สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ ท่านยืนยันว่า คำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงใช้เป็นตำราได้ทั้งหมด

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย 888cisser, 17 พฤศจิกายน 2008.

  1. 888cisser

    888cisser Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +38
    ด้วยเห็นว่าเป็นประโยชน์ เนื่องด้วยสมเด็จท่านซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ ได้กล่าวถึงหลวงพ่อของพวกเราไว้ ให้เป็นที่มั่นอกมั่นใจแก่ลูกหลาน ที่จะได้ช่วยกันเผยแผ่คำสอนหลวงพ่อกันต่อไป

    เนื้อหาต่อไปนี้ คัดลอกมาจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=590








    <CENTER>บทความจาก "พิมพ์ไทย" วันที่ 17 มี.ค. 2542</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ปีที่ 2 ฉบับที่ 625 ประจำวันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2542

    ตามที่ "พิมพ์ไทย" ได้รวบรวมประสบการณ์จากการปฏิบัติของพระสุปฏิปันโนหลายรูป อาทิ พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือ หลวงตา มหาบัว วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่เทศก์ วัดหินหมากเป้ง เป็นต้น

    เพื่อความชัดเจน "พิมพ์ไทย" ได้นำคำสอนของพระราชพรหมยาน หลวงพ่อวัดท่าซุง หรือที่รู้กันดีในนามของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จ.อุทัยธานี โดยคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงนี้ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโรมหาเถระ) วัดสามพระยา เคยปรารภว่า คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ใช้เป็นตำราได้ทั้งหมด

    หนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 2 หน้าที่ 165 หลวงพ่อวัดท่าซุงแสดงธรรมถึงเรื่องพระนิพพานมีสาระน่าสนใจยิ่ง ดังนี้

    "นิพพานไม่ได้แปลว่าสูญ" นิพพานัง ปรมังสุญญัง นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง" กล่าวคือว่างจากความชั่ว จึงไปนิพพานได้ ต้องเข้าใจตามนี้ นิพพานมีสภาพเป็นทิพย์ เคยถามท่านว่า ควรจะเรียกว่าอย่างไร ท่านบอกว่าเรียกทิพย์พิเศษ คือไม่มีการเคลื่อนมันเหมือนกับคนที่พ้นจากเรือนจำ พวกเราเหมือนกับอยู่ในเรือนจำ

    เรียกว่า "วัฏฏะ" ถ้าความชั่วของจิตยังมีอยู่น้อยหนึ่ง มันก็ต้องวนอยู่อย่างนี้แหละ มีความดีบ้างก็ไปเกิดเป็นเทวดา หรือพรหม ถ้าหมดบุญ ก็มาเกิดเป็นคนบ้าง ไปเป็นสัตว์นรกบ้าง วนกันไปวนกันมา ไม่มีที่สิ้นสุด มันเหมือนกับเราอยู่ในเรือนจำ ใช่ไหม ถ้าไปถึงนิพพานแล้ว หมายความว่า พ้นจากสภาของเรือนจำจะบังคับ และก็ไม่อยากกลับมาอีก นี่ข้อเปรียบเทียบนะ

    พระอรหันต์มี 4 แบบ คือ สุกขวิปัสสโก หมดกิเลสแล้ว แต่ไม่มีความรู้พิเศษเห็นผีเห็นเทวดาไม่ได้ ได้แต่ปลงสังขาร ให้อารมณ์หยุดอยาก คือไม่อยากเกิด ไม่อยากมี ไม่อยากเอาดีกับชาวโลก เพราะเห็นว่า เมื่อยังเกิดตราบใด ก็ยังต้องมีทุกข์ตราบนั้น ท่านเลยเบื่อเกิด ทั้งเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม ท่านไม่เอาด้วยทั้งนั้น สิ่งที่ท่านต้องการคือพระนิพพาน

