วิธีประทับดอกบัวมีกี่วิธีบ้างครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ณฉัตร, 8 พฤษภาคม 2015.

  1. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เห็นภาพพุทธประวัติ ตอนประสูติองค์สิทธัตถะก้าวเดินบนดอกบัวได้เจ็ดก้าว แม้ว่าตามจริงในพระไตรปิฎกมิได้มีการกล่าวถึงดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ แต่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมประทับบนดอกบัวเสมอแม้เดิน ยืน นั่ง หรือนอน ธรรมอันยังให้ดอกบัวปรากฏ ประการหนึ่ง คือ เมื่อเจริญเมตตาให้มากโดยกำหนดจิตไว้ที่กลางทรวงอกอันเป็นที่ตั้งแห่งใจ แล้วภาวนาเมตตาจิตให้แผ่ออกไปไพศาลไม่มีกำหนดทุกทิศทุกทาง กำลังแห่งจิตไปได้เท่าไรก็อบรมเพิ่มพูนไปเรื่อย ก็ปรากฎดอกบัวขึ้นแลจิต หรือกายภายในก็จะปรากฎลอยอยู่ ณ กลางหทัยนั้นเองแลดอกบัวก็ผุดรองรับกายภายในนั้น จึงอยากถามว่า การผุดแห่งดอกบัวเป็นการผุดขึ้นเองโดยสภาวะ หรือเป็นอำนาจแห่งมโนมยิทธิ หรืออาจเกิดได้ทั้งสองทาง ในกรณีที่มิได้เกิดจากมโนมยิทธิ การเกิดเป็นธรรมชาติโดยไม่กำหนดฤทธิ์ทางใจอย่างมโนมยิทธิ จะเกิดจากการปฏิบัติธรรมหรือการวางจิตอย่างใดได้อีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bhudda02.jpg
      bhudda02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      386
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,815



    :cool:({) สวัสดีครับ คุณ ณ ฉัตร ในการ หัวข้อ คำถามของคุณ เหมือนประเภท คำถาม ทรงผี ทรงเจ้า แต่อ่าน ในกระทู้ มันคนละเรื่องเลย ผมเองไม่ได้เรียนมาหรอกครับ อาศัย ประสบการณ์จริง ๙๐ เปอร์เซ็น ผมขอแสดงความคิดเห็นไว้ดังนี้ครับ การที่พระโพธิ์สัตว์ เจ้าทั้งหลาย เดินได้ ๗ ก้าวนั้น มันเป็นการ ขั้นตอน สุดท้าย ในการเกิดของท่านแล้ว ที่จะได้ตรัสรู้ มาเป็น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว คือพูดง่ายๆ ท่านบำเพ็ญบารมี เลยธงไปแล้ว ไม่ใช่ มาเริ่ม ตั้งต้น กันใหม่




    :cool:({) คนที่ จะบำเพ็ญ บารมีเป็นพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่า พระโพธิสัตว์ หรือเรียก อีกแบบว่า พุทธภูมิ เนื้อหน่อ แห่ง พุทธธางกูธ คือเจริญรอย ตามพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ได้ตรัสรู้ไปแล้ว นับไม่ถ้วน ไม่รู้กี่ล้านๆพระองค์มาแล้ว พระโพธิสัตว์ ทั้งหลาย เมื่อท่าน บำเพ็ญ ที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้า (ท่านต้อง ขยันเกิดขยันตาย) เพื่อสร้าง บารมี แห่งพระโพธิญาณ ให้เต็ม เหมือนพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ที่ได้ตรัสรู้ เสด็จเข้าสู่พระนิพพาน แล้ว และการสั่งสมบารมี มันต้องเกิด ระหว่างคน กับสัตว์เท่านั้น


    ผมขอรวบรัดตัดตอนนะครับ ถ้าพูดเรื่องนี้ ๓ วัน ๓ คืนไม่จบแน่นอนครับ ถ้าคุณ ต้องการแบบ ทีคุณ ถามมา คุณต้องได้ กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ ต้องได้ จนนับ ชาติไม่ถ้วน เป็นแสนๆ ล้านๆชาติ ไม่ใช่ บำเพ็ญชาติเดียว แล้ว ทำได้เลย ไม่ว่าคุณ จะทำอะไร มันต้องสร้างไปจาก ความเป็นมนุษย์ ในกรณี จะอธิบาย เช่น คุณ อยาก มีกงจักร คุณสร้างพระพุทธรูป เพื่อบูชา พระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง คุณก็ ทำเป็นรูปกงจักร ไว้บน ฝ่ามือท่าน และฝ่าเท้า พระพุทธรูป หรือ รูปพระสงฆ์ รูปเทวดา ที่คุณเคารพ แต่ที่แน่ๆ พระพุทธรูป ดีที่สุดครับ


