วิญญาณในพระราชวังโบราณ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 27 กรกฎาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,496
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD>โดย สายทิพย์



    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="35%" align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]






    </TD></TR><TR><TD>
    หมู่พระที่นั่งวิมานรัตยาที่พักของกลุ่มนักโบราณคดี






    </TD></TR></TBODY></TABLE>พระราชวังจันทร์เกษมเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระราชวังโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ใกล้ตลาดหัวรอ ในอดีตพระราชวังจันทร์เกษมคือ “วังหน้า” ในสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งปรากฏหลักฐานตามพระราชพงศาวดารสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ประมาณ พ.ศ.2120 โดยมีพระราชประสงค์เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    พระราชวังจันทร์เกษมนี้ในอดีตยังเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญอีก 7 พระองค์คือสมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าฟ้าสุทัศน์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ สมเด็จพระเจ้าบรมโกศและกรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์
    ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 พระราชวังจันทร์เกษมลูกเผาทำลายวอดวายจึงได้ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งในรับสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) จึงได้มีการบูรณะปรับปรุง ซ่อมแซมพระราชวังขึ้นใหม่เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา
    สิ่งก่อสร้างภายในพระราชวังนี้มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปีแล้ว และเพราะความเก่าแก่โบร่ำโบราณของพระราชวังเก่าแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของเรื่องราวอาถรรพณ์ เป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด”
    พระราชวังจันทร์เกษมในสมัยหลังๆ มักใช้เป็นที่พักของเหล่านักโบราณคดีข้าราชการกรมศิลปากรที่ต้องเดินทางไปสำรวจขุดค้นโบราณสถานภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือแม้กระทั่งเวลา “รับน้อง” คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรที่ผู้เขียนเคยศึกษาอยู่เราก็มักจะไปรับน้อง ซ่อมน้องกันที่นั่น และทุกครั้งที่ไปพัก หลายคนก็จะเจอะเจอเรื่องแปลกๆ เอามาเล่ากันอยู่เรื่อยๆ
    มีเรื่องที่เล่าสู่กันฟังถึงรุ่นพี่นักโบราณคดีคนหนึ่งเมื่อเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน่วยศิลปากรในแต่ละจังหวัด รุ่นพี่คนนี้ก็ได้ไปใช้ชีวิตทำงานอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและได้พักอยู่ที่พระราชวังจันทร์เกษม เป็นการชั่วคราวในหมู่พระที่นั่งพิมานรัตยาคืนหนึ่งหลังจากแสร็จงานสำรวจที่วัดราชบูรณะ รุ่นพี่และกลุ่มเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรก็พากันไปหาเหล้าดื่มกันที่ตลาดหัวรอข้างพระราชวังจันทร์เกษม จนเริ่มเมาจึงพากันกลับเข้าวัง เดินกอดคออ้อๆ แอ้ๆ เก้ๆ กังๆ ส่งเสียงดังชนิดไม่สำรวมกิริยามารยาทเข้ามาข้างใน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ไม่เคารพต่อสถานที่
    และก่อนที่กลุ่มคนเมาจะเดินมาถึงพระที่นั่งวิมานรัตยาก็มีบางคนเอ่ยชวนให้ไปยืนตากลมชมวิวกันบนหอพิสัยสัญลักษณ์ เผื่อว่าลมพัดเย็นๆ จะช่วยให้สร่างเมาได้บ้างเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันจึงพากันเดินโงนเงนไปที่หอสูงแห่งนี้ ซึ่งตามประวัตินั้นหอแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แล้วมาถูกทำลายพังยับเยินเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2310 แต่ต่อมารัชกาลที่ 4 ท่านโปรดฯให้สร้างใหม่ตามแบบศิลปะเดิมตามรากฐานเก่าเพื่อใช้เป็นหอส่องกล้องทอดพระเนตรดาว
    กลุ่มคนเมาเดินมาหยุดนั่งพักก่อนที่จะถึงหอสูง เมื่อทุกคนกวดสายตามองไปยังบริเวณด้านล่างของหอสูง แต่ละคนก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ เพราะที่บริเวณนั้นปรากฏร่างเป็นเงาตะคุ่มๆ ของใครก็ไม่ทราบหลายคนปรากฏอยู่ และกลุ่มคนพวกนี้ก็กำลังเดินใกล้เข้ามาหาพวกขี้เมาเสียด้วย และยิ่งใกล้เข้ามาชิดตัวก็ยิ่งน่าตกใจ เพราะแต่ละร่างที่เดินประดาหน้าเข้ามานั้น มีเพียงส่วนท่อนบนเท่านั้น ร่างกายท่อนล่างไม่มี ผู้ที่พบเหตุการณ์สยองขวัญบางคนถึงกับก้าวขาไม่ออก ยืนตัวสั่นอยู่กับที่ หายเมาเป็นปลิดทิ้ง
    ทุกคนเจอผีเข้าแล้ว!!!
    แต่มีอยู่คนหนึ่งใจกล้า ใช้ไฟฉายที่ถือมาส่องไปยังร่างของผีเหล่านั้นซึ่งยิ่งส่องก็ยิ่งเห็นความน่าเกลียดน่ากลัว เพราะเขาเห็นร่างกายส่วนที่ขาดตั้งแต่บั้นเอวลงไปนั้นขาดกระรุ่งกระริ่งไม่มีชิ้นดี เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วทุกคนจึงรีบหมุนตัวกลับวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
    ตกลงคืนนั้นไม่มีใครข่มตาหลับได้ลงสักคน เพราะภาพที่เห็นมันสุดจะบรรยายแต่ก็ทำให้ทุกคนเชื่อว่านี่คงจะเป็นการลงโทษของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทางที่คุ้มครองรักษาสถานที่แห่งนี้ เพราะเขาคงไม่ชอบให้ใครมาเกะกะ ทำตัวไม่เคารพสถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของอดีตวีรกษัตริย์หลายพระองค์
    การมาปรากฏเช่นนี้ก็คงเป็นการลงโทษสถานเบาให้หลาบจำ

    ด้วยเหตุนี้หลังจากคืนนั้นแล้วกลุ่มนักโบราณคดีและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ได้เผชิญเหตุการณ์สยองขวัญจึงได้นิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปมารับภัตตาหารและถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้กับดวงวิญญาณทุกดวงในวังจันทร์เกษม เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสถานที่ เรื่องการพบเห็นดวงวิญญาณที่วังโบราณนี้ยังมีเล่ากันต่อมาเรื่อยๆ ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่ไปรับน้องที่นั่นก็มักจะเจอกันทุกปี”


    ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
    ฉบับที่ 666 ปีที่ 28 ปักษ์แรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2006
  2. landends

    landends เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +477
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...