    พระอรหันต์อีกแบบหนึ่งก็คือ พระอรหันต์ที่เรียกว่า เตวิชโช คือ ท่านทรงวิชชาสามได้แก่ ทิพยจักขุญาณ มีอารมณ์จิตเป็นทิพย์ รู้เรื่องราว ต่าง ๆ ทั้งอดีตและอนาคต ท่านรู้ได้คล้ายตาทิพย์ อันดับที่สอง สามารถระลึกชาติในอดีตได้ทุกชาติที่ท่านเกิดมาแล้ว สามท่านละกิเลสหมดทุกอย่าง เหมือนท่านสุกขวิปัสสโก

    พระอรหันต์อันดับสาม ได้แก่ ท่านผู้ทรงอภิญญา 6 คือ
    1. แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจกสิณ
    2.มีหูเป็นทิพย์ เพราะอำนาจกสิณ
    3.มีทิพยจักขุญาณ
    4.มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
    5.รู้ความรู้สึกนึกคิดของคนและสัตว์ได้ และ
    6.ทำกิเลสให้สิ้นไป

    พระอรหันต์ อันดับที่สี่ ท่านมีอำนาจฤทธิ์ เหมือนท่านผู้ทรงอภิญณา แต่มีญาณพิเศษกว่า คือ มีปัญญาฉลาดเฉียบแหลม สามารถคิดคำนวณ พยากรณ์เหตุการณ์ทุกอย่างได้โดยฉับพลัน มีฤทธิ์ คล่องแคล่วกว่าอภิญญาหก ที่พูดมาต้องการให้เข้าใจว่า พระอรหันต์ไม่ได้มีฤทธิ์ทุกองค์ไป

    ทีนี้พูดถึงอารมณ์ของพระอรหันต์ พระอรหันต์ท่านมีอารมณ์คิดใคร่ครวญ ไม่ใช่ตอไม้ บางคนเข้าใจว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว จะต้องมี สภาพเหมือนตุ๊กตา หรือตอไม้ บางรายมักจะสร้างแบบพระอรหันต์ขึ้นมาว่า พระอรหันต์นี้ ไม่มีการหัวเราะ ไม่มีการยิ้ม เมื่อคนใดเข้าถึง พระอรหันต์คงจะปราศจากจิต คงจะปราศจากวิญญาณ คือ มีสภาพเหมือนคนตายดิบ

    ความคิดอย่างนี้มิใช่ความคิดอย่างเดียว ขนาดพูดออกมาจากปากนี่ เขาเหล่านั้น ตามความเข้าใจของฉันคิดว่า ท่านที่พูดอย่างนั้น คงจะมีศีล 5 ยังไม่ครบ ถ้าคนมีศีล 5 ครบ ไม่พูดแบบนั้น เพราะคนที่มีศีล 5 ครบถ้วนนี้เป็นพระอริยเจ้า คือพระโสดบัน กับสกิทาคามี ถ้าเข้าถึงช่วงนี้แล้ว เขาไม่มีความสงสัยในปฏิปทาของพระอรหันต์ เขาคงจะลืมไปว่า แม้แต่องค์สมเด็จ พระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังทรงมีการแย้มพระโอษฐ์

    เป็นอันพึงเข้าใจว่า พระอรหันต์เองก็ยังมีอารมณ์ไม่สงบ ปักอยู่เฉพาะจุดยังมีอารมณ์คิด แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ ทั้งหลาย ถ้าสาวกก็เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นกิเลสเหมือนกัน เพราะว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ทั้งหลาย ถ้าสาวกก็เป็น พระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นกิเลสเหมือนกัน แต่ทว่าความรู้พิเศษในด้านญาณต่างๆ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มีความสามารถ มากกว่าพระอรหันต์ ใดๆ ที่เป็นสาวก

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา จงจำไว้ว่า คำว่าถึงอรหันต์ มีอยู่คำดำเดียว หรืออย่างเดียว คือเรา ไม่ติดอะไรทั้งหมด อีกกำหนดรู้ว่า วัตถุธาตุต่างๆ คนก็ดี ใครก็ตามที่ไม่ได้เนื่องถึงเรา คือไม่ใช่ของเรา แต่เขาเนื่องถึงเราจริง เราสงเคราะห์หรือ ทำงานสงเคราะห์ให้ ตามหน้าที่ทุกอย่าง แต่เราไม่ผูกพัน คิดว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แม้แต่ร่างกายเราก็ไม่ต้องการ ถ้าคิดอย่างนี้ ก็ตรงกับคำที่องค์พระพิชิตมารตรัสไว้ในท้ายมหาสติปัฏฐานสูตรว่า

