ล็อกเก็ตหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wasan112, 3 กรกฎาคม 2016.

  1. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง
    ถิ่นกำเนิด-ชาติสกุล
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร เกิดที่บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔ บิดาชื่อ พ่อสนธิ์ มารดาชื่อแม่มุก นามสกุล สิมมะลี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน เป็นชาย และหญิง ๔ คน ดังนี้

    ๑. นางสาวเสรี สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๒๕ ปี
    ๒. หลวงพ่อประสิทธิ์ ปญฺญมากโร อายุ ๖๖ ปี (พ.ศ.๒๕๔๙)
    ๓. นายยสมคิด สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๓๖ ปี
    ๔. นายสวัสดิ์ สิมมะลี มีชีวิตอยู่ อายุ ๖๒ ปี
    ๕. เด็กหญิงเสาร์ศักดิ์มน สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๗ ปี
    ๖. นางทองใส คุนุ มีชีวิตอยู่ อายุ ๕๔ ปี
    ๗. นางสาวหนูพวน สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๒๘ ปี

    ชีวิตในวัยเด็ก
    หลวงพ่อประสิทธิ์ เท่ากับเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เมื่อมีอายุ ๗ ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ สอบไล่ได้ตำแหน่งที่ ๑ หรือ ที่ ๒ เป็นประจำทุกปี ตลอดจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ พอจบชั้นประถมแล้ว ครูใหญ่ชื่อ “ปรีชา” ให้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมพิทยานุกุล ในตัวจังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อได้ถามบิดาว่า “ จะเรียนดีหรือไม่เรียนดี” และเมื่อบิดาบอกว่ “ทำไร่ทำนาดีกว่า สบายใจดี” หลวงพ่อฯ จึงตัดสินใจช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา

    หลวงพ่อประสิทธิ์ เมื่อเยาว์วัย จึงเป็นแรงสำคัญช่วยงานบิดา มารดา อย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือชั้นประถม จนเช้าสู่วัยหนุ่มอายุ ๑๙ ปี จึงเกิดความคิดอยากเข้าวัด เนื่องจากวัดป่านิโครธาราม ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่ใกล้บ้าน ท่านได้ทบทวนชีวิตฆราวาส ผ่านมาได้ช่วยบิดามารดามา จนเป็นที่พอใจแล้ว ฐานะทางครอบครัวก็พอดีๆ ไม่รวยและไม่จน และพี่น้องต่างก็โต พอจะช่วยงานของครอบครัว พ่อแม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านคิดว่า ได้เกิดมาใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่พอที่ได้อาศัย ท่านมาเกิดในชาตินี้แล้ว จึงคิดมองหา เส้นทางจิต ที่คิด ไม่อยากกลับมาเกิดเป็นหนี้ภพชาติอีกต่อไป โดยเกิดศรัทธาปัญญาในทางพระพุทธศาสนา คิดจะบวชไม่มีกำหนดตลอดชีวิต หวังอยู่ปฏิบัติ ตนเพื่อหลุดพ้น ความเกิดจนถึงอมตะพระนิพพาน

    บรรพชาและอุปสมบท
    ต่อมาครอบครัว ได้พาหลวงพ่อเข้าไปฝากตัวกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ เวลา ๑๙.๐๐ น. และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ ณ วัดโพธสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นเมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ.ศ.๒๕๐๔ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ ๑ มิถุนายน โดยมีพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๒ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหม่ มีอายุ ๖๙ ปี พรรษา ๔๙

    คำบอกเล่าจากลูกศิษย์
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ศิษยในองค์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเป็นพระในจำนวนไม่กี่องค์ที่ผมเคยสัมผัสเองและมั่นใจว่าท่านเป็นผู้ทรง คุณธรรมส่วนจะขั้นไหนผมคงมิบังอาจคาดเดาในตัวท่าน เคยมีพระรูปหนึ่งกล่าวว่า “ลองไปกราบหลวงพ่อประสิทธิ์ดูแล้วจะคิดเหมือนเราว่าท่านเป็นพระอรหันต์” หลังจากที่ได้ไปกราบและได้รู้จักลูกศิษย์ฆราวาสที่ติดตามใกล้ชิดท่านจึงมั่น ใจในคำพูดของพระรูปนั้นจริงๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านไม่เคยตำหนิหรือกล่าวว่าผู้ใดเลย สมดังที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแกว่า “คนดีเขาไม่ตีใคร” ใครบางคนอาจจะว่าก็แค่นี้แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะไม่ตำหนิใครเลย แม้แต่คนที่เรามั่นใจว่าแย่มาก ท่านก็ไม่ตำหนิ ถ้าเราไปว่าใครให้ท่านฟัง ท่านจะเงียบหรือไม่บางก็พูดช่วยให้คนๆนั้น นี้คือที่ท่านทำมาตลอดหลายสิบปี

    ผู้มักน้อยสมควรแก่สมณะธรรม
    เคยมีบริษัทเคื่องดื่มมึนเมาบริษัทหนึ่งเข้าไปกราบท่านแล้วถวายเช็ค 10,000,000 บาท พิมพ์ไม่ผิดครับสิบล้านจริงๆเข้าไปถวายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเข้าไปถวาย เพราะศรัทธาจริงๆ แต่พอหลวงพ่อรับเช็คดูยอดเงินท่านก็ยื่นเช็คคืนพร้อม กล่าวเรียบๆว่า “ตอนนี้วัดไม่มีอะไรต้องใช้” และก็ไม่เอาจริงๆ หรือแม้แต่ ท่านพระอาจารย์อุทัย (ติ๊ก) ฌานุตฺตโม ขอโอกาสสร้างโบสถ์ถวายท่านขอเพียงหลวงพ่อตกลงที่เหลือท่านพระอาจารย์ติ๊กจะ จัดการเอง ท่านก็ปฏิเสธ ให้เหตุผลเพียงว่า “เสียดายป่า” ใครไปวัดท่านก็จะเห็นเพียงศาลาหลังน้อยที่ถ้าคนไปนั่งแบบเบียดๆก็นั่งได้แค่ ร้อยกว่าคน ท่านบอก “แค่นี้ก็พอแล้ว”

    เทวดามาใส่บาตร
    เห็นท่านเงียบๆแต่ถ้าถูกกาลก็มีเรื่องอภินิหารให้ได้ฟังบ้าง ครั้งหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าท่านไปอยู่ทางภาคใต้ ท่านก็คิดว่าเขตนี้มีแต่ชาวมุสลิมไปบิณฑบาตรคงไม่ได้อะไร แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็สั่งไว้ข้อวัตรบิณฑบาตรยังไงก็ต้องทำไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรเว้นท่านก็พิจารณาไปทำข้อวัตรส่วนจะได้อาหารหรือไม่ไม่ใช่หน้าที่ท่าน คนขับรถก็พาท่านไปที่ตลาดในตัวเมือง ท่านเล่าว่าพอจะลงจากรถยังไม่ทันปิดประตูรถก็ไม่ทราบมีมือจากไหนยื่นมาใส่ บาตรท่านเต็มไปหมดแวบเดียวเต็มบาตร ท่านจึงกลับเข้าไปในรถ คนขับจึงถามท่าน ว่าไม่ไปบิณฑบาตรแล้วหรือครับ ท่านก็เปิดบาตรให้ดูว่าเต็มแล้ว คนขับรถก็ยืนยังตรงนั้นไม่มีใคร แล้วใครหละมาใส่บาตรท่าน พอท่านพิจารณาก็ทราบว่า เทวดามาใส่บาตร

    ฝนมิต้องกาย
    เมื่อครั้งหลวงพ่อท่านเดินธุดงค์ไปภาคตะวันออก ท่านได้ไปปักกลดอยู่หาดบางแสน ผูกกลดใต้ต้นมะพร้าว คืนนั้นไม่ทราบพายุฝนมาจากไหนพัดกระหน่ำหาดบางแสน ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสก็รีบมาดูหลวงพ่อกลัวหลวงพ่อลำบาก แต่พอเข้าใกล้กลดท่านก็ต้องตกใจรอบกลดท่านมีแสงสว่างเรืองออกมา ห่างจากกลดราว1วา ทรายทุกเม็ดยังแห้งสนิทลมที่พัดอย่างรุนแรงมิได้โยกคลอนกลดท่าน หลวงพ่อยังคงนั่งสมาธิสงบอยู่เหมือนมิได้รับรู้กับพายุที่กระหน่ำแรงพอจะพัด ทุกอย่างลงสู่ทะเล

