วิชาผู้นำ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นักรบธรรม, 15 สิงหาคม 2008.

  1. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    970
    ค่าพลัง:
    +1,178
    ในอินเดีย จักรวรรดิธรรม หรือธรรมของจักรพรรดิ สอนกันมาก่อนพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าสอน เราก็จดจำกันถึงวันนี้ว่า ทศพิธราชธรรม

    ในกรีกสมัยรุ่งเรือง หลังพุทธกาลไม่นาน เพลโต สร้างหลักสูตรผู้นำ แบ่งเป็น 5 ชั้น

    ท่านใดทราบเรื่องเหล่านี้บ้าง วานอธิบายเพิ่มครับfairy3
     
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,692
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ปรัชญาพลาโต

    ไม่เคยอ่านพบว่าเพลโต สร้างหลักสูตรผู้นำค่ะ อาจมีบางส่วนที่เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกันเท่านั้นก็เป็นได้ เนื่องจาก<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=text align=left>ผลงานในช่วงสุดท้ายของเพลโตเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากที่สุด เนื่องจากประสบการณ์และความรู้ที่มากมายของเพลโต ภายหลัง จากที่ตั้งสำนักอะเคดามีแล้ว ทำให้เขามีผลงานจำนวนมากที่สุด ได้แก่ ปรัชญา จริยศาสตร์ การเมือง การศึกษา และวิทยาศาสตร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาได้นำมาถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์ที่สถาบันอะเคดามี และงานชิ้นสำคัญที่สุดในช่วงนี้ก็คืองานเขียนที่ชื่อว่า รีพับลิค (Republic) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองในความคิดของเพลโต แนวความคิดภายในหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นจากสภาพการเมือง ในกรุงเอเธนส์ที่วุ่นวายอย่างมากในขณะนั้น หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่ง ทั้งในขณะนั้นและต่อมาจนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้ได้เป็นหนังสือเรียนในวิชารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เป็นต้น

    กฎที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่งของเพลโตคือ กฎที่เกี่ยวกับแสงที่ว่าแสงเดินทางเป็นเส้นตรง เมื่อแสงมากระทบวัตถุ มุมแสงตกกระทบจะเท่ากับมุมแสงสะท้อน เป็นกฎที่ถูกต้องและยึดถือกันมาจนถึงปัจจุบัน เพลโตเสียชีวิตเมื่อ 347 ก่อนคริสต์ศักราช แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=text align=left>ผลงานในช่วงสุดท้ายของเพลโตเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากที่สุด เนื่องจากประสบการณ์และความรู้ที่มากมายของเพลโต ภายหลัง จากที่ตั้งสำนักอะเคดามีแล้ว ทำให้เขามีผลงานจำนวนมากที่สุด ได้แก่ ปรัชญา จริยศาสตร์ การเมือง การศึกษา และวิทยาศาสตร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาได้นำมาถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์ที่สถาบันอะเคดามี และงานชิ้นสำคัญที่สุดในช่วงนี้ก็คืองานเขียนที่ชื่อว่า รีพับลิค (Republic) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองในความคิดของเพลโต แนวความคิดภายในหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นจากสภาพการเมือง ในกรุงเอเธนส์ที่วุ่นวายอย่างมากในขณะนั้น หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่ง ทั้งในขณะนั้นและต่อมาจนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้ได้เป็นหนังสือเรียนในวิชารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เป็นต้น

    กฎที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่งของเพลโตคือ กฎที่เกี่ยวกับแสงที่ว่าแสงเดินทางเป็นเส้นตรง เมื่อแสงมากระทบวัตถุ มุมแสงตกกระทบจะเท่ากับมุมแสงสะท้อน เป็นกฎที่ถูกต้องและยึดถือกันมาจนถึงปัจจุบัน เพลโตเสียชีวิตเมื่อ 347 ก่อนคริสต์ศักราช แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่แนวความคิดและผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเขาก็มีอิทธิพลต่อนักปรัชญา และนักวิทยาศาสตร์ใน ปัจจุบัน

    </TD><TD>[​IMG]
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>แนวความคิดและผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเขาก็มีอิทธิพลต่อนักปรัชญา และนักวิทยาศาสตร์ใน ปัจจุบัน

    </TD><TD>[​IMG]
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,692
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ปรัชญาพลาโต

    กับอีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ
    อภิปรัชญาของเพลโต้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เพลโตถือว่าโลกมีอยู่ 2 โลก คือ โลกแห่งวัตถุ (Material World) ซึ่งเป็นโลกที่รู้ได้ทางประสาทสัมผัส คือทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย เหล่านี้ทำให้มนุษย์รู้รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ซึ่งเพลโตถือว่าเป็นโลกแห่งผัสสะ (Sensible World) ซึ่งโลกแห่งวัตถุนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่เพียงชั่วคราว มีแล้วก็เปลี่ยนแปลงไปไม่คงที่ (Subjective Reality) เป็นโลกแห่งมายาที่ไม่จริงแท้ ซึ่งเป็นโลกแห่งความไม่สมบูรณ์ <o:p></o:p>
    ส่วนโลกที่สมบูรณ์นั้น เพลโตเชื่อว่าเป็นโลกแห่งสัจจะแท้ (The Absolute Reality) ที่ไม่แปรปรวน เป็นโลกนิรันดร นั่นคือโลกแห่งแบบ (World Of Form Or Pattern) หรือโลกเหนือประสาทสัมผัส (Transcendental World) หรือโลกแห่งมโนภาพ (World Of Idea) <o:p></o:p>
    ทฤษฎีแห่งมโนภาพ (Idea) หรือแบบ (forms) ของเพลโตนับเป็นการค้นพบทางปรัชญาที่สำคัญยิ่งของเพลโตเอง ทฤษฎีนี้เสนอแก่นแท้หรือสาระของสรรพสิ่งต่างจากปฐมธาตุของปรัชญากรีกสมัยนั้น เพลโตเสนอว่า แก่นแท้ของสรรพสิ่งเป็นมโนภาพที่ไม่กินเนื้อที่ ไม่มีรูปร่าง คำสอนของเพลโตได้หักล้างปรัชญาของโซฟิสต์ ผู้สอนว่าไม่มีความรู้แท้จริงอันเป็นมาตรฐานสากล เพราะว่าสิ่งที่เรารับรู้เป็นสสารที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในข้อนี้เพลโตแย้งว่า ความรู้ที่สมบูรณ์มีอยู่เพราะสิ่งที่เรารับรู้ไม่ใช่สสาร แต่เป็นมโนภาพที่เป็นอมตะและไม่เปลี่ยนแปลง <o:p></o:p>
    มโนภาพ (Idea) คือ ทฤษฎีแห่งแบบ (Form) หรือความคิดรวบยอด (concept) ที่มีต่อรูปธรรมและนามธรรมทั้งหลาย เช่น คนที่มีมากมาย ซึ่งแต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณแตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงเป็นคนอยู่นั่นเอง ทั้งนี้เพราะแต่ละคนนั้นมีลักษณะร่วมกัน นั้นคือความเป็นคน หรือคนเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องแก่เจ็บตายไปในที่สุด แต่ความเป็นคนมิได้ตายตามไปด้วย ซึ่งความเป็นคนนี้เองที่เรียกว่า"แบบ"
    เมื่อเพลโตเดินทางมาถึงกรุงเอเธนส์ ประมาณ 387 ก่อนคริสต์ศักราช เขาได้ตั้งโรงเรียนขึ้นแห่งหนึ่งที่กรุงเอเธนส์ชื่อว่า อะเคดามี (Academy) ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับวิชาปรัชญา วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อีกทั้งเขายังได้สร้างสวนเพื่อ ออกกำลังกายสำหรับนักศึกษาในอะเคดามี เพราะหลักการในการเรียนการสอนของเพลโตมีอยู่ว่า ความรู้ทางการบริหาร วรรณคดี และดนตรี เป็นการศึกษาเบื้องต้น ซึ่งเป็นรากฐานของการศึกษาวิชาปรัชญาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชา ในขั้นสูงต่อไป ส่วนการเรียนการสอนในสถาบันแห่งนี้ก็ทันสมัยต่างจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมของกรีซ ที่ลูกศิษย์มีหน้าที่นั่ง ฟังแต่เพียงอย่างเดียว เชื่อในสิ่งที่ครูบอกทั้งหมด ห้ามโต้แย้งอย่างเด็ดขาด แต่เพลโตได้ใช้วิธีการตั้งคำถามเพื่อให้ลูกศิษย์มีโอกาส ได้พูด ใช้เหตุผลในการตอบคำถาม และค้นคว้าหาความจริงด้วยตนเอง การสอนแบบนี้ของเพลโตได้นำมาจากโสเครตีส อาจารย์ ของเขานั่นเอง โรงเรียนของเพลโตแห่งนี้มีผู้นิยมส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้สถาบันอะเคดามีของเพลโต ยังได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลกอีกด้วย

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  4. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    970
    ค่าพลัง:
    +1,178
    ชั้นแรก คือ ปฐมศึกษา ประชาชนทั่วไปต้องเรียนพลศึกษา ศิลปศาสตร์ ดนตรี วรรณคดี จนอายุ 18 ปี
    ยุทธศึกษา ผู้ชายอายุครบ 18 ปี ต้องเกณฑ์ไปเป็นทหารเรียนวิชาทหาร 2 ปี
    บัณฑิตศึกษา ผู้มีสติปัญญา จะถูกเลือกไปเรียนคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ จบแล้วก็เลือกไปเป็นขนนางหรือเป็นขุนศึก
    ดุษฎีศึกษา คนเก่งมาก จะถูกคัดเลือกเรียนวิชาปรัชญา 5 ปี เตรียมตัวเป็นขุนนางระดับสูง
    ขั้นสุดท้าย ปราชญ์ศึกษา คนเก่ง รับราชการไม่น้อยกว่า 15 ปี ทำงานจนอายุ 50 ปี ก็จะให้ปราชญ์ราชสภา ประเมินความรู้ความสามารถ และความประพฤติ
    ถ้าผ่านการประเมิน ก็จะได้เป็นสมาชิกสโมสรราชาปราชญ์ รอโอกาสทำงานบริหารบ้านเมือง
    ก่อนหน้าหลักสูตรผู้นำของกรีกประมาณ 100 ปี คุณประดิษฐ์ พีระมาน เขียนไว้ว่า โรงเรียนผู้นำแห่งแรกของโลก มีขึ้นในสถานที่ ที่เรียกว่า "หุบเขาปีศาจ"
    คำถาม หุบเขาปีศาจ อยู่ที่ใด ในโลกนี้....
    ;15
     