    เราจงอย่าสนใจกายภายใน คือกายตัวเอง อย่าติดใจกายภายนอกคือ กายคนอื่น และก็จงอย่าติดใจในวัตถุธาตุใดๆ จงปลดกำลังใจว่า แม้แต่ ร่างกายนี้ มันก็ไม่ใช่เป็นของเรา เพียงแค่นี้ ทุกคนก็จะเป็นพระอรหันต์

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ขอเชิญสร้าง วิหารทานและธรรมทาน โดยการ สร้างบันไดปรียนันท์ธรรมสถาน
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1629505#post1629505

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤศจิกายน 2008
  2. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     
  3. แบงก์จ้า

    แบงก์จ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +1,520
    สา....ธุ
     
  4. Ugood

    Ugood ธรรมชาติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +490
    อนุโมทนา ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ___________
    ธรรมคือธรรมชาติ
     
  5. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  6. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    อนุโมทนาสาธุการในธรรมทานครั้งนี้ขอรับ
    ขอให้การปัตตานุโมทนามัยในครั้งนี้ของข้าพเจ้า
    จงส่งผลให้ข้าพเจ้านั้นถึงซึ่งพระนิพพานได้ในปัจจุบันชาตินี้ด้วยเทอญ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    แน่นอนที่สุดครับ หลวงปู่เจ้าพระคุณสมเด็จวัดสามพระยาพระอรหันย์กลางกรุงองค์จริง พระแท้พระทองคำ ท่านเมตตามาก ยังคิดถึงสมเด็จหลวงปู่มิรู้ลืมวันเวลาดีๆเก่าๆภาพเก่าๆมันหาไม่ได้อีกแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    [​IMG]

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธรมหาเถร ป.ธ.๙)
    โดย..พ.ม. วัชระ ติกฺขญาโณ

    "...อันท่านผู้มีหน้าที่ปกครองต้องมีตบะ ทั้งที่เป็นชื่อของความเพียร ทั้งที่เป็นเดช เพราะอะไร เพราะว่าช่องทางที่ก่อให้เกิดความโลภ โกรธ หลงหรืออคติแก่ผู้ปกครองมีมากนัก ลาภเล็กลาภใหญ่มักจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องไปเกาะไปเกะเอามา มันเกิดได้เองจริงๆ เสียด้วย แม้ว่าผู้ปกครองจะไม่ปรารถนา มันก็เกิดได้ ทั้งนี้เพราะคุณงามความดีของผู้ปกครอง ด้วยบริสุทธิ์ใจบ้าง เพราะมุ่งจะฉลองพระเดชพระคุณด้วยกตัญญูกตเวทีบ้าง เพราะมุ่งแบบให้กุ้งฝอยเพื่อล่อปลากะพงบ้าง เพราะมุ่งปิดความชั่วเสียหายของตนบ้าง จิปาถะ เรื่องมันมีอยู่อย่างนี้ ปิดยากจริงๆ ดังนั้น จึงต้องระวังในเรื่องลาภ ลาภจูงโลก นี่เป็นสูตรที่ต้องศึกษา..."<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  9. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจาร์(วัดสามพระยา)กับพระคำข้าว

    เจ้าพระคุณสมเด็จวัดสามพระยานั้น หลวงพ่อพระราชพรหมยานมีความเคารพท่านมากหลวงพ่อจะเคารพท่านสะเหมือน"พ่อ"และจะบอกเสมอๆว่าหลวงปู่เป็น"พระทองคำ"

    เป็นพระที่ไม่เกิดอีกแล้ว จึงเป็นที่รักเคารพของลูกหลานหลวงพ่อทุกคน

    เรื่องก็มีอยู่ว่าคุณแม่และข้าพเจ้าถ้ามีเวลามักจะนำอาหารไปถวายท่านเป็นประจำ มีอยุ่วันนึง พวกเราเอาอาหารไปถวายท่านหลังจากท่านฉันเสร็จแล้วก็ออกรับแขกตามปกติ

