หลวงปู่จันทร์เรียน

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 13 พฤษภาคม 2023.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    24,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,234
    ค่าพลัง:
    +70,751
    กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    #หลวงปู่จันทร์เรียนองค์ท่านเด็ดขาด
    .
    มหาลัยสงฆ์อันเข้มข้น..น้อมกราบองค์ปู่จันทร์เรียน
    นี่แหละพระเลิศในธุดงควัตร เลิศในข้อวัตรปฏิบัติ เลิศในอภิญญาญาณ มีฤทธิ์เยอะ สมัยนี้หาได้ยากนัก เพราะช้างเผือกท่านย่อมอยู่ในป่าดง...
    หลวงพ่อจันทร์เรียน ท่านเป็นพระแท้ "ของจริง"
    หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านบอกว่า "พระทั่วประเทศ เราคบจันทร์เรียนองค์เดียว"
    หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านเคยเอ่ยให้ฟัง "พระยอดธงของเรา จันทร์เรียนเสก ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแล้ว"
    .
    .
    หากใครเคยไปกราบหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คงอาจทราบว่าหลวงปู่เจี๊ยะท่านมักจะแนะนำลูกศิษย์ให้ไปกราบ หลวงพ่อจันเรียน วัดถ้ำสหาย จ.อุดรธานี โดยให้เหตุผลที่ควรไปกราบนอกเหนือจากคุณธรรมขั้นสูงของหลวงพ่อจันทร์เรียนว่า ? ท่านมีฤทธิ์มาก ไม่น้อยไปกว่าหลวงปู่ฝั้นเลย? ขนาดพระแทบทุกรุ่นของหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านต้องสั่งให้ศิษย์ให้นำไปถวายหลวงพ่อจันทร์เรียนอธิษฐานก่อนแจก
    .
    .
    ถ้าจะพูดถึงกิตติศัพท์ของพระป่ากรรมฐานในยุคปัจจุบัน คงจะไม่มีใครที่จะไม่ทราบนามขององค์หลวงพ่อไปได้ ไม่ว่ากิตติศัพท์ด้านภาวนา ด้านความเข้มข้นในข้อวัตรปฏิบัติ และด้านความเข้มข้นในพระอภิญญาญาณ จะเห็นได้ว่าในแต่พระพรรษาจะมีพระผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมต่างเดินทางมาเพื่อที่จะมาพำนักขอจำพรรษากับท่านมากมายในแต่ละพรรษาไม่ต่ำกว่า 80 รูปขึ้นไปในแต่ละพรรษ
    .
    .
    เป็นเครื่องยืนยันและแสดงได้ว่าองค์ท่านเข้มงวดกวดขันพระเณรในด้านภาวนา และรวมถึงข้อวัตรน้อยใหญ่ทำให้พระที่ต้องการเพื่อความหลุดพ้นจริงจังต่างดั้นด้นมาเพื่อขอรับนิสสัยและขอรับโอวาทธรรมเพื่อบำเพ็ญเพียรภาวนาในสำนักถ้ำสหายแห่งนี้...
    .
    .
    ปฏิปทา เด่นๆ ขององค์หลวงพ่อจันทร์เรียน อาทิเช่น
    -ไม่รับกิจนิมนต์ถ้าไม่จำเป็นจริง และอย่างเด็ดขาด
    -ไม่ชอบความคลุกคลี ไม่ว่างานบุญต่างๆ ไม่จำเป็นไม่ไป เว้นงานศพ.
    -ไม่รับกฐิน
    -ไม่เข้า กทม.โดยไม่จำเป็นอย่างเด็ดขาด
    .
    .
    สมญานามที่ว่า "ช้างเผือกย่อมอยู่ในป่า" ท่านจึงเป็นครูบาอาจารย์รูปสำคัญมากในยุคนี้ที่เด่นในการกวดขันพระเณร และเป็นกำลังสำคัญในการอบรมพระกรรมฐานในยุคนี้ เพราะเนื่องจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่ต่างชราร่วงโรยไปตามธาตุขันธ์อาจจะอบรมพระเณรได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นสำนักนี้จึงเป็นที่จับตาของพระที่ต้องการปรารภความเพียรโดยแน่แท้....