    คุณอยาก จะเป็น พระอินทร์ หรือพระเจ้าจักพรรดิ์ คุณต้องสร้างคุณธรรม นั้นให้ได้เสียก่อน ตอนเป็นคน แล้วคุณจะได้ เป็นตาม ที่คุณ ว่ามา คุณจะเป็นพระพุทธเจ้า แบบไหน คุณ ต้องบำเพ็ญ ตามนั้น ปัญญา ธิกะ ศรัทธาธิกะ วิริยาธิกะ มโนมยิทธิ ก็เช่นกัน ถ้าคุณ ไม่ได้มาก่อน นับแสนๆชาติ ถ้าคุณเอาจริง เอาชีวิตเข้าแรก ในชาติแรกชาติ พรึ่งเริ่มต้น มันก็ไม่ได้หรอกครับ พันล้านคน แสนล้านคน จะได้สักคนหรือเปล่า ไม่รู้นะครับ ฉนั้น ไม่มีพระโพธิสัตว์ องค์ไหน อยู่ๆมาเดินได้ ๗ ก้าว ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นั้น ไม่มีหรอกครับ ต้องบำเพ็ญ บารมีมาเต็มแล้ว ชาติสุดท้าย โน่น จึงจะแสดง แบบนั้น นี้ ความเข้าใจของผมครับ


    ถ้าคุณไม่ทำ มันเกิด ขึ้นไม่ได้หรอกครับ จากบารมี ๑๐ จนเป็นบารมี ๓๐ ทัต :cool:
     
  3. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ประเด็นในกระทู้ถามนี้ คือ ธรรมอันยังดอกบัวให้ผุดมารองรับใจหรือกายในกายนั้น มีธรรมใดบ้าง มิได้เน้นเรื่องการก้าวเดินของพระโพธิสัตว์ชาติสุดท้ายเป็นหลัก ด้วยว่าถ้าพูดให้ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ ย่อมไม่มีประโยชน์อันใด เหมือนเรื่องอจินไตย ถ้าพูดไปให้คำตอบจริงแท้มิได้ ท่านว่าอย่าคิดอย่าถามกัน ขอเน้นเพื่อจะได้ไม่หลงประเด็นไปเรื่อง แรกประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าวครับอันนี้ ถือว่าพี่บุญทรง แสดงความเห็นว่า การเกิดของดอกบัวนั้น ทำได้โดยการทำบุญและตั้งจิตอธิษฐาน ซึ่งต้องรอข้ามภพชาติเอนกอนันต์อย่างมหาปุริสลักษณะ 32 ซึ่งคงหาประโยชน์อันแท้จริงมิได้ แลอีกประการในพระไตรปิฎกเรื่องมหาปุริสลักษณะ 32 ก็เน้นที่การประพฤติธรรม ไม่เน้นการทำบุญแบบถวายข้าวของและอธิษฐานขอ ในที่นี้ ผมตั้งใจถามเรื่อง ที่สามารถพิสูจน์ได้จากการประพฤติปฏิบัติตนและให้ผลได้ในทันที ไม่ต้องรอข้ามภพชาติหรือรอชาติสุดท้ายซึ่งไม่ทราบว่าจะนานเท่าใด ดังนั้น ในตอนนี้ มีสามวิธีครับ หนึ่ง เจริญเมตตาจิตอันไม่มีประมาณ สอง กำหนดจิตใช้มโนมยิทธิ สาม ทำบุญด้วยอะไรก็ได้แก่บุคคลที่ควรบูชาแล้วตั้งจิตอธิษฐานให้กายในกายเรามีดอกบัวในทันที เพราะผมประสงค์ให้เห็นว่า ธรรมย่อมให้ผลทันทีหากเข้าถึงธรรมไม่ว่าระดับใด แลไม่ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็สามารถมีดอกบัวรองรับได้ เพราะสัตว์ทั้งหลายหากปรารถนาหลุดพ้นแม้โดยส่วนตัวก็จัดว่า มีโพธิจิต เกิดทันที เพราะโพธิจิตมีลักษณะจิตประสงค์หลุดพ้นและไปนิพพานเป็นสำคัญ ส่วนการโปรดสัตว์โลกเป็นลักษณะมหาสัตว์เท่านั้น ที่เรียกมหาสัตว์ยกเอาที่ใจใหญ่ จะทำการใหญ่ แต่สัตว์ทั้งหลายย่อมมีโพธิจิตเกิดขึ้นได้แม้ไม่มีอุปนิสัยอย่างพระโพธิสัตว์ ธรรมและจิตมีผลทันทีครับ ดอกบัวในใจและรัศมีธรรมย่อมเกิดทันที แต่อย่าไปเปรียบวิสัยแห่งพุทธเจ้า แต่เดินตามรอยพระองค์ได้ จะเป็นสาวกภูมิหรือพุทธภูมิก็ถือว่า ถือเอารัตนตรัยสามเป็นที่พึ่งทางใจครับ
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,333
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,073