    บังเอินวันนั้นมีท่านผู้ใหญ่ท่านนึงเป็นเจ้ากรมอะไรก็ไม่ทราบจำไม่ได้แล้ว ไปคุยกับท่านเจ้าพระคุณหลวงปู่ คุยไปคุยมาหลวงปู่ก็หันมาถามคุณแม่ว่า


    "คุณนายๆมีพระคำข้าวติดมาไหม? ขอฉันสักองค์

    คุณแม่ก็ดูๆในกระเป๋าแล้วส่งให้ท่านไป หลวงปู่ท่านรับแล้วก็บอกท่านเจ้ากรมท่านนั้นว่า


    "คุณ..นี่เป็นพระคำข้าว พระนี้เป็นพระที่มีคุณวิเศษมาก
    ใครมีติดตัวจะมีแต่ความสุขสวัสดี ทุกๆประการ คุณเก็บไว้ให้ดี..."


    แล้วท่านก็ยื่นให้ท่านเจ้ากรมท่านนั้น ที่เอามาเล่าให้ฝังก็เพราะเห็นว่าสมาชิกในwebนี้มีความเคารพหลวงพ่อและดูว่าทุกท่านจะสนใจพระคำข้าวกันมาก

    ตัวข้าพเจ้ายังนึกชมท่านผู้ใจบุญทั้งหลายที่เสียสละพระคำข้าวเพื่อส่วนรวมกันเป็นจำนวนมาก ก็ขอโมทนาด้วย สาธุๆๆ เอาไว้จะมาเล่าประสมการที่ได้เจอ" คุณวิเศษของเจ้าพระคุณหลวงปู่สมเด็จวัดสามพระยา" ที่คุณแม่และครอบครัวข้าพเจ้าได้พบประสบให้ฟังกัน....เพราะท่านไม่ธรรมดาจริงๆ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  10. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เจ้าพระคุณหลวงปู่เป็นผู้มักน้อยสันโดดมาก มีอยู่วันนึงคุณแม่ ข้าพเจ้า และคุณป้าไปหาหลวงปู่ตามปกติ แต่ครั้งนี้พวกเราได้พบคุณผู้หญิงท่านนึง ท่านมาถึงก็คลานปาดๆเข้ามากราบหลวงปู่ แล้วรายงานท่านว่า "ดิฉันและครอบครัวเอารถเบนซ์มาถวายเจ้าค่ะ"

    หลวงปู่รับทราบแล้วท่านก็กล่าวกับคุณผู้หญิงใจบุญคนนั้นว่า"ฉันขอโมทนาในกุศลจิตที่คุณโยมตั้งใจ แต่รถของฉันที่ใช้อยู่ถึงแม้จะเก่าไปหน่อยแต่ยังใช้งานได้ดีอยู่ โยมตั้งใจมาดีโยมได้บุญตั้งแต่ก่อนจะออกจากบ้านแล้วจ๊ะ"

    แล้วท่านก็คุยเรื่องอื่นท่านมักจะสอนอะไรดีๆอย่างเช่นท่าเราไม่เข้าใจธรรมะข้อไหนเราเพียงคิดไว้ในใจ พอเราไปกราบท่านยังไม่ทันอ้าปาก ท่านก็จะชิงพูดเรื่องที่เราไม่เข้าใจนั้นๆออกมาท่านจะเป็นแบบนี้ทุกๆครั้งเลยทำให้พวกเราหมดสงใสในองค์ท่าน มีอยู่ครั้งนึงคุณแม่เล่าให้เจ้าพระคุณหลวงปู่ฟังว่า