  5. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    970
    ค่าพลัง:
    +1,178
    ท่านใดเคยติดตามประวัติศาสตร์จีนบ้าง ช่วยแนะนำต่อได้นะครับ
    ภาคต่อ "หุบเขาปีศาจ"
    ยุคจั้นกว๋อ(พ.ศ.67-322) ของจีน
    ซินแสกุ่ยกู๋ เป็นอธิการบดี มีอาจารย์สองคน
    คนแรก ซินแสบั๊กเต๊ก สอนวิชาแพทย์
    คนที่สอง สอนพิชัยสงคราม นามว่า ซุนวู (แปลกว่าคัมภีย์นี้เกิดมาแค่ 2000 ปีเองหรอ)
    เหตุที่ซุนวู เจ้าตำรับพิชัยสงคราม 13 บท ต้องลี้ภัยการเมืองไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ในป่า ก็เพราะแพ้วิชา มายาหญิงร้อยเล่มเกวียนของ .. "ไซซี" หญิงงามจากเผ่าเยว์
     
  6. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    970
    ค่าพลัง:
    +1,178
    หลักสูตรโรงเรียนผู้นำหุบเขาปีศาจ สอนตั้งแต่
    -ภูมิศาสตร์
    -คณิตศาสตร์
    -ดาราศาสตร์
    -โหราศาสตร์
    -กุศโลบายการทูต
    -พิชัยสงคราม
    -โภชนาศาสตร์
    -สมุนไพร
    สอนวิชาทั้งบู๊ วิชาบู๋น แต่ท่านอธิการบดี ท่านเจตนาให้ศิษย์ศึกษาและบำเพ็ญธรรม
    เพื่อบรรลุความเป็นเซียน
    ยุคจั้นกว๋อ 7 แคว้นใหญ่ ทำสงครามชิงไหวชิงพริบกัน ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ ศิษย์สำนัก หุบเขาปีศาจ ออกไปโลดแล่นบนถนนการเมือง เป็นถึงสมุหนายก ได้สี่คน
    ทั้งสี่คน จับเป็นคู่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด คู่แรก ซุนปิน(หลานปู่ซุนวู) กับผังเจี้ยน
    คู่สอง โซวฉิน และจางหยี
    ก่อนออกจากโรงเรียน ผู้นำ ท่านอธิการบดีซินแสกุ่ยกู๋ รู้อยู่แก่ใจศิษย์บางคนเก่งวิชาบู๊ บางคนเก่งวิชาบุ๋น แต่หัวใจหลายคนยังขาดวิชาธรรม
    คำสอนสุดท้าย...ก่อนปล่อยศิษย์ไปโลดแล่น..ซินแส พร่ำสอนแต่ย้ำว่า
    "ชีวิตขุนนางในเมือง ไฉนจะเปรียบได้กับเซียนในหุบเขา"
    .
    .
    .
    .

    โปรดติดตามตอนต่อไป...
    .
    .
    .
    ไปชมโฆษณา หรือไปช่องอื่นๆ ก่อน
     
  7. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    970
    ค่าพลัง:
    +1,178
    ซุนปิน แทบจะเชีวิตไม่รอด แต่ใช้คำสอนของอาจารย์เอาตัวรอดมาได้ จางหยี ไหวทัน หนี่เล่ห์เพทุบายและความโหดร้ายทางการเมือง ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขในชนบท

    ส่วนผังเจี้ยน และโซวฉิน สองศิษย์สายบู๊ ตอนท้าย..ตายแบบไม่ค่อยดีนัก

    ชิวีตผู้นำ ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ..ถ้าไม่รู้จักพอ ก็มักตายโหง ถ้าพอเมื่อไร โอกาสตายดีก็มีให้เลือก..
    จากคุณ กิเลน ประลองเชิง (ไทยรัฐ)
     
  8. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    970
    ค่าพลัง:
    +1,178
    แล้วสามก๊ก เกิดขึ้นเมื่อกี่พันปีมาแล้ว

    ขงเบ้ง นั้นได้นำเอาวิชา ของหุบเขาปีศาจ มาเรียนจนเก่งกล้าได้

    ...เป็นผู้นำทางความคิดที่ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...