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • BlessDhamma.jpg
      BlessDhamma.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.5 KB
      เปิดดู:
      149
  5. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    สำหรับพระโพธิสัตว์เกิดด้วยบุญ
    ถ้าอยากเท่บ้างก็ใช้อภิญญาทำเองได้ แต่ระวังไปนรก
     
  6. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ดอกบัว นี่ จริงๆ มันอิงกับร่างกายคนเราครับ ทั้งฮินดูและเต๋า ล้วนกล่าวว่าร่างกายมีจักร อยู่แล้วครับ ใครที่ทำสมาธิฝึกตบะโยคะ จะเกิดจักรตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า จักร เพราะเป็นมองด้วยตาภายใน จะเห็นเป็นรูปจักร แต่ก็มองเป็นพลังงานแสงรูปทรงดอกบัวครับ ในทางฮินดูกล่าวว่าจักร เพราะเน้นทางฤทธิ์ โดยพระกฤษณะก็ใช้จักรเป็นอาวุธได้ ถือเป็นอาวุธทางจิตหรือพลังจิต สำหรับเต๋าเน้นอายุยืนนานเข้าเป็นเซียน เมื่อฝึกจิตให้spitit หรือกายภายในนั่งสงบภายในกลางศีรษะก็น้อมจิตให้ออกทางกลางกระหม่อม ซึ่งทางฮินดูก็นิยมฝึกกัน ที่เรียกว่าฝึกเป็นเซียน คือถอดกายภายในไปสวรรค์ ซึ่งสมาธิจิตจะกระตุ้นจุดกลางกระโหลกให้มีกระแสไฟฟ้าชีวภาพหรือชื่ จนเมื่อมองด้วยตาภายในเป็นรูปดอกบัว อาศัยจิตสะสมเพียงพอธาตุรูปและนามแกร่งขึ้นเป็นฐาน ก้าวสู่ความเป็นเซียน หรือยกระดับจิตเข้าหาชั้นเทพชั้นพรหม แต่สำหรับทางพุทธ เน้นฝึกอบรมจิตให้บริสุทธิ์ เมื่อศีลบริบูรณ์ จิตสงัดจากกาม จิตประภัสสรแล้ว นามธาตุที่จิตอบรมมาดีจะเหนี่ยวนำรูปธาตุ ก่อให้เกิดพลังที่จุดต่างๆ โดยอัตโนมัติ เรียกว่า การเกิดดอกบัวทิพย์หรือจักรทิพย์ พระโพธิสัตว์ที่บารมีมากแล้ว จึงมีจักรทิพย์ หรือกงจักรเกิดขึ้น จักรแก้วนี่ จึงคือสิ่งที่เกิดจากรูปธาตุนามธาตุอันจิตพระโพธิสัตว์ยังให้เกิดขึ้นด้วยการสะสมจิตที่บริสุทธิ์ ดังนั้น สำหรับคนทั่วไป หรือ สรรพสัตว์ทุกดวงจิตสามารถพัฒนาจิตและธรรมได้ ส่วนจะพัฒนาดอกบัวหรือจักรของตนได้มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ที่ทราบมา จักรหรือดอกบัว ทางพุทธศาสนา ทราบว่า การตั้งจิตเมตตาที่กลางหทัยจิต จักรหรือดอกบัวที่จุดนั้นจะเกิดขึ้น แม้ไม่ตั้งจิตอธิษฐาน แต่หากภาวนาเมตตาจิตหรือภาวนาธรรมข้อใด จักรหรือดอกบัวก็เกิดตามปกติครับ แม้ไม่ต้องการก็ตาม ส่วนเรื่องนรก นั้นไม่มีตกเพราะจะทำจักรหรือดอกบัวให้เกิดต้องฝึกจิตทำความดี การจะให้มีดอกบัวจึงมีแต่ขึ้นสวรรค์ ไกลนรก พระโพธิสัตว์ก่อนมาเป็นพระเตมีย์ก็เคยตกนรกครับ อย่ากลัวตกนรกจนไม่ทำอะไรครับ การตกนรกหรือขึ้นสวรรค์เป็นปกติของสรรพสัตว์อยู่แล้ว มีแต่พระโสดาบันเป็นต้นไปเท่านั้นที่ปิดประตูนรก
     