    .
    .
    กุลบุตรท่านใดที่จะมาบวชในสำนักนี้ต้องผ่านการเป็นผ้าขาวถือศีล 8 ก่อนเพื่อให้ท่านดูความเหมาะสมก่อนที่จะเข้ามาบวชในสำนักนี้ได้ แต่ละคนจะเป็นผ้าขาวมากน้อยระยะเวลาต่างกันตามแต่ท่านจะเห็นว่าเหมาะสม บางท่านต้องเป็นผ้าขาวนาน 3 เดือน บางท่านนาน 1 ปี บางท่านต้องนานถึง 3 ปี ก็มี
    และท่านจะไม่รับบวชแก้บน บวช 7 วัน 15 วัน ท่านจะไม่รับเด็ดขาด...
    ************************************************
    .
    .
    โอวาทธรรมคำสอน
    องค์หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร..
    .
    .
    1.ท่านบอกว่าพระอะไรไปเที่ยวกรุงเทพกรุงไทย ไปหาอะไร ทำไมไม่อยู่ปฎิบัติเอามรรคผลนิพพพานให้เจ้าของ นี่เราไปแล้ว เราไม่ค่อยชอบนะ วุ่นวาย นี่มันไม่ใช่นิสัยเรา ท่านว่าอยู่นี่อยู่วัดนี่สงบ เราไม่ใช่ญาติโยมฆราวาสแบบเขา จะไปหาอยู่หากินอะไรที่กรุงเทพ ถ้าอย่างนั้นก็ไปก็ไปเป็นเหมือนญาติโยมเอาโลด ออกไปทำมาหากินกรุงเทพ
    .
    .
    2.พระชอบโทรศัพท์มือถือ พระองค์ใดรูปใดใช้โทรศัพท์มือถือแล้วมาพูดสอนญาติโยมเกี่ยวกับมรรคผลนิพพาน เป็นยังไงหือ ว่าจะไปนิพพานทั้งๆที่ ฮัลโหลๆ ๆ อยู่ให้มาปาดคอเลย พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ ไม่มีนะเดี๋ยวนี้ มีแต่ ฮัลโหล ฮัลโหล สรณังคัจฉามิ นะสมัยนี้ โหย ดูไม่ได้เลย
    .
    .
    3.การดูจิตที่อ้างคำกล่าวของหลวงปู่ดูลย์มันก็ถูกของท่าน แต่มันเป็นคนละขั้นคนละตอนกับเรา ท่านเหมือนมีทรัพย์บริบูรณ์แล้ว ก็มองดูทรัพย์นั้น ท่านดูจิตแบบเป็นวิหารธรรมของท่านเฉย ๆ แต่เราหละ มีสมบัติคือศีลสมาธิอย่างท่านแล้วหรือ จิตมันยังไม่ยอมอยู่กับเจ้าของ จิตไม่มีสมาธิก็ย่อมไม่อิ่มไม่พอ จึงมีแนวโน้มแล่นไปตามความอยาก ดูแต่ที่ชอบใจ ดูจิตอย่างนี้แล้วจะยังไงต่อหละ มันไม่ได้ดูเพื่อปล่อยเพื่อวาง
    .
    .
    4.ท่านเทศน์ เกี่ยวกับหลวงตามหาบัวว่า หลวงตาไปนิพพานแล้ว ไม่ยุ่งกับอะไรอีก ไม่มีใครมีบารมีเท่าท่านนะสมัยนี้ ใครทำก็ไม่เหมือนท่านทำโครงการอะไรต่างๆสำเร็จหมด
    .
    .
    *********************************************************
    ความเป็นมาวัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต
    .
    ที่จะกล่าวต่อไปนี้ได้หยิบยกข้อความของ "สหายนักปฏิวัติภูซาง" เกี่ยวกับตำนาน "ถ้ำสหาย" มาประกอบเพื่อจะมองย้อนไปในอดีต ที่บริเวณเขตพิกัดนี้ เป็นป่าทึบ คมนาคมเข้าไม่ถึง นอกจากเดินเท้า ลุจนเหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลาย กลุ่มมวลชนปฏิวัติเริ่มกลับสู่เมืองเพื่อประกอบสัมมาชีพอีกครั้ง
    .
