าวันนั้นใครโชคดีนั่งอยู่ก็จะได้รับแจกกันทุกคน
คุณโตกับพี่สาวก็เป็นผู้โชคดี ที่เคยได้รับแจกอังสะจากหลวงปู่มาคนละ 1 ตัว แต่สิ่งที่คุณโตสังเกตุและเห็นเป็นความอัศจรรย์ใจก็คือ ถ้ามองภายนอกจะเห็นหลวงปู่ใส่อังสะหลวมๆอยู่เพียง 2-3 ตัวเท่านั้น เพราะดูซ้อนกันอยู่ไม่หนามาก แต่พอหลวงปู่ถอดอังสะแจกลูกศิษย์ไปนั้น กลับถอดไปได้เรื่อยๆไม่มีหมด คนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นจะได้รับแจกกันทุกคน ท่านถอดแจกไปท่านก็อมยิ้มไป ซึ่งในตอนที่หลวงปู่ถอดอังสะแจกในครั้งนั้นรวมคุณโตกับพี่สาวด้วยก็มีกันอยู่ประมาณ 10 คน ก็ได้รับกันครบทุกคน บางคนได้เป็นอังสะไหมพรม บางคนได้เป็นอังสะผ้า ซึ่งอังสะไหมพรมที่พระใส่กันหนาวนั้นจะมีความหนามาก หลวงปู่ถอดอังสะแบบนี้ออกมาถึง 3-4 ตัว แถมมีอังสะอื่นๆอีกหลายตัว พอได้รับไปครบทุกคน อังสะก็หมดพอดี..

เรื่องนี้ลูกศิษย์เชื่อกันว่า ถ้าหลวงปู่ท่านใส่อังสะซ้อนกันมากถึง 10 ตัวจริง ต้องเป็นอะไรที่ดูหนาเทอะทะมาก แต่ว่าดูภายนอกท่านใส่แบบหลวมๆ อย่างมากก็คงไม่เกิน 3 ตัวเท่านั้น แต่ว่าถอดออกมาอย่างไรจึงครบจำนวนคนที่นั่งอยู่ทุกครั้งที่ท่านสละอังสะออก คิดๆแล้วนั่นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเป็นการแสดงอภิญญาจิตที่เนรมิตหรือเคลื่อนย้ายวัตถุมาได้ตามใจปรารถนา
ไม่ใช่เพียงแต่หลวงปู่ท่านทำอาการแบบนี้เท่านั้น แม้แต่พระ เครื่องรางบางอย่าง ด้ายสายสิญจน์ หรือของอื่นๆ หลวงปู่ท่านก็เคยเอามือไปคว้าอากาศโล่งๆเอามาได้ หรือหยิบของออกมาจากที่ต่างๆก็ได้ เรื่องนี้มีลูกศิษย์หลายคนที่เห็นกัน เช่นพระอาจารย์โอ ลุงนี และคุณโต เป็นต้น..(ข้อมูลสิรภพ)

