อาลัย"ครูบาผัด" พระเกจิดังล้านนา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 25 พฤศจิกายน 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,496
    อาลัย"ครูบาผัด" พระเกจิดังล้านนา

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวล้านนา ถึงวารกาลสูญเสียครั้งสำคัญ

    ด้วย "ครูบาผัด" เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล พระเกจิดังแห่งล้านนา เจ้าตำรับตะกรุดมหากาสะท้อนกลับ และตะกรุดหัวใจพุทธคุณ 108 อันโด่งดังแห่งวัดศรีดอนมูล ได้ละสังขารอย่างสงบ ด้วยวัยวุฒิ 82 ปี พรรษา 65 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2550

    หลังเข้ารักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลเทพปัญญา เมืองเชียงใหม่ ด้วยอาการโรคหัวใจ ความดันโลหิต ต่อมลูกหมาก และโรคไต โดยอาการทรงและทรุดมาตลอด จนสุดความสามารถเยียวยาของคณะแพทย์ คณะศิษย์ของครูบาผัด จึงตัดสินใจนำท่านกลับมายังวัด ก่อนจะมรณภาพอย่างสงบภายในวิหาร

    สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง

    "ครูบาผัด ผุสสิตธัมโม" หรือ "พระครูพิศิษฏ์สังฆการ" เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสารภี

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ผัด เจริญเมือง เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2468 ณ บ้านเลขที่ 5 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

    ในช่วงวัยเยาว์ เรียนจบชั้น ป.4 จากโรงเรียนวัดป่าแคโยง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

    เมื่ออายุ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดป่าแคโยง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยมีพระอธิการอินตา วัดสันกลาง ต.ดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นพระอุปัชฌาย์

    กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2488 ณ วัดกองทราย ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยมีพระอธิการหมั้น นันโท วัดป่าเปอะ ต.ท่าวังตาล อ.สารภี เป็นพระอุปัชฌาย์

    มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2489 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนวัดป่าแคโยง อ.สารภี เชียงใหม่ นอกจากนี้ ท่านยังใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม ทำให้มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาล้านนา งานนวกรรมช่างไม้ ช่างปูน เป็นต้น

    ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2493 เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล พ.ศ.2493 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอสารภี ฝ่ายสาธารณูปการ รูปที่ 1 และเป็นเจ้าคณะอำเภอสารภี และสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสารภี

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2516 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ที่พระครูพิศิษฏ์สังฆการ พ.ศ.2532 เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

    ครูบาผัด ได้สร้างคุณูปการไว้อย่างมากมาย อาทิ มอบทุนการศึกษาแก่ภิกษุ-สามเณร เป็นประจำปี มอบอุปกรณ์การศึกษาแก่โรงเรียนต่างๆ ภายในอำเภอสารภี

    งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี 2513-2536 เป็นพระธรรมทูตอำเภอสารภี เป็นกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลชมพู อ.สารภี เป็นรองประธานกรรมการศูนย์เผยแพร่ธรรมอำเภอสารภี

    งานสาธารณูปการที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ก่อสร้างซุ้มประตูวัด กำแพงรอบวัด อุโบสถ ศาลา 200 ปี สร้างสะพานครูบาผัดสามัคคี ข้ามแม่น้ำแม่สลาบ เชื่อมต่อหมู่บ้านตำบลชมพู และหมู่บ้านป่าแดด อ.สารภี

    ประกอบกิจกรรมของสงฆ์ตลอดโดยไปร่วมประชุมกับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่เป็นประจำ

    ด้านวัตถุมงคล ครูบาผัด ได้รับการถ่ายทอดการทำตะกรุดกาสะท้อนกลับจากครูบาสม แห่งวัดป่าแดด อ.สารภี จ.เชียงใหม่ แต่ท่านได้นำมาปรับปรุงพัฒนาปลุกเสกใหม่ ผลิตขึ้นมาอย่างสวยงาม โดยทำจากครั่งพุทธาตายพราย พันกับแผ่นทองแดงบรรจุอยู่ในหลอดแก้ว เสริมอานุภาพพุทธคุณอย่างเข้มขลัง ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และจะสะท้อนกลับไปหาผู้ที่ปล่อยของมนต์ดำนั้น

    ตะกรุดหัวใจพุทธคุณ 108 เขียนอักขระยันต์แบบล้านนาไว้ในแผ่นทองแดง หรือแผ่นเงินบรรจุในหลอดแก้ว คุณสมบัติ แก้คุณไสยทุกชนิด นำไปแช่น้ำดื่มหรืออาบทำให้สิ่งเลวร้ายหลุดพ้นจากตัว หรือแช่น้ำไปประพรมทั่วบ้าน ป้องกันสิ่งชั่วร้ายมาใส่บ้าน ถูกผีเข้าหรือถูกพวกอวิชชาเล่นคุณไสยใส่ แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆ นานา

    ตะกรุดประสิทธิเวชมหาลาภ 3 กษัตริย์ เขียนพยัญชนะอักขระคาถาล้านนาไว้ในแผ่นเงิน, ทองแดง, ทอง ม้วนอยู่ในหลอดแก้ว อย่างสวยงาม คุณสมบัติ เป็นตะกรุดเมตตามหานิยม

    ส่วนตำรับการทำตะกรุดหนังลูกวัวของครูบาผัด เป็นตำราของทางภาคเหนือที่พระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนือหลายท่านทำกัน แต่ตะกรุดชนิดนี้ นานครั้งถึงจะได้ทำ เนื่องจากต้องทำมาจากหนังลูกวัวที่ตายในท้องแม่ ซึ่งหายากกว่าการหาแผ่นโลหะมาทำตะกรุดทั่วไป แต่ถ้าหามาได้และทำถูกต้องตามตำราแล้ว ตะกรุดชนิดนี้เชื่อกันว่ามีอานุภาพทางคุ้มครองป้องกันตัว

    ครูบาผัด ถือเป็นพระเกจิอันดับ 1 ใน 9 ของพระเกจิล้านนาแห่งยุค อีกทั้ง ท่านยังเป็นพระอาจารย์ของพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อย เตชะปัญญโญ พระเกจิชื่อดังแห่งล้านนาอีกรูปหนึ่ง

    สำหรับครูบาน้อยเป็นลูกศิษย์ครูบาผัดตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยครูบาผัด ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ ให้มากมาย โดยเฉพาะการปลุกเสกตะกรุดมหากาสะท้อนกลับ และตะกรุดหัวใจพุทธคุณ 108

    ครูบาผัด เคยกล่าวปรารภว่า "อาตมามีชีวิตผ่านพ้นภัยพิบัตินานาประการ มาจนถึงปัจฉิมวัย รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดมาใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนา"

    นอกจากนี้ ครูบาผัด มักจะพร่ำสอนลูกศิษย์ทั้งพระภิกษุสงฆ์สามเณรเสมอ ว่า "เราเป็นพระเป็นสงฆ์เป็นสามเณร ต้องขยัน หลับดึก ตื่นเช้า ฟังธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิ และออกบิณฑบาต ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ อย่าขี้เกียจอย่าคร้าน ทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุดให้มีความสุขสนุกกับงาน เมื่อมีความสุขกับการทำงานทำให้ชีวิตนั้นจะพบแต่ความสุข เพราะได้ทำงาน ให้มีสติก่อนจะทำอะไรให้คิดก่อนทำ ทำก่อนคิดคิดดีทำดี แล้วทุกอย่างก็จะมีผลดีตามมา โดยให้ยึดถึงหลัก 4 ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา การดำรงชีวิตนั้น จะต้องออมอด อดออม และอดทน"

    ด้วยความที่เป็นครูบาผัด เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อได้รับนิมนต์ไปประกอบพิธีสงฆ์ยังที่ต่างๆ ท่านจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ตั้งจิตอธิษฐานด้วยบารมีพลังจิตอันแน่วแน่ เพื่อให้งานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหรือวัตถุมงคล สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

    แต่ด้วยอายุขัยที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราภาพ เมื่อถูกนิมนต์ไปร่วมประกอบพิธีพุทธาภิเษกงานวัตถุมงคล ครูบาผัดจะสวดมนต์คาถาและนั่งปรกใช้สมาธิพลังจิตอย่างเต็มที่ ใช้พลังจิตบารมีทุ่มเทให้กับงานที่รับกิจนิมนต์ บ่อยครั้งทำให้ท่านอ่อนแรง สุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม กระทั่งเกิดล้มป่วยอาพาธเป็นประจำ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง

    ครูบาน้อยในฐานะลูกศิษย์ ตัดสินใจเข้าพิธีนิโรธกรรม เพื่อทำพิธีให้ครูบาผัดหายจากอาพาธ โดยไม่ฉันอาหาร 7 วัน และนั่งสมาธิอยู่ในจุดที่กำหนดไว้ ฉันแต่น้ำ โดยทำประจำทุกเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี ปรากฏว่าได้ผล ครูบาผัดหายจากอาการอาพาธ

    อย่างไรก็ดี ครูบาน้อย กำหนดจะเข้าพิธีเข้านิโรธกรรมอีกครั้งวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 แต่ครูบาผัดอาพาธหนัก กระทั่งมรณภาพในที่สุด

    ทั้งนี้ คณะสงฆ์และกรรมการวัด ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศล สวดอภิธรรมศพ จนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 กำหนดจัดพิธีทำบุญครบรอบ 50 วัน 100 วันตามลำดับ และขอพระราชทานเพลิงศพในโอกาสต่อไป

    พร้อมทั้งทำพิธีเก็บศพถาวรบรรจุไว้ในโลงไม้สักทอง เพื่อให้บรรดาพุทธศาสนิกชนเคารพบูชาและสักการะ

    ---------------
    ที่มา:ข่าวสด
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd055MHhNUzB5TlE9PQ==
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...