วิถีอนุตรธรรม..ธรรมะอันสูงส่งเพื่อการปกโปรดทั้งสามภพ(3)

รับธรรมะได้รับอะไร<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
การรับธรรมะคือการได้รับถ่ายทอด วิถีแห่งจิต เมื่อพันห้าร้อยกว่าปีก่อน จอมปราชญ์ขงจื่อ ก้ได้รับการถ่ายทอดจุดสถิตชีวิตสว่างดวงธรรมญาณจากพระอริยะเจ้าเหลาจื่อเรียกว่าได้รับการถ่ายทอด จุดตรัสรู้ <o></o>
พระมหากัสสปะ ก็ได้รับการถ่ายทอดจุดตรัสรู้จากพระพุทธเจ้าโดย การชูดอกบัวให้เห็นตรงหน้า เป็นปริศนาธรรม <o></o>
ประมาณหนึ่งพันปีก่อน พระพุทธจี้กงต้องอาศัยการตบหน้าจากพระอาจารย์เป็นอุบายเบือนความสนใจจากสงฆ์น้อยใหญ่ พร้อมกับได้รับการถ่ายทอดจุดตรัสรู้โดยฉับพลัน<o></o>
จึงมีคำกล่าวถึงความวิเศษของการรับธรรมะว่า เช้าได้รับวิถีธรรม แม้เย็นตายก็ไม่เสียดาย หรือ เจนจบหมื่นคัมภีร์ศาสน์ ก็มิอาจเทียบพระวิสุทธิอาจารย์ประทานจุดหรือ ทางไปพระนิพพาน ที่ว่าไกลถึงสิบหมื่นแปดพันลี้ เพียงจุดเปิดชี้ อยู่ใกล้แค่นัยน์ตา<o></o>
ธรรมญาณคือจิตเดิมแท้ในกายเรา เป็นหลักในการปกครองสังขาร เมื่อหลงจิตเดิมแท้ ไม่รู้ว่าเกิดมาจากที่ใด เมื่อตายสู่ที่ใด จึงลงสู้นรกภูมิเวียนว่ายเกิดแก่เจ็บตายไม่รู้จบแต่ถ้าเรารับวิถีธรรมแล้ว จะได้รับการเปิด จุดสถิตชีวิตสว่างดวงธรรมญาณหลังจากการละสังขารแล้วเราจะมีโอกาสบรรลุคืนกลับสู่แดนอนุตรภูมิได้<o></o>
การรับธรรมะ จะได้รับสิ่งวิเศษ 3 ประการซึ่งเป็นความลับของสวรรค์<o></o>
1.จุดญาณทวาร( จุดสถิตชีวิตสว่างดวงธรรมญาณ)<o></o>
พระเยซูกล่าวว่า แผ่นดินเราอยู่ท่ามกลางพวกท่านและยังตรัสอีกว่า จงเข้าไปทางประตูแคบเถิด เพราะประตูกว้างและทางเดินสายนั้นย่อมนำไปสู่นรก มีคนมากมายเดินสายนั้น ส่วนทางประตูแคบและทางเดินวิบาก ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้นมีน้อยคนนักที่จะได้พบ(ท่านมัทธิว 7:13-14) ประตูแคบก็คือ จุดญาณทวาร<o></o>
ประตูกว้างก็คือ คา หู จมูก ปาก สะดือ กระหม่อม (ชีววิถีหก)ประตูแห่งการเวียนว่ายตายเกิด<o></o>
2.รหัสคาถา เป็นสัจคาถาอันศักสิทธิ์ ถ่ายทอดจากปากสู่จิต ใช้สื่อกับสิ่งศักสิทธิ์ ช่วยให้รอดพ้นจากเคราะร้ายต่างๆ<o></o>
3.ลัญจกร เป็นตราประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธะให้นำพารอกพ้นภัย 81 ประการในธรรมกาลยุคขาว<o></o>
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง3นี้เมื่อใช้รวมกันจะเกิดพุทธธานุภาพที่ยิ่งใหญ่และจะไม่สามารถบอกต่อกันได้จะรู้ในเฉพาะคนรับธรรมะหากผู้ใดบอกกล่าวแก่ผู้อื่นนอกจากอาจารย์ถ่ายทอดธรรมแล้วมีความผิดของอาญาสวรรค์<o></o>
<o> </o>

 

ไม่ใช่ละ พระพุทธเจ้าบอกว่า เราไม่มีกำมือของอาจารย์ (อาจาริยมุฏฐิ) คือไม่มีความลับต่อสาวก เพื่อให้บรรลุธรรม พระองค์ท่านบอกทุกเรื่อง

