อสทิสทาน ทานที่ไม่มีใครสามารถเปรียบได้ที่จะถวาย

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 29 กรกฎาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : (ไม่ชัด) ความหมายของอสทิสทาน

    ตอบ: อสทิสทาน คือ ทานที่ไม่มีใครสามารถเปรียบได้ที่จะถวาย อย่างเช่น พระนางมัลลิกาเทวี ท่านทำ ใช้เจ้าหญิง ๕๐๐ ไหวมั้ย ? ๒ องค์ ปรนนิบัติพระ ๓ องค์ ใช้ช้าง ๕๐๐ เชือก เพื่อกั้นกลดถวายพระ เจอเข้าไปสองห้าร้อยเราก็หมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ยิ่งใหญ่ระดับพระมหากษัตริย์หรือโคตรมหาเศรษฐีถวายไม่ได้หรอก ที่ท่านทำได้เพราะว่าท่านมีเจ้าหญิง ๕๐๐ (หัวเราะ) ชาวบ้านจะไปเอาที่ไหนล่ะ เจ้าหญิง ๕๐๐

     อสทิสทาน คือทานที่ไม่มีใครเปรียบได้ อย่างสมัยพระสีวลี ที่ท่านเป็นคนตัดฟืนก็เหมือนกัน อันนั้นชาวบ้านกับพระราชาแข่งกันถวายทานใช่มั้ย ? ใครจะทำได้ดีกว่า พอไปเห็นทานของเขาประณีตกว่ามีอะไรมากกว่า เดี๋ยวงวดต่อไปเราต้องหาให้เยอะกว่านั้น หาไปหามางานสุดท้ายกะเอาชนะพระราชาให้ได้ก็ว่ามันทุกอย่างเลย แหมดันไปขาดน้ำผึ้งสดซะได้ ที่คั้นแล้วนานๆ นั้นมี แต่น้ำผึ้งสดคารวงอยู่มันไม่มี พระสีวลีท่านเป็นคนตัดฟืนก็บังเอิญไปจ๊ะเอ๋รังผึ้งเข้า

     ท่านเองวันนี้ท่านก็จะเข้าเมืองอยู่แล้ว เดี๋ยวเอาไปฝากสหายเรา ก็ตีผึ้งไป ปรากฎเศรษฐีก็ให้คนถือเงินไปนั่งรอที่ประตูเมืองด้านละ ๑๐๐๐ กหาปณะ ประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ คนไหนมาแล้วถือรวงผึ้งมาก็ให้ขอซื้อเขา บอกว่าให้ราคาสูงสุดได้ถึง ๑๐๐๐ กหาปณะ พอพระสีวลีถือรวงผึ้งมา คนก็เข้าไปขอซื้อให้ ๑ กหาปณะ ท่านได้ยินก็แปลกใจ ก่อนหน้านั้นแพงมาก ๑ กหาปณะ เท่ากับ ตำลึงทอง ๔ บาท สมัยนั้นก็เทียบราคาตำลึงทอง เท่ากับ ๔ บาททองคำ ท่านก็แปลกใจ

     คราวนี้ท่านเป็นคนมีปัญญา รู้ว่าของไม่แพงขนาดนี้ให้แพงขนาดนี้ก็โก่งราคา บอกราคาแค่นี้ไม่ขาย เค้าก็ให้ ๒,๔,๘,๑๖ กหาปณะ ไล่เข้าไปจนถึง ๑๐๐๐ ก็ไม่ขาย แต่แปลกใจมาก ถามว่าจะเอาไปทำอะไรให้แพงขนาดนี้ ชาวบ้านก็เล่าให้ฟัง เจ้านายของเราจะทำบุญแข่งกับพระราชา งานนี้พระราชาต้องแพ้เราแน่ เพราะเรามีของครบทุกอย่าง แต่ขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ น้ำผึ้งสดจากรวงที่ท่านมีอยู่ถึงได้ขอซื้อ ท่านบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ขายหรอก แต่ถ้าอนุญาตให้ร่วมบุญด้วย ก็จะเอาน้ำผึ้งสดจากรวงถวายร่วมบุญด้วย เขาก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องไปถามเจ้านายเราก่อน พอไปถามมหาเศรษฐี ท่านก็ตกลงยินดีด้วย พระสีวลีท่านก็นำเอารวงผึ้งไปคั้นน้ำ ไม่น่าเชื่อว่าน้ำผึ้งที่คั้นออกมาไม่ทราบเหมือนกันว่าเทวดาท่านช่วยอีท่าไหน มีจำนวนพอถวายพระภิกษุสงฆ์ทั้งแสนรูป

