"อริยกะ" แบบตัวอักษรประเภทหนึ่งในแผ่นดินสยาม (ฉบับรวบรวม)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 21 ตุลาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    <TR><TD>

    [​IMG]
    [​IMG]
    <TABLE width="90%"><TBODY><TR><TD class=smalltext>รัชกาลที่ ๔ ทรง "ประดิษฐ์อักษรไทย" อริยกะ อักษร "อริยกะ" คืออะไร และทำไมต้อง "อริยกะ"?

    อักษร "อริยกะ" คืออะไร?

    อักษร "อริยกะ" เป็นรูปแบบตัวอักษรประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะทรงพระผนวชเป็น "พระวชิรญาณเถระ" ทรงประดิษฐ์ขึ้นสำหรับใช้เขียนหรือพิมพ์ภาษาบาลีแทนตัวอักษรขอมที่ใช้กันมาแต่เดิม รวมทั้งทรงประดิษฐ์ขึ้นสำหรับใช้เขียนภาษาไทยด้วย (อาจเป็นความต้องการใช้แทนอักษรไทยด้วยก็ได้)

    อาจถือได้ว่าการประดิษฐ์ "อักษรอริยกะ" เป็นหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปพระพุทธศาสนาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมๆ กับการตั้ง "ธรรมยุติกนิกาย"



    ทรงประดิษฐ์ อักษรอริยกะเมื่อใด

    สำหรับช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะนั้นไม่ปรากฏชัดเจน สันนิษฐานกันว่าน่าจะทรงประดิษฐ์ขึ้นหลังจากได้เสด็จมาครองวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว เพราะในเวลานั้นมีผู้มาถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อประพฤติปฏิบัติตามอย่างพระองค์เป็นจำนวนมาก

    และเพื่อให้การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยเป็นไปโดยสะดวกจึงน่าจะทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะขึ้นสำหรับใช้แทน "อักษรขอม" ที่แต่เดิมถือเป็น "อักษรศักดิ์สิทธิ์" สำหรับเขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งที่เป็นภาษาบาลี (เรียกว่า "อักษรขอมบาลี") และภาษาไทย (เรียกว่า "อักษรขอมไทย")

    รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้มีความรู้ด้านการพิมพ์ ทรงรู้ปัญหาในการหล่อและการเรียงพิมพ์ ด้วยเหตุที่ทรงรู้ภาษาอังกฤษและภาษาละตินจึงน่าจะทรงดัดแปลงอักษรไทยและวิธีการเขียนโดยอาศัยแบบอย่างจาก "อักษรโรมัน" เป็นแม่แบบ



    อักษร "อริยกะ" มาจากไหน?

    เมื่อพิจารณารูปแบบอักษรอริยกะแล้วจะพบว่าอักษรอริยกะเป็นอักษรที่ได้อิทธิพลรูปแบบตัวอักษรจากอักษร "โรมัน" เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เห็นได้จากรูปแบบตัวอักษรและในลักษณะที่มีการแบ่งอักษรอริยกะเป็น ๒ กลุ่ม คือ

    ๑. อักษรอริยกะตัวพิมพ์

    ๒. อักษรอริยกะตัวเขียน

    อักษรอริยกะทั้งสองกลุ่มแม้จะเป็นอักษรอริยกะเช่นเดียวกันแต่ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ลักษณะเช่นนี้พบได้ในรูปแบบตัวอักษร "โรมัน"

    นอกจากอิทธิพลทางด้านรูปอักษรแล้ว ในด้านระบบการเขียนหรืออักขรวิธีของอักษรอริยกะปรากฏอิทธิพลอักขรวิธีการเขียนของอักษรโรมันเข้าไปประสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเรื่องการจัดวางรูป "สระ"

    ทั้งนี้เพราะลักษณะการวางรูปสระในระบบการเขียนของอุษาคเนย์ เช่น อักษรขอม หรืออักษรไทย นิยมวางสระไว้ทั้งด้านหน้า ด้านบน ด้านล่าง และด้านหลังพยัญชนะ ซึ่งจะเกิดปัญหามากสำหรับการเขียนหรือการพิมพ์

    ในระบบการเขียน "อักษรขอม" แล้วยิ่งมีความยุ่งยาก โดยเฉพาะระบบอักษรที่มีทั้ง "พยัญชนะตัวเต็ม" และ "พยัญชนะตัวเชิง"