    รู้จริง!
    หลายปีก่อนผมนำคณะขึ้นไปทำบุญที่ภาคเหนือ โดยมีหลวงพ่อประสิทธิ์เป็นหนึ่งในเป้าหมายการเดินทาง และเพื่อความไม่ประมาทจึงได้โทรถามกับลูกศิษย์ฆราวาสของท่าน ว่าท่านอยู่วัดหรือไม่ แต่ทางลูกศิษย์ท่าน มีเหตุติดขัดบางประการจึงไม่ได้โทรไปเช็คให้ และแล้วเย็นนั้นหลวงพ่อก็ได้สั่งให้คนขับรถท่านโทรมาบอกศิษย์คนนี้ว่า ท่านจะไปต่างจังหวัด 3 วัน เกือบ10ปีที่ผ่านมาลูกศิษย์ท่านยืนยันว่าท่านไม่เคยทำเช่นนี้เลย ผมเองเคยไปกราบท่านหลายหนแต่ผมก็ยืนยันว่าท่านไม่รู้จักผม ผมจึงอัศจรรย์ในความรู้ความเห็นของท่านมาก

    หลวงพ่อจันทร์เรียนเคารพ
    หากใครเคยไปกราบหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คงอาจทราบว่าหลวงปู่เจี๊ยะท่านมักจะแนะนำลูกศิษย์ให้ไปกราบ หลวงพ่อจันเรียน วัดถ้ำสหาย โดยให้เหตุผลที่ควรไปกราบนอกเหนือจากคุณธรรมขั้นสูงของหลวงพ่อจันทร์เรียน ว่า “ท่านมีฤทธิ์มาก ไม่น้อยไปกว่าหลวงปู่ฝั้นเลย” ขนาดพระแทบทุกรุ่นของหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านต้องสั้งศิษย์ให้นำไปถวายหลวงพ่อจันทร์เรียนอธิษฐานก่อนแจก มีเรื่องเล่าในหมู่ศิษย์ว่า มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อประสิทธิ์ไปเยี่ยมหลวงพ่อจันทร์เรียนที่วัด แต่การไปไหนทุกครั้งของหลวงพ่อประสิทธิ์จะไม่มีกำหนดการ ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์เฉพาะหน้าของท่าน ดังนั้นการไปวัดถ้ำสหายจึงไม่มีใครทราบ วันนั้นฝนตกพรำๆ พอถึงวัดปรากฎ หลวงพ่อจันทร์เรียนท่านกางร่มรอรับหลวงพ่อประสิทธิ์อยู่ ถ้าเป็นเรื่องครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อจันทร์เรียนเคารพ ท่านจะทำถวายเองทุกอย่าง อย่างเช่นหลวงปู่เคน วัดหนองหว้า อาพาธไม่ยอมไปโรงพยาบาล หลวงพ่อจันทร์เรียนทราบ ท่านก็รีบไปรับหลวงปู่เคน ไปโรงพยาบาล หลวงปู่เคนท่านเดินไม่ไหว หลวงพ่อจันทร์เรียนก็อุ้มหลวงปู่เคนด้วยตัวท่านเอง

    ทันพอดีไปหมด
    เมือเดือนตุลาคมที่ผ่านมาผมพาคณะไปทำบุญที่ภาคอิสาน ซึ่งปรกติการไปกราบพระทางอิสาน ซึ่งถ้าจะเอาปริมาณก็มักจะได้กราบไม่ถึงครึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่คราวนี้เป็นช่วงกฐิน และยังเป็นครั้งแรกของการไปทำบุญกับพระกรรมฐานของใครหลายๆคน ยังไงก็ต้องเน้นปริมาณ และก็มีเหตุบังเอิญกันตลอดทางที่ไปกราบพระ นั่นคือแล้วทันกราบท่านทุกองค์ไม่ว่าจะไปกราบหลวงปู่เพียร วัดป่าหนองกอง ก่อนท่านขึ้นพักแค่10 นาที ซึ่งท่านอาพาธมากถ้าพักแล้วห้ามเยี่ยมเด็ดขาด, ได้กราบหลวงพ่อคูณ วัดป่าภูทอง ก่อนคณะทัวร์วัด 3 คันรถบัสจะมาถึงครึ่งชั่วโมง, ได้กราบหลวงปู่แฟ๊บ วัดป่าดงหวาย ก่อนคณะทัวร์วัด 1 คันรถบัสมาถึงไม่กี่สิบนาที ได้กราบหลวงปู่แตงอ่อน วัดป่าโชคไพศาล ก่อนท่านทำวัตรสวดมนต์แค่ 5 นาที, ได้กราบหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง, หลวงพ่ออินทร์ถวาย วัดป่านาคำน้อย, หลวงปู่คำพัน วัดศรีวิชัย ทั้งที่ไม่ได้ไปวัดท่าน, ได้กราบหลวงปูบุญหนา วัดป่าโสถิผล ทั้งทีเลยเวลาพัก เนื่องจากมีคนมากราบท่านแล้วยังไม่กลับ จนหลวงปู่ท่านออกปากว่า “ถ้าคนมากราบก่อนไม่อยู่เลยเวลา หลวงปู่เข้าพักแล้ว มาตะโกนเรียกก็ไม่ออกมานะ”, ได้กราบหลวงปู่เคน วัดหนองหว้า โดยที่หลวงปู่เพิ่งกลับจากไปกิจนิมนต์ต่างอำเภอ แค่ไม่กี่สิบนาที และจุดมุ่งหมายต่อไปคือหลวงพ่อจันทร์เรียน

    แต่...คณะทราบว่าท่านอาพาธการไปกราบเหมือนโยนเหรียญวัดดวงไม่ทราบท่านจะออก รับแขกรึเปล่า ซึ่งการไปวัดท่านลำบากมากถ้าไปต้องตัดวัดอื่นทิ้ง 2-3 วัด แต่การโทรเช็คไปยังวัดป่านิโครธารามทำให้บังเอิญทราบว่าหลวงพ่อประสิทธิ์ มาวัดป่านิโครธาราม คณะผมจึงรีบบึ่งไปกราบเพราะหลวงพ่อเพราะท่านจะอยู่วัดป่านิโครธารามไม่นาน ไม่มีใครรั้งหลวงพ่อให้รอคณะเราได้ และไม่มีใครทราบว่าหลวงพ่อจะไปไหนต่อ ระหว่างทางนั้นฝนก็ตกหนักทำให้คณะมีมติว่าการจะไปกราบหลวงพ่อจันทร์เรียนต่อ คงต้องยกเลิกเพราะถ้าฝนตกอย่างนี้รถตู้ขึ้นเขาไม่ได้แน่นอน และถ้าไปไม่ทันหลวงพ่อประสิทธ์คงต้องตีรถไปพักวัดหลวงพ่อเมือง ที่จ.กาฬสินธุ์เลย เพราะไม่สามารถไปไหนต่อได้ และแล้วรถตู้ 2 คันของคณะก็สวนกับรถตู้โฟลค์ ที่ลานกว้างหน้าวัดป่านิโครธาราม รถของคณะจอด รถตู้โฟลค์ก็จอดเหมือนรู้ ผมรีบลงไปกราบท่าน ท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า “เรากำลังจะขึ้นถ้ำสหาย เราจะไปค้างที่นั่น” ผมก็เรียนท่านโดยไม่คิดเลยว่าและไม่ปรึกษาคณะเลยว่า “หลวงพ่อครับพวกผมตามขึ้นไปด้วยครับ” รถตู้โฟลค์ขับนำโดยมีคณะผมตาม และเพิ่งคิดออกว่าตามท่านไปคงไม่ต้องกลัวฝนและยังไงไปกับท่านก็ต้องได้กราบ หลวงพ่อจันทร์เรียน เป็นจริงดังคิด ฝนที่กระหน่ำที่ด้านล่างไม่ปรากฎแม้ซักเม็ดตลอดการเดินทาง และคณะเราก็ได้กราบท่านสมใจ เมื่อตอนจะลาหลวงพ่อประสิทธิ์กลับ ท่านก็พูดขึ้นมาว่า “อยัมภทันตา บุญทันตาเห็น น่าแปลกนะที่มาทันพอดีไปหมด นี่แหละบุญทันตาเห็น อยัมภทันตา” ผมแปลกใจท่านรู้ได้อย่างไร มันบังเอิญตลอดการเดินทางถึงกว่า10ครั้ง ทันพอดีไปหมด แต่ผมไม่ได้เล่าให้ท่านฟังนะ!

