หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เห็นพระตกนรก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ยศวดี, 11 กันยายน 2013.

  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เห็นพระตกนรก
    กรกฎาคม 26, 2012 โดย ธ. ธรรมรักษ์
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือ พระราชพรหมยาน แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเลิศในฤทธิ์ทางใจ หรือ มีวิชามโนมยิทธิ ท่านได้กล่าวเล่าถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ท่านได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งตกนรกจากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ…แล้วไปไหน ว่า

    ครั้งหนึ่งมีพระผู้ทรงสมณศักดิ์รูปหนึ่งเป็นถึงระดับท่านเจ้าคุณอยู่ที่วัดฝั่งพระนคร โดยที่พระรูปนี้ท่านกล่าวเอาไว้ว่า “บวชพระมาสามสิบปีเศษแล้วไม่เคยเห็นนรกสักนิด” ซึ่งนับเป็นความเห็นที่ผิดมาก ยิ่งได้อยู่ในสถานะที่เป็นพระภิกษุด้วยแล้วจึงยิ่งให้ผลกรรมหนักมากขึ้นเพราะตลอดชีวิตของพระสมณะรูปนี้ได้กระทำผิดพระวินัยมากมาย ทำให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำไม่เคยชอบใจเลยที่จะต้องไปพบกับพระรูปนี้

    เมื่อพระสมณะรูปนี้ได้มรณภาพลง ครั้งหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำขึ้นได้นั่งสมาธิภาวนาเพื่อที่จะลงไปดูนรก โดยที่เมื่อไปถึงก็ได้พบกับพระยายมราช โดยที่ท่านจะเรียกพระยายมราชว่า “ท่านลุง” โดยพระยายมราชได้กล่าวเล่าถึงผลการตัดสินโทษของพระสมณะที่เพิ่งตายลงมารูปนั้นว่า

    “ยมบาลเขาตัดสินแล้วขณะนี้ พระรูปนั้นอยู่ในอเวจีมหานรก” ซึ่งทำให้ท่านเกิดความสงสัยจึงถามว่า “พระตกนรกด้วยหรือ” พระยายมราชก็ตอบว่า “พระภิกษุนั้นตกนรกเป็นประจำ เพราะพระเหล่านั้นบวชแล้วไม่ทำตัวเป็นพระ ก็ต้องตกนรกเป็นธรรมดา”

    หลวงพ่อเกิดความสงสัยจึงถามท่านต่อว่า “พระที่เทศน์สอนชาวบ้านเรื่องนรกสวรรค์ได้ ทำไมต้องตกนรก” ท่านจึงตอบว่า “ก็พระดีแต่สอนชาวบ้านแต่ตัวเองไม่ได้ปฏิบัติตนตามที่สอนเขา บอกให้คนอื่นทำดีแต่ตัวไม่ทำด้วย พระอย่างนี้ลงนรกหมดและก็มีโทษหนักมาก”

    หลวงพ่อท่านจึงปรารภว่า “ผมอยากเห็นท่านเจ้าคุณ” ซึ่งท่านหมายถึงพระรูปที่ตกนรกนั่นเอง

    พระยายมราชจึงได้ยกมือขึ้น ก็ปรากฏว่ามีภาพอเวจีมหานรกมาปรากฏใกล้ตัวท่านและภาพท่านเจ้าคุณผู้นั้นก็ปรากฏเป็นลักษณะดังนี้

    ท่านต้องยืนกางแขน มีหอกปักจากเพดานเหล็กด้านบนปักติดอยู่ที่มือทั้งสองข้าง ปลายด้ามหอกติดเพดานหัวหอกติดพื้นเหล็กด้านล่างที่เป็นพื้น มีหอกปักด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ตรงหัวสลับกัน ส่วนหอกด้านปลายและด้ามตรึงติดกำแพงเหล็ก กล่าวคือสภาพร่างกายทั่วตัวมีหอกปักตรึงจนขยับเขยื้อนไม่ไหว และมีเปลวไฟละเอียดร้อนมากกว่านรกทุกขุมพุ่งมาเผาอยู่ตลอดเวลา

    เหตุที่ทำให้พระเจ้าคุณรูปนี้ต้องรับโทษเช่นนี้ก็เพราะว่า พระรูปนี้ได้ทำผิดสร้างกรรมเอาไว้มากมายเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์โดย