คำกล่าวของคุณก็กล่าวขึ้นเองในพวกนับถือลัทธิของคุณเอง

ในมัทธิว จุดประสงค์ที่พูดคือความดี ให้ไปสวรรค์ทำยากคือประตูแคบและทางเดินวิบาก
ไม่ใช่ไอ้จุดตาที่สาม นี่ก็มั่วแล้ว

ถ้าจะเปิดจุดหรือจักระ แนะนำ เรียนพลังจักรวาล ดีกว่าโยเร และลัทธิคุณอีก

สัจจะคาถา อู๋ไท่ฝอหมีล่อ ไม่มีอะไรมาก ถ้าแปลแบบเป็นคำๆ ก็แค่เป็นคำ พูดชื่อพระศรีอริย์ (หมีเล่อ คือพระศรีอาริย์ ไท่ คือฟ้า ฝอ คือพุทธะ หรือพระ ) เป็นคำภาวนาช่อพระศรีอาริย์ภาษาต่างชาติ(จีนหรือไต้หวันจำไม่ได้) แต่งขึ้นมาเอง

พวกตราลัญจกรนี่ก็มั่ว ตราลัญจกร คุณมั่วว่ามีสามแบบใช่ในธรรมกาลต่างๆกัน เพราะคุณไม่มีความรู้พอ

จำไว้นะครับว่า การไหว้ประนมมือนั้นเป็นการแสดงการนอบน้อมซึ่งกันและกัน การประนมมือเหมือนดอกบัว คือดอกไม้ที่ชั้นสูงหอมและสวยงาม คือความหมายแห่งความนอบน้อมซึ่งกันและกัน

การที่ไหว้มือเดียวไม่เกี่ยวกับธรรมกาลยุคแดง แต่ มีสาเหตุมาจาก พระหุ้ยค้อ คือสังฆปรินายกของจีนองค์หนึ่งมีมือเดียวคือมือขวา เนื่องจากแขนท่านขาดจากการเข้าใจผิดคำพูดของอาจารย์ท่านคือพระโพธิธรรมมหาครูบา (ตั๊กม้อ) ว่าให้ละข้างซ้ายเสีย ท่านเลยตัดแขนซ้ายตัวเองเลย ต่อมาภายหลังลูกศิษย์วัดเส้าหลินไม่อยากทับรอยครูบาอาจารย์ เลยไหว้มือขวามือเดียว ไม่ให้เทียบชั้นครูบาอาจารย์ แต่พระนิกายอื่น เช่นเถรวาท หรือนิกายแถวทิเบต และพระจีนหลายวัดหลายสำนัก ไหว้สองมือ คือการพนมหรือประนมมือ เหมือนดังการไหว้ในอินเดียต้นกำเนิดศาสนาพุทธ

การไหว้แบบลัทธิคุณที่เอามือมาทำรากบัวน่ะมั่ว เป็นการเลียนแบบการทำความเคารพในจีน เพื่อให้เกิดความแตกต่างและเชิดชูความเป็นชาตินิยมของจีนเลยเอามาใช้และอ้างว่าเป็นการไหว้ของธรรมกาลยุคขาว

สัทธรรมปฏิรูป ครับ เอาหลักธรรมดน้นอันนี้มาประสมกัน กลายเป็นมั่วซั่วหมด

 

สุดยอด คุณเม

ผมเพิ่งทราบเรื่องการไหว้มือเดียว อามิตาพะ ของจีนนะเนี่ย

นับถือๆ

 

สุดยอด คุณเม

ผมเพิ่งทราบเรื่องการไหว้มือเดียว อามิตาพะ ของจีนนะเนี่ย

นับถือๆ

 

ท่านเมรู้จริง สุดยอด...ท่านเจ้าของกระทู้ขอรับธรรมจากท่านเมก็แล้วกันเน้อ555

 

เดี๋ยวครับ เดี๋ยวคะ นี่ก็มนุษยฺปฏิรูป ครับ
การเปิดประตูจิตหรือการทำท่าไหว้ที่แปลกแตกต่างออกไป มันก็แค่สัญละกษ์ครับ มันแสดงให้เราเห็นว่าผู้บำเพ็ญในวิถึอนุตรธรรมนั้น
1. ท่าทางการไหว้ ก็คือ การทำดี
2. คำพูดสัจจะคาถานั้นก็คือ พูดดี
3. ประตูจิต ก็คือ จิตดี หรือคิดดีนั่นเองครับ
มันก็แค่สัญลักษ์เตือนใจให้เรากระทำตัวและใจเราให้ดีตลอดเวลาครับ