    .
    หลังปี พศ.2524 (หรืออาจก่อนหน้า) พระป่ารูปหนึ่่ง แวกป่าหาธุดงค์หาที่สัปปายะ มาพบถ้ำในบริเวณป่าแห่งนี้ ท่านเลือกปักกลดแรมคืน ซึ่งตอนนี้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า (ผิดพลาดคลาดเคลือนประการใด พ่อแม่ครูอาจารย์ อภัยด้วย)
    .
    .
    "ก่อนจะเข้าฌานสมาธิ ท่านตั้งจิตอธิฐาน ว่า "สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การสร้างวัด ถ้าหากว่าก่อร่างสร้างเป็นวัดแล้ว ก็อยากให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง รุ่งโรจน์ไปในภายภาคหน้า ถ้าเป็นเช่นคำอธิฐาน ขอวันรุ่งขึ้น ให้ได้พบพระผู้ใหญ่ ผู้จะมาเยี่ยมให้เป็นสิริมงคลและกำลังใจด้วยเทอญ" จากนัันท่านทำสมาธิทั้งคืน"
    .
    .
    ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังท่านฉันจังหันเสร็จแล้ว ก็นั่งคุยกับโยมอุปฐาก (ผู้เล่าไม่แน่ใจว่า เป็นโยมหรือพระหรือเณร ที่มาแรมคืนด้วย มีโอกาสแล้วจะกราบเรียนถามท่านหลวงปู่จันทร์เรียน อีกที) ระหว่างนั้นท่านได้ยินเสียงแวกป่า เสียงนั้นมุ่งมายังท่าน สักครู่ต้นเสียงนั้นก็ปรากฏในสายตาท่าน เป็นพระ.... ถึงตอนนี้ ความคิดท่านก็วาบขึ้น คำอธิฐานเมื่อคืน โอ้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    .
    .
    พระ... ที่ปรากฏกายขึ้นในขณะนี้นั้น องค์ท่านก็คือ "หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดถ้ำภูผาแดง อ.หนองวัวซอ" นั่นเอง และนี้คือภูมิหลัง ของถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต
    .
    วัดถ้ำสหาย เดิมเป็นที่ตั้งทับสมปองของ "เขตงานลาติน" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตงานภูซาง บริเวณด้านหน้าถ้ำจะเป็นเนินใหญ่ มีปล่องแสงจากยอดถ้ำ ทำให้ถ้ำส่องสว่างตลอดทั้งวัน โดยมีน้ำซับใสสะอาดไหลออกมาจากก้นถ้ำ เข้าใจว่าจะไหลลงห้วยสามพาด
    .
    .
    เดิมที่ตั้งถ้ำแห่งนี้เรียกว่าทับสมบูรณ์ เหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์ ในเรื่องของอาหารการกิน มีเรื่องเล่าว่าบางวันสามารถหายิงหมูป่าได้ถึง 2 ตัวซ้อน ส่วนปลานั้นก็สามารถจับได้เป็นแกลลอนๆ ส่วนเห็ดบดหรืเห็ดขอนนั้นเวลาเก็บแต่ละครั้งต้องเอาถุงปุ๋ยใส่เพราะมีจำนวนมาก
    .
    .
    ถ้ำแห่งนี้เดิมใช้เป็นสถานที่อบรมการเมืองและฝึกอาวุธ หลักสูตร์เร่งรัดให้แก่มวลชนพื้นฐานชายดง และยังใช้เป็นโรงพยาบาลด้วยในบางครั้ง เมื่อสหายสมปองเสียสละจากการซุ่มโจมตีของศัตรู ก็ได้มีการจัดพิธีไว้อาลัยและได้เก็บอัฐิของสหายสมปองไว้ที่นี่ จากนั้นจึงได้เรียกทับนี้ว่าทับสมปอง
    .
    .