    ด้วยเหตุนี้เมื่อพระวชิรญาณเถระ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะขึ้น จึงน่าจะทรงพยายามที่จะตัดความยุ่งยากในระบบการเขียนในอักษรขอมและอักษรไทยออกไปทั้งหมด และใช้ตามระบบการเขียนอักษร "โรมัน" ซึ่งง่ายกว่า ทั้งในด้านการเรียงพยัญชนะและสระ (ซึ่งเขียนเรียงไว้หลังพยัญชนะทั้งหมด)

    ดังนั้น "อักษรอริยกะ" จึงเป็นอักษรที่ได้รับอิทธิพลทางรูปแบบตัวอักษรและอิทธิพลทางด้านอักขรวิธีในการเขียนจาก "อักษรโรมัน" นั่นเอง



    ทำไมต้องเป็น อักษร "อริยกะ"

    ทำไมต้องเป็นอักษร "อริยกะ" นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าพิจารณา เพราะนอกจากเรื่องการปรับระบบการเขียนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะยากหากจะให้สังคมไทยในเวลานั้นยอมรับรูปแบบอักษรชนิดนี้แทน "อักษรขอม" ที่ใช้กันมานับพันปี) อักษรชนิดนี้จะแฝงจุดหมายบางอย่างบางประการหรือไม่

    เมื่อพิจารณาจากสภาพสังคมในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เราอาจสังเกตเห็นความผิดปรกติบางอย่างกับการจัดการ "พระพุทธศาสนา" ในสังคมกรุงรัตนโกสินทร์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้พระเถระผู้ใหญ่แปล "พระธรรมวินัย" อย่างต่อเนื่องเพื่อเทศน์ถวาย และโปรดให้ "จาร" พระไตรปิฎกด้วย "อักษรขอม" ถวายพระอารามต่างๆ เช่น วัดพระเชตุพนฯ ฯลฯ

    พระวชิรญาณเถระ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) กลับทรงประดิษฐ์ "อักษรอริยกะ" เพื่อ "พิมพ์" พระธรรมวินัยเผยแพร่แทนการ "จาร" บนใบลาน เช่นเดียวกับที่มิชชันนารี "พิมพ์" คัมภีร์ไบเบิลสอนศาสนาคริสต์ กรณีนี้อาจเป็นหนึ่งในกระบวนการปรับ "พระพุทธศาสนา" ให้เหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้นก็ได้

    การที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อักษรแบบใหม่ขึ้นแล้วพระราชทานนามว่า "อักษรอริยะ" อาจเนื่องมาจากต้องการแสดงให้เห็นว่าอักษรประเภทนี้เป็นอักษรของ "ผู้เป็นอารยชน" ซึ่งอาจมีความหมายเป็นนัยยะที่แสดงถึงการปรับตัวเข้าหาความเป็น "อริยะ" หรือ "อารยะ" (อาจหมายถึงประเทศตะวันตก)

    ดังนั้นการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อักษร "อริยกะ" ขึ้นใช้ นอกจากจะเพื่อความสะดวกในการศึกษาเล่าเรียนแทนอักษรขอมแล้ว (ซึ่งโดยความเป็นจริงอาจยุ่งยากกว่าเพราะต้องปรับกระบวนการเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด) ยังอาจมีนัยยะถึงการปรับเปลี่ยนเข้าหาความเป็นอารยะ (ความเป็นตะวันตก) อีกด้วย



    ความแพร่หลายและ ความเสื่อมของอักษร "อริยกะ"

    หลักฐานเกี่ยวกับความแพร่หลายของอักษรอริยกะมีไม่มากนัก ทราบเพียงว่ามีการนำมาใช้พิมพ์บทสวดมนต์บ้าง พิมพ์หนังสือปาฏิโมกข์บ้าง และพิมพ์หนังสืออื่นๆ บ้าง และใช้แทนหนังสือใบลานที่เคยแพร่หลายมาแต่เดิม แต่ความแพร่หลายนี้ก็จำกัดวงอยู่เฉพาะในวัดบวรนิเวศวิหารเท่านั้น