    ไปพักที่พระพุทธบาทตากผ้าพักกันอยู่หลายคนตอนนอนได้มีดวงไฟกลมเป็นแสงสีขาวนวลๆลอยมาที่หัวนอนที่แรกคุณแม่คิดว่าเป็นหิ่งห้อยแต่ดูไปดูมาก็ตกใจเพราะแสงที่ออกมานั้นใหญ่เท่าลูกบอล คราวนี้สมาธิ"แตกซ้าน"กอดกันกลมทั้ง2พี่น้อง ดวงกลมๆนั้นเคลื่อนไปซ้ายทีขวาทีแต่ช้าๆ คุณแม่ชักจะโมโหไม่ยอมไปซะทีเลยควักเอาพระหางหมากที่คอออกมาสู้กับดวงไฟกลมๆ เล่ามาถึงตรงนี้ "ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ" หัวและกากๆๆออกมา

    แม่ก็เล่าต่อคุณแม่เอาพระออกมาสู้กับดวงไฟกลมๆพร้อมกับสวดมนดังๆ ดวงไฟกลมๆนั้นกับแปล่งแสงออกมาสว่างกว่าเดิม คุณแม่กราบเรียนถามเจ้าพระคุณหลวงปู่ว่าที่พบเจอคืออะไร ท่านหลวงปู่ตอบว่า"พระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าอุส่าเสด็จมาโปรดถึงที่ยังเอาพระหางหมากไปไล่ท่านอีก

    แต่ก็ดีแล้ว คุณนายทำแบบโง่ๆหนะดีแล้ว จะได้เจออะไรดีๆแต่ท่าทำฉลาด จะอดเจอของดี"แล้วท่านก็หัวเราะ ไว้จะมาเล่าให้ฟังต่อตั้งแต่ต้นจนถึงครั้งสุดท้ายที่ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานไปทำบุญวันเกิดท่านเจ้าพระคุณสมเด็จเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งนี้หละทุกท่านที่อ่านจะต้องน้ำตาไหล......<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เจ้าพระคุณสมเด็จเป็นผู้รู้อนาคต มีอยู่วันนึงข้าพเจ้าไปเดินซื้อของที่บางลำภูก็บังเอิญเห็นกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพเข้า เลยนึกถึงหลวงปู่อยากซื้อไปกราบถวายและขอพรท่าน แต่ก็ไม่ได้ดูเวลาว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว ด้วยความที่เห็นเค้าทำกรวยดอกไม้สดได้สวยสดงดงามมาก ก็คิดแต่จะเอาไปถวายหลวงปู่พอไปถึงประตูวัดก็นึกได้ว่านี่เป็นเวลาที่เจ้าพระคุณหลวงปู่ขึ้นพักแล้ว แต่แปลกพอไปถึงหน้าตำหนักขาวมองเข้าไปเห็นประตูเปิดอยู่และเห็นเจ้าพระคุณคุณสมเด็จเดินเหมือนหนูติดจั่นคือเดินไปเดินมาเดินมาเดินกลับ จนท่านเหลือบมาเห็นข้าพเจ้าก็กวักมือให้เข้าไปแล้วก็ยังไม่ทันอ้าปากท่านก็"สวดให้พร"แล้วให้ข้าพเจ้าส่งพานกรวยดอกไม้ ท่านรับแล้วบอก"กลับได้" ข้าพเจ้าถอยออกมาท่านก็ปิดตำหนักทันนี....ข้าพเจ้าออกมาที่ม้าหินหน้าตำหนักนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวขำก็ขำแต่ก็ซึ้งในความกรุณาของพระเดชพระคุณท่านและทิ่งในญาณอย่างรู้ของท่านจริงๆ