    ต่อมาพวกชาวบ้านที่ขึ้นภูมาล่าสัตว์ ได้พบเห็นร่องรอยของสหายที่บริเวณถ้ำนี้มากขึ้น จึงพากันเรียกว่า "ทับสหาย"
    .
    .
    จนกระทั่งในปี 2526-2527 มีพระธุดงองค์หนึ่งได้เดินทางมาธุดงในบริเวณป่าแถบนี้ และได้พบอัฐิสหายและสิ่งของที่พวกสหายซุกซ่อนไว้ในถ้ำแห่งนี้ พระธุดงองค์นั้นมีความพอใจจึงได้ปักกรดปฏิบัติธรรม และสวดอุทิศกุศลแล้วจึงนำอัฐิสหายสมปอง มาโรยลงในทางเดินจงกรม และได้ไปขอจดทะเบียนชื่อวัดนี้ว่า "วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต" ซึ่งแสดงความหายชัดเจน และเป็นตำนานเล่าขานสืบมาจนทุกวันนี้
    .
    .
    ซึ่งครูบากล้วยก็เคยถามท่านอาจารย์จันทร์เรียน ใครเป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่าวัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต ชื่อมันดูจะออกแปลกดี ท่านอาจารย์จันทร์เรียนบอก
    .
    .
    “ เราตั้งชื่อเอง ที่มามันเป็นยังงี้ เรานิมิตเห็นถ้ำสหาย ถ้ำสหายสมัยก่อนเป็นที่เก็บอาวุธ และเป็นห้องพยาบาลของพวกสหายคอมมูนิสต์แถวนี้ เรานิมิตเห็นในความรู้ของเรา เราจึงตั้งชื่อว่าวัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต จันทร์นิมิตก็มาจากเราอาจารย์จันทร์เรียนเป็นผู้นิมิตเห็น ”
    .
    .
    ********************************************************
    .
    .
    รวมเรื่องเล่า หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
    .
    .
    หลวงพ่อจันทร์เรียน ท่านเป็นพระแท้ "ของจริง"
    หลวงปู่เจี๊ยะ ยังยอมรับ "พระทั่วประเทศ เราคบจันเรียนองค์เดียว"
    หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านเคยเอ่ยให้ฟัง "พระยอดธงของเรา จันทร์เรียนเสก ศักดิสิทธิ์ที่สุดแล้ว"
    .
    .
    หากใครเคยไปกราบหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คงอาจทราบว่าหลวงปู่เจี๊ยะท่านมักจะแนะนำลูกศิษย์ให้ไปกราบ หลวงพ่อจันเรียน วัดถ้ำสหาย โดยให้เหตุผลที่ควรไปกราบนอกเหนือจากคุณธรรมขั้นสูงของหลวงพ่อจันทร์เรียนว่า ? ท่านมีฤทธิ์มาก ไม่น้อยไปกว่าหลวงปู่ฝั้นเลย? ขนาดพระแทบทุกรุ่นของหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านต้องสั้งศิษย์ให้นำไปถวายหลวงพ่อจันทร์เรียนอธิษฐานก่อนแจก
    .
    .
    มีเรื่องเล่าในหมู่ศิษย์ว่า มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อประสิทธิ์ไปเยี่ยมหลวงพ่อจันทร์เรียนที่วัด แต่การไปไหนทุกครั้งของหลวงพ่อประสิทธิ์จะไม่มีกำหนดการ ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์เฉพาะหน้าของท่าน ดังนั้นการไปวัดถ้ำสหายจึงไม่มีใครทราบ วันนั้นฝนตกพรำๆ พอถึงวัดปรากฎ หลวงพ่อจันทร์เรียนท่านกางร่มรอรับหลวงพ่อประสิทธิ์อยู่
    .
    .
    ถ้าเป็นเรื่องครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อจันทร์เรียนเคารพ ท่านจะทำถวายเองทุกอย่าง อย่างเช่นหลวงปู่เคน วัดหนองหว้าอาพาธไม่ยอมไปโรงพยาบาล หลวงพ่อจันทร์เรียนทราบ ท่านก็รีบไปรับหลวงปู่เคนไปโรงพยาบาล หลวงปู่เคนท่านเดินไม่ไหว หลวงพ่อจันทร์เรียนก็อุ้มหลวงปู่เคนด้วยตัวท่านเอง
    .