     คราวนี้กองทานของเขานั่น มันขาดอยู่อย่างเดียวก็คือน้ำผึ้งสดจากรวง พระสีวลีท่านไปทำบุญปิดท้ายเขาก็เลยกลายเป็นรวบยอด เกิดมากี่ชาติ กี่ชาติ รวยไม่รู้เรื่องเลย ชาติที่ท่านเป็นพระสีวลี ท่านก็เกิดอยู่ในท้องของ พระนางสุปวาสา ปรากฎว่าแม่ท้องตั้ง ๗ ปี ๗ วัน อานิสงส์กรรมเก่า ชาติหนึ่งท่านเป็นพระมหากษัตริย์ไปล้อมเมืองเขาอยู่ ๗ ปี กับ ๗ วัน คลอดออกมาก็โตเป็นหนุ่มเลย

     คราวนี้ก็มีการเชิญเลี้ยงนิมนต์พระเข้าไปในวัง ไปฉัน พระสีวลีท่านออกมาก็ ๗ ขวบกว่า ท่านก็ประเคนของได้เลย พระสารีบุตรก็ถาม เป็นไงกุมารอยู่ในท้องแม่สบายมั้ย ? พระกุมารบอก สบายอย่างไรได้พระคุณท่าน ต้องขดงอก่องอขิงอยู่ ๗ ปีกว่า นั่งเฉยๆ อย่างเดียวก็เมื่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็บอกว่าในเมื่อมันทุกข์ขนาดนี้แล้ว จะบวชมั้ยเล่า ? เพราะบวชแล้วปฏิบัติพ้นทุกข์ได้ พระสีวลีก็บอก ถ้าบวชแล้วปฏิบัติพ้นทุกข์ได้ก็จะบวช ก็ไปถามพระนางสุปวาสา ท่านก็โมทนาด้วยก็ตกลง พระสารีบุตรก็เลยบวชให้ เขาบอกว่ามีดโกนจรดศีรษะครั้งแรกท่านเป็นพระโสดาบัน ครั้งที่สองท่านเป็นพระอนาคามี ครั้งที่สามเป็นพระอรหันต์ไปเลย คนทุกข์มา ๗ ปีกว่าๆ มันเห็นชัดมากเลย ไม่ต้องเสียเวลาพิจารณามาก

     คราวนี้จุดนั้นก็เลยกลายเป็นว่าชาวบ้านชนะพระราชา พระราชาหาของไม่ได้เยอะขนาดนั้น ก็เลยกลายเป็นอสทิสทาน ท่านที่ไม่มีใครเขาเปรียบได้ แต่แปลกมาก การถวายอสทิสทานหัวหน้าทีมต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น เป็นผู้ชายอด มีหน้าที่เป็นลูกน้องอย่างเดียว มีหน้าที่วิ่งไปหาของอย่างเดียว จะร่วมบุญจะอะไรก็ได้ แต่ว่าหัวหน้าทีมเจ้ามือใหญ่เป็นผู้หญิง ในศาสนาของสมเด็จพระสมณโคดมของเราก็พระนางมัลลิกาเทวีถวายอสทิสทาน แม่ถวายก็เป็นของเราอยู่แล้ว

    ถาม : อสทิสทานในศาสนาของเราก็จะมีได้แค่หนเดียว ?

    ตอบ: หนเดียว

    ถาม: เพราะจะไม่มีใครทำเทียบได้อีกแล้ว

    ตอบ : ตัวเองทำอีกก็ไม่ได้ดีกว่านั้น คงจะได้แค่นั้น มันมีเกร็ดขำๆ อยู่ตอนหนึ่ง ก็คือว่าเขาหาช้างได้ ๔๙๙ เชือก ขาดอีก ๑ เชือก เป็นช้างตกมันหาไม่ได้ หมดประเทศแล้ว เสร็จแล้วจะทำอย่างไร ก็ไปทูลพระราชา

