อสุรกายนี่มีรูปร่างเป็นอย่างไรหรือครับ ?

เห็นเปรตยังดีกว่าอสุรกาย เพราะเปรตยังมีจิตใจเป็นมนุษยอยู่บ้าง อสุรกายถ้าท่านเจอ จะฆ่าท่านอย่างเดียวเพราะความหิวโหย อยากเห็นต้องทำสมาธิหรืออธิฐานไปที่นรกภูมิ ถ้าไม่กลัวไปเสียก่อน รูปจะเหมืนอกับหนังฝรั่ง ดินแดนที่มีอสุรการอยู่มีแต่ความหิวโหย ท้องฟ้ามืดมิด ไม่มีเดือนไม่มีดาว ผมเห็นในนิมิต และผมก็ไม่อยากเห็นมันอีก ยิ่งกว่าในหนังภาพยนต์เสียอีก บางตัวมีดวงจิต 2 ดวงรวมอยู่ในตัวเดียวกัน บางตัวมีรูปร่างไม่เป็นรูปร่างเป็นเนื้อเหลว ๆ รวมกัน ไหลไปมาได้น่าเกลียดมาก...

 

จุ๊ จุ๊ รู้แล้วเหยียบไว้นะครับ

อสุรกาย ก็คือ ภพภูมิของสัตว์ที่จ้าวทิฏฐิ ยึดมั่นความคิดความอ่าน วิชาการ

ส่วนใหญ่มักจะต้องมี ดีกรีมากกว่าปริญญาตรี ก็คือ จบโท หรือ เอก

แต่ก็ต้องดูเพิ่มเติมนะครับ ไม่ใช่ว่า มีดีกรีแล้วหมายถึงเป็นอสุรกาย

ต้องดูการยึดมั่นถือมั่นความคิด ตรรกะ ที่เขามี ที่เขาใช้เถียง และมีอารมณ์
หลังการเถียง

บางคนเถียงก็จริง แต่พอจบ หมดเวลา เป๊ง ก็เฮฮาได้ทันที แบบนี้ไม่เป็น
อสุรกาย

ดังนั้น ถ้าอยากเห็น อสุรกาย ก็ลองเข้าเว็บ ประชาทอย หรือ คว้าเดียวกัน

 

อยากเห็นจังเลย

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>อสุรกาย

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ​

<MARQUEE scrollAmount=2 scrollDelay=2 width="100%" height=1>ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค ผู้ไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง พระองค์นั้น</MARQUEE>

<MARQUEE scrollAmount=2 scrollDelay=2 behavior=alternate width="100%" height=1>อสูรกาย ภูมิอันเป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ ที่ปราศจากอิสระและความรื่นเริง</MARQUEE>​

อสูรกาย เป็นโอปาติกกำเนิด ผุดเกิดขึ้นมาตามอำนาจของกรรม มีอายุไม่แน่นอนในการเสวยทุกข์ แล้วแต่กรรมที่ได้กระทำไว้ เรื่องเกี่ยวกับอสูรกายมีน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ แต่ถึงอย่างก็ตาม โลกอสูรกายเป็นสิ่งที่เราไม่ควรไปเกิดเลย ในชาตินี้ของเรา เรายังพบพระพุทธศาสนา มีพระไตรปิฏกอยู่ พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางที่มีแต่สุขให้เรา เราผู้เป็นพุทธบริษัท4 สมควรไหมที่จะไม่สนใจฟัง ไม่ใคร่ศึกษา แล้วเราจะมีสุคติเป็นที่หวังได้อย่างไรท่านไม่เห็นถึงคุณค่าของโอกาสของท่านหรือ แล้วท่านจะรออีกเมื่อไหร่ ท่านคิดว่าท่านจะมีโอกาสนี้อีกครั้ง ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งเดียวก็ได้ เพราะสังสารวัฏฏ์นี้ยาวนานนักไม่รู้อีกนานแสนนานเพียงไรที่ เราจะได้มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนาอีก นี่คือโชคดีของเราแล้วหรอ ที่เรายังเกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราได้ศึกษาพระสัทธรรมคำสอนจากพระไตรปิฏกอยู่ ขอให้ท่านทั้งหลายขวยขวายในสิ่งที่เป็นกุศลให้มากๆเถิด

อสูรกายแบ่งได้3 ประเภท

1. เทวอสุรา
2. เปตติอสุรา
3. นิรยอสุรา

เทวอสุรา​

เทวอสุราแบ่งเป็น6 จำพวก

1. เวปจิตตติอสุรา
2. สุพลิอสุรา
3. ราหุอสุรา
4. ปหารอสุรา
5. สัมพรตีอสุรา
6. วินิปาติกอสุรา

