อาการธาตุแตกเมื่อปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มะกะโท, 3 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    เมื่อใกล้จะตาย ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง คือ

    1. ธาตุสี่จะทำท่าเหมือนแยกสลาย เช่น น้ำออกหู ออกปาก ฯลฯ
    2. ขันทั้งห้าค่อยๆ ดับทีละขันธ์ตามลำดับ



    ฆราวาสที่ปฏิบัติธรรมขั้นสูง ใกล้จะดับขันธปรินิพพาน
    เพราะไม่ได้ครองเหลือง จะเริ่มมีอาการระยะแรกคือ
    ธาตุสี่แปรปรวน จากนั้น จะไปอัดแน่นมากผิดปกติ
    ในอวัยวะต่างๆ เช่น ธาตุลมลงท้อง, ธาตุไฟออกปาก
    ธาตุน้ำท่วมจมูก, ธาตุดินจับขาแข็ง


    เมื่อมีอาการเหล่านี้ ให้รู้ว่าใกล้ตายเพราะกรรมฐาน
     
  2. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    อาการเหล่านี้ไม่สัมพันธ์กัน ไม่สามารถระบุเป็นโรคใดโรคหนึ่งได้ตามหลักการแพทย์
     
  3. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    อาการของธาตุดินแปรปรวน


    จะดันไปสู่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย และทำลายอวัยวะนั้นๆ
    จนส่งผลให้ร่างกายทั้งร่างตายลง ทั้งหมดเพรราะธาตุดิน


    ลักษณะของธาตุดินมากไป


    จับที่อวัยวะใด อวัยวะนั้นๆ จะแข็งขัด ปวด แทบขยับไม่ได้
    ก็ให้สังเกตุว่า ธาตุดินมากไป แปรปรวน


    เมื่อตายลง ธาตุดินก็ทำให้ตัวแข็งเป็นเหมือนดินทั้งตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2008
  4. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    อาการของธาตุน้ำแปรปรวน


    ถ้ามีมากไปจะดันไปสู่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย และทำลายอวัยวะนั้นๆ
    จนส่งผลให้ร่างกายทั้งร่างตายลง ทั้งหมดเพราะธาตุน้ำ

    ลักษณะของธาตุน้ำมากไป


    จับที่อวัยวะใด อวัยวะนั้นๆ จะมีน้ำไหลออกมาก เช่นน้ำมูกมากผิดปกติ
    ก็ให้สังเกตุว่า ธาตุน้ำมากไป แปรปรวน


    เมื่อตายลง ธาตุน้ำก็ทำให้น้ำไหลออกจากทวารทั้งเก้า
     
  5. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    อาการของธาตุลมแปรปรวน


    ถ้ามีมากไปจะดันไปสู่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย และทำลายอวัยวะนั้นๆ
    จนส่งผลให้ร่างกายทั้งร่างตายลง ทั้งหมดเพราะธาตุลม

    ลักษณะของธาตุลมมากไป


    จับที่อวัยวะใด อวัยวะนั้นๆ จะมีการเคลื่อนไหวมากผิดปกติ เช่น ท้องเดิน
    ท้องร่วง ก็ให้สังเกตุว่า ธาตุลมมากไป แปรปรวน จนดันของในทางเดินอาหาร


    เมื่อตายลง ธาตุลมก็ทำให้ลมไหลออกหมด จนสิ้นลมหายใจเข้าออก
     
  6. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    อาการของธาตุไฟแปรปรวน


    ถ้ามีมากไปจะดันไปสู่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย และทำลายอวัยวะนั้นๆ
    จนส่งผลให้ร่างกายทั้งร่างตายลง ทั้งหมดเพราะธาตุไฟ


    ลักษณะของธาตุไฟมากไป


    จับที่อวัยวะใด อวัยวะนั้นๆ จะมีลักษณะเหมือนถูกไฟรวก มีแผลพุพอง
    เช่นร้อนใน ก็ให้สังเกตุว่า ธาตุไฟมากไป แปรปรวน

    เมื่อตายลง ธาตุไฟก็ทำให้ไฟออกหมด จนร่างกายเย็นชืด
     
  7. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    การพิจารณาธาตุสี่ (จตุธาตุวัฏฐาน)