    เหตุเกิดเมื่อปีที่น้ำท่วมเชียงใหม่
    วัดป่าหมู่ใหม่เป็นวัดติดชลประทานแม่แตง หากน้ำจะท่วมเข้ามาในวัดก็มิใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าน้ำท่วมเชียงใหม่แต่หมู่ใหม่ไม่ท่วมนี้สิแปลก เรื่องมีอยู่ว่าในคืนก่อนวันที่น้ำหลากเข้าท่วมเชียงใหม่ อยู่ดีๆหลวงพ่อก็มีคำสั่งกลางดึกให้พระเณรเอากระสอบทรายที่เตรียมไว้ไปวาง ยังจุดต่างๆรอบวัดแต่ไม่ใช่วางรอบหมดเป็นเพียงบางจุดเท่านั้น แล้วคืนนั้นเรื่องแปลกก็เกิด จุดที่หลวงพ่อสั่งทุกจุดเป็นจุดที่น้ำหลากเข้ามา และก็แปลกที่กระสอบทรายไม่กี่กระสอบจะเปลี่ยนทิศทางน้ำไม่ให้ท่วมวัดได้ เช้าขึ้นมาหมู่บ้านรอบวัดป่าหมู่ใหม่แทบจมให้บาดาล แต่วัดป่าหมู่ใหม่ยังคงเป็นปรกติ

    กลุ่มพลัง
    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อภาวนาอยู่บนเขา ท่านได้เห็นกลุ่มพลังงานกลุ่มหนึ่ง ท่านจึงพิจารณาว่า กลุ่มพลังงานนั้นคืออะไร ท่านจึงทราบว่า นี้เป็นกลุ่มพลังที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล อธิษฐานจิตแผ่เมตตาทิ้งไว้ในโลก หากใครมีวาสนาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ดูลย์ก็จะได้รับพลังนี้ นอกจากนี้หลวงพ่อยังเคยพบกลุ่มพลังเช่นนี้แต่เป็นขององค์อื่นอีหลายครั้ง และท่านก็กล่าวไว้ ไม่ใช่จะมีแต่กลุ่มก้อนพลังที่ดี ที่ไม่ดีก็มี (ไม่ได้เรียนถามท่านว่ามาจากไหน) ถ้าใครเจอเข้าก็จะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เมื่อได้ฟังท่านเช่นนี้แล้วทำให้ผมเองก็รีบขวนขวายหาพระหลวงปู่ดูลย์ มาแขวนทันทีเพราะผมคิดว่าหลวงปู่ท่านคงทิ้งกลุ่มพลังงานที่ดีไว้ในเหรียญ ท่านแน่ๆ

    ด้วยบารมีหลวงพ่อ
    การไปมาของหลวงพ่อเป็นที่รู้กันว่า แล้วแต่อัธยาศัยท่าน พี่ที่นับถือกันท่านหนึ่งเปิดร้านทองอยู่ที่เชียงใหม่ วันดีคืนดีหลวงพ่อท่านก็แวะมาเยี่ยม พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ท่านมาก็นิมนต์ขึ้นห้องพระชั้นบนปล่อยให้น้องสาวและลูกน้องขายของไป ท่านอยู่ไม่นานไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็กลับไป น้องสาวก็มาสกิดบอกช่วงที่พี่ขึ้นไปดูแลหลวงพ่อ มีลูกค้ามาเยอะมาก ขายทองได้ สามแสนกว่า (สมัยทองบาทละไม่เกิน 6,000) นี้มันผิดปรกตินะ! ผมก็สงสัยฟลุครึเปล่าและแล้วท่านก็มาอีกครั้ง แต่คราวนี้ขายได้5แสน แฮะๆ คงไม่ฟลุคหรอกครับ ทองคำแม้การขายให้ได้ 3 แสน 5 แสนมันแค่ทองไม่กี่สิบบาทแต่ผมขอถามว่าจะมีใครพร้อมใจกันไปซื้อทองพร้อมกัน เวลาใกล้เคียงกันเยอะขนาดนี้ในยุคที่ทองขึ้นจากบาทละ 4,000 ผมเป็นคนหนึงหละที่คิดว่ามันต้องลงเพราะมันเสถียรที่ 4,000 มาเป็น 10 ปี

    ตำนานวัดป่าหมู่ใหม่
    วัดป่าหมู่ใหม่ ตั้งอยู่พื้นที่บ้านป่าหมู่ใหม่ หลังสำนักงานชลประทานแม่แตง ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อ ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๙ โดยได้ขออนุญาตใช้ที่ดินจาก กรมป่าไม้อย่างถูกต้อง

    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร บรรพชาและอุปสมบทอยู่กับ หลวงปู่อ่ออน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ภายหลังหลวงปู่อ่อน มรณภาพลง ท่านได้ไปปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

    จากนั้นได้เดินธุดงค์ขึ้นสู่ภาคเหนือ มาอยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโร วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินธุดงค์ แสวงหาความวิเวก จนกระทั่งมาพบสถานที่ป่าสงบเงียบ หลังที่ทำการชลประทานแม่แตง จึงได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และยกฐานะเป็นวัดตามลำดับ

    วัดป่าหมู่ใหม่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุตที่สงบเงียบ หลวงพ่อประสิทธิ์ ได้อนุรักษ์สภาพพื้นที่ป่าเดิม พร้อมกับปลูกป่าเสริมเพิ่มต้นไม้ตลอดเวลา ทำให้วัดมีต้นไม้ใหญ่สมบูรณ์ร่มรื่น โดยมีกุฏิไม้แทรกอยู่ระยะห่างกันพอสมควร นอกจากศาลาอเนกประสงค์สองชั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่ไหว้พระสวดมนต์ ฟังเทศน์ เป็นโรงฉันพร้อมสรรพ ส่วนชั้นสอง ใช้เป็นอุโบสถ ยังมีศาลาโรงครัวอีกหลังหนึ่ง นอกนั้นเป็นกุฏิพระ และกุฏิสำหรับอุบาสา อุบาสิกา และญาติโยม มาพักเพื่อปฏิบัติธรรม วัดป่าหมู่ใหม่เป็นสถานที่สงบเงียบ เหมาะแก่การทำสมาธิภาวนา และเดินจงกรมเป็นอย่างยิ่ง

    ภายในวัดป่าหมู่ใหม่ มีไฟฟ้าใช้เฉพาะไฟส่องถนน และบริเวณศาลา-อุโบสถ กับห้องสุขาส่วนด้านหน้าเท่านั้น ส่วนกุฏิพระทั้งหมด ไม่ได้ติดตั้งไฟฟ้าเข้าไป พระภิกษุสามเณร และญาติธรรม ใช้อาศัยแสงไฟจากไฟฉาย เทียนไข หรือตะเกียงในยามค่ำคืน ส่วนน้ำดื่ม น้ำฉันก็จากน้ำแทงค์น้ำเก็บน้ำฝน ส่วนน้ำใช้ก็จากน้ำ จากชลประทาน แม่แตงและจากน้ำบ่อที่ขุดไว้ ภายในวัดไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีการใช้โทรศัพท์พื้นฐาน หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นความ ประสงค์ของหลวงพ่อประสิทธิ์ ที่ต้องการให้มีการปฏิบัติภาวนา โดยไม่มีสิ่งอื่นมาล่อใจให้ไขว้เขวได้

    การที่วัดป่าหมู่ใหม่มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง แต่ละกฏิไม่มีการสะสมสิ่งของ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ เป็นวัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นวัดป่าศักดิ์สิทธิ์ และมีเสน่ห์สำหรับผู้เข้าไปสัมผัส ทั้งนี้เพื่อ มรรค ผล นิพพาน อย่างแท้จริงนั่นเอง

    บ้านเรือนไทย แนบไฟล์ (เว็บไซต์บ้านเรือนไทย สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่าย พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช 2537 หมวด 5 มาตรา 27-31)

    เปิดให้บูชา 999 บาทหายากเทียนชัย เกศา จีวร ชานหมากครับทำให้เฉพาะลูกศิบย์ใกล้ชิด

    DSCF9802.JPG DSCF9803.JPG

    ชื่อบัญชี นายวสันต์ ปิงสอน เลขที่บัญชี 5130066332 ธนาคารกรุงไทย สาขา ลอง โทร 0819517866
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2016
  2. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    ลูกอมผงพุทธคุณ รุ่นทาทอง หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก

    ลูกอมผงพุทธคุณ รุ่นทาทอง หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน ขนาด ครึ่งนิ้ว วัดจัดสร้าง ปลุกเสกเดี่ยว ที่ทราบมาส่วนใหญ่ไปอยู่กรุงเทพกับมาเลเชียเยอะครับ เป็นลูกอมสุดยอดมวลสาร

    เปิดให้บูชา 499 บาทมีเกศาผงพุทธคุณ จัดส่ง 50 บาทครับ
    DSCF9805.JPG DSCF9806.JPG

     
  3. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    เหรียญทำน้ำมนต์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร พิมพ์พระโคดมพุทธเจ้า เนื้อสตางค์ ปี2553

    เหรียญทำน้ำมนต์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร พิมพ์พระโคดมพุทธเจ้า เนื้อสตางค์ ปี2553

    เปิดให้บูชา 499 บาทสุดมวลสารจัดส่ง 50 บาทครับ

    DSCF9791.JPG DSCF9792.JPG
     
  4. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    พระเนื้อดินหลวงปู่เย็นวัดสระเปรียญ