    1. เมื่อบวชแล้วท่านไม่สนใจในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่สนใจในการปฏิบัติสมถะภาวนา ไม่เคยวิปัสสนากรรมฐานใดๆ ซึ่งผิดวิสัยความเป็นพระ เมื่อทำตนไม่สมควรในความเป็นพระ จึงจัดเป็นความผิด คือเป็นคนลวงโลก หลอกชาวบ้านว่าเป็นพระคอยเอาเปรียบผู้อื่น

    2. เมื่อได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแล้ว ไม่ยอมประพฤติตามธรรมนั้น โดยมุ่งเอาความรู้ไปสอนชาวบ้าน โดยเป็นไปในทางหวังเพื่อให้เกิดทรัพย์สินแก่ตน ไม่เคยนำทรัพย์สินนั้นๆ ไปสงเคราะห์ส่วนสาธารณประโยชน์หรือบำรุงพระศาสนา โดยเอาไปซื้อที่ดิน ซื้อทอง ออกเงินให้กู้ ซึ่งเป็นวิสัยของฆราวาส พระภิกษุรูปอื่นท่านห้ามไม่ให้ทำแต่ก็ยังฝืนทำ

    3. เมื่อมีทรัพย์ก็มีความทะเยอทะยานอยากได้ยศ เมื่อมียศแล้วก็เมายศ คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ แม้แต่เห็นผู้ที่ทรงฌานแล้วก็ยังกล้าคัดค้านเหยียดหยามเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง

    4. ในฐานะที่ท่านเป็นพระทรงสมณะศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ เมื่อเป็นพระมีศักดิ์ใหญ่ อำนาจก็ต้องมาก และมีลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็มาก ใครอยากได้ยศได้ตำแหน่งอะไรก็ต้องเสียเงินให้ตามอัตรา เวลามาขอยศขอตำแหน่ง ก็ต้องหาพานมาประเคนโดยมีเงินเป็นที่ตั้ง

    เวลานิมนต์เทศน์ต้องติดเงินก้อนใหญ่ๆให้ ทำให้ท่านกลายเป็นพระมหาเศรษฐีใหญ่ มีลูกหนี้มาก คือมีเงินให้กู้มากๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผิดวิสัยสงฆ์ชัดเจน ซึ่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านก็ได้ถามกับ ท่านเจ้าคุณผู้ตกนรกเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีอยู่ ก็สามารถบอกได้ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง

    5. ในฐานะที่พระรูปนี้เป็นพระปลอม คือบวชแต่ตัวและมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ และกามสุข มีพระที่มีศีลบริสุทธิ์บ้าง มีสมาธิตั้งมั่นบ้าง มีวิปัสสนาดี เป็นถึงพระอริยเจ้ามากราบไหว้ท่าน ท่านก็เลยหลงในอำนาจทำวางอำนาจบาตรใหญ่ในฐานะเป็นเจ้าคุณ กรรมข้อนี้อีกข้อหนึ่งที่ทำให้ท่านลงอเวจีมหานรก

    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ได้พังเรื่องราวนี้จบแล้ว ท่านก็ดีใจกราบลาท่านลุงกลับบ้านแล้วนำเรื่องราวที่ท่านได้ไปท่องนรกมาบอกกล่าวแก่ญาติโยมโดยเฉพาะคุณยายที่เคยสนิทสนมกับอดีตท่านเจ้าคุณรูปนี้ให้ฟังถึงผลกรรมที่ท่านเจ้าคุณเคยกระทำไว้เมื่อยังมีชีวิตว่า ผลกรรมที่ทำเพราะความโลภ และความหลงในตนนั้นมีผลร้ายแรงกว่าทำในขณะที่เป็นฆราวาสมากมายนัก
     
  2. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เห็นพระสมณะตกนรก

    เรื่องนี้นำมาจากหนังสือ “ตายแล้วไม่สูญ..แล้วไปไหน” อีกเช่นเดียวกันซึ่งเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้เล่าถ่ายทอดเอาไว้ถึง กรรมของพระภิกษุรูปหนึ่งทำให้ต้องตกนรกเมื่อท่านมรณภาพตอนที่อายุ 72 ปี มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอแล้ว

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านปรารภว่า วันหนึ่งใกล้เวลาสองทุ่มซึ่งเป็นเวลาเจริญพระกรรมฐาน ท่านก็ได้นอนหลับพักผ่อนเป็นปกติ เมื่อจะหลับไปก็เห็นเทวดาองค์หนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้า พอเหลียวไปดูท่านก็นั่งคุกเข่ายกมือขึ้นพนม จึงได้ถามขึ้นว่า

    “ท่านมาทำไม” เทวดาตนนั้นก็บอกว่า “ท่านใหญ่ให้มานิมนต์ครับ”