    เจ้าพระคุณหลวงปู่เป็นผู้มี"วาจาสิทธิ์ "เรื่องมีอยู่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไปถวายภัตตาหารท่านด้วยเป็นวันสำคันแต่เป็นวันอะไรจำไม่ได้แล้ว ทีนี้น้องสาวคนเล็กเธอเรียนอยู่ป.2-3จำไม่ได้อีกทราบว่าพ่อแม่จะไปหาเจ้าพระคุณหลวงปู่ เธอก็รีบไปเอาเงินของเธอที่สะสมที่มาจากค่าขนมประจำวันมารวมกันใส่ถุงก๊อบแก็บ ส่วนใหญ่จะเป็นเงินเหรียญเธอกำชับคุณแม่ให้กราบเรียนเจ้าพระคุณหลวงปู่ว่า"หนูขอร่วมทำบุญกับหลวงปู่ทุกๆอย่าง" พอพวกเราไปถึงวัดก็ได้ถวายถุงก๊อบแก๊บที่มีเหรียญอยู่เต็มถวายเจ้าพระคุณหลวงปู่แล้วรายงานท่านว่ามาจากลูกสาวคนเล็ก เจ้าพระคุณสมเด็จรับแล้วท่านไม่ยอมวางลงแต่ท่านถือไว้ที่ตัก ข้าพเจ้าสังเกตเห็นเจ้าพระคุณหลวงปู่มีใบหน้าที่ยึ้มแย้มเจ่มใส่และมีความสุขมาก ขณะที่ในมือยังถือถุงก๊อบแก๊บอยู่ พระเดชพระคุณท่านหลับตาไปครู่นึงแล้วพูดกับแม่ว่า"ไม่นานมานี้มีโยมคนนึงพาลูกมาทำบุญ ฉันเห็นกำลังบี้มดเล่นเลยถามไปว่าบี้เค้าทำไม?" เด็กตอบว่า"หนุกดี" แต่นี่ลูกสาวคนเล็กของโยมรู้จักทำความดีตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ ฉันว่าคงต้องได้ดิบได้ดีแน่ๆ" นะปัจจุบันนี้น้องสาวคนเล็กของข้าพเจ้าได้แต่งงานออกเรือนไปแล้วได้ดิบได้ดีตามคำพูดของเจ้าพระคุณสมเด็จจริงๆเพราะสามีของเธอได้กินตำเห่นงผู้บริหารสหภาพยุโรปหลือEU...........<!-- google_ad_section_end -->

    "กำปั่นไม้เก่าๆ"




    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อข้าพเจ้า คือว่าเป็นวันคร้ายวันเกิดของคุณพ่อพวกเราทั้งหมดเลยไปถวายสังฆทานกับเจ้าพระคุณสมเด็จ วันนั้นรู้สึกว่าไม่ค่อยมีแขกเห็นจะมีแต่ครอบครัวของข้าพเจ้า พอไปถึงเห็นเจ้าพระคุณหลวงปู่นั้งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมท่านกวักมือให้พวกเราเข้าไป ยังไม่ทันพูดอะไรท่านก็พูดขึ้นมาก่อนว่า" วันเกิดโยมผู้ชายหลือ"คุณแม่ก็ตอบ"เจ้าค่ะ" แต่ก็ทำให้พวกเราแปลกใจเพราะยังไม่มีไครรายงานท่านเรื่องมาทำบุญวันเกิด ท่านเจ้าพระคุณหลวงปู่เอื้อมไปยิบ"กำปั่นไม้เก่าๆ"ข้างกายแล้วบอกให้คุณพ่อเลือกเอาของในนั้นชิ้นนึง นะขณะนั้นพวกเราทุกคนตัวชากันหมด"ไบ้กิน"ไม่นึกว่าท่านจะเมตตาถึงขนาดนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกท่านอยากทราบว่าใน"กำปั่นไม้เก่าๆนั้นข้างในมีอะไรบ้างใช้ไหม? ข้างในนั้นมีพระเก่าอยู่หลายองค์ แต่ที่ตรงกลางกำปั่นมีถาดเล็กๆไว้ใส่ของ ในถาดเล็กๆมีพระอยู่2องค์องค์ใหญ่องค์ๆเล็กองค์แต่รูปร้างหน้าตาเหมือนกัน คร้ายๆพระ"ไพลีพินาส" คุณพ่อเลือกพระองค์ใหญ่ในถาดเล็กๆเหมือนรู้ใจท่านหันมาทางคุณแม่ว่า"องค์เล็กนั้นของคุณนาย" เจ้าพระคุณสมเด็จท่านจะรู้ว่าไครจะมา ไครคิดอะไรในใจท่านทราบทุกอย่าง จึงเป็นปัจจัยให้ทุกครั้งที่ไปหาท่านต้องระมัดระวังกาย วาจา ใจเป็นพิเศษ

    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  12. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    งานวันเกิดท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์