     คราวนี้พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เลยเข้าไปทูลถาม พระพุทธเจ้าว่า ช้างตกมันเอามากั้นกลดถวายพระจะมีอันตรายมั้ย ? พระพุทธเจ้าบอกว่า เอาไปกั้นกลดถวายพระองคุลีมาลเถระเถอะ เป็นยังไง มันต้องเจอคนที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย เขาบอกว่ามหาชนทั้งหลายเห็นว่าช้างนั้นเอางวงจับกลดกั้นยืนนิ่งอยู่เหมือนดั่งรูปปั้น พอถึงเวลาฉันเสร็จ กล่าวอนุโมทนาเสร็จพระจะกลับ ภิกษุที่เป็นปุถุชนก็สงสัยเข้าไปเรียนถามพระมหาเถระว่า รู้สึกอย่างไรที่มีช้างตกมันยืนกั้นกลดให้ พระองคุลีมาลเถระบอกว่า ไม่รู้สึกอะไรหรอก นอกจากว่าเรารักเขาๆ ก็เลยรักเราด้วย คือท่านแผ่เมตตาเป็นปกติแล้วทีนี้กำลังท่านสูง กระทั่งช้างตกมันรับตัวเมตตาท่านได้ก็เลยหายตกมัน ยืนกั้นกลดเป็นตุ๊กตาไปเลย

     ฟังดูง่ายๆ ไม่เห็นมีอะไรเลย เรารักเขา เขารักเราก็เท่านั้นเอง ถึงเวลาไปจะแผ่เมตตาก็สั่นพั่บๆ แบบวันก่อนที่จับตะขาบนั่นไง (หัวเราะ) ของเราก็มือขวางหน้าแล้วก็ช้อนมันขึ้นมา ให้พวกท่านปิง ไม่มีใครเอาหรอก เผ่นกันหมด ตัวมันใหญ่เกินไป ไม่อยากเสี่ยง ตัวประมาณฟุตหนึ่งได้ ก็ทำให้เขาดูว่าทำไมไม่กลัว ก็เลยบอกว่าจริงๆ แล้วสัตว์จะทำร้ายคนด้วยสองสาเหตุ สาเหตุแรกก็คือ เรากลัวมัน ถ้าเรากลัวมัน มันเองเป็นเจ้าของสถานที่ ก็จะไล่เราออกนอกเขต ก็จะไล่ทำร้ายเรา แล้วอีกอย่างถ้ามันกลัวเรา มันก็จะป้องกันตัวด้วยการทำร้ายเรา ถ้าเราเข้าหามันโดยไม่กลัวมันแล้วไม่คิดจะทำร้ายมัน มันจะจับอะไรไม่ถูก มันจะเอ๋อไปชั่วคราวให้เราเล่นกับมันได้ อาตมาถึงได้จับงู จับตะขาบ จับแมงป่อง เป็นว่าเล่น จริงๆ มันมั่นใจอยู่อย่างเรามียันต์เกราะเพชรกัดยังไงก็ไม่ตายอยู่แล้ว แต่ทีนี้คนอื่นไม่อย่างนั้น ไม่ตายก็เจ็บ (หัวเราะ) เขาเลยไม่กล้าเล่นด้วย

    ถาม: เพราะอย่างนี้พระถึงได้ธุดงค์ ?

    ตอบ : จริงๆ ก็คือว่าไปในถิ่นที่อันตรายต่างๆ จิตจะมีสภาพตื่นตัว แล้วหลังจากที่ฝ่าฟันอันตรายสารพัดสารเพไปทั้งสัตว์ร้าย ทั้งปีศาจ ภูตผี อะไรก็ตาม แล้วจะเห็นว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไรเกินคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จิตใจก็จะมายึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นหลัก

