อะไรคือกิเลส? อะไรคือกาม มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีกิเลสและกามได้ไหม?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย น้องหน่อยน่ารัก, 17 พฤษภาคม 2007.

  1. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    กิเลส คือ ภาวะจิตหลงในสิ่งใดๆ ทั้งที่มีตัวตนหรือไม่มีก็ได้แล้วทำให้จิตออกกำลังก่อกรรมจนเกิดพอดี มากไป หรือน้อยไปเรียกว่า "ตัณหา" เป็นอาการแห่งกิเลสตัวหนึ่ง และหากเลยเถิดไปถึงขั้นจิตยึดมั่นฝังแน่น เป็นตัวกูของกูแล้ว จัดว่าเป็นอุปทานเป็นอาการแห่งกิเลสแบบที่สองดังนี้ ไม่ว่าจะเป็น บุญ, ฤทธิ์, คุณธรรม, ความดีงามหากมีความไม่พอดีด้วยจิต หรือการยึดมั่นถือมั่นล้วนเป็นกิเลสทั้งสิ้น ยกเว้นปัญญาเท่านั้นส่วน เพศสัมพันธ์, การกินเหล้า, การพนัน, การโกหกสามารถทำได้โดยไม่มีกิเลส หากทำอย่างมีสติปัญญาก็จะไม่เกิดภาวะ "ตัณหา" และ "อุปทาน" จึงไม่ใช่กิเลสทุกสรพสิ่งสองด้านเสมอ คือ ด้านดีและเลวดุจเหรียญสองด้านแต่เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่น ทุกสรรพสิ่งก็ไม่ใช่ทั้งสองด้านเลยท่านเห็นด้วยหรือไม่?
     
  2. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ปุถุชนผู้บรรลุธรรมสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีกิเลส
    แต่บรพชิตแม้นว่าบรลุหรือไม่บรลุธรรมก็ตามห้ามมีเด็ดขาด

    อนึ่ง บรพชิตที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ใช่ว่าตัดกามได้แล้ว
    การที่ไม่มีอารมณ์เพศ แต่มีความเหงา อยู่คนเดียวไม่ได้
    ต้องหาเพื่อนคุยก็ดี ล้วนเป็นกิเลสกามทั้งสิ้น

    ดังนี้ ผิดศีลข้อสาม ท่านจึงกล่าวว่า พรากลูกพรากเมีย
    ไม่ใช่แค่เอาเมียเขามาเป็นเมียเรา แต่ไปเอาลูกเขามา
    คลายเหงาก็เป็นการผิดศีล "กาเมฯ" ดังนี้ กิเลสกาม
    จึงมิใช่เพศสัมพันธ์อย่างที่ใครๆ เข้าใจในความหมายแคบ
    แต่หมายถึงภาวะจิตที่ไม่อาจอยู่ด้วยตนเองอย่างสงัดสุข
    ได้ จำต้องพึ่งพาคนนั้นคนนี้ ไม่ว่าจะเป็น ลูก, เมีย, เพื่อน
    สาวก หรือแม้นแต่การการเข้าสังคม ก็ดี เหล่านี้เป็นกิเลสกาม
     
  3. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    อะไรคือกิเลส
    อะไรคือกาม
    อะไรคือเพศสัมพันธ์
    อะไรคือการสืบพันธุ์
    อะไรคือรัก
    อะไรคือเมตตา


    คล้ายๆ กันแต่ไม่ใช่ จะแจ้งได้เมื่อมีปัญญา แม้นมีกิเลส ยังไม่รู้จักกิเลส
    รู้จักกิเลสเมื่อแจ้งในกิเลส เหนือกิเลส จึงเห็นกิเลสดังแบในฝ่ามือ...???
     
