สัจจะบารมี กับ อธิษฐานบารมี ของคู่กัน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย arnonpattana, 11 ตุลาคม 2014.

  1. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆและเพื่อนๆชาวพลังจิต วันนี้กระผมจะนำเรื่องอธิษฐานบารมีและสัจจะบารมี มาเผยแพร่ให้พวกพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆชาวพลังจิตได้ทราบกันครับว่าเป็นอย่างไร ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าทั้งสองบารมีนี้มีความหมายว่าอย่างไร

    สัจจะบารมี หมายถึง ความสัตย์ ความซื่อ คนที่มีสัจจะมีความรับผิดชอบต่องานที่ทำทุกอย่าง ไม่ปล่อยผ่านกับสิ่งที่ได้รับมาจะทำทุกสิ่งที่มาถึงมืออย่างสุดกำลังและเต็มความสามารถ

    ลักษณะของสัจจะมี ๕ ประการ คือ

    ๑. สัจจะต่อหน้าที่ เช่น พ่อ-แม่, บุตร-ธิดา, ภรรยา-สามี ต่างต้องมีหน้าที่ต่อกันและกันตามหลักสิงคาลกสูตร เป็นต้น ใครมีหน้าที่อะไรก็ต้องมีความรับผิดชอบ

    .สัจจะต่อการงาน คือ เมื่อตั้งใจทำงานชิ้นใดแล้วจะทำให้เต็มที่ ไม่เสร็จไม่เลิก มีแต่ต้องทำงาน ชิ้นนั้นให้สำเร็จและดีที่สุด

    .สัจจะต่อวาจา คือ เมื่อพูดอย่างไรก็ต้อง ทำอย่างนั้น เป็นผู้มีวาจาตรงกับใจ

    ๔.สัจจะต่อบุคคล คือ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก คบกับใครต้องเป็นมิตรแท้กับคนเหล่านั้น ถึงขนาดยอมตายแทนกันได้

    ๕.สัจจะต่อความดี คือ มั่นคงต่อความดี ไม่หันเหไปในทางชั่ว ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุขทุกชนิด คิดแต่จะทำความดี ไม่ว่าจะมีคนรู้หรือไม่ก็ตาม


    อธิษฐานบารมี คือ การตั้งมั่นในสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นความดี เช่นตั้งมั่นในการทำความดี อย่างการปราถนาพุทธภูมิเป็นการตั้งมั่นในการทำความดีเช่นกันเพราะจะช่วยให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์และเพื่อละกิเลส

    จะสังเกตเห็นได้ว่าถ้าหากตั้งมั่นจะทำสิ่งใดแล้วประสบความสำเร็จก็จะได้ทั้งสัจจะบารมีและอธิษฐานเลย เช่น ตั้งมั่นว่าจะใส่บาตรในวันพรุ่งนี้แล้วพรุ่งนี้ใส่จริงก็ได้ทั้งสัจจะเพราะพุูดจริงทำจริงและได้อธิษฐานบารมีเพราะตั่งมั่นในความดีเหมือนกับท้าวเนมิราชที่ตั้งมั่นจะออกบวชเพื่อที่จะรักษาประเพณีของวงศ์ตระกูลเอาไว้

    สัจจะบารมี กับ อธิษฐานบารมี เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ปราถนาในสาวกภูมิ ปัจเจกภูมิ พุทธภูมิ เพราะเป็นตัวชี้วัดที่จะบอกว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ดังนั้นขอให้พวกนักสั่งสมบารมีทั้งหลายหรือนักปฏิบัติกรรมฐานทั้งหลายจงตั้งมั่นในสัจจะบารมีและอธิษฐานบารมีเอาไว้

    คำถาม

    1.การตั้งความปราถนาว่าจะเป็นพระโสดาบันเป็นสิ่งดีหรือไม่

    ตอบ เป็นสิ่งที่ดีเพราะเป็นการตั้งมั่นที่จะเข้าสู่กระแสพระนิพพานเป็นเพื่อละกิเลส

    2.อธิษฐานบารมีกับอ้อนวอนต่างกันอย่างไร

    ตอบ อธิษฐานบารมีเป็นตั้งมั่นในความดี เรียกง่ายๆคือตั้งมั่นที่จะทำความดีละเว้นจากความชั่วแต่การอ้อนวอนนั้นเป็นการขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    3.การสาปแช่งผู้อื่นเป็นอธิษฐานบารมีหรือไม่