อสุรา 5 จำพวกแรกเป็นศัตรูกับเทวดาขั้น ดาวดึงส์ ในอดีตอสุราพวกนี้เคยอาศัยอยู่ที่บริเวณนี้มาก่อน เมื่อท้าวสักกะอุบัติขึ้นที่สวรรค์ชั้นนี้มีการฉลองใหญ่กัน พวกเทพที่อยู่เดิมดื่มน้ำคันธบานหรือสุราจนเมามายไม่ได้สติ แต่เทพบริวารของท้าวสักกะมิได้ดื่มกินจึงโยนเทพที่ดื่มสุราลงมาจากภูเขาสิเนรุ เมื่อเราเทพยดาที่ถูกโยนลงมาได้สร่างจากการเมาแล้ว มีความเสียใจมากที่พวกของตนได้เสียที่แก่ ท้าวสักกะแล้ว จึงได้ตั้งคำสัตย์ว่า จักไม่เสพน้ำคันธบานอีก นับจากนั้นมา เทพทั้งหมดจึงได้ชื่อว่า อสุรา แปลว่าผู้ไม่เสพสุรา พวกอสุราทั้งหมดจึงเนรมิตรเมื่องใหม่ อยู่ที่บริเวณเชิงเขาสิเนรุ เรียกว่า อสุราพิภพ มีต้นไม้ทิพย์ ต้นปาลี (ไม้แคฝอย)เป็นดอกไม้ประจำนคร บางครั้งดอกปาลีบาน มีกลิ่นหอมมาก ทำให้นึกถึง ดอกปาริชาติบนดาวดึงส์ พวกอสุราจึงนึกถึงความหลังครั้งเก่าที่โดนโยนลงมา จึงเกิดความคลั่งแค้น จึงยกกองทัพอสุรา เข้าบุกสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อชิงสวรรค์คืน แต่ไม่สามารถชิงดาวดึงส์กลับคืนได้ เพราะฝ่ายเทวดามีฤทธิ์ที่มีอนุภาพมากกว่า ในที่สุดพวกอสุรจึงเลิกการรบ ตั้งมั่นอยู่ในดินแดนของตนตลอดมา
วินิปาตกอสุรา จัดเป็นเทวดาอีกประเภทหนึ่ง มีรูปร่างกายเล็กกว่า มีบารมีน้อยกว่า อาศัยอยู่กับมนุษยโลก ตามป่า ต้นไม้ ภูเขา ศาลาร้าง และเป็นเหล่าบริวารของ กุมมัฏฐเทวดา เทวดาในชั้นจาตุมหาราชิการ

เปรตอสุรากาย​

เปรตติอสุราแบ่งเป็น 3 จำพวก เปรตที่มีบุญน้อยชีวิตดำรงอยู่ด้วยความลำบากกว่า เทวอสุรา

1. กาลกัญจิกเปรตอสุรา เปรตที่มีความหิวน้ำตลอดเวลาเห็นน้ำแต่ก็กินไม่ได้ ด้วยผลของกรรม
2. เวมานิกเปรตอสุรา เปรตที่เสวยสุขเวลากลางวัน เสวยทุกข์เวลากลางคืน
3. อาวุธิกเปรตอสุรา เปรตที่เฝ้าแต่ฆ่าฟันกันด้วยอาวุธต่างๆตลอดเวลา

เปรตจำพวกนี้มีร่างกายใหญ่โต และมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว เสวยผลกรรมของตนนานแสนนาน

นิรยอสุรา ​

เปรตจำพวกนี้ อาศัยอยู่ในโลกันตนรก มีรูปร่างใหญ่โตมาก มีชีวิตอยู่ในความมืดมิด บนยอดเขาจักวาลดำรงชีวิตคล้ายค้างคาวคือใช้เท้าเกาะ หน้าผาเอาไว้ เอาห้อยหัวลงมา มีความโหยหิวมาก พยายามหาอาหารด้วยการคลืบคลานไปตามทิศต่างๆ แต่เนื่องจากโลกันตนรกกว้างใหญ่มากจึงเท่าใจว่า ตนอยู่เพียงตนเดียว มีบางครั้งที่ได้สัมผัสกันและกัน เข้าใจว่าเป็นอาหารจึงต่อสู้กันกินกันและกันเป็นอาหาร บางที่ก็ตกลงจากภูเขาลงไปสู่ ทะเลน้ำกรดเย็น ร่างกายอันใหญ่โตก็ละลายไปในพริบตา แล้วจึงเกิดใหม่ริมชายทะเลน้ำกรด ด้วยความเย็นสุดขั้วใจ จึงต้องพยุงร่างกายปีนขึ้นมาบนภูเขาอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้จนหมดกรรม
แหล่งข้อมูลที่น่าสนใจ
http://www.buddhism-online.org/Section06A_09.htm ท่องแดนอสูรกาย
http://www.geocities.com/SouthBeach/Terrace/4587/10bad.htm ผลแห่งกรรม
http://buddhism-online.org/Section07A_02.htm อกุศลกรรมบท10 ทำแล้วตกอบาย4

</TD></TR></TBODY></TABLE>