    จารึกอักษรอริยกะที่มีใช้ให้เห็นอยู่อย่างชัดเจนในปัจจุบันคือ จารึกวัดราชประดิษฐ์ ซึ่งเป็นจารึกข้อความบนแผ่นหินอ่อนพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวถึงการสร้างวัดราชประดิษฐ์ ข้อความที่จารึกด้วยอักษรอริยกะ คือข้อความในบรรทัดที่ ๑ เป็นอักษรอริยกะ ภาษาบาลี เช่นเดียวกับบรรทัดที่ ๔๐-๔๒ ที่จารึกต่อจากข้อความอักษรขอมภาษาบาลี และในข้อความตอนท้ายบรรทัดที่ ๗๗-๗๘ ของจารึกก็จารึกด้วยอักษรอริยกะเช่นเดียวกัน

    ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงลาผนวชขึ้นเสวยราชสมบัติแล้ว การใช้อักษรอริยกะก็เสื่อมไปในที่สุด ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากมีรูปร่างและระบบอักขรวิธีแตกต่างจากอักษรไทยมากจึงไม่ได้รับความนิยมและค่อยๆ เลิกใช้ไป

    ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้นำรูปอักษรไทยมาใช้เขียนภาษาบาลีได้ ความจำเป็นที่จะใช้อักษรอริยกะเขียนแทนอักษรขอมก็หมดลงในที่สุด



    บรรณานุกรม

    กำธร สถิรกุล. ลายสือไทย ๗๐๐ ปี. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๖.

    ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. ความทรงจำ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๔๖.

    วชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. คาถาชาดกแลแบบอักษรอริยกะ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๑๔.

    ที่มา :
    ภาษา-หนังสือ : ศานติ ภักดีคำ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มศว. ประสานมิตร
    http://www.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0604011146&srcday=2004/11/01&search=no

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD class=leftmenu bgcolor="#003366"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=leftmenu width=100>25</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR>
    รัชกาลที่ 4 ทรงประดิษฐ์อักษรไทย "อริยกะ"

    คอลัมน์ สยามประเทศไทย *สุจิตต์ วงษ์เทศ*

    รัชกาลที่ 4 ทรงประดิษฐ์อักษรไทยชุดหนึ่งเรียก "อักษรอริยกะ" ทางวัดบวรนิเวศวิหาร เลยจัดพิมพ์หนังสือสวดมนต์ตัวอริยกะออกมาเผยแพร่เป็นพระบรมราชานุสรณ์ เนื่องในวันพระบรมราชสมภพและวันเสด็จสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาปวารณาดิถี วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2547

    กวีร่วมสมัยท่านหนึ่งชื่อมหา สุรารินทร์ ส่งหนังสือสวดมนต์เล่มนี้มาให้อ่าน ไม่ได้บอกให้เอาไว้สวด ผมเลยอ่านแล้วเห็นว่าน่าจะเผยแพร่ต่อ จึงขอคัดคำนำของวัดบวรฯมาลงไว้ย่อๆ ดังนี้

    เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงผนวชอยู่และทรงครองวัดบวรนิเวศวิหาร หมอบรัดเลย์มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน ได้นำแท่นพิมพ์พร้อมตัวพิมพ์อักษรไทยจาก

    สิงคโปร์เข้ามาในเมืองไทย เมื่อพุทธศักราช 2378 และในปีรุ่งขึ้นคือ พุทธศักราช 2379 ก็ได้เริ่มพิมพ์หนังสือแสดงคำสอนในศาสนาคริสต์ออกเผยแพร่ นับเป็นการเริ่มต้นการพิมพ์หนังสือในเมืองไทยเป็นครั้งแรก

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นคุณประโยชน์ของการพิมพ์หนังสือที่พวกมิชชั่นนารีได้จัดขึ้นดังกล่าวแล้ว จึงทรงพระดำริจัดตั้งโรงพิมพ์ขึ้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อจัดพิมพ์หนังสือแสดงคำสอนในพระพุทธศาสนาสำหรับใช้ในการสั่งสอนและเผยแผ่