  4. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    กิเลส, ตัณหา, อุปทาน

    หมดกิเลส แปลว่าหมดทุกข์ไหม? ขันธ์ห้า แปลว่ากิเลสหรือไม่?
    หมดขันธ์ห้าจึงหมดทุกข์ใช่ไหม? หมดกิเลสแปลว่าหมดขันธ์ห้าไปด้วยไหม?
    หมดอุปทาน ยังมีตัณหานั้นเป็นอย่างไร? หากหมดไปทั้งสองตัว ยังมีความ
    อยากกินข้าว, อยากนอน, อยากถ่าย หรือแม้นกระทั่งอวัยวะเพศแข็งตัว
    ได้หรือไม่?


    และการที่จิตก่อกรรม กับจิตเป็นเพียงกริยา มันต่างกันยังไง?
    ในทางปฏิบัติและปริยัติ? ทั้งความหมายจริง และการฝึกฝน?


    การบรรลุธรรมคืออะไรกันแน่? ข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่าบรรลุอะไร?
     
  5. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    อะไรคือการไม่ยึดติด???

    การไม่มีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าฉันอรหันต์แล้ว เธอเป็นแฟนก็จริง
    แม้นฉันไม่ห่มเหลือง และฉันไม่หย่ากับเธอก็มีไม่ได้ มีไม่ได้เด็ดขาด???

    อันนี้ยึดไหม?

    ต้องมี เรียกว่า ยึดไหม
    ต้องไม่มี เรียกว่า ยึดไหม?
    หรือ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ อันนี้ยึดไหม?
    หรือ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับสติปัญญา อันี้ เรียกว่าปัญาแจ้งในธรรมไหม?


    การยึดในความดี เป็นการยึดติดไหม?
    การยึดว่าไม่ต้องทำเลว เป็นการยึดไหม?
    หรือการไม่ได้ยึดอะไรเลย ใช้สติปัญญาพิจารณาเป็นสำคัญ?
    บ้างอ้างว่าพิจารณาแล้วว่ามันดีนี่นา แต่เผลอขาดสติตกเป็นทาสกิเลส
    เป็นไปได้ไหม? แยกแยะได้อย่างไร? หากพระอรหันต์ดื่มเหล้าแบบจี้กง?
    แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าบรรลุธรรม? มีเกณฑ์สากลไหม? หรือเป็นเพียงปัจจัตตัง?
     
  6. 4281840

    4281840 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +44
    ทำจิตให้เป็นกลาง
    อย่าตึงมากและอย่าหย่อนมาก
    การเข้าใจอะไรบ้างอย่าง ต้องใช้เวลา และ ความอดทน
    ดูที่จิตของคุณเอง คือ คำตอบที่คุณถามทุกข้อ
    จิตที่สงบ และ มีสมาธิ จะสามารถเข้าถึงสัสจะธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    การที่พระจี้กงท่านบรรลุธรรม มิใช่ท่านดี่มเหล้าแล้วบรรลุธรรม
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเรา ล้วนมีเหตุและผล
    ในสมัยนั้น ท่านต้องการให้บุคคลทั่วไปเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเรานั้น
    เป็นอนิจจัง ทุกอย่างที่เราเห็น และได้ยิน อาจจะเป็นสิ่งหลอกลวงก็ได้

    ท่านบอกเสมอว่า ทุกสิ่งอย่าง อยู่ที่จิต
    แต่ท่านก็บอกกับทุกคนว่า อย่าเลียนแบบท่าน ท่านเพียงแค่ต้องการสอนให้เราเข้าใจในสัจจธรรม

    ทุกสิ่งอย่าง ล้วนเป็นปัจจตตัง
    รู้เห็นด้วยตัวเอง
    เมื่อมีบารมีพร้อม คุณก็จะเข้าใจเอง
    คุณควรทำจิต และ สมาธิให้ดี สวดมนต์ไหว้พระ
    เมื่อถึงเวลา คุณจะเข้าใจ และไม่มีความถาม

