อยากทราบพุทธคุณของยันต์ แต่ละตัวครับ

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ธีระนะโม, 23 พฤศจิกายน 2013.

  1. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,239
    พุทธคุณความโดดเด่นของยันต์แต่ละตัว ครับ
    พุทธคุณแตกต่างและเหมือนกันยังไง รบกวนผู้ทราบครับ
    ยันต์ ตัว "อุ"
    ยันต์ ตัว "อะ"
    ยันต์ ตัว "นะ"
    ยันต์ ตัว "มะ"
     
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,853
    นะ คือแก้วมณีโชติ (ธาตุน้ำ)

    มะ คือแก้วไพฑูรย์ (ธาตุดิน)

    อะ คือแก้ววิเชียร (ธาตุไฟ)

    อุ คือแก้วปัทมราช (ธาตุลม)

    หลักการใช้ธาตุอย่างกว้าง ๆ คือ ธาตุน้ำเด่นทางเสน่ห์และเมตตา ธาตุดินเด่นทางอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ คงกระพันชาตรี ธาตุไฟใช้ทำลายสิ่งชั่วร้ายและหลอมรวมวัตถุ ธาตุลมใช้ทางล่องหนหายตัว
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,467
    อืมครับ.ในความหมายของคุณ ธีรนะโม
    คำว่ายันต์ไม่ทราบว่า.หมายถึง.อะไรครับ
    ประเด็น ๑
    แผ่นอะไรก็ตามที่เขียนด้วยอักษร
    อะไรก็แล้วแต่แล้วมีตัวอักษร นะ มะ อะ อุ
    ตัวใดตัวหนึ่งและโดดเด่นที่สุดจนเราเรียก
    กันติดปากว่า ยันต์ นะ ยันต์มะ ยันต์อะ หรือยันต์อุ

    หรือประเด็นที่ ๒ ต้องการทราบว่า..อักษร นะ มะ อะ อุ แต่ละ
    ตัวมีความความหมายอย่างไร และมีพุทธคุณด้านใดครับ
    แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่จะขอเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ..
    ถ้าเป็นประเด็นที่ ๑ ต้องดูอักษรต่างๆที่อยู่ในแผ่นอะไรก็ตาม
    ที่เขียนทั้งหมดโดยภายรวมร่วมกันอักษร นะ มะ อะ หรืออุ
    ตัวใดตัวหนึ่งที่มาปิดหรือโดดเด่นที่สุดร่วมด้วยครับ.ถึงจะพอ
    บอกได้ว่าเด่นทางด้านใด บางครั้งลงท้ายด้วยอักษรตัวเดียวกัน
    แต่ขึ้นต้นและระหว่างกลางไม่เหมือนกัน
    ผลของอักษรที่ต้องการให้ปรากฏทางด้านพุทธคุณก็แตก
    ต่างกันได้ครับ

    .เช่น ลงท้ายด้วยอุ อาจส่งผลได้ทั้งให้ออกเพื่อกำบัง
    ตน เพื่อทำให้ถึงที่หมายเร็วกว่า หรือเพื่อเนรมิตตนเพื่อพลางตาให้
    ดูใหญ่ก็เป็นได้ครับ.หรือไม่ก็มีอักษระตัวเดียวแต่เปิดด้วยวงกลมเช่น
    มีตัว นะ ตัวเดียวอาจหมายถึง ธาตุน้ำที่เป็นแก้วมณีโชติก็ได้ครับ.
    หรือตัวเดียวมีตัว อะ และมีวงกลมปิดอาจเป็นการเน้นไป
    ที่ธาตุไฟที่เป็นแก้ววิเชียร.

    ประเด็นนี้หากเราไม่ทราบอะไร.ก็คงต้องฟัง
    ตามที่ผู้ที่ผู้เขียนยันต์ท่านบอก.
    หรืออาจเทียบเคียงตามตำราก็ได้
    ซึ่งสุดแล้วแต่ความชำนาญของแต่ละท่านด้วยครับ...
    ถ้าปกติทั่วๆไป.เราจะพอทราบกันว่า นะหมายถึงธาตุน้ำ
    มะหมายถึงธาตุดิน อะหมายถึงธาตุไฟ ส่วนอุหมายถึงธาตลม ตามรูปธาตุให้สังเกตุดีๆนะครับ พื้นสีฟ้าธาตุน้ำมีวงกลมหมุน พื้นสีเหลือง
    มีวงกลมหมุน พื้นสีขาวมีวงกลมหมุนแต่หมุนคนละด้าน พื้นสีแดงธาตุไฟมีวงกลมหมุน.วงกลุมหมุนคืออากาศธาตุทุกรูปยกเว้น
    ธาตุลมพื้นสีฟ้าซึ่งรูปแบบพลังงานคล้ายธาตุอากาศแต่ทิศทางการ
    หมุนคนละด้านเพราะมันหนุนในตัวของมันเองได้..ส่วนสัญลักษณะ
    ที่เหลือเป็นเอกลักษณะเฉพาะของพลังงานครับ.ถ้าใครก็ตามสามารถ
    เรียกให้ขึ้นมาได้จะเข้าได้ทันที.พิสูจน์ด้วยการฝึกกสิณในแต่ละธาตุ
    ดูได้ด้วยตัวเองครับ..แล้วจะเข้าใจภาพนี้ได้ดียิ่งขึ้น.