    ประวัติหลวงปู่เย็น ทานรโต
    นามเดิม เย็น ศรีศาสตร์
    ชาติภูมิ บิดา นายถิ่น ศรีศาสตร์ มารดา นางเเช่ม ศรีศาสตร์
    เป็นชาวเดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี เกิด วันเสาร์ ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๔๕ เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง ๖ คน

    อาชีพ ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรม มีฝีมือทางช่างไม้ ช่างปูน เเละมีความสามารถออกเเบบบ้าน วัดวาอาราม

    อุปสมบท อายุครบบวช ณ วัดเดิมบาง สุพรรณบุรี เเละได้ย้านมาอยู่ วัดระฆังโฆสิตาราม เรียนพระธรรมวินัย ภาษาบาลี เเละภาษาขอม

    วิทยฐานะ สอบได้นักธรรมเอก เปรียญสี่ประโยค

    ผลงาน บูรณะวัดร้าง วัดกลางชูศรีเจริญสุข อำเภอบางระจัน สิงห์บุรี

    บูรณะวัดร้าง วัดสระเปรียญ สรรคบุรี ชัยนาท
    สร้างสถานีอนามัยชั้นหนึ่ง สถานีอนามัยหัวเด่น สรรคบุรี

    อาพาธ ตั้งเเต่ปี๒๕๓๔ ระบบขับถ่ายไม่ปรกติ โรคหอบ ถุงลมโป่งพอง เข้าออกโรงพยาบาลเสมอ ครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลสิงห์บุรีเวชการ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๙

    มรณภาพ ด้วยอาการสงบ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๓๙ เวลา ๑๓.๔๕ รวมอายุได้ ๙๔ปี ๒เดือน ๑๑วัน
    อุปนิสัย มีความเมตตาสูง อารมณ์ดี ยิ้มเเย้มตลอด พูดตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม นอบน้อมถ่อมตน มีวิธีสอนธรรมะอย่างสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ให้กำลังใจต่อศิษย์ในการต่อสู้ชีวิต เเละอุปสรรคต่างๆ

    หมายเหตุ หลวงปู่เคยลาสิขามีครอบครัว สมรสกับนางลมัย อิ่มสำราญ ชาวบางระจัน สิงห์บุรี มีบุตรธิดา ๖ คน หลังจากเห็นภัยในวัฎฎะ หลวงปู่จึงออกบวชอีกครั้ง จนมรณภาพ ส่วนคุณเเม่ลมัย เมื่อหลวงปู่ออกบวชก็มิได้ทัดทาน เเต่ยังอนุโมทนากับหลวงปู่ด้วย ตอนที่หลวงปู่มาบูรณวัดร้าง วัดกลางชูศรี คุณเเม่ลมัยก็ได้บวชเป็นชีพราหมณ์ที่วัดด้วย คอยดูเเละเรื่องอาหารขบฉัน เเม้หลวงปู่จะย้ายมาวัดสระเปรียญ คุณเเม่ลมัยก็ยังตามาดูเเลเสมอ หลังจากสุขภาพไม่ดี คุณเเม่ก็ไปอยู่กับลูกสาว ปัจจุบันคุณเเม่สมัยอายุ๘๑ปี(พ.ศ.๒๕๓๙)

    พระธุดงค์ลึกลับ
    สมัยที่ หวงปู่จำพรรษาอยู่ที่วัดระฆังนั้น วันนึงท่านเห็นพระธุดงค์รูปนึง เเบกกลด สะพายย่ามผ่านมา ท่านเห็น เกิดความรู้สึกเลื่อมใส ศรัทธา จึงเข้าไปกราบขอนิมนต์ให้ท่านเข้ามาพักในกุฎิก่อนเเละให้การต้อนรับ ท่านอย่างดี
    ระหว่างการสนทนา หลวงปู่ได้ขอให้ท่านเล่าถึงเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับการธุดงค์ของท่านให้ ฟัง พระธุดงค์เล่าว่า ท่านธุดงค์ไปถึงฝั่งลาว ผ่านป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเเละไข้ป่า ที่ร้ายกว่านั้นคือ ท่านผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งชื่อว่า บ้านเเก้ว ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่องยาพิษเเละยาสั่ง คนที่ผ่านเข้าไปจะต้องถูกลองด้วยยาสั่งเเละยาพิษเสมอ น้อยคนนักที่จะรอดมาได้อย่างปลอดภัย หลวงปู่ได้ฟัง จึงเกิดความสงสัย ถามว่า ไม่กลัวเขาทำให้ตายเหรอ พระธุดงค์ตอบว่า เขาทำให้ตาย กินข้าวได้ เราไม่กลัว
    พระธุดงค์ตอบเป็นปริศนา เเม้หลวงปู่เย็นไม่เข้าใจนักเเต่ก็มิได้ซักถามต่อ เมื่อได้สนทนาต่อไปเรื่อยๆ จึงเริ่มรู้ว่า พระธุดงค์รูปนี้ ไม่ธรรมดา เเต่เป็นพระที่ทรงอภิญญาเเละเรืองวิทยาอาคมยิ่งองค์นึง ท่านจึงไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าสัตว์ร้าย ไข้ป่า หรือเเม้กระทั้งคน ท่านได้ธุดงค์ไปเเล้วทั่วเเผ่นดินไทย ไปถึงเมืองญวณ เขมร ลาวเเละพม่า ก่อนจากกัน ท่านได้มอบสิ่งของบางอย่างให้กับหลวงปู่เย็น ท่านบอกว่าเป็นเเก้วสารพัดนึก สามารถดลบันดาลให้เป็นไปได้ตามปรารถนาได้ทุกประการ หลวงปู่เย็นได้กราบด้วยความสำนึกในความมีเมตตาของท่าน เเต่พอหหลวงปู่เงยหน้ามา พระรูปนั้นก็ได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    ตัว พ มหัศจรรย์
    ตอน ที่พระธุดงค์บอกกับหลวงปู่ว่า มีขอวิเศษจะมอบให้ ท่านได้เอื้อมมือๆไปหยิบก้านธูปในกระถางรูปบูชาพระ เเล้วเอามาหักเป็นอักษรตัว พ จากนั้น เอาด้ายสายสิญณ์ มาพันก้านธูปกลับไปกลับมา พร้อมบริกรรม คาถากำกับลงไปตลอดเวลา เมื่อเสร็จเเล้วก็มอบให้หลวงปู่เย็น เเละบอกว่า นี่คือเเก้วสารพัดนึก

    พระ ธุดงค์ได้สาธยายคุณวิเศษของตัว พ ว่า เป็น ตัวเเทนของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ เเละพระสังฆคุณ เป็นของวิเศษดุจดังเเก้วสาพัดนึก หากปรารถนาสิ่งใด ให้ ยกตัว พ ขึ้นจบ เเล้ว ภาวนาขอบารมีเเห่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บันดาลให้เป็นไปตามที่ปรารถนาก็จะได้ สมดังตั้งใจ

    เมื่อหลวงปู่เย็น ขอเรียนวิชา ท่านก็ถ่ายทอดให้ พอหลวงปู่ก้มลงกราบขอบพระคุณท่าน พอเงยหน้ามา ก็ไม่เห็นท่านเสียเเล้ว เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ท่านได้เห็นครั้งเเรกในชีวิต ถือว่า พระธุดงค์เป็นพระรูปเเรกที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ท่าน

    หลวงปู่บอก ว่า ท่านชื่ออะไรไม่รู้ เเต่ท่านก็จำหน้าพระธุดงค์ได้อย่างเเม่นยำ ท่านมารู้ทีหลังก็เมื่อได้เห็นรูปท่าน หลวงปู่ท่านชี้ให้ดูรูป พระครูโลกอุดร ที่ท่านได้ใส่กรอบบูชาไว้ที่หัวนอน เเละได้กล่าวว่า อาจารย์องค์นี้เเหละ ที่ทำให้กูสร้างวัดได้สำเร็จ
    เสาะหาอาจารย์ดี
    หลวง ปู่เย็น อยู่วัดระฆังได้ ๙ พรรษา ก็พยายามหาอาจารย์ดีอยู่เสมอ ท่านได้ข่าวว่าหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เป็นพระเกจิที่ทรงอาคมเเก่กล้า จึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ โดยไม่ร้อช้า เเล้วก็ถ่ายทอดวิทยาการต่างๆให้ ทั้งทางด้านวิทยาคม การผสมธาตุสำหรับนำมาสร้างเครื่องรางของขลัง ตลอดจนวิชาเเพทย์เเผนโบราณการผสมยา
    ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ขยันขันเเข็ง ไม่นานต่อมาหลวงปู่เย็นก็สามารถเรียนวิชาต่างจากหลวงพ่ออิ่มได้หมด เเต่หลวงปู่เย็นยังอยากเรียนวิชาอีก หลวงพ่ออิ่มจึงได้ฝากฝังให้ไปเรียนต่อกับหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ผู้ซึ่งเป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเเละเป็นอาจารย์ของพระเกจิหลาย รูป อาทิเช่น หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อกวย วัดบ้านเเค หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม หลวงพ่อพิมพ์ วัดวิหารทอง หลวงพ่อเเพ วัดพิกุลทอง เป็นต้น หลวงปู่ได้อยู่เรียนวิชา ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อศรีด้วยความขยันขันเเข็ง ท่านจึงได้เมตตาสอนวิชาความรู้ต่างๆให้หลวงปู่เย็นจนหมดสิ้น