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งโรงพิมพ์ขึ้นเมื่อใด ไม่ปรากฏหลักฐาน แต่สันนิษฐานว่าคงตั้งขึ้นหลังจากทรงเริ่มศึกษาภาษาอังกฤษกับหมอบรัดเลย์เมื่อ พ.ศ. 2382 แล้ว เพราะเป็นทางให้ทรงรู้จักคุ้นเคย กับหมอบรัดเลย์ที่เป็นผู้ริเริ่มตั้งโรงพิมพ์ขึ้นในเมืองไทย และต่างเป็นกัลยาณมิตรต่อกันแต่บัดนั้นมา หมอบรัดเลย์ได้เล่าไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2384 ท่านได้หล่อตัวพิมพ์ภาษาไทยชุดใหม่สำเร็จและได้นำไปถวายเจ้าฟ้ามงกุฎ(คือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ที่วัดบวรนิเวศวิหาร 1 ชุด ซึ่งน่าจะหมายความว่า ขณะนั้น(พ.ศ. 2384) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีโรงพิมพ์อยู่แล้ว

    เมื่อประมวลจากหลักฐานดังกล่าว อาจสรุปได้ว่าโรงพิมพ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดบวรนิเวศวิหาร คงได้ตั้งขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2382-2384

    นอกจากตั้งโรงพิมพ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังได้ทรงประดิษฐ์อักษรสำหรับใช้เขียนคำบาลีแทนอักษรขอมขึ้นใหม่ อนุวัตน์ตามอักขรวิธีแบบโรมัน เรียกว่า "หนังสืออริยกะ" มีทั้งแบบพิมพ์ ทั้งแบบเขียน หนังสือที่พิมพ์จากโรงพิมพ์ของพระองค์ก็พิมพ์ด้วยอักษรอริยกะ ซึ่งปัจจุบันมีเหลืออยู่น้อยเต็มที เท่าที่พบมีอยู่ 3 เรื่อง คือพระปาติโมกข์ สวดมนต์ และคาถาธรรมบท ส่วนหนังสือภาษาไทยนั้นจะมีพิมพ์บ้างหรือไม่ ไม่พบหลักฐาน แต่ได้พบข้อความภาษาไทยพิมพ์แขกอยู่ในหนังสือสวดมนต์อักษรอริยกะบ้างเล็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นข้อความที่พิมพ์ด้วยแบบอักษรไทยที่หมอบรัดเลย์นำมาถวายดังกล่าวข้างต้น

    อักษรไทยมีหลักฐานชัดเจนว่าได้จากอักษรเขมร แล้วปรับใช้ให้มีสระ อุ อู กับวรรณยุกต์ เอก โท ที่ต้องเขียนไว้ข้างล่าง-ข้างบนพยัญชนะ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพิมพ์ที่ต้องใช้หล่ออักษรด้วยโลหะ เช่น ตะกั่ว ฯลฯ ในสมัยนั้น

    รัชกาลที่ 4 ทรงเรียนรู้เทคโนโลยีการพิมพ์และทรงเห็นตัวพิมพ์อักษรโรมันว่าสะดวกกว่า เพราะไม่มีสระกับวรรณยุกต์เกะกะข้างล่าง-ข้างบน เลยทรงประดิษฐ์อักษรไทยชนิดใหม่ขึ้นมาเรียกอักษรอริยกะ ที่อาจารย์พิริยะ ไกรฤกษ์ คิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจารึกพ่อขุนรามคำแหง

    เพื่อให้พิจารณากันอย่างมีสติ ไม่ล้าหลัง-คลั่งชาติ เลยถ่ายแบบอักษรอริยกะมาให้ดู แล้วถ่ายแบบสวดมนต์ตัวอริยกะหน้าแรก กับที่เป็นคำอ่านอักษรไทยมาเทียบกันด้วย