  7. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ขอโม้ด้วยคนครับ

    จากประสบการณ์ จากตนเอง....จากที่เคยฝึกแผ่เมตตาแบบไม่มีที่สุดไม่มีประมาณแบบแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่ระเบิดแสงออกจากรูปนามเราออกไป แบบไม่มีการจำกัดขอบเขตใดใด(ประมาณว่า...ขอบจักรวาลอยู่ไหน กระแสเมตตานี้ต้อง..ออกครอบเลยไป ครอบทุกสรรพจิต สรรพสัตว์ สรรพธาตุ สรรพจักรวาล.....

    ทีนี้ จากประสบการณ์ของตนเอง...มันน่าจะเกิดร่วมกับ ปัญญา ที่ว่า...เป็นผู้เข้าถึง พุทธะ..(เข้าถึงพระนิพพาน)เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน....ซึ่ง คำว่า ผู้เบิกบานนี่แหล่ะครับ คือ มันจะรู้เองว่า อะไรบาน บานแบบไหน มันจะเปรียบได้กับดอกบัวบานเองครับ

    และสีอะไร....ของผม สีขาว..แทนแสงสว่างสีขาว แสงสว่างแห่งพระนิพพาน...ดอกบัวแสง เกิดขึ้นเพื่อสมมุติ ให้ เป็นตัวกลาง ระหว่างพระนิพพาน ออกไป สื่อกับ สมมุติ อื่นๆ ทั้งปวงนั่นเอง

    พุทโธ....ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน....อดีต ปัจจุบัน อนาคต....นรก โลก สวรรค์..(สามโลก)
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    สาธุ กับคุณ sainns ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2015
  9. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สาธุกับคุณ ณฉัตรด้วยครับ:cool: ของคุณคงจะจริง...อิอิ..ของผม น่าจะปลอมครับ..เพราะผมคิดเอาทั้งนั้นครับ...อิอิ...มีแต่คนอื่นเห็น แต่ตนเองไม่เคยเห็นเลย...
     
  10. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    คุณ ณฉัตร ไม่น่าลบ โพสตนเองเลยนะครับ อิอิ...กะว่าจะเข้ามาอาศัย บารมีดอกบัวของคุณ...ณฉัตร...บ้างอ่ะ
     