    ตอบ ไม่เป็นเพราะเป็นอกุศลกรรมอย่างหนึ่งจัดเป็นวจีกรรม อธิษฐานบารมีจะต้องประกอบไปด้วยความดีเช่นปราถนาพุทธภูมิ ก็เพื่อจะละกิเลสและนำพาสรรพสัตวย์ทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์หรือการเวียนว่ายตายเกิด

    บทสรุป : สัจจะบารมีและอธิษฐานบารมีนั้นเป็นสิ่งที่คู่กันเพราะถ้าหากขาดตัวใดคตัวหนึ่งทั้งสองอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

    -------------------------------------

    บุญกุศลและบารมีอันใดที่ได้จากตรงนี้ทั้งหมดขอยกให้กับพี่ๆน้องๆและเพื่อนๆชาวพลังจิตทั้งหลาย ขอให้พวกท่านทั้งหลาย จงมีแต่ความสุข ปราศจากความทุกข์ ขอให้ประสบความสำเร็จในความปราถนาทั้งปวง และขอให้ผลบุญในครั้งนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เป็นแบบนางวิสาขา ผู้มีเอตทัคคะคือเป็นทายิกาและขอให้เป็นโสดาบันแบบพิเศษแบบนางเพื่อที่จะเข้าสู่กระแสพระนิพพาน
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,815



    :cool:({) สวัสดีครับคุณ Therain ผมขอเสริมนะครับ เพื่อ ความถูกต้อง ทุกถ้อยกระทงความ ถึงยังไม่ละเอียดนัก ก็คงจัดได้ว่า เค้าโครงที่ผมว่ามานี้เลยครับ ใครก็ตาม ไม่ว่าจะปราถนา พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ ทุกท่าน ทุกคนมิอาจ ขาดได้แน่นอน ถึง หลัก การ ของ บารมี ๑๐ ทุก ตัวบารมีมิอาจ ขาดข้อใดข้อหนึ่งได้ อาจจะบางครั้งบางคา อาจจะหย่อน บางข้อได้ หรือเน้นหนัก นำหน้าข้อใดข้อหนึ่งได้ ตามแบบฉบับพระเจ้า ๑๐ ชาติ สุดท้าย บารมี ต้น กลาง ปลาย อยู่ในหลักเกณ์ เดียวกันหมด มิอาจแยกกันได้ บารมี ๑๐ ตัวนำคือ


    ตั้งแต่ ทาน ศิล ปัญญา เนกขัมมะ สัจจะ ขันติ วิริยะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา



    ตั้งแต่ บารมีต้น จนถึงบามีสุดท้าย ปรมัตถบารมี เมื่อเป็นปรมัตถบารมี มันก็จะเป็นบารมี ๓๐ ทัต ว่าไปตามขั้นบารมี จะหย่อนยาน หรือ ขี้เกียจ หรืออุกกฤษ มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ฉนั้น ทุกตัว ทุกบารมี มันต้องทำหมด สาวกก็ทำแบบสาวก ปัจเจทำแบบปัจเจกภูมิ พุทธภูมิทำหนักกว่าสิ่ง ใดๆ ทำอย่างยิ่งยวด ยิ่งกว่า คนธรรมดา นับไม่ได้ คำนวนไม่ได้ ทุกอย่างจะทำ สำเร็จหรือไม่ ทุกอย่างไม่เสมอไป แล้วแต่อุปสรรค แล้วแต่กรรม แต่สุดท้าย ก็ต้องลงเอย ด้วยคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แน่นอนไม่เป็นอื่น ที่เป็นอื่น เพราะกรรม จำแนก ไปรับผลนั้นๆก่อนต่างหากครับ