    ที่มา : http://www.matichon.co.th/matichon/matichon.php?s_tag=01pra09151147&show=1&sectionid=0131&day=2004/11/15
    ตัวอักษร ร.4
    ภาษาไทยในแผ่นดินสยามสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สืบทอดมาจากสมัยอยุธยา มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนการใช้ถ้อย คำสำนวนไปเรื่อยๆ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ประมาณปี พ.ศ.2390 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ดัดแปลงตัวอักษรและวิธีการเขียนหนังสือไทยเสียใหม่
    ตัวอักษรที่ปรับปรุงแก้ไขนี้ เรียกว่า อักษร อริยกะ
    ตัวอย่างที่ยังพอหาดูได้จากหนังสือ ศิลปวัฒนธรรมไทย เล่มที่ 2 ภาษาและวรรณคดี กรุงรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากรจัดพิมพ์ เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2525...รูปสระ ดัดแปลงแล้ว ยังคุ้นตา พอเดาได้ เพราะคล้ายของเดิม
    ส่วนรูปพยัญชนะ ดูเหมือนรัชกาลที่ 4 ทรงตั้งพระทัย เปลี่ยนรูปให้คล้ายไปทางอักษรอังกฤษ ตั้งแต่ ก.ไก่ ข.ไข่...ภ.สำเภา ม.ม้า ไปถึง ฬ.จุฬา อักษรตัวสุดท้าย ไม่ใช่ ฮ.นกฮูก แต่เป็น ตัว อ.อัง มองผาดๆ เหมือนตัว เอ็น เอ เอช เอฟ อี หรือโอ
    เปลี่ยนรูปสระ และรูปพยัญชนะแล้ว วิธีเขียนก็ทรงเปลี่ยน แทนที่สระจะอยู่หน้า-หลัง-บน-ล่าง พยัญชนะแบบเดิม ทรงเปลี่ยนไปให้อยู่ในแถวเดียวกับพยัญชนะ เหมือนอักษรฝรั่ง
    ดูจากสถานการณ์ ฝรั่งเศส อังกฤษ ประชิดสยาม พลาดพลั้งสยามก็อาจเป็นเมืองขึ้น เหมือนมลายา พม่า ลาว เขมร และญวน รัชกาลที่ 4 คงตั้งพระทัยสร้างรูปแบบภาษา ไว้ให้กลมกลืนกับการสื่อสารกับฝรั่ง แสดงความเป็นประเทศอริยะ มีทั้งภาษา และประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ ยาวนาน ไม่ใช่บ้านป่าเมืองดอย
    การเปลี่ยนตัวอักษรไทย ที่ใช้กันมาเนิ่นนานเฉียดพันปีเป็นเรื่องใหญ่ รัชกาลที่ 4 ไม่ทรงหักหาญให้ใช้ในราชการ เป็นภาษาของแผ่นดินในทันที ทรงเริ่มทดลองให้ใช้กับพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต นิกายใหม่ทรงตั้งขึ้น
    พระธรรมยุต เรียนรู้และฝึกฝนการใช้อักษรอริยกะได้ในช่วงเวลาหนึ่ง จนกล่าวกันว่า หากจะใช้อักษรอริยกะกับการเขียนภาษาบาลี ก็จะคล่องตัวทีเดียว แต่ถ้าใช้อักษรอริยกะกับภาษาไทย ใช้เป็นหนังสือราชการ หรือหนังสืออ่านสำหรับประชาชน ยังต้องใช้เวลาอีกนาน
    อักษรอริยกะ จึงไม่แพร่หลายขยายกว้างขวางในหมู่คนไทย ไม่ช้าก็เลิกรา กันไป
    ปมเงื่อนปัญหาการใช้ภาษาไทย สืบทอดไปถึงรัชกาลที่ 6 พ.ศ.2460
    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำริแก้ไขวิธีเขียนให้รัดกุมตามสากลนิยม ทรงดัดแปลงวิธีการเขียนตามแบบฝรั่งบ้าง ตามแบบหนังสือขอมบ้าง และตามอย่างพ่อขุนราม-คำแหง (ศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่นักวิชาการรุ่นนี้ ตั้งข้อสงสัยว่ารัชกาลที่ 4 ทรงทำเอง) บ้าง
    ทรงเปลี่ยนเพียงรูปสระเสียใหม่ สระอะ เป็นเส้นตรงหัวตัด คล้ายตัวไอของฝรั่ง สระอา เหมือนตัวไอ แต่ยาวกว่า รูปร่างสระแบบใหม่ ทรงตั้งพระทัยจะให้กลมกลืนและอยู่ในแถวเดียวกับตัวอักษรไทย ซึ่งไม่ทรงเปลี่ยนจากรูปแบบเดิม
    นับเป็นความสูญเสียสำคัญสำหรับวิวัฒนาการของภาษาไทย ยังไม่ทันใช้ ให้บรรลุผลตามพระราชประสงค์ เป็นที่น่าเสียดาย...สิ้นรัชกาลไปเสียก่อน.
    "บาราย" ​
    <TR><TD>
    [​IMG]
    [​IMG]
    <TABLE width="90%"><TBODY><TR><TD class=smalltext></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD class=leftmenu bgcolor="#006699"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=leftmenu width=100>2</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR>​
     

แชร์หน้านี้

Loading...