    [​IMG][/url][/IMG]
    แต่ถ้าอักษรตัวเดียวกันถ้าไปตั้งต้นการใช้งานเป็นลำดับ.
    ความหมายที่สื่อออกมาจะต่างกัน
    เช่น คำว่า นะ.ถ้าเป็นธาตุหัวใจจะหมายถึง พระกุกกุสันโธ
    เราเชื่อว่าหล่อเลี้ยงร่างกายและดวงจิต และเชื่อกันว่ามีกำลังธาตุ ๑๒
    แต่พอมาอยู่ในส่วนธาตุพื้นฐานก็หมายถึง ธาตุน้ำ
    แต่พอมาอยู่ในส่วนการหนุนธาตุจะหมายถึง แก้วมณีโชติ..
    แต่ถ้าคำว่า นะ มาอยู่หน้าทุกคำ หรือขึ้นต้นด้วยนะและปิดท้ายด้วย นะทุกคำ
    .จะหมายถึงการเดินธาตุในส่วนธาตุน้ำอย่างเดียวครับ..

    ที่เราเห็นๆยันต์ที่มีหลายๆชั้น..จะไล่ลำดับคือ การตั้งต้น.การเน้นธาตุ การส่งเสริม
    หรือเป็นพี่เลี้ยงให้ธาตุ และการหนุนธาตุ เพื่อให้สมบูรณ์ในการใช้งาน..
    ยกตัวอย่าง...นะ มะ อะ อุ มะ นะ อุ อะ อ่านว่า..ดินหนุนน้ำ ลมหนุนไฟ น้ำหนุนดิน
    มีไฟหนุนลมและมีลมปิดท้าย..จะส่งผลในเรื่องการกำบังกายเป็นต้น.ตรงนี้อาจยาก
    ในการตีความหน่อยนะครับ

    แปลความได้ว่า เนื่องจากน้ำหนุนลมเป็นปกติ ไฟหนุนลมเป็นปกติ..เนื่องจากว่าหนุนกันไปหนุนกันมา
    จนไม่มีอะไรเหลือเลยส่งผลเรื่องการกำบังตัวได้ครับ..

    และอีกตัวอย่าง นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ
    ลองสังเกตุดูว่า ธาตุน้ำขึ้นต้นหมด และขี้นต้นและปิดด้วยน้ำ ในความหมายก็คือ การเน้น
    ไปในส่วนการเดินธาตุน้ำอย่างเดียวนั่นเองครับ..ส่วนพุทธคุณถ้าเน้นอักษรเดียวนะครับ ถ้าไปทางด้านธาตุไฟจะหมายถึงการป้องกันและการทำลาย...
    ธาตุน้ำจะหมายถึงความสงบเยือกเย็น.เป็นต้น.แต่ถ้ารวมกับอย่างอื่นๆความหมาย
    ก็จะเปลี่ยนตาม. ลำดับที่อยู่ ว่าอยู่เป็นธาตุตั้งต้น อยู่เป็นธาตุธรรมดา อยู่เป็นตัวเสริม
    อยู่เป็นตัวหนุน..หรือว่ามีอะไรมาหนุน มาเสริม และที่สำคัญต้องมีธาตุอย่างอะไรซักอย่าง
    ที่มาส่งส่วนมากจะเป็นธาตุอากาศที่จะส่งให้เกิดพุทธคุณได้.ซึ่งธาตุอากาศ
    เชื่อมได้ด้วยกำลังจิต.และเป็นธาตุตั้งต้นที่มีอยู่ในธรรมชาติรอบตัว.
    ทั่วๆไปเราอาจเข้าใจว่า คือการระลึกถึงพุทธคุณ
    และนึกถึงสิ่งที่จะเข้ามา.นั่นหละครับแบบกิริยาที่เข้าใจง่ายๆ..
    ...
    ปล.อ่านแล้วอาจจะงงๆนะครับ.มันดูว่าจะเข้าใจยาก.แต่ให้มองดูรูปธาตุต่างๆ.
    ถ้าเข้าใจเรื่องพลังงานของธาตุ
    และคาดคะเนความหมายของส่วนที่มาเสริม มาหนุน มาปิดได้..
    จะพออ่านและจะทราบการเน้นทางด้านพุทธคุณของบท
    คาถานั้นๆได้ด้วยตัวเองครับ
    ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ ขอบคุณครับ​
     
  4. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,239
    ขอบคุณทั้งสองท่านครับ ผมขอเก็บข้อมูลไว้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...