อัศจรรย์พุทธานุภาพ...เมาสุรามา 7 วันติด บรรลุอรหันต์ด้วยคาถาบทเดียว

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 29 กันยายน 2009.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,432
    [​IMG]

    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภสันตติมหา-

    อำมาตย์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อลงฺกโต เจปิ สมญฺจเรยฺย"

    เป็นต้น.

    สันตติมหาอำมาตย์ ได้ครองราชสมบัติ ๗ วัน

    ความพิสดารว่า ในกาลครั้งหนึ่ง สันตติมหาอำมาตย์นั้นปราบปราม

    ปัจจันตชนบท ของพระเจ้าปเสนทิโกศล อันกำเริบให้สงบแล้วกลับมา.

    ต่อมา พระราชาทรงพอพระหฤทัย ประทานราชสมบัติให้ ๗ วัน ได้

    ประทานหญิงผู้ฉลาดในการฟ้อนและการขับนางหนึ่งแก่เขา. เขาเป็นผู้

    มึนเมาสุราสิ้น ๗ วัน ในวันที่ ๗ ประดับด้วยเครื่องอลังการทุกอย่างแล้ว

    ขึ้นสู่คอช้างตัวประเสริฐไปสู่ท่าอาบน้ำ เห็นพระศาสดากำลังเสด็จเข้าไป

    บิณฑบาตที่ระหว่างประตู อยู่บนคอช้างตัวประเสริฐนั่นเอง ผงกศีรษะ

    ถวายบังคมแล้ว.

    พระศาสดาทรงทำการแย้ม พระอานนท์ทูลถามว่า "ข้าแต่พระ-

    องค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล ? เป็นเหตุให้ทรงกระทำการแย้มให้ปรากฏ"

    เมื่อจะตรัสบอกเหตุแห่งการแย้ม จึงตรัสว่า "อานนท์ เธอจงดูสันตติ-

    มหาอำมาตย์, ในวันนี้เอง เขาทั้งประดับด้วยอาภรณ์ทุกอย่างเทียว มา

    สู่สำนักของเรา จักบรรลุพระอรหัตในเวลาจบคาถาอันประกอบด้วยบท ๔

    แล้ว นั่งบนอากาศ ชั่ว ๗ ลำตาล จักปรินิพพาน."

    มหาชนได้ฟังพระดำรัสของพระศาสดา ผู้กำลังตรัสกับพระเถระอยู่

    คน ๒ พวกมีความคิดต่างกัน

    บรรดามหาชนเหล่านั้น พวกมิจฉาทิฏฐิ คิดว่า " ท่านทั้งหลาย

    จงดูกิริยาของพระสมณโคดม, พระสมณโคดมนั่น ย่อมพูดสักแต่ปาก

    เท่านั้น ได้ยินว่า ในวันนี้ สันตติมหาอำมาตย์นั่น มึนเมาสุราอย่างนั้น

    แต่งตัวอยู่ตามปกติ ฟังธรรมในสำนักของพระสมณโคดมนั้นแล้ว จัก

    ปรินิพพาน, ในวันนี้ พวกเราจักจับผิดพระสมณโคดมนั้นด้วยมุสาวาท."

    พวกสัมมาทิฏฐิ คิดกันว่า "น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    มีอานุภาพมาก, ในวันนี้เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพระพุทธเจ้า

    และการเยื้องกรายของสันตติมหาอำมาตย์."

    ส่วนสันตติมหาอำมาตย์ เล่นน้ำตลอดวันที่ท่าอาบน้ำแล้ว ไปสู่

    อุทยาน นั่งที่พ่นโรงดื่ม.

    หญิงฟ้อนเป็นลมตาย

    ฝ่ายหญิงนั้น ลงไปในท่ามกลางที่เต้นรำ เริ่มจะแสดงการฟ้อน

    และการขับ, เมื่อนางแสดงการฟ้อนการขับอยู่ในวันนั้น ลมมีพิษเพียง

    ดังศัสตราเกิดขึ้นแล้วในภายในท้อง ได้ตัดเนื้อหทัยแล้ว เพราะความที่

    นางเป็นผู้มีอาหารน้อยถึง ๗ วัน เพื่อแสดงความอ้อนแอ้นแห่งสรีระ. ใน

    ทีทันใดนั้นเอง นางมีปากล้าและตาเหลือก ได้กระทำกาละแล้ว.

    ฯลฯ

    โศกเพราะภรรยาตาย

    สันตติมหาอำมาตย์ กล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย จงตรวจดูนางนั้น"

    ในขณะสักว่าคำอันชนทั้งหลายกล่าวว่า "หญิงนั้นดับแล้ว นาย" ดังนี้

    ถูกความโศกอย่างแรงกล้าครอบงำแล้ว. ในขณะนั้นเอง สุราที่เธอดื่ม

    พระศาสดาระงับความโศกของบุคคลได้

    ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า " ท่านมาสู่สำนักของผู้สามารถ

    เพื่อดับความโศกได้แน่นอน, อันที่จริง น้ำตาที่ไหลออกของท่านผู้ร้องไห้

    ในเวลาที่หญิงนี้ตาย ด้วยเหตุนี้นั่นแล มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง ๔ "

    ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า

    " กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจง

    ยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่อง

    กังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง, ถ้าเธอจักไม่ยึด

    ถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยว

    ไป. "

    ในกาลจบพระคาถา สันตติมหาอำมาตย์ บรรลุพระอรหัต แล้ว

    พิจารณาดูอายุสังขารของตน ทราบความเป็นไปไม่ได้แห่งอายุสังขารนั้น

    แล้ว จึงกราบทูลพระศาสดาว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จง

    ทรงอนุญาตการปรินิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด. "

    ฯลฯ

    ��ҹ����Р02077�-���ú���ظ��� ...�ѹ���������ҵ��
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...