    วัดกลางชูศรี
    ปี ๒๕๐๗ หลวงปู่เย็นได้ออกธุดงค์ ไปทางอำเภอบางระจัน จ.สิงห์บุรี พบเจดีย์เก่าในพงหญ้ารกครึ้ม ในสภาพทรุดโทรม จึงรู้ว่าที่เเห่งนี้เป็นวัดร้าง ด้วยจิตกุศลอันเเรงกล้า ท่านจึงมีความตั้งใจที่จะบูรณะก่อสร้างขึ้นใหม่ หลวงปู่จึงขายที่นาที่เป็นมรดกตกทอดหลายเเปลง นำเงินที่ได้มาซื้ออิฐ หิน ปูน วัสดุก่อสร้างต่างๆ ด้วยที่ท่านมีฝีมือในการก่อสร้าง จึงสร้างกุฎิสงฆ์ ศาลาประกอบศาสนกิจ หอสวดมนต์ ขุดสระ บูรณจนวัดมีสภาพที่ดีเเละมีความเจริญรุ่งเรือง เเละมีนามว่า วัดกลางชูศรีเจริญสุข
    ในการบูรณะวัด นอกจากใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวจากการขายที่ดิน หลวงปู่ยังได้สร้างตัว พ ไว้ให้เเก่ผู้ที่นำวัสดุก่อสร้างมาถวาย ผู้ใดถวายปูนหนึ่งถุง ท่านจะมอบตัว พ ให้หนึ่งตัว ต่อมาผู้ที่ได้รับตัว พ ไป นั้น ตัว พ ได้ก่ออภินิหาร มีประสบการณ์มากมาย ผู้ที่บูชานำไปตั้งจิตอธิษฐาน มักสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจเสมอ จนเป็นที่เลื่องลือ จนมีผู้คนมากมายมาขอตัว พอจากหลวงปู่กันมากมาย สมัยก่อน ปูนถุงละ ๒๐ บาท ใครถวายปูนหนึ่งถุง ท่านก็จะให้ตัว พ หนึ่งตัว เมื่อปูนขึ้นราคา ตัว พ ก็ขึ้นราคาตามไปด้วย เเต่สมัยก่อน ชาวบ้านนึกถึงในเรื่องการทำบุญ ไม่ได้คิดถึงพุทธพาณิชย์เเต่อย่างใด เเต่หลวงปู่จะพูดเสมอว่า ตัว พ ของท่านเป็นพุทธพาณิชย์ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มา จะถูกใช้ในการก่อสร้างถาวรวัตุต่างๆภายในวัดทั้งสิ้น พูดได้ว่า หลวงปู่สร้างวัดด้วยตัว พ จริงๆ
    ในช่วงบูรณวัด หลวงปู่จะทำงาน ก่อสร้าง ลงมือด้วยตัวท่านเอง ถ้ามีญาติโยมเจ็บป่วยมา ท่านก็จะช่วยรักษาให้ ใช้ยาเเผนโบราณบ้าง น้ำมนต์บ้าง กลางคืน หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ หลวงปู่จะนั่งหักก้านธูปทำตัว พ ไว้เเจกจ่ายสมนาคุณเเก่ผู้ที่มาทำบุญ

    นิมนต์หลวงปู่บุดดา
    ครั้ง นึงหลวงปู่ได้รับกิจนิมนต์ ไปพบพระรูปนึงที่มีสำเนียงการเทศน์ที่น่าฟังยิ่ง กริยาสงบน่าเลื่อมใส บ่งบอกถึงความเป็นนักธรรมปฎิบัติ เกิดความผูกพันธ์ อยากเชิญชวนให้ท่านมาอยู่วัดที่ท่านกำลังสร้างอยู่ หลังจากเสร็จกิจสงฆ์ หลวงปู่จึงเข้าไปนมัสการเเละนิมนต์ให้ท่านมาอยู่วัดกลางชูศรี เพื่อช่วยกันพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป พระภิกษุรูปนั้นก็รับปาก พระสงฆ์ที่หลวงปู่นิมนต์มาอยู่ด้วย เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ท่านคือ หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    หลังจากหลวงปู่บุดดมาอยู่ด้วย วัดกลางชูศรีก็กลายเป็นวัดของนักปฎิบัติธรรมโดยเเท้จริง โดยมีหลวงปู่เย็นเป็นผู้นำในการเจริญวิปัสนากรรมฐาน หลวงปู่กล่าวเสมอว่า ตราบใดที่หลวงปู่บุดดายังอยู่ที่วัด ความเจริญรุ่งเรืองก็จะมาเรื่อยๆ เพราะหลวงปู่บุดดาเป็นพระเเท้ ไม่ต้องทำอะไร ลาภสักการะก็จะไหลมาเทมา พูดได้ว่า ยามหลับได้เงินหมื่น ยามตื่นได้เงินเเสน จริงอย่างที่กล่าว ครั้งใดที่ญาติโยมมากราบขณะที่หลวงปู่บุดดาจำวัด ทุกคนจะเกรงใจ ไม่กล้ารบกวนท่าน โดยจะถวายปัจจัยใส่ซองไว้ที่ใกล้ตัวท่าน หลังจากที่วัดมีความเจริญรุ่งเรืองสมดังปณิธาน หลวงปู่ได้ถวายวัดให้กับหลวงปู่บุดดา ตัวท่านเองก็ออกเสาะหาวัดร้างที่จะบูรณะต่อไป
    วัดร้างการเปรียญ
    ที่ ตำบลบางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ไม่ไกลจากวัดบ้านเเคของพระเกจิที่ทรงคุณวิเศษเเละเป็นที่เคารพของ ศิษยานุศิษย์ท่านนึง คือ หลวงปู่กวย ชุตินธโร มีวัดเก่าเเก่วัดนึง เป็นวัดร้าง ชื่อว่า วัดการเปรียญ ตอนที่หลวงปู่เย็นไปพบ กรมศาสนาได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นวัดร้างมาเเล้วประมาณ ๖๐ ถึง ๗๐ ปี
    จากคำบอกเล่าของคนเก่าเเก่ สมัยก่อนมักมีคนมาขุดหาของเก่า ของมีค่าเเละได้ไปจำนวนไม่น้อย
    เดิม วัดการเปรียญมีเนื้อที่ธรณีสงฆ์อยู่ ๙๐ ไร่ หลังจากการบูรณเป็นวัดใหม่ มีเนื้อที่เหลือเพียง ๗๐ ไร่ ในบริเวณวัด มีสระน้ำสองสระ ถมไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่งสระ เชื่อกันว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในการบูรณะทำการขุดลอกสระ มีการค้นพบเสาไม้ใหญ่ คงเป็นเสาหอไตรที่สร้างไว้กลางสระสมัยก่อน สระนี้ไม่มีใครกล้าลงไป เคยมีคนตักน้ำไปใช้เเล้วเกิดอาเพศภายใน ๓ วัน ๗ วัน บางคนลงไปอาบ ต่อมาตามตัวผิวหนังตกสะเก็ดเหมือนปลา บางคนเป็นผดผื่น รักษาไม่หาย ต้องไปจุดธูปขอขมาที่สระ จึงจะหาย เป็นที่อัศจรรย์
    ในการสร้างพระ เครื่องของวัดสระเปรียญ อาจารย์หนูศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่เย็นมากที่สุด จะลงไปเอาดินในสระมาเป็นส่วนผสมเสมอ เเละไม่เกิดเหตุอะไรเลย เเต่ถ้าคนอื่นลงไป มักเกิดอาเพศทุกครั้ง หลังจากที่วัดได้รับการบูรณะจนดูสวยงามร่มรื่น หลวงปุ่ได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า วัดสระเปรียญ มีเเรงจูงใจมาจากที่ว่าวัดนั้นเคยมีหอไตรอยู่กลางสระน้ำนั้นเอง
    หลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่า ท่านสร้างวัดกลางชูศรีมาเเล้ว ท่านจะสร้างวัดการเปรียญขึ้นมาใหม่ เเล้วท่านก็ทำได้จริง