 

ในโลกนี้ มีความเชื่อมากมาย

พระพุทธศาสนา มีคนเชื่อ มีคนนับถือสืบๆๆ กันมา ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว เพราะพระพุทธศาสนา มีเหตุ มีผล เป็นเรื่องของความจริง ไม่ได้คาดคะเนด้นเดา รู้ได้ เห็นได้ ด้วยการปฏิบัติ มีมาก่อนศาสนาอื่นๆ

ถึงแม้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลก เป็นเลิศ เป็นผู้ประเสริฐกว่ามนุษย์ และเทวดาทั้งหลายแล้ว ก็ยังมีเจ้าลัทธิ เจ้าของศาสนา เจ้าของความเชื่ออื่นๆ ปฏิบัติกันอยู่ ไม่แปลก !!!! เป็นเรื่องของบุญ บารมี เป็นเรื่องของกรรม (เรื่องของ บุญ (ปุญญํ), บารมี (ปารมิตา), กรรม (กมฺมํ) เป็นภาษาบาลี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ เพราะทรงรู้ทรงเห็น คือ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง)

ศาสนาอื่นๆๆ ก็ไม่ควรเอาคำ เอาศัพท์ของพุทธศานา ที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ด้วยการตรัสรู้ ด้วยการปฏิบัติ ด้วยบุญ ด้วยบารมีที่สร้างสมอบรมมา ไปใช้นะ

โบราณเขาเรียกว่า "ชุบมือเปิบ" (คิดเอง ทำเอง รู้เองบ้างซิ)

คำว่า พระ มาจาก วรฺ
คำว่า ธรรมะ มาจาก ธมฺมฺ
ฯลฯ บาลี มาจากพระโอษฐ์ทั้งนั้นเลย

 

แถไปได้ เถือกๆ เลือดซิบๆ
เอกสารหนังสือคุณ ทุกเล่ม ชี้แจงไว้ชัดเจน ดังเจ้าของกระทู้ แชมป์คุงบอกทุกประการ

อูย สงสัยคงได้เป็นท่านเทพรักษาอนุตรธรรม มั่ววินัยธร สะออน ๆละมั้ง
ถึงตีความได้เลยเถิดเช่นนั้น
พระแม่ลัทธิท่านจะว่าเยี่ยงไรหนอ

 

" ศาสนาใด ที่มีทางแห่งมรรค มีองค์ 8
ศาสนาเหล่านั้น จึงได้ชื่อว่ามีพระนิพพานเป็นที่สุด นั่นแล "

_____________________________________________

บุญกุศลเหล่าใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจัก จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี ร้อยชาติก็ดี หมื่นชาติก็ดี อสงไขย์ชาติก็ อนันตชาติก็ดี

ข้า พระพุทธเจ้าขอนอบน้อมอำนาจพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักวาลที่มิได้มีประมาณ ทั้ง ห้วงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล โดยมีสมเด็จ ภันเต ภควา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์พระประถม
องค์ พระสิริมิตร องค์พระธรรมสามี พระธรรมราชา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระ สิขี ทศพล ญาณที่1 เป็นสมเด็จองค์พระประธาน แห่งองค์พระพุทธคุณ

ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระธรรม พระสัจธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อั้นไม่มีประมาณ เป็นองค์พระธรรมคุณ

ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งองค์พระปัจเจกพุทธคุณ แห่งองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ อันไม่มีประมาณ ทั่วทั้งอนันตจักวาล ทุกกาล ทุกกัปป์ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็น องค์พระปัจเจกพุทธคุณ

ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระสงฆ์ พระสาวกแห่งพระผู้มีพระภาค องค์ภันเต ภควา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั่วทั้ง อนันตจักวาล อันไม่มีประมาณ อันหาที่สุด มิได้ เป็น พระสังฆคุณ

ข้า พระพุทธขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระบิดา พระมารดา พระอรหันต์ แห่งบุตร ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และของข้าพเจ้าทุกๆชาติ ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ เป็น คุณแห่งบิดาและมารดา

ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณพระอาจารย์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ ตลอด อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีพระคุณที่ได้ประสิทธิประสาท วิชา สั่งสอนในคุณความดี ตั้งมั่นในสัมมาทิฐิ เป็น
คุณแห่งครูบาอาจารย์

ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณของ พระพรหม และเทพ เทวดา พระยายมราช ทุกรูป ทุกนาม ทุกๆชั้นฟ้า ทั้วทั้ง อนันตจักวาล สากลพิภพ อันไม่มีประมาณ จงร่วมกันบันดาล ปกป้องรักษาและอนุโมทนา

ขอ อำนาจแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระปัจเจกพุทธคุณ พระสังฆคุณ คุณแห่งบิดา มารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ และ ทวยเทพเทวดาทั้ง โปรดดลบันให้....