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  7. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,768
    เมื่อบุคคลปรารถนากาม ถ้าสิ่งที่ปรารถนาของบุคคลนั้นย่อมสำเร็จได้ครั้นสิ่งที่ปรารถนานั้นสำเร็จ บุคคลยังปรารถนาต่อไปอีก ก็ย่อมได้ประสบกามตัณหา เหมือนบุคคลที่ถูกลมแดดแผดเผาในฤดูร้อน ย่อมเกิดความกระหายใคร่จะดื่มน้ำ ฉะนั้น.<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    [๑๖๓๙] ตัณหาก็ดี ความกระหายก็ดี ของคนพาลมีปัญญาน้อย ไม่รู้อะไร ย่อมเจริญยิ่งขึ้นทุกที เหมือนเขาโคย่อมเจริญขึ้นตามตัว ฉะนั้น.<o:p></o:p>
    เมื่อยังระลึกถึงกามอยู่ตราบใด ก็ไม่ได้ความอิ่มด้วยใจตราบนั้น ชนเหล่าใดบริบูรณ์ด้วยปัญญา มีกายและใจหลีกเว้นจากกามทั้งหลาย เห็นโทษด้วยญาณ ชนเหล่านั้นแลชื่อว่าเป็นผู้อิ่ม.<o:p></o:p>
    [๑๖๔๓] บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วยปัญญาประเสริฐ เพราะผู้อิ่มด้วยปัญญานั้น ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย คนผู้อิ่มด้วยปัญญาตัณหาย่อมกระทำให้อยู่ในอำนาจไม่ได้.<o:p></o:p>
    [๑๖๔๔] ไม่พึงสั่งสมกามทั้งหลาย พึงเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย ไม่มีความละโมภบุรุษผู้มีปัญญาเปรียบด้วยมหาสมุทร ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย.<o:p></o:p>
    [๑๖๔๕] ช่างทำรองเท้าหนังเลี้ยงชีพ เมื่อประกอบรองเท้า ส่วนใดควรเว้นก็เว้นเลือกเอาแต่ส่วนที่ดีๆ มาทำรองเท้าขายได้ราคาแล้ว ย่อมมีความสุข เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ละทิ้งส่วนแห่งกามเสียย่อมถึงความสุข ถ้าพึงปรารถนาความสุขทั้งปวง ก็พึงละกามทั้งปวงเสีย.<o:p></o:p>
     
  8. setsiri

    setsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +35
    ความลังเลสงสัย
    การปรุงแต่งความคิด

    ล้วนเป็นบ่อเกิดแห่งอวิชชา [​IMG]
     
  9. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763
    น่าจะว่า มีเพศสัมพันธ์ โดยมีสติได้หรือไม่
    ขอตอบว่าได้ค่ะ บรรลุธรรมได้ด้วย แต่ยากมาก

    ผู้ไม่มีกาม น่าจะเป็นพระอนาคามีขึ้นไป
    ผู้ไม่มีกิเลส ก็ต้องเป็นพระอรหันต์
     
  10. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ขอบคุณ คุณ "ธัมมนัตา" อย่างยิ่ง ยกพุทธดำรัสที่ตรงมากชัดเจนที่สุด
    ซึ่งการค้นหาได้ตรงขนาดนี้ไม่ง่ายเลย หากไม่เคยอ่านไตรปิฎกแล้วยากนัก

    สาธุๆๆ ...<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_575963", true); </SCRIPT>
     
  11. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ความต้องการไม่ใช่กิเลส แต่หากหลงในความต้องการนั้นแหละคือกิเลส!
    ----------------------------------------------------------------------

    ความต้องการเป็นเรื่องธรรมดา เป็นพื้นฐานของร่างกายและจิตใจ ซึ่งมีได้
    ทั้งเรื่อง ทางกาย คือ กิน, ถ่าย, เพศสัมพันธ์, นอน และเรื่องทางใจ เช่น
    ปรารถนาช่วยคนให้พ้นทุกข์ แบบนี้ไม่ใช่กิเลส พิจารณาได้ว่า ผู้ที่ปรารถนา
    ช่วยคนอื่นนั้น มี "สติ" ทำให้หยุดความอยากได้ทันเมื่อควรหยุด จึงไม่เกิด
    ตัณหา และเขานั้นมี "ปัญญา" จึงไม่ยึดมั่นถือมั่นในเหตุที่ทำและผลที่เกิด