    ประสิทธิ์ตัว พ
    หลวง ปู่เป็นพระใจดีมีเมตตาต่อสาธุชนทุกคน เเม้ตัวท่านจะมีโรคประจำตัว กลางวันท่านจะรับเเขก โปรดญาติโยมด้วยความเมตตา กลางคืน ท่านจะนั่งทำตัว พ ไว้เเจกจ่ายเเละมอบให้กับปผู้ที่มากราบเเละทำบุญ ใครที่มารับตัว พ หลวงปู่จะประสิทธิ์ให้อย่างเสียงดังว่า พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ ให้เขากินอิ่มนอนหลับ พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ เขาจะเอาอะไร ก็ขอให้เขาได้สมปรารถนา พระเจ้าพ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ พระเจ้าเเม่จงมาโปรดลูกคนนี้ พุทธเตเชนะ ธัมมะเตเชนะ สังฆะเตเชนะ ความใดอย่าให้ถูก ปติเสรามิ พุทธเมตตาจิต ธัมมะเมตตาจิต สังฆะเมตตาจิต นะเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู อิสวาสุ สุสวาอิ พุทธปิติอิ

    มรณภาพ
    หลวง ปู่เย็นอาพาธด้วยโรคหอบเเละถึงลมโป่งพอง ระบบขับถ่ายไม่ปรกติ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเสมอ เข้ารับการรักษาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๙ ในความดูเเลของนายเเพทย์ประเจิด เเละเเพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลสิงห์บุรีเวชการ หลวงปู่มรณภาพโดยอาการสงบเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ เวลา ๑๓.๔๕ น. สิริรวมอายุได้ ๙๔ ปี ๒ เดือน ๑๑ วัน หลวงปู่ได้สั่งไว้ก่อนมรณภาพว่า ถ้าท่านตายให้เอาร่างท่านไปบรรจุไว้ที่เเท่นที่ท่านทำไว้ ลักษณะเป็นเเท่นเเบบฮวงซุ้ย หลวงปู่ได้ก่อปูนทำด้วยตัวท่านเอง อยู่ใกล้กุฎิที่ท่านสร้างไว้ที่วัดกลางชูศรี ปัจจุบัน สังขารหลวงปู่ ถูกบรรจุไว้ที่โลงเเก้ว อยู่ที่ศาลาเอนกประสงฆ์ของวัดสระเปรียญ

    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> เปิดให้บูชา 499 บาทหายาก
    DSCF9809.JPG DSCF9808.JPG
     
  5. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    พระกริ่งหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง

    พระกริ่งหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง ปี2500

    เปิดให้บูชา 499 บาทหายากพุทธคุณมากมายครับ

    DSCF9795.JPG DSCF9796.JPG
     
  6. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    เหรียญพระนเรศวรเมืองงาย ปี 12

    ปิดแล้วครับ

    เหรียญพระนเรศวรเมืองงาย ปี 12


    ปลุกเสกพิธียิ่งใหญ่วัดพระสิงห์วรวิหาร ปี 2512

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประธานพิธีเททอง
    พ.ต.อ.นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าจังหวัดเชียงใหม่ ประธานคณะกรรมการจัดสร้างฯ

    วัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ไปก่อสร้างสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศรราชานุสรณ์
    ในพื้นที่บริเวณบ้านเมืองงาย ตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
    ซึ่งเคยเป็นบริเวณที่พระองค์ดำเคยยั้งทัพในอดีต แทนพระสถูปที่อยู่บริเวณ
    เสด็จสวรรคตในฝั่งพม่า ที่ชำรุดไปตามกาลเวลาและถูกรื้อทำลายไปแล้ว

    พิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อ 15 ม.ค. 2512
    พระคณาจารย์ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกประกอบด้วย
    1. ลพ.คล้าย วัดจันดี นครศรีธรรมราช
    2. พระเทพวิสุทธิเมธี (เจีย) วัดพระเชตุพน กทม
    3. ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม
    4. ลพ.เส่ง วัดกัลยาณมิตร กทม
    5. พระครูปลัดสงัดคณิสสโร วัดพระเชตุพน กทม
    6. ลพ.ก๊ก วัดดอนขมิ้น กาญจนบุรี
    7. ลพ.อั้น วัดพระญาติการาม อยุธยา
    8. ลพ.แจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา
    9. ลพ.นอ วัดท่าเรือ อยุธยา
    10. ลพ.เทียม วัดกษัตรา อยุธยา
    11. ลพ.คง วัดบ้านสวน พัทลุง
    12. ลพ.นำ วัดดอนศาลา พัทลุง
    13. ลพ.เล็ก วัดดินแดง นครปฐม
    14. ลพ.พริ้ง วัดโบสถ์ ลพบุรี
    15. ลพ.ชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
    16. ลพ.ทิม วัดช้างไห้ ปัตตานี
    17. ลพ.แดง วัดบางเกาะเทพศักดิ์ สมุทรสงคราม
    18. ลพ.จ้วน วัดเขาลูกช้าง เพชรบุรี
    19. ลพ.เตียง วัดเขารูปช้าง พิจิตร
    20. ลพ.จ้อน วัดแปดริ้ว สมุทรสาคร
    21. ครูบาวัง บ้านเด่น ตาก
    22. ลพ.เมือง วัดท่าแหน ลำปาง
    ฯลฯ
    เหรียญ สุดยอดประสบการณ์ ทหารตำรวจ คล้องคอตลอดครับ

    เปิดให้บูชา 999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ

    DSCF9835.JPG DSCF9837.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2016
  7. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,563
    ค่าพลัง:
    +162
    พระรอดวัดพระสิงห์พิมพ์เกตุแหลม

    ปิดแล้วครับ

    ประวัติการสร้าง พระรอด วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๔๙๖
    ในการสร้างพุทธสถานเชียงใหม่ ซึ่งได้กระทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ บริเวณวัดอุปคุต เชิงสพานเนาวรัตน์ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๖ เวลา ๑๑.๔๕น. ตรง และในเดือนเดี่ยวกันนั้นเอง ตรงกับวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๗ ปี มะเส็ง จัตวาศก จุลศักราช ๑๓๑๕ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๖ เริ่ม พิธี ๙.๒๑ น. ๔๑ วินาที และเริ่มจุดเทียนไชย เวลา ๑๙.๒๙ น. พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ประธานกรรมการจัดสร้างพระรอด พร้อม ด้วยคณะกรรมการพุทธสถานก็ได้รวมกันประกอบพิธีมหามงคลสร้างพระรอด ๘๔,๐๐๐ องค์ เพื่อสมทบทุนสร้างพุทธสถานแห่งนี้

    พระรอดรุ่นเก่าสมัยโบราณหรือที่สร้างก่อนพระรอดรุ่นนี้ ได้เนื้อดินมาจากแห่งหนตำบลใดที่เป็นปัญหาแรกที่ต้องคิดเพราะการสร้างพระรอด นั้นจะต้องทำให้ถูกต้องตามหลักวิชาทางไสยศาสตร์ ข้าพเจ้าจึงได้ไปกราบเรียนหารือกับ พล.ร.ต. หลวงสุวิชาญแพทย์ รน. เจ้ากรมเเพทย์ทหารเรือในปัจจุบัน เพื่อได้ตรวจสอบทางทิพยญาณจักษุ ก็ได้รับทราบว่าพระรอดเกือบทุกรุ่นใช้ดินบริเวณทิศเหนือของวัดพระคงจังหวัด ลำพูนแต่การที่จะไปขอดิน ณ บริเวณดังกล่าวแล้วจะต้องตั้งศาลเพียงตาอาราธนาขอจากพระพุทธรูปและเทวดาที่ รักษา เมื่อขุดลงไปประมาณ ๓ ศอกก็จะพบดินที่ต้องการ ข้าพเจ้าจึงได้เรียนให้คณะกรรมการพุทธสถานรับทราบและดำเนินการจนได้ดินเพียง พอแก่ความต้องการ ซึ่งดินบริเวณนี้เมื่อได้นำมาสร้างพระรอดแล้ว เนื้อองค์ของพระรอดจะแข็งแกร่ง หาอะไรเปรียบมิได้

    ดินทั้งหมดที่ได้มานี้ ข้าพเจ้าได้ให้อาจารย์ผู้ทรงคุณละลายดินด้วยน้ำพระพุทธมนต์พุทธาภิเศก น้ำมนต์พระคาถาแสน น้ำมนต์ ร้อยที่และกลั่นกรองด้วยผ้าขาวสะอาดเอาแต่ผงละเอียดอ่อนซึ่งมีลักษณะเหมือน แป้ง แล้วผสมด้วยผงพระธาตุ ผงพระเบิม ผงพระเลี่ยง ผงพระคง ผงพระรอด ผงพระสมเด็จพุฒาจารย์ ประกอบด้วยผงตรีนิสิงเห ผงปัทมัง ผงพุทธคุณ และผงอิทธิเจของคณาจารย์รุ่นเก่า เช่นหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า หลวงพ่อทองคำวัดหนามแตง และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ผสมเคล้ากันจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว จึงปั้นเป็นก้อนกลมขนาดผลส้ม ส่งดินนี้ไปให้อาจารย์ฉลองเมืองแก้วชึ่งท่านทั้งหลายจะทราบกิติศัพท์ว่า อาจารย์ผู้ที่เสกตะกรุดทองลอยน้ำ เสกข้าวสารเป็นกุ้ง เป็นผู้ทำพิธีใส่ธาตุที่กรุงเทพฯ เสร็จพิธีใส่ธาตุแล้ว นำไปจัดพิมพ์ที่จังหวัดลำพูนด้วยแม่พิมพ์ ๑๑ อันได้พระรอด ๑๑ สีพอดี