    และข้อสำคัญ ถ้าเป็นปรมัตถบารมีขั้นอุกกฤษ แล้ว ทำอะไร ก็จะสำเร็จทุกประการ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2014
  3. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    สัจจาธิษฐาน :cool:
     
  4. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269
    ความแตกต่างระหว่าง "สัจจะบารมี กับ อธิษฐานบารมี"

    บารมีทั้ง ๑๐ ข้อ แม้มีส่วนสัมพันธ์สอดคล้องกันอยู่
    แต่...บารมีแต่ละข้อก็มีความเป็นใหญ่ในตนเอง
    พระท่านจึงแยกไว้คนละข้อ เช่น ทานบารมี กับ ศีลบารมี เป็นต้น

    ------------------------------------------------------------------

    สัจจะบารมี = กำลังใจเต็มในเรื่อง"ความจริง"

    เช่น

    นิทานธรรมะ เล่าว่า...
    พ่อ-แม่ต้องการรักษาลูกให้หายป่วย
    แม่จึงกล่าวสัจจะ(ความจริง)ต่อหน้าสามี-ลูก ว่า...

    "ข้าอยู่กับสามีมานานนับสิบปี...แต่ก็ไม่เคยรักสามีเลย
    ด้วยสัจจะนี้...ขอลูกของข้าจงหายป่วย"

    ผลคือ ลูกหายป่วยทันที

    --------------------------------------------------------่---------

    อธิษฐานบารมี = กำลังใจเต็มในเรื่อง"ความมั่นคง"

    เช่น

    การทรงฌาน = จิตมั่นคงในอารมณ์เดียว (เอกัตคัตตารมณ์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,815
    สวัสดีครับพ่อแม่พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน บารมี ๑๐ พระพุทธเจ้าท่านแยกไว้หมดแล้วครับ ผมน่ะเข้าใจ แต่บารมี ๑๐ ชาติสุดท้ายที่ท่านแจงไว้ คือ ยิ่งยวดด้วย บารมีนั้นๆนำหน้า แต่บารมีทุกๆตัว จะตามหนุนเนื่องกันไป ขาดไม้ได้เลย ทุกๆบารมี แต่ว่า บารมีตัวไหน จะหย่อน เท่านั้นเองครับ บารมี ก้ว่าไปตามขั้นครับ ตัวอย่างที่คุณ นะมัตถุ โพธิยา ว่ามานั่นไงครับ ผมจะเสริมนะครับ


    ในกรณีลูกป่วย แม่อธิฐานให้ลูกหายป่วย ถ้าแม่ไม่มีเมตตา บารมี คงไม่อยากให้ลูกหายป่วยหรอกครับ แม่มีเมตตาต่อลูก ดุจดั่งพรหม หรือพระอรหันต์ นั่นเอง ถ้าแม่ไม่มีปัญญา คงไม่อธิฐานให้ลูกหายป่วยหรอกครับ แม่ใช้ขัตติ บารมี อธิฐาน ให้ลูกหายป่วย ด้วยความอดทน ที่จะให้ลูกหายป่วย ยังแยกได้อีกเยอะนะครับ ลูกป่วยใจแม่ทรมารอยู่แล้วครับ ในขณะนั้น ถ้าแม่ไม่มี ศิลชั่วขณะ การอธิฐานคงไม่เกิดผลหรอกครับ ผลเกิดได้ เพราะมีศิล สมาธิจิตแน่วแน่มั่นคง เพราะอาศัย สัจจะบารมี เป็นตัวตั้ง ผลจึงเกิด อย่างแรงกล้า ลูกจึงหาย เนกขัมมะ ใจแม่ มีใจ เหมือนถือบวชชั่วขณะจิตหนึ่ง ที่ตั้งมั่น ส่งกระแสจิต ตรงต่อโรคที่ลูกเป็น


    คนที่ไม่เคยมีทานบารมีมาก่อน เป็นไปไม่ได้ ที่จะอธิฐานให้โรคหาย ได้ ทานเช่นให้อาหารสัตว์ หมูหมากาไก่ ผมไม่หาที่อื่นหรอก ผมหาในตัวแม่นี้แหละ แม่หาอาหารมาให้ ลูกทาน ตั้งแต่ เล็กตีนเท่าฝาหอย จนเติบใหญ่ บางคนมีลูกเมียผัวแล้ว ยังไม่พ้นแม่เลย ต้องเอาลูกคนเดียวหรือหลายคนไปให้ท่านเลี้ยงอีก ไอ้ลูกจังไร ไม่พ้นแม่สักที เลี้ยงแกมายังไม่พอ ยังต้องเลี้ยงลูกมึงอีก ลูกป่วย ใจแม่จะขาด ถ้าแม่ป่วยแทนได้ แม่ก็จะทำ จึงอธิฐาน เป็นทานบารมี ให้ลูกหายป่วย จากการทรมารกาย ใช่ไม่ใช่ไม่รู้นะ ผมคิดได้แค่เนี้ย


    แม่ใช้ความเพียร วิริยะบารมี เพียรอธิฐานให้ลูกหายป่วย จนหายจากการทรมาร ทั้งทางกายและใจ ใช่ไม่ใช่ผมไม่รู้ ท่าน พิจรณาเอาเองครับ บางที ใจจแม่จะขาด ทำอะไรก็ไม่ถูก กระวนกระวายใจ ยิ่งนัก ถ้าโรคไม่หาย ใจแม่ก็ต้องวางเฉย เป็นอุเบกขา วางไม่วางก็ต้องวาง ใช่ไหม คงช่วยได้เท่านั้น ก็ในเมื่อ อธิฐานได้ ผล จนลูกหายจากโรคแล้ว ใจแม่สบายใจแล้วนี่ จึงวางใจเป็นอุเบกขาบารมี ไม่กระวนกระวายใจ อีกต่อไป เหมือนกับที่ลูกรักของเรากำลังป่วย แต่คนที่ มีปัญญามาก ท่านคงคิดได้มากกว่านี้แน่นอนครับ ผมคิดได้ข่าวๆแค่นี้แหละครับสวัสดี
     
  6. เวโรจนะ

    เวโรจนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +129
    กระผมกลับเห็นว่าสัจจะบารมีแนบอยู่กับอีกทั้ง9บารมี มากน้อยตามสถานการณ์และโอกาส
    ส่วนอธิษฐานบารมี คือตั้งใจมั่นในวัตถุประสงค์นั้นๆมีได้ทั้งแบบตายตัวระยะยาว
    อย่างอธิษฐานเป็นพุทธภูมิ และแบบเป้าประสงค์เฉพาะกาลนบางคราวไป
    ส่วนสัจจะแปลว่าความจริง
    ผู้ประพฤติธรรมควรอิงแอบแนบอยู่กับความจริงเสมอ ความจริงมี2อย่างคือ
    สมมุติสัจจะ จริง
     
  7. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ต่อข้อความของเวโรจนะครับ__จริงขั้นต้นหรืจริงโดยสมมุติ เช่นคนช้างม้าวัวควายรถราบ้านช่องเป็นแบบนี้ ลักษณะยังงี้
    เพื่อประโยชน์นี้ๆ __ และปรมัตถสัจจะ จริงขั้นสูงสุด หรือจริงแท้
    ก็คือทั้งหมดล้วนไม่จีรังยั่งยืน ตกอยู่ภายใต้ไตรลักษณ์
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือทั้งหมดล้วน
    เป็นแคสภาวะรูปหรือนามหรือทั้งสองอย่างที่เกิดดับติดต่อกัน
    รวดเร็วไม่ขาดสาย จนกว่าสติปัญญาจะเข้าไปรู้เห็นและแยกแยะได้
    จึงจะรู้ความจริง ---- ส่่วนว่าความสัตยซื่อนั้น น่าจะได้แก่สมานัตตา
    การวางตนสมำ่เสมอในผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ใกล้เคียงสัจจะ
    ทั้งนี้ผิดถูกขออภัยด้วยครับ เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวคนละอย่
     
  8. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..อธิฐานเทวธรรม.. ให้สถิตย์จิตใจไปทุกภพชาติ :z8

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. นรวร มั่นมโนธรรม

    นรวร มั่นมโนธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +113
    สาธุคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...