กุศล ผลบุญ เหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำมา ได้บำเพ็ญมาโดยชอบ จำได้ก็ดี จำมิได้ก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศกุศลเหล่านั้น แด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ิสัตว์ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....

 

น่าสงสาร คนโพสต์กระทู้ครับท่าน !!! ที่นี่มันห้องพระโพธิสัตว์ พุทธภูมิ เอาแบบนี้มาโพสต์ก็โดนยำเละๆๆๆ ตุ้มๆๆๆ เปะๆๆๆ

พระโพธิสัตว์ภูมิธรรมท่านแยะนะครับ มามั่วๆๆ ไม่มีเหตุ ไม่มีผล หลักลอยๆๆ แบบนี้ โดนสอนคืนละครับท่าน !!!

 

อืม รู้สึกจะมีคนต่อต้านลัทธินี้หลายท่านนะครับ ท่าน chotiya ท่าน ustharos

ท่าน vera_p..... ท่านปรมิตร และท่านอื่นๆ
อนุโมทนาบุญทุกท่านครับ

 

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ(เจ้าของกระทู้)
ท่านยังไม่แจ่มแจ้งอีกหรือ
สิ่งที่ท่านกัลญาณมิตรแนะนำนั้นล้วนเป้นไปเพื่อประโยชน์(แม้จะขัดใจท่านก็ตาม)
ผมคิดว่าท่านเองก็คง ต้องยอมรับว่าการประกาศแนวความคิดใดๆบนเวปอิสระต่อความคิดและการแสดงความคิดเห้นก็ล้วนได้รับข้อโต้แย้งไม่มากก็น้อย
ลองใช้สติ และ ปัญญาพิจารณา ดีๆนะครับ

ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า แนวความเชื่อที่ตนยึดถืออยู่นั้น ประกอบด้วยเหตุผล อันสมควรหรือไม่
ท่านเชื่อ และศรัทธาในพระพุทธเจ้าหรือไม่(ถ้าไม่ ก็ไม่ใช่ชาวพุทธแล้ววว)
หากท่านเชื่อและศรัทธาในพระพุทธเจ้า เป็นชาวพุทธ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าท่านศึกษาดีหรือยัง
ชาวพุทธ มีหน้าที่ศึกษาธรรมะ ไม่ต้องไปอ้างวาทะของศาสดาอื่นใดๆเลย
เราชาวพุทธไม่ใช่ ว่าศึกษาพุทธวจนะด้วยว่า ยึดถือยึดมั่น เชื่อฟังแต่ศาสดาตนไม่เปิดใจต่อธรรมอื่นก็หาไม่ หากท่านศึกษาธรรมะของพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแตกฉานแล้วท่านค่อยไปศึกษาธรรมะหรือคำสอนศาสนาอื่น ตามใจชอบเถิด (เช่นผู้รู้หลายท่าน)
คำสอนของศาสดาตนไม่แตกฉาน มัวแต่อยู่นอกๆไม่เข้าใจแก่น ศรัทธาก็วิปลาศ ไปเอา คำสอนโน้นมาผสมกัน ไม่ดีเลย

แต่ถ้าท่านไม่ใช่ชาวพุทธก็ เชิญเดินไปตามทางที่ท่านต้องการเถิด แต่อย่าเอาพระศาสดาและพระธรรม อันเป็นที่เคารพของพวกเราชาวพุทธไปอ้าง เพราะถือเป็นการปรามาสพระพุทธเจ้า เราชาวพุทธทั้งหลาย ย่อมต้องทำหน้าที่ปกป้องพระศาสนา
ลุกขึ้นมาโต้แย้งเป็นธรรมดา

ท่านอย่าได้ถือเอาซึ่งโทสะแล้วไม่เห็นประโยชน์แก่ตนเลย
อนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้นครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->

 