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

เหรียญนี้จัดสร้างพร้อมกับล็อกเก็ตรุ่นโสฬสญาณมงคลปู่หลาน ในปีพ.ศ.2553 โดยคณะศิษยจ์อุปัฏฐากได้ขออนุญาติองค์หลวงปู่จัดสร้าง พิธีอธิษฐานจิตโดยท่านครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง และองค์หลวงปู่พิศดู ได้อธิษฐานจิตตลอดมาเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะเข้าสู่แดนนิพพาน นับเป็นวัตถุมงคลรูปพระมหาอุปคุตรุ่นสุดท้ายที่องค์หลวงปู่ได้สร้างเสกสรรไว้
โดยออกแบบให้เป็นรูปพระมหาอุปคุต พระหัตถ์ข้างหนึ่งจกบาตร อีกพระหัตถ์หนึ่งถือดอกบัว เพื่อบูชาพระพุทธองค์ และแหงนพระภักร์ชำเลืองมาร(มิให้ทำกิจอันเดือดร้อนวุ่นวายต่อผู้ที่นับถือพระศาสนา) เพราะองค์พระมหาอุปคุตเป็นผู้เลิศในทางฤทธิ์ เป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงพุทธทำนายเอาไว้ว่า ต่อไปภายหน้าหลังพุทธปรินิพพานแล้ว 200 ปีเศษ ท่านพระอุปคุตจะมาเกิด และจะบรรลุโมขธรรมนำพาเวนัยสัตว์น้อยใหญ่ให้พ้นจากบ่วงของมาร ท่านจักเป็นผู้ทำกิจบางอย่างในพระศาสนาแทนพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์ยังทรงยกย่องให้ท่านเป็นอนุพุทธะ(พระพุทธเจ้าน้อย) ที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ ท่านพระมหาอุปคุตองค์นี้จะเป็นผู้ปราบพยามารให้ละพยศ เพื่อให้ตั้งความปราถนาซึ่งพุทธภูมิต่อไป และด้วยองค์ท่านพระมหาอุปคุต ท่านอาศัยอยู่ในย่านปราสาทแก้วกลางสะดือทะเล จึงออกแบบองค์พระให้ท่านประทับอยู่ในซุ้มปราสาทกลางน้ำ ส่วนด้านหลัง ออกแบบให้เป็นอักขระขอมนำมาผูกร้อยเรียงกันเป็นยันต์ อ่านได้ว่า " พระชนะมาร "
- เนื้อเงิน 19 องค์
- เนื้อนวะโลหะ 200 องค์
- เนื้ออัลปาก้า 200 องค์
- เนื้อทองเหลือง 1,000 องค์
- เนื้อทองแดง 1,000 องค์
- เนื้อตะกั่ว ไม่ตัดปีก 59 องค์
ข้อมูลคุณสิรภพ
พระรุ่นนี้นอกจากหลวงปู่พิศดูจะอธิษฐานจิตแล้ว ยังได้มีผู้อาสานำเข้าขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ช่วยอธิษฐานจิต(มนต์)เพิ่มให้ด้วย เท่าที่ทราบก็มี
1. หลวงปู่พิศดู(เข้าพิธีพร้อมรูปหล่อพระธรรมธาตุนานหลายเดือน ตราบเข้าสู่นิพพาน) ,
2. ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง ,
3. หลวงปู่ปลอด วัดโพธิ์นิมิตร ,
4. หลวงปู่เปรี่ยม วัดโพธิ์เรียง ,
5. หลวงปู่ดี วัดสุทธาราม ,
6. หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม ,
7. หลวงปู่พระธรรมวงศ์มุนี วัดไผ่ล้อม(พระอารามหลวง) ,
8. หลวงปู่อ่อง สำนักเขาวงกต ,
9. หลวงพ่อพจน์ วัดห้วงพัฒนา ,
10. หลวงปู่บัว วัดศรีบูรพาราม ,
.... ฯลฯ
ตามปกติแล้ววัตถุมงคลที่ผ่านๆมาของทางวัด องค์หลวงปู่ท่านจะอธิษฐานจิตเดี่ยวด้วยองค์ท่านเอง แต่วัตถุมงคลของหลวงปู่ที่มีครูบาอาจารย์ท่านอื่นร่วมอธิษฐานจิตให้หลายๆองค์ก็เห็นจะมีเพียง พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ธัมมะจารี และเหรียญพระมหาอุปคุตจิ๋วรุ่นสุดท้ายนี้เท่านั้น
ซึ่งในระหว่างที่นำพระไปเสก ก็มีครูบาอาจารย์บางท่านที่ได้ทักขึ้นว่า
"พระชุดนี้จริงๆดีอยู่แล้ว.." แต่ท่านก็ยังอธิษฐานสรรเสริญคุณ สมโภชน์ให้อีก
บางท่านระหว่างที่เสกอยู่ก็ลืมตามาถามว่า "ของในนี้คืออะไร เป็นของใคร นี่ของดีนะเนี่ย.."
และครูบาอาจารย์บางท่านก็บอกว่า "ถ้าเสร็จแล้วจะขอแบ่งเอาไว้บ้าง.." ก็มี ในระหว่างที่นำไปเข้าพิธี จึงต้องมีการแบ่งถวายให้กับครูบาอาจารย์เหล่านั้นเอาไว้แจกด้วย.. เพื่อบูชาพระคุณท่านเหล่านั้น
ซึ่งถ้านับจำนวนพระที่นำไปฝังไว้ด้านหลังล็อกเก็ตโสฬสญาณมงคลปู่หลาน และล็อกเก็ตพระอุปคุตมหาลาภ พระอุปคุตจิ๋วเนื้อทองแดง ทองเหลืองก็เหลือจำนวนน้อยอยู่แล้ว ยิ่งนำถวายให้ครูบาอาจารย์ และทางวัดเขาน้ำซับ และวัดเทพธารทอง พระก็เหลืออยู่จำนวนไม่มากจริงๆ เพราะฉะนั้นพระชุดนี้จึงไม่ค่อยมีหมุนเวียนเลยในปัจจุบันครับ..