    เมื่อได้เวลาฤกษ์ พระมหาราชครูวามมุนี กับท่านพราหมณ์ พระครูศิวาจารย์ แห่งกรุงเทพฯพร้อมด้วยคณะเป็นประธานฝ่ายพราหมณ์มหาปัญจพิธีพร้อมด้วยโอมอ่าน ศิวะเวทย์ อัญเชิญท้าวเทพยะดา ทั้งหลาย ท่านฤาษีผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ฤาษีเทว หรือ ฤาษีวาสุเทพ ซึ่งสิงสถิตย์อยู่อุฉุจบรรพตริมแม่น้ำโรหินี (น้ำแม่ขาน) ฤาษี สุขทันตะเขาสามยอดเมืองละโว้ ฤาษีอนุสิษฎ์สถิตย์อยู่หะสิกะวัลลีนคร (ศรีสัชนาลัย) ฤาษีพุทธะชลิต ซึ่งสถิตอยู่ดอยขุหะระบรรพต แม่น้ำสารนัทที (ดอยมา) ฤาษีสุพรหมสถิตอยู่ ณ ดอยงามใกล้แม่น้ำวัง และฤาษีนารอด ซึ่งเป็นองค์ปฐมแรกในการสร้างพระรอดกับอัญเชิญวิญญาณพระนางจามเทวี กษัตริย์ทุกพระองค์ในกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยาและกรุงลานนาไทย และกรุงรัตนโกสินทร์ เวลา ๑๙.๒๙ ประกอบพิธีจุดเทียนไชย พระมหาราชครูวามมุนี อ่านโองการชุมนุมเทวดาและสรรเสริญพระรัตนยาธิคุณ เสร็จแล้ว พราหมณ์เป่าสังข์แกว่งปัณเฑาะว์ ครั้นแล้วพระครูวามมุนี อาราธนาพระปริต พระธรรมราชานุวัตร กับคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษสวดพระปริต พระสูตรต่างๆ จบแล้วพระคณาจารย์ทั้งหมดนั่งปรกบริกรรมปลุกเศกตลอดคืน พิธีนี้ พล.ร.ต. หลวงสุวิชาแพทย์ รน. ได้มาร่วมในพิธีตลอดเวลา ปรากฏว่าผู้ใดได้พระรอดรุ่นนี้ไปบูชา จะมีโชคชัย ปลอดภัย สวัสดิมงคล และเป็นมหานิยม มหาอำนาจ คงกะพันชาตรี โภคทรัพย์ ซึ่งจะหามิได้ต่อไปอีกแล้ว

    เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ ของพระรอดรุ่นนี้ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ได้อาราธนาพระราชาคณะตามอารามต่างๆ คือ
    1. เจ้าคุณศรีสมโพธิ์ วัดสุทัศน์

    2. เจ้าคุณสีหสุวรรณวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง

    3. เจ้าคุณเมธีสมุทเขตต์ วัดเจริญสุขาราม ราชบุรี

    4. เจ้าคุณภาวนาภิราม วัดระฆัง

    5. เจ้าคุณภาวนาโกศลเถระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    6. พระครู ทักษิณานุกิจ (หลวงพ่อเงิน)

    7. พระครูบาวัง วัดบ้านเด่น จังหวัดตาก

    8. พระครูสุนทรสังฆกิจ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

    9. พระครูอาคมสุนทร วัดสุทัศน์

    10.พระครูวิสุทธิรังษี วัดใต้ กาญจนบุรี

    11.พระครูโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี อ.ภาษีเจริญ ธนบุรี

    12.พระครูพักตร์ วัดบึงทองหลาง

    13.พระครูมหาศรีสุนทร วัดหลวงสุวรรณาราม ลพบุรี

    14.พระครูใบฎีกาประหยัด วัดสุทัศน์

    15.พระครูสังข์ วัดสัมพันธวงศ์

    16.พระอาจารย์จัน วัดคลองระนงค์ นครสวรรค์

    17.พระอาจารย์โพธิ์ วัดราชโยธา อ. มินบุรี

    18.พระอาจารย์ พี วัดสวนพลู

    19.พระธรรมธรหลาย จ.ชลบุรี

    20.พระปลัดตังกวย วัดประดู่ฉิมพลี ภาษีเจริญ ธนบุรี

    21.ท่านอาจารย์ยัง วัดบางจาก นนทบุรี

    22.ท่านอาจารย์ทบ อ.กิ่งชนแดน จ.เพ็ชรบูรณ์

    23.ท่านอาจารย์สำอาง วัดเขาดิน จ.กาญจนบุรี

    24.อาจารย์แฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี

    25.หลวงพ่อนอ ท่าเรือ จ.อยุธยา

    26.หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ จ.นครสวรรค์

    27.หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ

    28.หลวงพ่อสำเนียง วัดเวฬุวัน อ.บางเลน จ.นครปฐม
    มาร่วมในพิธีสวดปริตและบริกรรมปลุกเศกด้วย ยอดคาถาแห่งสูตรต่างๆ พร้อมด้วยกฤตยาคมเวทย์มนต์ศิวเวทย์พระวิษณุเวทย์ สวดชัยมงคลคาถาพุทธลักษณะและพุทธภิเศกตลอด ๓ วัน๓ คืน ในระหว่างที่พระคณาจารย์ต่างๆ นั่งปลุกเศกบริกรรมนี้มีนิมิตรต่างๆ อันเป็นมงคลยิ่งดังที่จะขอกล่าวต่อไปนี้

    บริเวณพระที่ ที่ตั้งโต๊ะสังเวย วิญญาณของพระนางจามเทวี อดีตกษัตริย์ทุกพระองค์แห่งกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ กรุงลานนาไทย ณ บริเวณหน้าพระอุโบสถวัดพระสิงห์ ได้มีหมู่ผีเสื้อบินมาวนเวียนอยู่เหนือเครื่องสังเวย อย่างมากหลายเป็นมหัศจรรย์ ได้เรียนถาม พล.ร.ต. หลวงสุวิชาญเเพทย์ ได้ รับตอบว่าวิญญาณอดีตกษัตริย์ทุกพระองค์ตลอดจนลูกหลานเหลน ได้มาชุมนุมรับเครื่องสังเวยพร้อมเพรียงกัน ทุกพระองค์ทรงชื่นชมยินดีที่ได้มีการสร้างพระรอดรุ่นนี้ พล.ต. เจ้าราชบุตร อดีตเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ถึงกับปลื้มปีติน้ำตาไหลเมื่ออ่านโองการถึงพระนามของกษัตริย์แห่งกรุงลานนา ไทย ทุกพระองค์ และโดยเฉพาะเจ้าแก้วนวรัตน์ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของท่าน



    เวลา ๑๗.๐๐ น. พระธรรมธรหลาย ได้นิมิตร เห็นขณะที่นั่งปรกบริกรรม ว่ามีพระแก้วขาวปรากฎ มีผู้หญิงแต่งตัว

    โบราณเป็นผู้รักษา มีพระอาจารย์แก่ๆ ๒ องค์มาด้วย



    เวลา ๒๑.๕๐ น. ได้เรียนถาม พล.ร.ต. หลวงสุวิชาแพทย์ ว่าตามที่อัญเชิญดวงวิญญาณต่าง ๆ ให้มาประทับเป็น

    ประธานในพิธีนั้นมาทุกพระองค์หรือไม่ ก็ได้รับตอบว่าทุกพระองค์รวมทั้งฤาษีที่สำเร็จ-มาหมด

    (ขอที่บดยา ๑ ที่ด้วย)



    เวลา ๒๒.๐๐ น. หลวงพ่อสำเนียง นิมิตรเห็นมีพระพุทธรูปทองคำลอยอยู่ในวงสายสิน ๕ องค์ และมีรัศมีพุ่งเป็นรังษี

    และมีเทพบุตร เทพธิดา อยู่รอบ ๆ ถือดอกไม้ธูปเทียนบูชา



    เวลา ๒๒.๒๕ น. อาจารย์สำอางค์ วัดเขาดิน นิมิตรเห็นว่าพระรอดรุ่นนี้ชนะทุกทาง



    เวลา ๒๒.๔๐ น. พระครูวินัยสุนทร มีนิมิตรว่าพระรอดรุ่นนี้มีคงกะพันชาตรี และเป็นมหานิยม