    ให้พิจารณาทีละธาตุ ธาตุใดไม่สมดุล ปรับให้สมดุล
    ด้วยการนั่งสมาธิบริกรรม เช่น ธาตุน้ำ จงสมดุลๆๆๆๆ


    ธาตุทั้งสี่จะไม่สมดุล เมื่อป่วย และจะไม่สมดุลบางจุด
    ให้เพ่งจิตพิจารณากายในอวัยวะนั้นๆ แล้วจึงใช้คำบริกรรม
     
  8. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    การเดินธาตุ


    จะเรียกธาตุตามกำลังที่เหมาะสมเข้าไปทีละธาตุ จนครบสมดุล
    แต่หากไม่พร้อม ไม่ควรทำ เพราะอาจทำให้ธาตุในกายแปรปรวน
    และนำไปสู่อาการ "ธาตุแตก" ได้

    การเล่นแร่แปรธาตุในร่างกายจึงอันตรายมาก
     
  9. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    การปรับเพิ่ม/ลดบางธาตุในร่างกาย


    ด้วยกรรมฐานคือการบริกรรมธาตุนั้นๆ หากกำลังจิตสูงจะได้ผล
    ด้วยสารอาหาร คือ การกินเข้าไป อาหารและยามีผลต่อธาตุใน
    ร่างกายต่างกัน


    ตามตำรับแพทย์แผนไทย เป็นแบบองค์รวม ไม่มุ่งทำลายเชื้อโรค
    แต่มุ่งปรับธาตุสี่ให้สมดุล จนร่างกายแข็งแรง ทำลายโรคได้เอง
    รายละเอียดธาตุต่างๆ ในยาสมุนไพรไทยหาได้จากข้อมูลทั่วไป


    ข้อควรระวัง


    การปรับลดธาตุ ต้องปรับเข้าสู่สมดุลที่พอดี อย่าเพิ่มจนล้น
    อย่าลดจนขาด ดังนั้น การปรับเพิ่ม/ลดธาตุ จึงเป็นเรื่องความ
    ละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ความชำนาญสูง ไม่ควรลองทำเป็นเล่น
     
  10. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    การเดินธาตุแบบสุญญตา


    คือ การปรับเข้าฐานศูนย์ หรือจุดสมดุล ไม่มีการเพิ่มหรือลด
    ไม่ใช้คำบริกรรมเพิ่มหรือลด แต่ปรับเข้าสมดุลเท่านั้น
    ธาตุแม้ว่าขาดหรือเกินธาตุใด ให้พิจารณาธาตุนั้นเข้าสมดุล


    เป็นเคล็ดวิชชาธาตุสุญญตา
     
  11. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    ลำดับการฝึกกรรมฐานแนวธาตุสี่


    1. เพ่งธาตุกสิณนอกตัวเป็นอารมณ์ จนจิตน้อมรับสภาวะธรรม
    ของธาตุนั้นๆ เป็นอารมณ์สนิทแนบแน่นหนึ่งเดียวเด่นชัด

    2. ปรับจากการเพ่งกสิณ มานั่งหลับตา พิจารณาธาตุในร่างกายต่อ
    ขั้นนี้จะไม่ใช่กสิณ แต่เป็นหลักวิชชา "จตุธาตุวัฏฐาน"

    3. ปรับการใช้ชีวิตทั้งหมด ทั้งการกินการนอน การเลือกใช้ เลือกอยู่
    ทุกสรรพสิ่งมีผลต่อธาตุทั้งสี่ในร่างกาย ให้พิจารณาธาตุทั้งสี่เนืองๆ

    4. ปรับธาตุเข้าสมดุลเพื่อรักษาอาการทางกายต่างๆ

    5. ใช้จิตปรับธาตุนอกร่างกาย เช่น พิจารณาดินในน้ำ แล้วทดลองเดินบนน้ำ
     
  12. ยูเรเนี่ยน

    ยูเรเนี่ยน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +25
    ใครก็ได้ช่วยแนะนำสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานที่คิดว่าดีที่สุดให้ทราบด้วย จะกี่ที่ก็ได้เพื่อไม่ให้เกิด "อาการธาตุแตกเมื่อปฏิบัติธรรม" น่าจะดีกว่าบอกแต่อาการนะครับ......ด้วยความเคารพ
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อาการทั้งหมด พระเถรวาทอริยะสงห์ผู้ยังดำรงค์ธาตุขันท์
    ให้แก้ด้วยการ