    เมื่อคนขาด "สติ" ไม่อาจยั้งได้ ก่อให้เกิด "ตัณหา" เมื่อคนขาดปัญญา
    คิดเอาว่านั่นคือสุขแท้เที่ยงแน่แล้วจึงยึดไว้เรียกว่า "อุปทาน" นี่คือ อาการ
    สองอย่างของกิเลสทั้งมวล เพราะ "หลง" คือ ยังเต็มด้วยอวิชชา เป็นเหตุ
    เริ่มแรก คือ หลงในความต้องการ ขาดสติ ก็เกิดตัณหา ขาดปัญญาก็อุปทาน

    กิเลส ไม่ใช่อยู่ที่ความต้องการพื้นฐาน ไม่ใช่อยู่ทีสิ่งอื่นใด ไม่ใช่อยู่ที่หญิง
    ที่เย้ายวน ไม่ใช่อยู่ที่ทรัพย์ที่หลอกล่อ ไม่ใช่อยู่ที่ผู้ยั่วยุอารมณ์โกรธ

    แต่ "กิเลส" อยู่ที่ "จิต" หลง (อวิชา) จึงขาด "สติ" จนเกิด "ตัณหา"
    และเมื่อขาดปัญญา จึงเกิด "อุปทาน" (ยึดว่าเที่ยง คิดว่าคงอยู่ต่อไปได้นาน)


    กล่าวโดยสรุป คือ อวิชา ก่อ ตัณหา ก่ออุปทาน ตามลำดับหยาบๆ (ย่อ)
    ตรงกับในปฏิจจสมุทบาทที่พระพุทธองค์ทรงดำรัส ไม่ผิดแท้แน่นอน...
     
  12. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    การทดสอบพระอรหันต์ด้านเพศ

    1. หากลองข่มขืนพระอรหันต์ ท่านจะบอกให้เราหยุด แต่หากทานเราไม่ได้
    ท่านจะวางเฉย และท่านจะไม่ทุกข์ ร่างกายของท่านจะสืบพันธ์ได้ตามปกติ
    และท่านจะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่มีสาระอะไรให้หลงไหลหรือยึด (แต่ตั้งท้องได้)

    2. หากข่มขืนเสร็จแล้ว คนนั้นตกทุกข์ ย่อมไม่ใช่พระอรหันต์
    3. หากข่มขืนเสร็จแล้ว คนนั้นติดใจอยากอีก ย่อมไม่ใช่พระอรหันต์



    การทดลองข่มขืนนี้ทำไม่ได้จริง เพราะเป็นกรรมหนัก แต่สืบพุทธประวัติได้
    เช่น ประวัติพระอุบลวรรณาเถรี อนึ่งการอ่านประวัติพระสาวกทำให้มีเคสศึกษา
     
  13. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    กรณีศึกษาที่หนึ่ง

    ยายแก่แล้ว ไม่โกรธ ไม่มีกาม ไม่มีอารมณ์เพศเลย
    แต่ยายห่วงลูกหลานมาก เหงา อยากเห็นลูกหลาน
    อยู่คนเดียวแล้วมันทุกข์ เพราะอยากมีลูกหลานใกล้ๆ

    ถามว่า ยายตัดกิเลสตัวไหนได้แล้วบ้าง? ยังมีกามอยู่ไหม?
     