    คำว่า “ท่านใหญ่” นั้นก็หมายความถึงท่านพระยายมราช ท่านมีสถานะเป็นระดับพรหมไม่ใช่พวกเจ้าหน้าที่ในนรก ซึ่งสำนักของพระยายมราชไม่ใช่อยู่ในแดนนรกแต่อยู่ใกล้แดนนรก มีหน้าที่กันคนลงนรกพอหลวงพ่อไปถึง ก็ถามท่านพระยายมราชว่า “ท่านลุงมีธุระอะไร”

    ท่านตอบว่า “ไม่มีธุระอะไรมากหรอก เพื่อนท่านเขามาอีกหนึ่งแล้ว” ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าถ้าพระมาลงนรกสักรูปหนึ่ง ก็มีอันต้องให้มีคนมาตามมาดูซึ่งพระยายมราชก็บอกว่า “ไปเยี่ยมเขาหน่อยซิ”

    เมื่อสอบถามแล้วก็ทราบว่าพระรูปที่ตายลงมาอยู่ในนรกขุมที่ 7 เรียกว่า “มหาตาปะนรก” มีอายุครึ่งกัป

    พอท่านไปถึงก็เห็นเขากำลังลงโทษพระรูปนั้นอยู่ ซึ่งท่านเองก็ทราบดีว่า การจะไปบอกให้นายนริยบาลหยุดการลงโทษเพื่อขอพูดคุยกับนักโทษนั้นโดยลำพังเพียงคนเดียวเขาจะไม่ยอมจะต้องนำคนจากสำนักของพระยายมราชไปด้วยจึงจะสามารถทำได้

    และโชคดีที่วันนั้นท่านพระยายมราชไปด้วยตัวของท่านเองก็ได้รับความสะดวก เมื่อไปถึง ท่านก็บอกว่า “เอาคนนั้นขึ้นมา”

    พอท่านเพียงบอกว่าเอาคนนั้นขึ้นมา นักโทษคนนั้นก็หลุดจากเครื่องพันธนาการ เขาก็ขึ้นมาจากขุมนรก พอขึ้นมาแล้วก็แต่งตัวเป็นพระสงฆ์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีรูปร่างหน้าตาดีมาก หากพิจารณาดูแล้วช่วงสมัยหนุ่มๆ คงรูปหล่อเหลาเอาการทีเดียว ขึ้นมาแล้วหลวงพ่อก็ถามว่า

    “ท่านบวชตอนอายุเท่าไร และตายอายุเท่าไร”

    “กระผมบวชเมื่ออายุ 20 ปีเศษ และตายเมื่ออายุ 72 ย่าง 73 ครับ”

    “ท่านบวชได้ตั้ง 52 พรรษาแล้วมีตำแหน่งอะไร”

    “ผมเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอ และก็เป็นพระอุปัชฌาย์”

    หลวงพ่อก็ระลึกได้ว่าเวลานั้นท่านเพิ่งจะบวชได้สองพรรษา ส่วนพระรูปนี้บวชได้ถึง 52 พรรษาแล้วเรียกได้ว่าบวชได้เท่าเศษพรรษาของเขาพอดี หลวงพ่อจึงถามว่า “ทำไมท่านถึงตกนรก” พระรูปนี้ตอบว่า

    “ตอนบวชนั้นผมเป็นสมมุติสงฆ์จริงๆ อยู่สองพรรษา ยังมีความประพฤติบกพร่องบ้างอยู่สองพรรษา นอกนั้นอีกห้าสิบปีคือมีพฤติกรรมหมดจากความเป็นพระ แต่ก็ยังครองผ้าเหลืองอยู่ กรรมมันก็เลยหนัก”

    การครองผ้าเหลืองอยู่แล้วทำตนเป็นดังเช่นฆราวาสนั้นถือเป็นกรรมหนักมากจัดเป็นการหลอกลวงผู้อื่นและเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นอนันตริยกรรมเลยทีเดียวซึ่งตามปกติแล้วจะต้องลงนรกอเวจี

    หลวงพ่อถามต่อไปว่า “หมดความเป็นพระประเภทนี้มันน่าจะลงอเวจี แต่ทำไมจึงไม่ลง”

    “ผมมารู้สึกตัวตอนใกล้ๆ จะตายสักสองปี ก็พยายามทำความดีทุกอย่างแต่มันชดใช้กรรมที่เคยทำเอาไว้ไม่ได้”