    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    เรื่องนี้ค่อนค้างยาวเพราะจะเป็นต้อนจบของเรื่องเจ้าพระคุณสมเด็จและจะเป็นต้อนสัมคันที่เนื่องด้วยการมระณะภาพของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน และเหตุการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ"ฤาษีลิงดำ"ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานให้ของขวัญชิ้นสุดท้ายแก่ข้าพเจ้า ......ในงานวันเกิดของเจ้าพระคุณหลวงปู่จะมีลูกหลานหลวงพ่อมาร้วมงานกันมากและมีการออกร้านอาหารหลายอย่าง ที่ข้าพเจ้าจำได้ก็หอยทอดกับผัดไทยและไอติมส่วนของพระจะจัดเลี้ยงโต๊ะจีน เป็นที่สนุกสนานมาก คนที่ไปในงานล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสอิ่มหนัมสำรานกันทุกคน หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานจะนั้งอยู่ที่รับสั้งฆทานเพื่อรับสังฆทานและเงินทำบุญ ท่าจำไม่ผิดท่านรับเงินบริจากสร้างโรงเรียนพระปริญัตติธรรม(วัดสามพระยา)ท่านจะแจกพระคำข้าวให้ทุกท่านที่บริจากเงิน100บาทในการทำบุญ คนที่มาในงานแยะมากแน่นมาก ข้าพเจ้ายังแทบจะเป็นลมแต่ดีที่อยู่ข้างหลังหลวงพ่อพัดให้หลวงพ่อบ้างนับสตางบ้าง ก็กกๆเก็กๆตามเรื่องตามราว สึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าทึ่งในองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานก็คือท่านสามารถนั่งเป็นเวลานานๆสงเคราะญาติโยมได้ ข้าพเจ้ามานั่งนึกๆดูน่าสงสารหลวงพ่อมากคนแก่ขนาดนี้แล้วนั่งนานๆข้าพเจ้าเองยังทำไม่ได้ ไหนจะต้องส่งพระให้ผู้มาทำบุญตั้งมากมาย...

    เรื่องตื่นเต้นที่จะเล่าให้ท่านฟังกันก็เกิดตอนแจกพระนี่หละ เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่ผู้คนกำลังเข้าแถวทำบุญกันก็มาถึงผู้ชายวัยกลางคนๆนึงขณะที่ผู้ชายคนนี้วางซองเงินทำบุญหน้าหลวงพ่อ แทนที่หลวงพ่อจะยื่นพระให้หลวงพ่อกับบอกผู้ชายคนนั้นให้เปิดซองออก ตาผู้ชายคนนั้นหน้าซีดตัวสั่น ตำรวจและส.ห ก็เข้ามาเปิดซองออก ท่านรู้ไหมอะไรอยู่ในซอง ผู้ชายคนนั้นเค้าเอากระดาษสีเงินๆที่อยู่ในซองบุหรี่ไส่ในซองทำบุญเพื่อมาหลอกหลวงพ่อจะเอาพระคำข้าวเพราะทราบว่าต่อไปพระคำข้าวจะมีราคา แต่ตัวเองไม่มีเงินเลยทำแบบนั้น ตำรวจที่อารักขาหลวงพ่อพาผู้ชายคนนั้นออกไปว่ากล่าวตักเตือนแล้วหาหอยทอดและไอติมให้ผู้ชายคนนั้นกินแล้วก็แถมพระคำขาวให้อีก1องค์ข้าพเจ้านั้งติดเหตุการ"CNN"ใจก็คึดไปว่านี้ขนาดมาหลอกเอาพระยังได้กินทั้งหอยทอดไอติมอย่างอิ่มหนัมสำรานแถมพระคำข้าวอีก1องค์ คงจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี"เนื่อยมือแล้ว"พรุ้งนี้จะมาเล่าต่อตอนตามหลวงพ่อเข้าพระอุโบสดเพื่อรดน้ำท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ<!-- google_ad_section_end -->