  14. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    กรณีศึกษาที่สอง

    แม่ทา มีสามีและลูกแล้ว ป่วยใกล้ตาย ปฏิบัติสติปัฏฐานสี่
    เมื่อบรรลุธรรมแล้ว หากแม่ทายังมีสามี สามารถทำกิจเป็น
    ภรรยาที่สมบูรณ์ได้หรือไม่โดยไม่ยึดติดหรือหลง? หรือว่า
    หากใครมีแฟนบรรลุธรรมแล้วจะไม่อาจทำกิจเดิมได้อย่าง
    สมบูรณ์ กลายเป็นคนบกพร่อง แฟนจึงต้องกักกันและห้าม
    ไม่ใช้คู่รักไปปฏิบัติธรรม เพราะกลัวบรรลุแล้วทำกิจเดิมไม่ได้


    ทางออกคืออะไร? หากไขได้ จะเปิดทางให้คู่รักส่งเสริมกันเพื่อบรรลุธรรมได้?
     
  15. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    หากบรรลธรรมแล้วยังมีทุกข์ไหม?
    หากบรรลุธรรมแล้วไม่มีความทุกข์ ผู้สิ้นทุกข์นับเป็นผู้บรรลุธรรมได้ไหม?
     
  16. ขม

    ขม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +1,521
    ชอบครับลึกซึ้งขึ้นอีกระดับ ได้ปัญญามาเลยครับ ขอบคุณครับ อนุโมทนาด้วยครับ
     
  17. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    "เพศสัมพันธ์, การกินเหล้า, การพนัน,
    การโกหกสามารถทำได้โดยไม่มีกิเลส " จริงหรือ ?


    ด้วยภูมิปัญญาเล็กน้อยของผม ยังมองว่า..เพศสัมพันธ์, การกินเหล้า,
    การพนัน, การโกหก.. เกิดจากกิเลส เพราะถ้าไม่มีกิเลสผลักดัน
    ก็จะไม่สามารถทำได้ เช่น ความอยากในการเมีเพศสัมพันธ์
    ความอยากในการดื่มเครื่องดองของเมา ความอยากที่จะเล่นการพนัน
    การพูดโกหกเพื่อสนองกิเลสของตนเอง

    .... กิเลสเป็นใหญ่ กิเลสครองใจคน กิเลสครองโลก ..

    กิเลสทำให้เห็นผิดเป็นชอบได้ ผิดถูกอย่างไรพิจารณากันเองเถิด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2010
  18. ขม

    ขม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +1,521
    1. กามตัณหา ความยินดี ชอบใจ พอใจ และ ความอยากได้ ใน อารมณ์ ทั้ง 6 เพื่อสนอง กามคุณ สัมผัส ทั้ง 5 (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส)
    ตัณหา 6 หมวด ประกอบด้วย
    + รูปตัณหา คือ อยากได้รูป ที่มองเห็นด้วยตา
    + สัททตัณหา คือ อยากได้เสียง
    + คันธตัณหา คือ อยากได้กลิ่น
    + รสตัณหา คือ อยากได้รส
    + โผฏฐัพพตัณหา คือ อยากได้ความรู้สึกทางกายสัมผัส
    + ธัมมตัณหา คือ อยากในสิ่งที่ใจนึกคิด อารมณ์พึงพอใจ
    ตัณหาทั้ง 6 นี้ เป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้เมื่อเบื่อหน่าย

    2. ภวตัณหา เมื่อได้มา ก็ ชอบ ติดใจใน รูปภพ อรูปภพ ญานสมบัติ กามคุณอารมณ์ สัสสตทิฏฐิ เช่น อยากเป็นใหญ่เป็นโต และอยากเป็นแบบนั้นตลอดไป (สัสสตทิฏฐิ)

    3. วิภวตัณหา ความอยากไม่เป็น ไม่อยากได้ เช่น ไม่อยากแก่ ไม่อยากจน อยากดับสูญ

    สรุปว่ายังมีนะครับกามและกิเลสเนี่ย...???
     
  19. เรือทุกข์

    เรือทุกข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +405
    ผมเคยได้ยินว่าสมัยพุทธกาล มีภิกษุณี ถูกโจรข่มขืน แต่ภิกษุณีก็มิได้มีจิตคิดร่วม
     

แชร์หน้านี้

Loading...