    หลวงพ่อระลึกได้ว่า ถือว่ายังดีที่ไม่ได้ลงนรกอเวจี แต่ลงแค่ขุมที่ 7 เท่านั้น แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาอีกนานชนิดที่ เกิดแล้วตายอีกร้อยครั้ง พระองค์นี้ก็ยังไม่ขึ้นมาเลยเพราะขุมนี้มีอายุครึ่งกัป ถ้ามีโทษอะไรอีกก็จะต้องมาไล่เบี้ยขุมใหญ่อีกคือ

    เมื่อออกจากขุมที่ 7 แล้วก็จะต้องผ่านนรกบริวารอีก 4 ขุม แต่ละขุมมีอายุไม่แน่นอน เขาจะกักไว้กี่ร้อยกัปก็ได้ นอกจากนรกบริวาร 4 ขุมแล้วถ้ามีโทษอย่างอื่นอีก ก็จะต้องไปตกนรกขุมใหญ่อีก ออกจากขุมนั้นก็ต้องตกนรกบริวารอีก 4 ขุม เป็นอย่างนี้เรื่อยไป

    พอพ้นจากเขตนรกนั้นแล้วแล้วยังต้องไปตกยมโลกียนรกอีก 10 ขุม และยมโลกียนรกก็ไม่มีอายุเหมือนกัน ไม่บอกเวลาแน่นอน การตกนรกขุมนี้เขาจะไล่เบี้ยตั้งแต่กรรม ปาณาติบาตไปเรื่อยจนครบทั้ง 5 ข้อ

    นอกจากนั้นถ้ายังมีคดโกง เช่นการคดโกงจากการเรี่ยไรเงินมาแล้วเอามาเป็นทรัพย์สมบัติของตัวเอง อย่างนี้เขาจะลงโทษไว้หมดเลย ซึ่งไม่รู้ว่าใช้เวลาทั้งหมดกี่ร้อยกัป หลังจากนั้นจะต้องมาเป็นเปรตอีก 12 ระดับ กว่าจะพ้นแต่ละระดับก็แสนจะยาก

    จากเปรตก็มาเป็นอสุรกาย จากอสุรกายก็ต้องมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน จากสัตว์เดรัจฉานกว่าจะไปเกิดเป็นคนหรือเทวดาได้ด้วยบุญเดิม ก็จะต้องเป็นสัตว์ที่รู้ภาษามาก ต้องมีคนเมตตาอุทิศบุญให้

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านได้ให้ข้อคิดกับการเข้ามาบวชพระในพระพุทธศาสนาว่า

    “ในเมื่อเราตั้งใจบวชเข้ามาเพื่อปฏิบัติความดีก็ต้องคิดว่า พระอรหันต์ทุกองค์ท่านไม่ได้เป็นพระอรหันต์มาตั้งแต่กำเนิด ท่านก็ประพฤติปฏิบัติเริ่มต้นแบบเดียวกับพวกเรานี่แหละ ทำไปแก้ข้อบกพร่องไปเรื่อยๆ มีความพากเพียรเป็นปกติ มีอิทธิบาท ๔ ครบถ้วน จะทำสิ่งใดมันก็ต้องสำเร็จจนได้และสำเร็จทุกอย่าง”
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    “มหาตาปะนรกที่ว่าเป็นอย่างไร”

    มหาตาปนะนรก เป็นนรกใหญ่ที่ 7 ชื่อมหาตาปนนรกนั้น เพราะว่าในนรกนี้มีความร้อน ทวียิ่งขึ้นไปกว่าความร้อนในนรกขุมที่ 6 คือตาปนนรก และมหาตาปนนรกนี้ มีลักษณะเป็นสัณฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยกว้างยาวและลึกนั้นได้ประมาณ 100 โยชน์ มีฝาผนังทั้ง 4 ด้านโดยเป็นเหล็กหนา 9 โยชน์ มีประตู 4 ประตูด้านละประตู

    ในภายในมหาตาปนนรกนั้น จะมีภูเขาเหล็กใหญ่สูงเงื้อมน่ากลัวยิ่งนัก โดยนายนิรยบาลทั้งหลาย มีมือถือเครื่องศาสตราวุธต่างๆ ไล่ทิ่ม แทง สับ ฟัน ทุบตี ต้อนสัตว์นรกทั้งหลาย ให้ขึ้นไปบนภูเขานั้น สัตว์นรกเหล่านั้นแม้กลัวอำนาจนายนิรยบาลก็อุตส่าห์ปีนป่ายตะเกียกตะกายขึ้นไป แต่พอขึ้นไปถึงยอดภูเขาแล้ว จะมีลมนรกเกิดขึ้น เป็นพายุใหญ่พัดมาโดยรอบ

    ลมนรกนั้นจะพัดอย่างแรงกล้ายิ่งนักเกินกว่ากำลังที่สัตว์นรกเหล่านั้น จะทรงกายอยู่บนภูเขานั้นได้ สัตว์นรกเหล่านั้นจะพลัดตกลงมาจากยอดภูเขานั้น แต่พอตกลงมายังไม่ทันถึงแผ่นดินเหล็ก หลาวเหล็กใหญ่ประมาณเท่าลำตาล ก็ผุดขึ้นคอยรองรับอยู่ เสียบกายสัตว์นรกเหล่านั้น ตั้งแต่ศีรษะตราบเท่าตลอดออกทางทวารหนัก

    สัตว์นรกบางตัวนั้นหลาวเหล็กจะร้อยอยู่ 2 เล่มบ้าง 3 เล่มบ้าง 4 เล่มบ้าง 5 เล่มบ้าง หลาวเหล็กแต่ละเล่มๆ นั้น ลุกเป็นเปลวเพลิงอยู่เสมอๆ เผาเนื้อและเลือดเผากายภายในออกมา เพลิงที่แผ่นดินเหล็กนั้น ก็ลุกไหม้จากกายภายนอกเข้าไป ไฟจากภายในกายกับไฟนอกกายนั้น ก็ไหม้กระทบปะทะกัน

    เมื่อไฟไหม้กายสัตว์นรกเหล่านี้ย่อยเป็นผงธุลีไปแล้ว ก็กลับไปเกิดเป็นร่างกายมีเนื้อ และเลือดดังเดิม นายนิรยบาลทั้งหลายก็ทำโทษเช่นเดิมได้ความทุกข์ทรมาน ดังที่กล่าวมาแล้วนั้นสิ้นกาลช้านาน ประมาณได้กึ่งอันตรากัปหนึ่ง

    คือนับตั้งแต่มนุษย์ทั้งหลายมีอายุได้ 10 ปีเป็นอายุขัย แล้วมีอายุมากขึ้นไปถึงหนึ่งอสงไขย แล้วก็นับเวลาอายุขัยให้ถอยน้อยลงมาๆ จนอายุได้ 10 ปี เป็นอายุขัยอีก ดังนี้แหละชื่อว่า หนึ่งอันตรากัปหนึ่ง ซึ่งพระภิกษุรูปที่ท่านหลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้พบนั้นต้องถูกลงโทษถึงครึ่งกัป ก็นับว่าเป็นเวลาที่แสนยาวนานมาก เพราะได้ทำกรรมหนักไว้เมื่อเป็นพระ แต่มีมิจฉาทิฐิ เอาเปรียบชาวบ้านและไม่ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นพระจึงต้องรับกรรมเช่นนี้
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,866
    เคยมีพระหลวงน้าที่นับถือองค์หนึ่ง

    ท่านเคยกล่าวว่า ท่านได้รับเชิญลงไปดูงานในนรก
    เพื่อที่จะกลับขึ้นมาสอนสั่งพระด้วยกันและชาวบ้าน

    สิ่งที่สะดุดตาเมื่อแรกย่างเข้าปากประตูนรกก็คือ
    ราวตากผ้าที่มีขนาดใหญ่เท่ากับลำตาลหลายแท่ง
    ซึ่งเอาไว้ใช้แขวนไตรจีวรของบรรดาพระภิกษุ
    ที่ต้องมาเสวยวิบากกรมที่นี่

    ที่น่าสังเกตไปกว่านั้นก็คือ
    ราวตากผ้าทุกราวมีอาการแอ่นกลางตกท้องช้าง
    เป็นด้วยเพราะน้ำหนักของจีวรที่แขวนอยู่นั้น

    อันเห็นได้ว่าจำนวนพระที่ต้องไปลงนรก
    มีจำนวนมากมายเหลือคณานับจริงๆ
     
  5. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    ขออนุโมทนากับคุณ สังขลีวัด ที่คัดเลือกนำมาให้อ่านกัน น่ากลัวมาก แต่ละขุมนี่กว่าจะผ่านได้ ถ้าเกิดใหม่คงเอ๋อรับประทาน จำอะไรไม่ได้ เพราะถูกทรมานนานเหลือเกิน แต่ก็ยังมีคนท้าทายนรกเสมอ
     
  6. damrongp

    damrongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +659
    ขอแชร์ นะครับคุณNirvana ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...