 

eu203060128th ปทุมธานี

 

ขอทราบราคาบูชาด้วยครับ

 

พระชัยวัฒน์ เนื้อมหาสัมฤทธิ์ อุดผง หลวงปู่พิศดู สร้าง109 องค์

 

สวัสดียามเที่ยงครับป๋า

 

et846540750th ลาดพร้าว

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

องค์นี้เปิดบูชาหรือเปล่าครับ

 

สวัสดียามบ่ายครับป๋า

 

ปิดไปแล้วครับ

 

ขอบคุณครับ

 

หลายครั้งที่ตัวผมและลูกศิษย์ของหลวงปู่อีกหลายคนไปนอนพักค้างคืนที่วัดเทพธารทอง เพื่อภาวนาและอุปัฏฐากดูแลองค์หลวงปู่ โดยแบ่งหน้าที่และเวลา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ก็ได้เคยพบประสบการณ์แปลกๆ และความอัศจรรย์ใจหลายต่อหลายครั้งที่ยากจะอธิบายความรู้สึก ยามว่างจากการถวายงานรับใช้องค์หลวงปู่แล้ว ต่างคนก็ต่างไปเดินจงกรม หรือนั่งภาวนาตามที่ต่างๆที่เห็นว่าเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเวลาตั้งแต่ช่วงเย็น ไปจนถึงย่ำค่ำ หรืออาจต่อเนื่องไปจนยามดึกสงัดตามแต่โอกาส หลวงปู่มักสอนว่า..
" อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ภาวนาดี อย่าปล่อยให้เวลาทองผ่านไปอย่างเสียเปล่า ให้พากันแข่งปฏิบัติภาวนา.."

" อยู่ทางโลกมีภาระมาก มาอยู่วัดก็ให้ปล่อยภาระทิ้งไปเสียชั่วคราว มาหากำไรให้ตัวเองด้วยการภาวนา หากสงสัยอะไร(เกี่ยวกับการภาวนา)ให้มาถาม.."

ก็เป็นอย่างที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ เมื่ออยู่ใกล้ครูบาอาจารย์จะภาวนาดี เพราะสถานที่แห่งนั้นมีพลังแห่งบารมีธรรมของท่านครอบไว้อยู่อันส่งผลให้ช่วยปรับจิตใจของเราได้ อีกทั้งยังเป็นพลังที่ช่วยเสริมธาตุให้เราไม่ค่อยรู้จักเหน็ดเหนื่อยแม้จะอดนอนเป็นเวลาหลายวัน (ปัจจัตตัง)

ประกอบกับท่านจะคอยคุมให้เรา(ญาณ) ถ้าหากมีความขัดข้องตรงไหน ท่านก็จะพูดออกมาให้ทราบเอง หรือเอาหนังสือให้อ่าน โดยท่านจะสั่งว่าให้เปิดหน้านั้น และอ่านไปจนถึงหน้านี้ ทั้งๆที่ท่านไม่ได้แตะต้องหนังสือเล่มนั้นแต่อย่างใด ราวกับท่านสามารถล่วงรู้อยู่เหนือทุกสภาวะแห่งสรรพสิ่ง และทราบถึงสภาวะจิตของเราได้โดยละเอียดอย่างน่าอัศจรรย์ จึงไม่มีลูกศิษย์คนไหนกล้าคิดนอกลู่นอกทางเลยเวลาอยู่ใกล้ท่าน
แต่ไม่ใช่ว่าการอยู่กับท่านจะเคร่งเครียดกับการปฏิบัติภาวนาโดยถ่ายเดียวไม่ หลวงปู่ก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่รู้ใจลูกๆ เห็นว่าเราคงยังไม่เติบโต หรือยังไม่แก่กล้าชำนาญในเรื่องของการปฏิบัติ ก็อาจจะเกิดความฟุ้งซ่าน ท่านก็จะมีอุบายโดยสั่งให้ทำกิจกรรมอะไรต่างๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ เช่นทำความสะอาดวัดบ้าง ร้อยลูกประคำบ้าง แจกของบ้าง ทำกับข้าวบ้าง บางครั้งท่านก็สั่งให้เตรียมหาอุปกรณ์เพื่อทำอาหาร โดยท่านเป็นผู้ลงมือปรุงเองกับมือเพื่อให้พวกเรากิน โดยบอกว่าเป็นของเสก ฯลฯ
ด้วยจริยาวัตรอันเป็นแบบเฉพาะตัวของท่าน ลูกศิษย์ที่ทันยุคนั้นจะได้พบทั้งความสุขใจ ความสนุกสนาน ระคนไปด้วยความตื่นเต้น และอัศจรรย์ใจไปด้วยกัน หลวงปู่ท่านมีความล้ำลึกอย่างบอกไม่ถูก มีทั้งพระเดชและพระคุณ ครบเครื่องอยู่ในองค์เดียวกัน.. (สิรภพ)