    หายใจออกยาวๆ ความแน่ อึดอัดจะมลายทันที
    แค่หายใจออกยาวๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

    การเดินธาตุที่ท่านแนะนำนี้ได้มาจากลามะทิเบตใช่หรือเปล่า
    ครับ คุ้นๆ เราก็ขอเสนอของเราแลกเปลี่ยนกันนะ

    * * * * *

    ท่านที่อ่านแล้วแปลความไปทางเสียหาย น่ากลัว น่าวิตก
    ให้อ่านผ่านๆไปครับ เพราะถ้าฝึกสายเถรวาทแท้ๆ จะไม่
    เห็นอะไรแบบนี้ เพราะไม่ใช่สาระของการหลุดพ้นในแนว
    ที่พระพุทธองค์สอนไว้ จึงไม่ต้องกลัวแต่อย่างใด

    เทียบเคียงไปแล้ว อาการธาตุแปรปรวนนี้คงเป็น ปิติสัมโพชฌงค์
    ถ้าระงับการเทียวแต่ดูก็จะเข้าสู่ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ก็จะมีอาการ
    สงบเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2008
  14. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    คำอธิบายมาจากการปฏิบัติ
    และเกิดขึ้นจริงกับตนเอง



    ไมได้เกิดจากการอ่านก่อนทำ
    ทำแล้วจึงมาอ่านหาคำศัพท์เรียกใช้



    กรรมฐานสำหรับพระสงฆ์ รองรับกันได้
    กรรมฐานสำหรับฆราวาส ทำหนักๆ
    ผมเกือบตายหลายที


    ไม่รู้สิ อาจเป็นเฉพาะผมคนเดียวก็ได้มั้ง
     
  15. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    ตอนฝึกอสุภกรรมฐาน


    เห็นร่างกายตนเองเป็นเหมือนศพ (ในจิตสำนึก) ตลอดเวลา
    ก็ปล่อยตัวรอความตาย จิตก็สงัดสงบ ไร้ความต้องการใดๆ ในโลก
    กินอาหารที่มีเนื้อสัตว์ก็กินไม่ลง เห็นเป็นศพ ร่างกายเริ่มผอมลง
    ไม่อยากกินอะไรเลย ไม่หิวเลย ไม่ง่วง แต่บางทีเพลียจนหลับ


    เกือบตาย แต่ไม่บรรลุอะไรเลย แล้วก็รอดมาเริ่มฝึกใหม่
     
  16. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    คล้ายๆกับการฝึกลมปราณเหมือนในหนังรึเปล่าครับ ที่ว่าธาตุไฟแตก อะไรทำนองนั้นน่ะครับ ถ้าเป็นของทางเถรวาทก็คงเรียกว่าวิปัสสนูกิเลสน่ะครับ (บางคนปฏิบัติกรรมฐานจนเพี้ยนไป ต้องให้อาจารย์มาแก้อารมณ์ให้ก็มีครับ)

    ปล.ส่วนเรื่องธาตุแตกสลายนี้ผมเคยอ่านจากหนังสือ "เตรียมตัวตายอย่างมีสติ" ของทางธิเบตน่ะครับ เขาจะมีอธิบายถึงสภาวะก่อนจะตายว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ผมว่ามีประโยชน์ดีนะครับ
     
  17. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373

    ตอนฝึกปราณยังไม่สำเร็จ ทรมานไปอีกแบบ
    แถมปราณตื่นรบกวนการใช้ชีวิตปกติโดยไม่รู้ตัว


    คนละอย่างกับธาตุแตก (คำว่าธาตุแตกผมยืมมาใช้อธิบายสภาวะเฉยๆ)


    ธาตุ 7 ชนิด

    1. มโนธาตุ คือ จิต
    2. วิญญาณธาตุ คือ ปราณ
    3. อากาศธาตุ คือ ความว่าง
    4. อีก 4 ชนิด คือ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ


    ธาตุสี่หยาบกว่าปราณ
    สังเกตุได้ง่ายกว่ามาก
    อาการชัดกว่ามาก
     
  18. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    เมื่อรู้ตัวว่าเข้าสู่อาการธาตุแตก
    ธาตุทั้งสี่เริ่มแปรปรวนออกจากร่างกาย
    ทางอวัยวะต่างๆ ก็ปลงสังขารต่อเตรียมตัวตายได้เลย



    ถ้าตายได้ก็จบเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก
     
  19. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ตอนผมฝึกกรรมฐานก็มีอาการต่างๆเกิดขึ้นกับร่างกายต่างๆนาๆบ้าง ก็ต้องอาศัยการตั้งสติกับการปล่อยวางน่ะครับ อะไรเกิดก็เฝ้าดูเฉยๆ ไม่ไปปรุงแต่งกับสิ่งที่รู้ที่เห็นมากเกินไป บวกกับควรต้องมีการศึกษาพระธรรมมีข้อมูลทางธรรมอยู่บ้าง พอเกิดสภาวะต่างๆขึ้นมาเราก็จะทราบดีว่าควรจะรับมือหรือวางใจอย่างไรน่ะครับ

    บางทีเราเอาสติหยั่งรู้ระลึกกายใจอยู่ดีๆก็มีอาการต่างๆเช่น ร้อนๆหนาๆ ปวดศีรษะบ้าง ชีพจรเต้นเร็วบ้าง มีอาการเจ็บปวดร่างกายตรงส่วนใดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ บางทีก็เหมือนมีมดมีแมลงไต่ไปมาตามตัว ฯลฯ

    อาการต่างๆเหล่านี้ถ้าคนที่เริ่มฝึกกรรมฐานจริงจัง(ยิ่งโดยเฉพาะสายที่ฝึกเกี่ยวกับเวทนา) จะมีสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นกับกายค่อนข้างชัดเจน ต้องอาศัยการตั้งสติและกำหนดรู้ดูไปเฉยๆ อย่าไปตื่นตระหนกหรือยินดียินร้ายมากเกินไป ตามดูเวทนาที่เกิดเหล่านั้นไปเรื่อยๆที่สุดร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะสมดุลเองน่ะครับ

    ปล.ถ้าทางโยคะจะมีอธิบายถึงเรื่องกายทิพย์กับกายเนื้อว่ามีส่วนเชื่อมโยงกันอยู่ การที่คนเราทำสมาธิจะมีผลต่อกายทิพย์โดยตรง เป็นการสลายขันธ์วิบากบางอย่างไปในตัว (วิบากที่ติดกับกายทิพย์ก็จะค่อยๆสลายและหลุดออกไปจากกายทิพย์ด้วยกำลังของสมาธิ)

    ในหนังสือของคุณ ไชย ณ พล กล่าวว่า การนั่งสมาธิก็เหมือนกับการทำให้โมเลกุลธาตุขันธ์ต่างๆในร่างกายเป็นระเบียบ เมื่อโมเลกุลธาตุขันธ์ในร่างกายเป็นระเบียบ ภาวะกายใจก็จะเสถียรและเกิดความสมดุลขึ้นมา เหมือนเหล็กที่กลายเป็นแม่เหล็กเพราะถูกส่งกระแสไฟฟ้าผ่าน แล้วทำให้โมเลกุลจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบน่ะครับ(คลื่นสมองของคนทำสมาธิที่ส่งผลต่อร่างกายโดยรวมก็ลักษณะเดียวกัน)
     
  20. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    กรณีดูเฉยๆ เป็น "สติปัฏฐาน"


    สำหรับวิชชาด้านธาตุ ก็ดูธาตุ
    ธาตุคือธรรม เมื่อดูอย่างมีสติ
    ก็คือ "ธรรมานุสติปัฏฐาน"


    ไม่ต่างกัน


    แต่ร่างกายก็เป็นไปเอง ไม่ได้ใช้มัน น้ำออกจมูก
    อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ไม่หิวข้าว ลมเดินในท้อง
    ปากเป็นแผลพุพองร้อนในแสบร้อน
    ข้อพับเริ่มปวดแข็งขัดขยับไม่ค่อยได้


    ก็เป็นธรรมดาหนึ่ง ที่บางคนพบ บางคนไม่พบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...