    ของขวัญชิ้นสุดท้ายจากท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน



    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>ตอนนี้จะเป็นตอนที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)เข้าไปในพระอุโบสถ ผู้คนทั้งหลายหมอบกราบอยู่เรียงรายสองข้างทางที่จะเข้าไปในพระอุโบสถเพื่อรดน้ำท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ข้าพเจ้าได้เดินตามหลวงพ่อไปมีพวกผู้ใหญ่ประมาน7-8คนตามหลวงพ่อเจ้าคุณข้างหน้าของข้าพเจ้าคือ"จ่าปัญญา อ่องคล้าย"บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีระเบียบเรียบร้อย พอได้เข้าไปถึงพระอุโบสถก็เห็นท่านเจ้าพระคุณสมเด็จนั่งอยู่ ท่านพูดขึ้นมาเสียงดังๆว่า"ฤาษีลึงดำนี่มีลูกมากจริงๆ"แล้วท่านก็หัวเราะ หลังจากนั้นก็เข้าแถวรดน้ำเจ้าพระคุณหลวงปู่ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานเป็นคนแรกที่รดแล้วก็พวกผู้ใหญ่ ท่านทั้งหลายพอถึงตาของข้าพเจ้าๆก็ค่อยๆเทน้ำลงบนมือของเจ้าพระคุณสมเด็จ แต่"ตา"ของข้าพเจ้ากับไม่ได้จับจ้องไปที่มือหลวงปู่แต่เป็นหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน สึงที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นคือ"ท่านพ่อ"นั่งคุกเข่าหันหน้ามาทางท่านเจ้าพระคุณสมเด็จมอกดูลูกๆที่กำลังทำความดีรดน้ำท่านผู้มีพระคุณคือท่านเจ้าพระคุณสมเด็จอยู่ "หลวงพ่อ"เอามือประสานไว้ที่ตักคุกเข่าตัวตรงดวงตาเต็มเปลื่ยมไปด้วยความสุขและพูมใจ ที่มุมปากของหลวงพ่อมีรอยยิ้มนิดๆ น้ำตาของข้าพเจ้าไหลอาบแก้มตั่งแต่เมื่อไหล่ก็ไม่รู้รู้แต่ว่าตาพล่าความรู้สึกตอนนั้นของข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรคือมันโหวงเหวงยังไงบอกไม่ถูกทั้งๆที่ควรจะดีใจ แล้วก็กราบหลวงปู่ท่านก็ถอยออกมา ท่านทั้งหลายของขวัญชิ้นสุดท้ายก็คือ"ภาพของหลวงพ่อ"ที่อยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้านั้นเอง เพราะทุกวันนี้ภาพนั้นคืออนุสติที่ข้าพเจ้าใช้จดจำหลวงพ่อผู้มีพระคุณไม่รู้ลืม ตอนต่อไปจะเป็นตอนที่หลวงปู่ไปตามหลวงพ่อตอนที่ท่าน"ละขัณ"

    ฉันอยู่มา5แผ่นดินแล้ว.......



    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>กำลังเขียนตอนจบถึงตอนสำคัญที่เจ้าคุณพระราชพรหมยานมรณะถาพไฟก็มาตก เลยเปลื่ยนใจข้ามตอนนี้ไปดีกว่า แปลกมากๆหลายตอนที่สำคันมักจะไฟตกเลยต้องเปลี่ยนเรื่องคุย หลังจากท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานได้มรณะถาพไป4ปีเจ้าพระคุณสมเด็จก็ได้ละขัณในช่วงวันตรุษจีน ข้าพเจ้าจำได้ว่าวันที่ข้าพเจ้าไปรดน้ำศพหลวงปู่เป็นวัน"ตรุษจีน"พอดี ข้าพเจ้าจำได้ว่าช่วงหลังๆก่อนที่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จจะมรณะถาพท่านได้พูดกับคุณแม่ว่า"คุณนายๆฉันอยู่มาห้าแผ่นดินแล้ว ฉันเห็นอะไรมามาก ทุกสึ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยงมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ฉันว่าฉันไม่เกิดอีกแล้วหละ........"
    บุญกุศลที่พึงมีในครั้งนี้ข้าพเจ้าขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และขออุทิศบุญกุศลนี้ถึง ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(วัดสามพระยา)และท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานเถระพระอาจารย์ผู้มีพระคุณด้วยเทอญ......<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...