     ทีนี้การก้าวถึงพระอริยเจ้า ข้อแรกก็คือ ต้องเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จริงๆ ในเมื่อท่านผจญมาขนาดนั้นแล้ว เคารพจริงๆ แน่แล้ว เพราะผ่านมาเยอะแล้วนี่ เห็นแล้วว่าจริงแน่ แท้แน่ไม่มีอะไรเหนือกว่านี้แล้วแน่ๆ ไม่ได้พาพระออกธุดงค์มา ๒-๓ ปีแล้ว มัวแต่ทำงาน ครั้งสุดท้ายไป พาเขาไปนอนในบ้านช้าง ช้างมันมีบ้านของมันนะ พวกเราเคยเห็นกันหรือเปล่า ? โอ้ย มันจัดสถานที่กว้าง เลี่ยน สะอาดเรียบร้อยน่านอนมากเลย ส่วนใหญ่จะเป็นดงไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นมากๆ แล้วมันก็ดึงหญ้ารวมๆ กันเป็นวงกลมๆ กว้างประมาณซัก ๒ เมตร แล้วก็สูงเป็นศอกเลย ตัวหนึ่งก็วงหนึ่ง ที่นอนของมัน

     ช้างเวลานอนถ้าอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยเขานอนกับพื้นนะ เขาไม่ได้ยืนหลับ ถ้าอยู่ในที่ๆ ไม่ปลอดภัย เขาถึงจะยืนหลับ พาพระไปนอนในบ้านช้าง ทีนี้ก็ชี้ต้นไม้ให้ว่าต้นนี้พอขึ้นได้นะ ของคุณขึ้นต้นนี้นะ พระท่านก็เถียงกันซิ แหม เรามอบกายถวายชีวิตแล้ว ทำไมต้องหนีมันด้วย คุณมอบกายถวายชีวิตแล้ว แต่พ่อแม่คุณไม่ได้มอบให้ผมนี่หว่า (หัวเราะ) ตายขึ้นมาเมื่อไหร่พ่อแม่เขาเอาเราตาย ต้องขอร้องเจ้าพ่อประคุณหนีมันซะหน่อยนะ (หัวเราะ) ไม่ใช่ปล่อยให้มันตึ้บตาย ผมกว่าจะเอาศพไปยืนยันว่าช้างมันเหยียบตายไม่ใช่ผมแอบฆ่าซะเองก็หัวโตพอดี บอกลูกศิษย์เสร็จเรียบร้อย อาจารย์นอนในรอยตีนช้างสบาย เราไม่คิดจะหนีนี่หว่า (หัวเราะ)

     ช้างเวลาเดินเขาจะเดินเป็นทางประจำของเขา ทางมันจะลึก ประมาณหน้าแข้ง ถ้าหากว่าโขลงใหญ่ๆ เดินก็กว้างเป็นเมตรเลย นอนอยู่ข้างในรอยตีนมันน่ะสบายดี เวลาลมพัดก็ไม่ถูกเรา มันอยู่ในหลุมเป็นซองยาวๆ ไปเลย ถึงเวลาสอนพระกางกลด ถึงเวลาคุณจะกางกลดมองซ้ายมองขวา มองบน มองล่างให้ดีนะ ข้างบนมันจะมีกิ่งไม้แห้ง กิ่งไม้ใหญ่ อะไรมันตกมาใส่ได้หรือเปล่า ? ข้างล่างมันมีใบไม้ ใบหญ้า มีหลุม มีบ่อ อะไรที่จะซุกซ่อนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จะเป็นอันตรายหรือเปล่า ? สอนเขาเสร็จเรียบร้อยเราก็กางกลดใต้กิ่งไม้แห้งอันโตเป็นโอ่งเลย แน่จริงก็ทับลงมาซิ (หัวเราะ) มันจะได้สบายซะที ก็เลยต้องกลายเป็นว่า ถึงเวลาคุณทำอย่างที่ผมพูดนะ คุณอย่าทำที่ผมทำนะ ไม่งั้นเดี๋ยวตายฟรี



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๔๗(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ
     
  3. teelak

    teelak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +900
    สาธุๆๆครับ

    อ่านสนุกดี ได้ประโยชน์ด้วยครับ
     
  4. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    กราบอนุโมทนาในธรรมทานของพระอาจารย์เป็นอย่างสูง

    โมทนากับพี่ตั้ม ที่ช่วงนี้จัดเอาแต่เรื่องเล่าของพระอาจารย์ที่แทรกคติธรรมทั้งความรู้และความสนุกไปพร้อมกัน อ่านแล้วหายเครียด หายล้าจากภาระหน้าที่ีการงานต่าง ๆ ไปเยอะเลยค่ะ<label for="rb_iconid_28">[​IMG]</label>
     
  5. Pongroch

    Pongroch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,479
    อนุโมทาด้วยค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...