    เวลา ๒๓.๐๗ น. พระอาจารย์จัน วัดคลองระนง ว่าพระรอดรุ่นนี้มีเมตตาและปลอดภัยดี



    เวลา ๒๓.๒๕ น. หลวงพ่อเผือก มีนิมิตรว่าพระรอดรุ่นนี้ใช้ได้ ๑๐๘



    เวลา ๒๓.๔๓ น. พระครูปลัดมหาเถรานุวัตร เจ้าคณะตำบลวัดพระสิงห์ มีนิมิตรว่าเมตตาดีอยู่ยงคงกะพัน



    เวลา ๒๔.๓๐ น. เจ้าคุณภาวนาภิรามเถร วัดระฆัง มีนิมิตรว่า เห็นเทวดาลงมามีรูปร่างใหญ่สูงเท่าพระวิหาร เป็นสีขาว



    เวลา ๒๔.๓๗ น. พระอาจารย์พี วัดสวนพลู มีนิมิตรว่าพระรอดรุ่นนี้ดีมีอิทธิฤทธิ์แรงกล้ามาก



    เวลา ๒๔.๕๐ น. เจ้าคุณวิสุทธิรังษี มีนิมิตรว่ามีช้างใหญ่เดินผ่านเข้ามาและมิได้ทำอะไรเพราะเกรงกลัวความศักดิ์

    สิทธิ์ของพระรอด



    เวลา ๐๑.๒๐ น. พระครูมหาศรีสุนทร มีนิมิตรว่าพระรอดรุ่นนี้ดีมาก มีพระพุทธรูปมานั่งในพิธี



    เวลา ๐๑.๔๕ น. หลวงพ่อแฉ่ง มีนิมิตรว่า ดีมีแสงว่าฉายมาปกคลุมพระรอดอยู่ตลอดเวลา



    เวลา ๐๒.๔๕ น. เจ้าคุณเมธีสุนทรเขตต์ มีนิมิตรว่าเห็นแสงสว่างกระจายอยู่เต็มบริเวณพิธีนี้ตลอดเวลา



    เวลา ๐๓.๐๐ น. พระครูพักตร์ มีนิมิตรว่า พระรอดรุ่นนี้อยู่ยงคงกะพันดีมาก



    เวลา ๐๓.๔๕ น. พระครูสมุทรสังฆกิจ มีนิมิตรว่า มีสีขาว-เขียว สลับกัน ปรากฏที่บริเวณที่ตั้งพานพระรอด



    เวลา ๐๓.๕๕ น. พระอาจารย์ทบ มีนิมิตรว่า พระรอดรุ่นนี้ดีมาก มีคงกะพันชาตรี



    เวลา ๐๔.๓๐ น. พระอาจารย์โพธิ มีนิมิตรว่า พระรอดรุ่นนี้มีเมตตาคงกะพันชาตรี แคล้วคลาดมากอำนาจ



    เวลา ๐๔.๔๐ น. พระอาจารย์มิ่ง มีนิมิตรว่ามีรัศมีฉายแสงสว่างรุ่งเรืองดีเป็นประกาย



    เวลา ๒๑.๔๗ น. พระครูบาวัง วัดบ้านเด่น มีนิมิตรว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้อาศัยอานุภาพของพระธาตุดอยสุเทพเป็นที่

    คุ้มครองให้ความร่มเย็นเป็นสุข



    เวลา ๒๓.๓๐ น. พระธรรมธรหลาย ชลบุรี มีนิมิตรว่า ดีมาก แก้เขี้ยวงาและอสรพิษทั้งหลายได้



    เวลา ๒๓.๕๐ น. หลวงพ่อนอ วัดท่าเรื่อ มีนิมิตรว่า มียักษ์ มีพรหมสี่หน้ามายืนถือกระบองบริกรรมจนยักษ์และพรหม

    หายไป และมีพระภิกษุ ตลอดจนชายหญิงจำนวนมากมาเดินวนเวียน ถือดอกไม้ธูปเทียนบูชาตลอด

    เวลา



    นอกจากนี้ในขณะที่เริ่มบริกรรมปลุกเศกนั้นนาฬิกาประจำโบสถ์ซึ่งเดินถูกต้อง เวลาได้หยุดนิ่งไปทันที เป็นที่ปลาบปลื้มปีติยินดีแก่ผู้ที่ไปพบเห็นเป็นอย่างมาก

    หนึ่ง พระรอดรุ่นนี้ มีผู้ที่ได้รับไปบูชามากหลายผู้ที่รับไปมีนิมิตรดีต่าง ๆ และรอดพ้นจากอันตรายอย่างมหัศจรรย์ก็มีมาก เหลือที่ข้าพเจ้าจะพรรณนามาในที่นี้ ทั้งนี้มิได้รวมถึงพลานิสงส์ที่ท่านได้มีส่วนร่วมในการสร้างพุทธสถานครั้ง นี้ด้วย

    เฉพาะตัวข้าพเจ้าเอง นับแต่เมื่อเริ่มเข้ามารับตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียวใหม่ ในชั้นแรก เมื่อได้มาพบเห็นประชาชนในจังหวัดนี้มีจิตศรัทธา เชื่อมั่นในบวรพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดแล้ว ก็ทำให้เบาใจในการที่จะปฎิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้กระทำผิดกฏหมายและเห็นว่า เป็นจังหวัดเดียวเท่านั้นที่ประชาชนมีความเลื่อมใสในท่างพุทธศาสนามากและ ด้วยน้ำใจอันแท้จริง ไม่เอาพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องบังหน้า เช่น ปากบอกว่ามีความเคารพนับถือแต่ใจไม่เอาด้วยอย่างนี้ที่เชียงใหม่ไม่ใคร่มี เมื่อครั้งที่ประชุมพุทธศาสนิกชนที่โรงตองตึง โดยท่านเจ้าคุณปัญญานันทภิกขุเป็นหัวหน้า เป็นกิจวัตรนั้น ข้าพเจ้าได้ไปร่วมฟังพระธรรมคำสอนเกือบทุกครั้งมีความตื้นตันใจที่ได้มาพบ เห็นผู้ที่มีใจบุญกุศลอย่างนี้ และเมื่อมีท่านผู้มีใจศรัทธาริเริ่มก่อสร้างพุทธสถานขึ้น ข้าพเจ้าได้ร่วมมือด้วยตลอดมาจนบัดนี้ ไม่เคยลืมแม้จะโยกย้ายไปอยู่แห่งหนตำบลใด งานที่ติดตัวไปและที่ไม่เคยลืมก็คือ พุทสถานแห่งนี้ ใจจดใจจ่ออยู่อย่างนี้แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่แล้วเสร็จบริบูรณ์ ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าจะต้องสำเร็จเรียบร้อยภายในเวลาอันไม่ช้านี้ ทั้งนี้ก็ด้วยความร่วมมือของท่านพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหลายและพุทธ ศาสนิกชนทั่ว ๆ ไป ในอันที่จะให้พุทธสถานนี้เป็นถาวรวัตถุอยู่คู่กับนครเชียงใหม่ หรือ พิงค์นคร ตลอดไปชั่วกัลปวสาน สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะเป็นสถานอันศักดิ์สัทธิ์ เพราะคำว่า พุทธะนั้น แปลว่าผู้รู้หรือผู้ตื่น คือไม่หลับ เป็นผู้เบิกบานคือไม่หุบ หรือไม่มืด และเมื่อสรุปแล้ว พุทธศนาก็คือ วิธีปฏิบัติเพื่อเอาตัวรอดจากความทุกข์ โดยการทำให้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร แม้จะกล่าวถึงความจริงที่ลึกซึ้งเร้นลับ นอกเหนือไปกว่าคนธรรมดาจะเห็นได้ เช่นความรู้เรื่อง สุญตา เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็เป็นเรื่องที่จะต้องเล่าเรียนศึกษากันมาก และสิ่งที่เรียกว่าพุทธศาสนาตัวแท้นั้นไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่คัมภีร์ ไม่ใช่เรื่องบอกเล่า ไม่ใช่หลักแห่งการคิดไปตามเหตุผล ตัวแท้ของพุทธศาสนา ต้องเป็นตัวการปฏิบัติ ด้วยกาย วาจาใจ ชนิดที่จะทำลายกิเลสให้ร่อยหรอ หรือ สิ้นสุดไปในที่สุด และสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่รับรู้สิ่งทั้งปวงดังกล่าวแล้ว และก็คงจะมีสถานอันศักดิ์สิทธิ์เพียงแห่งเดียว คือ ณ บริเวณวัดอุปคุตเชียงใหม่นี้เท่านั้น



    “ อนิพพินทิยการิสส สมมทตโต วิปจจติ ”

    “ ประโยชน์ย่อมสำเร็จโดยขอบ แก่ผู้ทำโดยไม่เบื่อหน่าย ”

    เปิดให้บูชา 1999 บาทสวยเดิมเขียวครกมีคราบแป้งเจิมเดิมครับ
    DSCF9846.JPG DSCF9847.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...