  11. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ผมเผอิญโชคดีครับ ตอนเป็นเณรได้ไปกราบหลวงพ่อซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อคง ลพบุรี ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นโพธิสัตว์หรอกครับ แต่ว่าเมตตาท่านมาก ผมเลยพยายามฝึกเมตตาแบบเอาเป็นเอาตายเพราะศรัทธาท่านครับ ฝึกอยู่ 9 เดือน คือแม้หลับก็กำหนดจิตแผ่เมตตาครับ จึงพอเข้าใจที่พระไตรปิฎกบอกว่า การภาวนาเมตตา นั้น ไร้ประมาณจึงยกสมาธิขึ้นถึงฌาณ 4 ไม่ได้ เพราะต้องขยายจิตให้ไร้ขอบเขต พอเข้าใจตรงนี้ ก็พาลเข้าใจอานุภาพจิตของพุทธองค์ที่ไร้ประมาณครับ เพราะท่านอบรมมาเป็นเวลามากกว่า4 อสงไขยกับแสนมหากัปป์เสียอีก คือ ก่อนได้พุทธทำนายครั้งแรก ก็ได้ฝึกตรงนี้มาจนบารมีเลยอรหันตภูมิไปแล้วครับ เริ่มแรก แค่ท่องบทสวดก่อนครับ ต่อมา พิจารณาตามบทสวด จนเห็นตามนั้นคือจิตรับรู้ตรงนั้น จากนั้นจึงเหนี่ยวนำเมตตาให้เกิด เมื่อเมตตาจิตเกิดแล้ว ก็จับเมตตาจิตให้ขยายครับ เริ่มจากตัวเรา บิดามารดา ญาติ เพื่อน และสรรพสัตว์ ต่อมาให้ทรงอารมณ์เมตตาจิตให้ยังสรรพสัตว์ทุกชนิดที่ระลึกได้ จากนั้น จิตเมตตาจะเริ่มมีพลังก็พุ่งออกจากจิตโดยรอบไปเอง สุดท้าย คือ จิตเหมือนจะรับรู้ว่าจิตเมตตานั้นแผ่ไปโดยรอบ บางครั้งเหมือนจะมองเห็นแต่ไม่เห็น คือ ตาเนื้อมองไม่เห็นแต่เหมือนจิตมันจะเห็นซ้อนกับมิติโลกเป็นภาพนิมิตรแปลกเพราะมันซ้อนกัน เห็นออร่าจิตมันเปล่งออกไปคล้ายแสงแห่งดอกบัวเป็นพันกลีบ ซึ่งประมาณได้ยากว่ากินอาณาเขตเท่าไร ในภายหลัง หลังจากกลับมาเรียนมาทำงาน ก็เกิดนิมิตรเห็นดอกบัวเป็นครั้งคราว โดยไม่ได้คิดอะไร จึงมาทบทวนว่า อานิสงส์ที่ได้ฝึกไว้ น่าจะมีผลแม้ภายหลังจะฝึกแผ่เมตตาแค่ระดับขั้นที่1 หรือ 2แค่นั่น เพราะภารกิจของคนเราทำให้เพ่งจิตไปถึงระดับฌาณลำบากครับ ต้องท่านที่ครองเพศบรรพชิต จะทำได้ดีกว่าจริงๆ แต่ว่าแม้จะทำงานแต่ไม่ทิ้ง ก็มีผลตามสมควรครับ ดังนั้น เพิ่งมารู้ในภายหลังว่าดอกบัว นี้จัดเป็นรูปนามละเอียดครับ ถ้ามองเห็นภายในได้ก็จะเห็น ดอกบัวเกิดตามปกติถ้าฝึกสมาธิกรรมฐานถึงจุดก็เกิดเอง แต่คนที่ได้ฌาณบางทีไม่รู้ไม่เห็นว่าตัวเองมีครับ แต่คงต้องเป็นประเภทแบบตั้งมั่นยืนยาว คือ ต้องตั้งจิตให้ทรงอารมณ์ฌาณบ่อยๆ แม้ออกจากการนั่งสมาธินะครับ จึงอนุมานว่า คนที่ฝึกอานาปานติเป็นวิหารธรรม เมตตาวิหารธรรม อุเบกขาวิหารธรรม คือให้ธรรมนั้นๆ เป็นที่ตั้งของจิตเป็นฐานครับ ดอกบัวจึงปรากฏครับ สำหรับผมเรื่องดอกบัว มีบางท่านกล่าวว่าเป็นธรรมาธิษฐาน ก็ยอมรับเช่นกัน เพราะว่าเรื่องจิตใจก็เป็นเรื่องนามธรรม แต่ว่าจิตของคนเราที่เห็นก็เพราะจิตก็จัดเป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง การที่คนสมัยพุทธกาลจะเห็นเป็นดอกบัว จนกล่าวในพระไตรปิฎกเพราะคนสมัยนั้น จิตใจละเอียดจึงสัมผัสสิ่งละเอียดได้ครับ คนเราปัจจุบันไม่เห็นเพราะไม่ใช่ใจหรือใจไม่สงบ ละเอียดพอ จึงไม่ยอมรับว่าเป็นไปในแบบนี้ ไปคิดว่าดอกบัวจริงผุดขึ้นมา ถ้าเป็นดอกบัวโลกเราตามจริงปัจจุบัน ไม่มีบัวไหนทนไฟครับ ไม่มีบัวไหนรับน้ำหนักคนได้ ตอนที่ประสูติหากพุทธองค์ไม่เปล่งอานุภาพของจิตในระดับสะเทือนโลกธาตุ เทวดาในโลกธาตุจะเห็นได้อย่างไร เมื่อเปล่งอานุภาพจิต รูปธาตุนามธาตุของพระองค์จึงต้องเปล่งพลังตามจิต เท้าที่เหยียบ 7 ก้าวจึงมีรัศมีแห่งจักรเป็นรูปดอกบัว จัดเป็นธาตุทิพย์เช่นจักรแก้วของพระจักรพรรดิ์ครับ เกิดและดับตามเหตุปัจจัยคือจิต ที่กล่าวมาคือ อยากแสดงให้เห็นว่า ที่พระในธิเบตกล่าวว่า ดอกบัวในใจเรา คือ อย่างนี้ครับ เรื่องดอกบัวในพระไตรปิฎกคืออย่างนี้ครับ ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ บุคคลใดอยากพิสูจน์จึวต้องปฏิบัติธรรมครับ ทำแล้วจริงๆจังๆ จะเห็นหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ผมก็เห็นท่านที่ฝึกอบรมจิตอย่างนั้น มีจิตที่เบิกบานและบริสุทธิ์ดุจดอกบัวครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2015
  12. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    จักรทั้งเจ็ด และจักรฝ่ามือและฝ่าเท้า