มิกล้าๆ ท่านเม

ผมไม่ได้ต่อต้านอะไรมากมายหรอกครับ
เห็นแล้วสงสาร เลยเตือนเค้าดีๆ
ท่านเองก็เพลาๆบ้างนะผมว่า จะพลั้งไปก่อกรรม มีเวรติดตัวเปล่าๆ555
(ความจริงเห็นแล้วสงสาร อนุตรธรรมเข้ามาทีไรก็ตายทุกรอบ โดนท่านเมสกัดกั้นไปซะ ความรู้แน่นจริงๆ55)แต่ก็อย่างว่าอะนะครับ ท่านเมก็เคยตอบผมไปครั้งหนึ่งเรื่องนี้จริตนิสัยเด็ดเดี่ยวกล้าหาร ก็เหมาะสมแล้ว ที่ประสงค์ภูมิธรรมอันสูง

เท่าที่อ่านผมว่าเจ้าของกระทู้เองก็มีจิตใจดี (ไม่ค่อยตอบโต้แรงๆ เหมือนที่เคยเห็น)ผมว่าท่านผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยแนะนำ เขาน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า กระแทกแรงๆนาท่าน

อนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้นครับ

 

นี่หรือคือผู้ประพฤติธรรมเมื่อใครมีความเห็นที่ไม่ตรงกับจริตของตนก็โจมตีเขา เปิดโลกทัศน์ของตนหน่อยนะคับ ลองเปิดใจให้กับทุกๆอย่าง เพราะธรรมะคือธรรมชาติมิใช่เฉพาะคนที่นับถือพุทธเท่านั้นถึงจะบรรลุธรรมได้ เพราะธรรมทั้งปวงนั้นไร้ลักษณ์

 

ข้าแต่ท่านธรรมกาลยุคขาวผู้เจริญ
กัลญาณมิตรย่อมแนะนำด้วยหวังดี มิได้มีการแบ่งฝักฝ่าย
หากท่านมิเห็นควรหรือไม่มีขันติ ต่อการโต้แย้ง วิพากวิจารณ์หรือมิได้มีความเข้าใจในธรรมะนั้นๆ
นั้นก็มิพึงนำธรรมะมาประกาศสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะวิสัยของผู้มีปัญญา หรือพหูสูตทั้งหลาย (มิใช่กระผมนะครับขอออกตัวก่อน หึหึ )
ย่อมไม่เชื่อใน ทิฐิใดๆง่ายๆ ยิ่ง เป็นความเชื่อที่เห็นจริงด้วยปัญญาของท่านเหล่านนั้นแล้ว
มากกว่านั้น เป็นธรรมะของพระศาสดาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เหลาพุทธบริษัทย่อมโต้แย้ง หากเห็นว่าพระพุทธเจ้ามิได้กล่าวเช่นนั้น
เมื่อเห็นว่าไม่สมควรผู้หวังดี ย่อมมิปล่อยให้ผู้เข้าใจผิด เข้าใจพระพุทธเจ้าผิดๆไป

พระพุทธเจ้าเปรียบบิดา ผู้ให้กำเนิด เพราะ สอนธรรมะ หากมีผู้ยำยี บิดาตนด้วยคำเท็จ ย่อมทนเห็นว่าเป็นเช่นนั้นมิได้

ส่วนการแนะนำ หรือโต้แย้ง ย่อมเป็นไปโดยฐานะ โดยจริต นิสัยของแต่ละท่าน

 

โดยสรุป ท่านกล่าวถูกแล้วว่าศาสนา(หลัก)ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในสังคมอย่างเป็นสุข แต่ทุกศาสนาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายสูงสุดอย่างเดียวกัน
ข้อนี้เเหละแย้งท่านเพราะหากเชื่อในการนิพพานแบบพุทธศาสนา ท่านจะเดินไปสู่พระนิพพานไม่ได้เลย ถ้าไม่เดินทางเอกคือ สติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม
ไม่มีทางเลย ที่เชื่อในพระเจ้าแล้วเข้าพระนิพพานได้

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มาชี้แจงคำสอนที่ถูกต้องให้กับผู้หลงผิด หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเข้าใจและออกจากลัทธิมั่วเถิด

 

นับถือพระอินทร์ ดีกว่าครับ ท่านเป็นพระอริยะเจ้า
นับถือพระฆฏิการพรหม ดีกว่าครับ ท่านเป็นพระอริยบุคคล

บุคคลที่ยกมานี้ ไม่หลักลอย มีจริง เป็นเนื้อนาบุญ เป็นบุคคลน่าเข้าไปหาครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับรอง