หลวงพ่ออุตตมะ เทพเจ้าชาวมอญ พระผู้เป็นที่รักของชาวมอญ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ลูกพ่อลิงดำ, 29 กรกฎาคม 2008.

  1. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]

    พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ อุตตมรัมโภ)
    วัดวังก์วิเวการามต.หนองลู อ.สังขละบุรีจ.กาญจนบุรี




     
  2. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    กำเนิดวัดหลวงพ่ออุตตมะ

    ในปี พ.ศ. 2499 หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านที่เป็นชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญได้พร้อมใจกันสร้างศาลาวัดขึ้น และสร้างเสร็จในเดือน 6 ของปีนั้นเอง แต่เนื่องจากยังมิได้มีการขออนุญาตจากกรมการศาสนา วัดที่สร้างเสร็จจึงมีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า “สามประสบ” เพราะมีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี

    ในปี พ.ศ. 2505 เมื่อได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาเป็นที่เรียบร้อย หลวงพ่ออุตตมะจึงได้ตั้งชื่อสำนักสงฆ์ตามชื่ออำเภอเก่า (อำเภอวังกะ) ว่า “วัดวังก์วิเวการาม”

    ในปี พ.ศ. 2513 หลวงพ่อเริ่มสร้างพระอุโบสถวัดวังก์วิเวการามโดยปั้นอิฐเอง

    ในปี พ.ศ. 2518 หลวงพ่อได้เริ่มสร้างเจดีย์จำลองแบบจากเจดีย์พุทธคยาที่ประเทศอินเดีย และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2529 เจดีย์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีลักษณะฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็น กระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินเปิด

    หลวงพ่อยังริเริ่มสร้างสะพานมอญ เรียกอีกชื่อว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือ มีความยาวถึง 850 เมตร สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลีย ใช้แรงงานคนประมาณ 1,000 คน ในการก่อสร้าง ใช้เวลาถึง 10 ปี โดยสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2531 ถือเป็นความอุตสาหะอย่างมากในการก่อสร้าง

    สะพานนี้เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของหลวงพ่อที่ต้องการให้พี่น้องชาวไทยและรามัญติดต่อกันได้เหมือนเดิม ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณเมื่อ 30 ปีที่แล้ว บริเวณแห่งนี้จึงเป็นจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณที่สวยงามมากที่สุด
    และยังทำให้อำเภอสังขละบุรีที่มีมาแต่อดีต กลายเป็นเมืองบาดาลจมอยู่ใต้น้ำมากว่า 30 ปี บัดนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือหางยาวไปชม ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะถึงเมืองบาดาล


    [​IMG]
    วัดวังก์วิเวการาม

    [​IMG]
    เจดีย์พุทธคยา ณ วัดวังก์วิเวการาม ที่จำลองมาจากประเทศอินเดีย

    [​IMG]
    กุฏิสงฆ์วัดวังก์วิเวการาม

    [​IMG]
    พระอุโบสถ (หลังเก่า) ที่จมอยู่ใต้น้ำ

    [​IMG]
    ซุ้มประตูของวัดวังก์วิเวการามที่ยังคงอยู่

    [​IMG]
    หอระฆังกลางน้ำ

    [​IMG]
    [​IMG]
    สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
    มีความยาวถึง 850 เมตร ซึ่งสร้างด้วยแรงศรัทธาของชาวมอญ
     
  3. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]

    ๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์และสมณศักดิ์

    ปี พ.ศ. 2504 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม

    ปี พ.ศ. 2505 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณาราม

    ปี พ.ศ. 2509 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์

    ปี พ.ศ. 2511 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

    ปี พ.ศ. 2512 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูอุดมสิทธาจารย์ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลชั้นโท

    ปี พ.ศ. 2516 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นเอก

    ปี พ.ศ. 2524 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระอุดมสังวรเถร

    ปี พ.ศ. 2534 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระราชอุดมมงคล พหลนราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
     
  4. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    การมรณภาพ

    หลวงพ่ออุตตมะ เข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 เวลา 11.44 น. ในฐานะคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยอาการป่วยเป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคปอด อาการของเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ท่านไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถลืมตาเองได้เป็นเวลากว่า 1 ปี

    จนกระทั่งเกิดอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง และได้มรณภาพลงจากการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากภาวะปอดอักเสบ ที่ห้องไอซียู หออภิบาลผู้ป่วย ตึกอัษฎางค์ ชั้น 3 โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 07.22 น. ของวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ถือเป็นการสูญเสียปูชนียสงฆ์รูปสำคัญครั้งใหญ่ของเมืองไทย สิริอายุรวม 97 พรรษา 74

    [​IMG]
    ศพของหลวงพ่ออุตตมะในปราสาทเก้ายอด ณ วัดวังก์วิเวการาม

    ที่มา , เวปธรรมจักร เวป พุทธวงศ์

    ก็เห็นจะเป็นคำกล่าวของหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ที่ได้กล่าวเป็นนัยไว้ว่า
    "ยังมีพระเถระผู้ใหญ่ทางชายแดนไทยพม่าองค์หนึ่ง สร้างบารมีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าทีปังกรโน่นแล้ว..!!!????!!!" <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25> MSG-060816220424859(1).gif </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    แต่ไหนแต่ไรมา เมื่อเอ่ยถึงชื่อหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี หลายๆคนก็คิดไปเพียงว่า ท่านเป็นเพียง"เกจิฯต่างชาติ" ที่ทรงวิทยาคมขลังทั่วไป โดยหาได้ล่วงรู้ไม่เลยแม้จนนิดเดียวว่า หลวงพ่อท่านนั้น ทรงคุณธรรมและมหาบารมีอันยวดยิ่งสักเพียงไหน....
    จนกระทั่ง "พุทธวงศ์"มีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่ออุตตมะท่านในหลายๆวาระ พร้อมกันนั้น ก็แอบ"เจาะลึก" ความเป็นไปเป็นมาของท่าน เพื่อ"ความรู้แจ้ง"อย่างสุดขั้วตามนิสัยชอบตั้งแต่เมื่อกว่า 20 กว่าปีที่แล้ว ก็ทำให้ได้พบกับ"ความจริงตามความเป็นจริง"ด้วยความตื่นใจที่สุดว่า อันหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการามนี้ หาใช่เป็นเพียงปกติเกจิฯที่ "ขลัง"อย่างเดียวเหมือนอย่างที่ใครๆนึกคิด(เอาเอง)ไม่..!?!
    แต่ท่านนั้น กลับเป็นผู้"แสวงหาคุณยิ่งใหญ่" อย่าง "มหาโพธิสัตว์" ที่จุติลงมาอุบัติเพื่ออำนวยความเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่โลกทั้งสิ้นแท้เทียว..!!!!!!
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    ขอขอบคุณเวปพุทธวงศ์
     
  7. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    อภินิหารของหลวงพ่ออุตตมะ


    หลวงพ่อท่านมีอภินิหารมาก แต่กระผมจะขอยกบางเรื่องเท่านั้นพอเป็นกระสายาลงมากไม่ได้เพราะหลวงพ่อท่านไม่ชอบอวดอุตริครับ
     
  8. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ผมเองโชคดีที่ได้กราบขอบารมีพระมหาโพธิสัตว์
     
  9. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    เกศาหลวงพ่ออุตตมะเพิ่มจนล้นพระอบและเกศากลายสภาพเป็นพระธาตุ

    หลวงพ่อุตตมะท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติดชอบ เป็นคนสันโดษ สมกับเป็น "เทพเจ้าชาวมอญ" อย่างแท้จริง


    แต่มีเรื่องที่น่าแปลก และอึ้งที่สุดเมื่อข้าพเจ้าได้รับฟังมาจากท่านๆๆหนึ่งท่านเล่าว่า มีคนเก็บเกศาหลวงพ่อ ปรากฏ จากเกศา ไม่กี่เส้น อยู่ดี เกศาล้นพระอบ จนปิดไม่ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่อภินิหารอย่างมากและท่านๆๆหนึ่งท่านได้เล่าว่า "ท่านบูชาเกสาหลวงพ่อจนเป็นพระธาตุ"
    แสดงถึงคุรธรรมของท่านได้อย่างดี
     
  10. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    เทวดามาเฝ้าศิษย์

    มีครอบครัวท่านหนึ่งมากับคนใช้ได้บอกหลวงพ่อว่า อยากได้คนมาเฝ้าของ หลวงพ่อท่านนิ่งและท่านบอกจะหาคนมาเฝ้าให้ ปรากฏตอนกลางคืน คนใช้นอนไม่หลับเพราะกลัวของจะหายเพราะว่าอยู่ดีๆๆมีคนๆๆหนึ่งมาและไม่พูดอะไร ปรากฏคนใช้คุยกับคนๆๆนั้นถึงเช่ฃ้าปรากฏคนๆๆนั้นหายไปน่าแปลก
     
  11. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    มีหม่อมท่านหนึ่งหม่อมท่านนั้นเป็นคนสร้างหนังพระนเรศวรเคยกล่าวว่าพระที่ในหลวงรักมากที่สุดคือ 1. หลวงปู่แหวน 2หลวงพ่ออุตตมะ
     
  12. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    <CENTER>พระบุเรงนองกรุอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี *จักรพรรดิ์พระเครื่องคู ่บัลลังก์หงสาวดี* พระดีหายาก</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>ประวัติความเป็นมาโดยสังเขป ของพระยอดขุนพลบุเรงนองรุ่นเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่หาได้ยากยิ่ง จากคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยหลวงพ่ออุตตมะท่านได้เคยอ่านพบใน " ตำราโบราณ " ที่อดีตโบราณาจารย์ฝ่ายพม่ารามัญ ได้จดบันทึกไว้สืบต่อกันมานานนับเป็นร้อย ๆ ปี มีดังนี้

    พระยอดขุนพลบุเรงนองของเก่าแก่ดั้งเดิมนั้น เป็นพระพิมพ์ดินดิบผสมว่านยาวิเศษ โดยได้จำลองพุทธลักษณะจาก " พระมหามัยมุนี " เป็นพระเครื่องที่พระเจ้าบุเรงนอง บรมกษัตริย์ผู้มีพระเดชานุภาพมากแห่งกรุงหงสาวดี ได้โปรดให้ พระมหาฤาษี ภูภูอ่อง ผู้เป็นพระราชครูผู้ใหญ่ ประจำพระราชสำนักแห่งพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งได้สำเร็จมหิทธิฤทธิ์ขั้นสุดยอดด้วยองค์คุณ 4 ประการ คือ ยา ยันต์ ปรอท และ ประคำ จนมีฤทธิ์ มีเดชสูงส่งอย่างยิ่งยวด เป็นผู้จัดสร้างและปลุกเสกขึ้น เพื่อทรงพระราชทานแก่ข้าราชบริพาร และเหล่าทหารหาญ เพื่อใช้ในการศึกสงครามโดยทั่วไป โดยแกะพิมพ์จำลองพุทธลักษณะของพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปสำคัญ อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาวพม่า ที่มีอายุการสร้างเกือบ 2,000 ปี ที่เดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองยะไข่ แต่ต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองมัณฑเลย์ ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    ซึ่งพระยอดขุนพลบุเรงนองนี้ปรากฎพุทธคุณอันยอดเยี่ยมดีเด่นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในทางเมตตา แคล้วคลาด แต่จะหนักไปในแนว " อิทธิฤทธิ์ " คือทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุด มหาอำนาจ เป็นหลักใหญ่ จนกระทั่งกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง สามารถปราบปรามหัวเมืองใหญ่น้อยในทุกหนแห่ง จนราบคาบอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในพงศาวดาร ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้พระเจ้าบุเรงนองได้รับพระสมัญญานามอีกพระนามหนึ่งว่า " ผู้ชนะสิบทิศ " ในเวลาต่อมา

    โดยพระบุเรงนองนี้ พระฤาษีภูภูอ่องได้บรรจุไว้ที่ถ้ำแถวเมืองมะละแหม่ง ใกล้ชายแดนไทย-พม่า อยู่ 2 ถ้ำด้วยกัน คือ ถ้ำผาบง และ ถ้ำผาพะ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าถ้ำทั้งสองแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันแน่

    อนึ่ง พระมหาฤาษีภูภูอ่องนั้น แต่เดิมเคยบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา มีนามว่า " ญาณรังสี " แต่ต่อมาพระญาณรังสีพิจารณาเห็นว่าการที่พระภิกษุอยู่ในป่า บางครั้งก็มีเหตุให้จำต้องล่วงอาบัติของพระพุทธองค์อยู่เนือง ๆ ก็ให้รู้สึกไม่สะดวกใจ ด้วยเกรงจะเป็นบาปเป็นกรรม พระญาณรังสีจึงลาสิกขาออกมาถือพรตเป็นฤาษี พร้อมตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ รักษาศีล 8 ได้เป็นอย่างดีจนบรรลุอภิญญาสมาบัติขั้นสูงสุด จนได้สำเร็จฤทธิ์อภินิหารอันยอดยิ่งด้วยเหตุถึง 4 สถาน คือ
    1. ยา ( รอบรู้ในตัวยาสมุนไพร และว่านยาที่มีฤทธิ์ทุกประเภทอย่างเจนจบ )
    2. ยันต์ ( ปรีชาในอักขระคาถายันต์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง )
    3. ปรอท ( สำเร็จในการเรียกและใช้ปรอท ธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์กว่าธรรมดา จนถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ )
    4. ประคำ ( เครื่องช่วยกำหนดจิตภาวนาให้บังเกิดสมาธิจิต อันเป็นบาทฐานแห่งอภิญญาฤทธิ์ ซึ่งเป็นของมีมาเก่าแก่ สืบทอดมาแต่โบราณกาลนับเป็นพัน ๆ ปี )

    สำหรับเหตุที่หลวงพ่ออุตตมะได้พระยอดขุนพลบุเรงนองมานั้น ต้องเท้าความไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่หลวงพ่ออุตตมะยังเดินธุดงค์อยู่ มีเด็กชายชาวกะเหรี่ยงคริสต์คนหนึ่ง ( ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้ากะเหรี่ยง ) ซึ่งอยู่ในเขตประเทศพม่า ได้ป่วยเป็นโรคร้าย จนเพื่อนบ้านต่างพากันทอดทิ้ง ไม่มีใครกล้ามาดูแล และบังเอิญหลวงพ่ออุตตมะได้ธุดงค์มาพบเข้า ด้วยความเมตตาหลวงพ่อจึงได้ช่วยรักษาจนหาย ทำให้เด็กชายคนนี้นับถือหลวงพ่ออุตตมะเป็นอย่างยิ่ง กาลต่อมาหัวหน้ากะเหรี่ยงคริสต์รายนี้ได้มาเล่าให้หลวงพ่ออุตตมะฟังว่า ( ตอนนั้นหลวงพ่อมาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ราวปี พ.ศ. 2490 กว่า ) วันหนึ่งขณะที่พวกตนถูกพวกพม่าตามไล่ล่า จนกระทั่งหนีเข้าไปหลบซ่อนในถ้ำ ๆ หนึ่ง แถวเมืองมะละแหม่ง พวกทหารพม่าได้ใช้ปืนกล และอาวุธสงครามยิงกรอกปากถ้ำ เพื่อฆ่าพวกตนให้ตายคาถ้ำ นับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ นัด จนพวกทหารพม่าคิดว่าพวกกะเหรี่ยงที่อยู่ในถ้ำคงจะตายกันไปหมดแล้ว จึงได้ถอยทัพกลับไป ครั้นพอรุ่งเช้าพวกบรรดากะเหรี่ยงที่ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ก็ออกจากที่ซ่อนในถ้ำมาสังเกตุการณ์ เห็นปลอกกระสุน และลูกปืนตกกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ไม่มีกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาถึงข้างในที่พวกตนซ่อนอยู่ได้ ก็แปลกใจ เลยคิดว่าถ้ำแห่งนี้คงต้องมีของดีของวิเศษอยู่แน่ ๆ เลยสำรวจในถ้ำดูว่ามีอะไรดี จึงได้เจอกับ กองพระขนาดย่อม ๆ ที่วางกองกันไว้อยู่ในถ้ำนั้น แต่พวกตนเป็นกะเหรี่ยงคริสต์จึงไม่ทราบว่าคืออะไร จึง
    ได้นำมาให้หลวงพ่ออุตตมะดู เมื่อได้พิจารณาดูหลวงพ่อก็ทราบทันทีว่านี่คือ พระยอดขุนพลบุเรงนอง ที่เคยได้ยินเรื่องราวมานั่นเอง จึงได้สั่งให้หัวหน้ากะเหรี่ยงคนนี้พาคนไปช่วยกันขนพระออกมาจากถ้ำ และนี่เองคือปฐมเหตุแห่งการ แตกกรุ ของพระยอดขุนพลบุเรงนอง

    สำหรับพระยอดขุนพลบุเรงนองนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นของดีที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นที่ใฝ่ฝันสำหรับบรรดาศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่ออุตตมะ รวมทั้งผู้ที่รู้ประวัติความเป็นมา เพราะนอกจากผู้ที่รู้ความเป็นมาที่แท้จริง ต่างก็พากันหวงสุด ๆ แล้ว ด้วยระยะเวลาที่ล่วงเลยมาเนิ่นนานถึง 400 กว่าปีมาแล้ว พระบุเรงนองที่สร้างด้วยเนื้อดินผสมว่าน ได้ชำรุดแตกหักไปเป็นอันมาก จึงทำให้มีน้อยคนนักที่จะได้ครอบครองพระยอดขุนพลที่นับเป็นจักรพรรดิ์พระเครื่องแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดีอย่างแท้จริง
    พระบุเรงนองจะมีด้วยกันหลายพิมพ์ทรง ซึ่งจะมีความแปลกอยู่ที่ว่าแต่ละองค์นั้นจะไม่มีองค์ไหนเหมือนกันเลย จะมีความแตกต่างกันไปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    [​IMG]


    ขอบคุณเวปhttp://www.pantown.com/board.php?id=26654&area=3&name=board4&topic=3&action=view
     
  13. ร.รพินทร์

    ร.รพินทร์ ด้วยความเคารพ ... ร รพินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +141
    กราบนมัสการครับ
    เคยกราบท่านครั้งหนึ่งเมื่อสามปีมาแล้ว ท่านมีเมตตามากๆครับ
    ขอบุญบารมีของหลวงพ่อโปรดช่วยคุ้มครองลูก-หลานให้ปลอดภัย ปราศจากภยันตรายทั้งหลายด้วยเถิดครับ
     
  14. hs1rbm

    hs1rbm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    หลวงปู่บุดดา

    ผมเคยเจอเหตุการณ์คล้ายกันเลยครับ ตอนนั้นประมาณปี พ.ศ.2525 คุณพ่อผมได้จัดงานทำบุญเปิดหมู่บ้านวินิจฉัยกุลพร้อมกับวันคล้ายวันเกิดผม วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2525 ได้นิมนต์พระวัดธารเกษม มาสวดและฉันท์เพล แต่คุณพ่อผมบังเอิญมองเห็นหลวงปู่บุดดา ยืนอยู่ที่ข้างอ๊อฟฟิตที่จัดงาน คุณพ่อผมรีบไปนิมนต์ท่านขึ้นมาบนอาสนะสงฆ์ที่จัดงานไว้ แล้วคุณพ่อผมก็เอ่ยถามท่านหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ไปไหนมาครับ" หลวงปู่ตอบว่า "ก็มางานนี้แหนะ และก็มางานบุญวันเกิดด้วย" รัดขั้นตอนการสวดและฉันท์เพล พอสุดท้าย หลวงปู่บุุดดาท่านก็ให้ "แหวนหลวงปู่บุุดดา" กับ "เหรียญหลวงพ่ออุตตมะ" พร้อมกับให้พร กับผมและพอท่านให้เสร็จ ผมก็ดีใจมาก มัวแต่ดูแหวนกับเหรียญ แล้วท่านก็หายไปไหนไม่ทราบ ผมถามคุณพ่อผม ท่านก็บอกไม่รู้ ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครเห็นว่าท่านเดินหรือไปที่ไหน
    หมายเหตุ : หลวงปู่บุดดาตอนที่ท่านมาก็แก่มากแล้ว อายุเกือบ 90 ปี แล้วทำไมท่านถึงเดินหายไปไหนไวจังเลย และตอนนั้นก็สงสัยว่า แหวนเป็นของหลวงปู่บุดดา แต่ทำไมเหรียญถึงเป็นเหรียญหลวงพ่ออุตตมะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...