    จักรทั้งเจ็ดทั้งอินเดีย และจีน เหมือนกันแต่อธิบายต่างกันแค่นั้น ส่วนอีกภาพจะแสดงจักรที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ตอนปฐมกัปป์นี้ พระโพธิสัตว์เป็นพระจักรพรรดิ์ มีจักรแก้วเกิดขึ้นครับ จักรนี้เป็นทั้งพาหนะ และอาวุธไปในตัวครับ เมื่อพระมันธาตุราชสิ้นก็สิ้นตาม ในตำราโยคะ และเต๋าจักรในกายคนเรานี้เมื่อฝึกประทับจักร สามารถสังหารคนได้ เช่น พระกฤษณะใช้จักรสังหารคนหรืออสูร ได้ เป็นอาวุธครับ แต่ว่าใช้เป็นพาหนะทางเต๋าเมื่อฝึกจนชำนาญจนกายในกายประทับอยู่กึ่งกลางกระหม่อมดุจประทับบนดอกบัวก็ทะยานออกจากกลางกระหม่อมไปยังโลกสวรรค์ได้ นี่คือจักร ใช้เป็นพาหนะครับ เวลาแรกประสูติพระโพธิสัตว์เดินเจ็ดก้าว ทรงตั้งจิตจะเดินโดยกำลังทางกายทารกทั่วไปไม่สามารถยืนเดินได้ครับ จิตอันทรงพลังของพระองค์จึงทำหน้าที่แทน คือ ทรงอาศัยพลังจิตกำหนดก้าวเดิน จักรที่ฝ่าเท้าจึงเปล่งพลัง เพราะจิตอันบริสุทธฺ์และทรงพลังของพระองค์ จักรนี้จึงคล้ายดอกบัวและมีฤทธิ์เป็นพาหนะครับ ทั้งนี้ พระโพธิสัตว์ไม่นิยมใช้เป็นอาวุธครับ และพระจักรพรรดิ์ที่เป็นพระโพธิสัตว์ก็มีเมตตาและขันติที่จะไม่ใช้จักรเป็นอาวุธแต่ประสงค์ให้จักรแสดงให้ประชาชนศรัทธาเป็นหลัก จักรแก้วจึงบริสุุทธฺิ์แม้จะใช้แสดงเป็นอาวุธ แต่ไม่ประสงค์ใช้อย่างอาวุธ ประสงค์ใช้อย่างดอกบัวเพื่อให้ศรัทธาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7 jakra.jpg
      7 jakra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      266
    • jakra.jpg
      jakra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.7 KB
      เปิดดู:
      160
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2015
  13. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    บัวเจ็ดดอกที่เจ้าชายน้อยได้ก้าวเดินเป็นอุปมาการดำเนินมาพร้อมแล้วและจะสิ้นสุดในชาตินี้จึงชูนิ้วประกาศเจตนา ล้วนเป็น การยกย่องในการมาเสียสละเพื่อชาวโลกและทำหน้าที่ถึงเวลาสุดท้ายทีเดียว กับความรู้แห่งอนาคตที่ภาษาและความรู้ในสมัยนั้นไม่รองรับยอมรับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...