    .
    หลวงพ่อจันทร์เรียน ท่านเคยเล่าการภาวนาของท่านให้ฟัง.....
    .
    "จิตเราเวลาเข้าสมาธิแล้ว เหมือนโยนหินลงสระน้ำหายจ๋อมไปเลย ความรับรู้มันดับหมด ความรู้สึกเหลือแค่เปอร์เซนต์เดียว ถ้าไม่ดึงกลับมันกลับมา จิตมันจะเข้าฌาณดับหายไปเลย"
    .
    .
    อารมณ์ขันวิชาม้างกาย
    สมัยที่หลวงพ่อจันทร์เรียน อยู่ปรนนิบัติรับใช้ธุดงค์ไปกับหลวงปู่ชอบ ท่านเล่าให้ฟัง.....
    .
    "เรากำลังภาวนา ม้างกาย ตับไต ไส้พุง อวัยวะต่างๆ เรี่ยราดแตกกระจายไปบนพื้นดิน ทราบว่ากำลังจะรุ่งเช้าแล้ว ได้เวลาที่องค์ท่านฯ จะทำข้อวัตรฯกับองค์หลวงปู่ชอบ ท่านเลยรีบ คว้าเอาตับไต ไส้พุง อวัยวะต่างๆ ที่อยู่บนพื้นดิน ยัดใส่เข้าท้อง รีบเอาเข็มเย็บปิด"
    ครั้นได้ถึงเวลาที่องค์ท่านทำข้อวัตรฯ ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ชอบ องค์หลวงปู่ฯ ท่านเอ็ดว่า ....
    "จันทร์เรียน ทีหลังม้างกายให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องรีบมาทำข้อวัตรฯ กับเฮาเน้อ"
    .
    .
    ณ วัดถ้ำสหาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี มีอยู่หนหนึ่งมีโยมเขาเอาปลัดขลิกไปให้หลวงปู่จันเรียน เสก โยมพูดพร้อมกับยื่นปลัดขลิกให้หลวงปู่ "หลวงปู่พิจารณาด้วยครับ"
    .
    หลวงปู่ "อะไร" (หลวงปู่ยังไม่เห็นว่าเป็นอะไร)
    .
    พอหลวงปู่เห็นเท่านั้นแหละ ....
    "เฮ้ย!! ขนาดมึงมีอันเดียวยังวุ่นวายขนาดนั้น นี่จะหามาเพิ่มอีกเหรอ "
    ว่าแล้วท่านก็โยนทิ้งลงตรงนั้น คนที่อยู่นั่นฮากันสนั่นครับ
    .
    .
    ในช่วงหลังมานี้สุขภาพท่านไม่ค่อยดี เรื่องเนื้อไม่ดีในกายท่านท่านเล่าว่า วันที่หมอนัดจะผ่าเอาก้อนเนื้อออกนั้น ท่านอธิษฐานนั่งอาสนะเดียว คือไม่เปลี่ยนท่าจนยันรุ่ง ปรากฎว่าตอนจวนรุ่ง ท่านว่ากายท่านแตกดัง "โพล๊ะ" เนื้อเครื่องในต่างๆ แตกกระเด็นมาตรงหน้า ท่านจึงหยิบ (จำไม่ได้ว่า ตับ หรืออะไร) ออกมาปลิ้น จับบี้จนกระทั้งเนื้อร้ายนั้นหายไป จนออกจากอารมณ์ พอตอนสายลูกศิษย์มารับเพื่อเข้าไปผ่าตัด พอถึงหมอก็ตรวจด้วยเครื่องมืออีกครั้งก่อนผ่า ปรากฎว่าเนื้อร้ายไม่มีแล้ว....
    .
    ******************************************************
    .
    .
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
    เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย
    ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย
    อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
    .
    .
    - แปล
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติตรงแล้ว
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติสมควรแล้ว
    ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
    นั้นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
    เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
    เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
    เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
    เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
     

แชร์หน้านี้

Loading...