อาหารที่เหลือจากการตักบาตร

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย faikawin, 11 ธันวาคม 2011.

  1. faikawin

    faikawin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอรบกวนถามนะคะ คือว่าอยากทราบว่าเวลาเราตักบาตร แล้วของที่เรานำมาตักบาตรเหลือ อยากจะทราบว่าเราจะนำของที่ตักบาตรเหลือมาทานต่อได้มั้ยคะ แล้วของที่นำไปใส่บาตรเราจะแบ่งใส่เป็น 2 ส่วนได้มั้ยคะแบบว่าส่วนหนึ่งเราทานเอง แต่อีกส่วนไว้ถวายพระ แล้วจะได้รับกรรมเป็นเปรตมั้ยคะ แล้วมีวิธีแก้ไขมั้ยคะ :'(
     
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ไม่ควรจะนำมากินต่อนะ ถ้าของเหลือจากการตักบาตร ควรจะนำไปถวายเพลพระที่วัดไหนก็ได้

    ถามว่า ทำไมผมวินิจฉัยเช่นนั้น เพราะว่า "เจตนา" ของคุณนั้น คุณต้องการใส่บาตรพระ ถูกมั้ย คุณตัดของนั้นเป็นของพระไปแล้ว ขาดแต่อากัปกิริยาหยิบของใส่บาตรพระเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น เจตนาตรงนี้สำคัญ

    เคยได้ยินที่พระท่านสอนว่า ตั้งใจจะใส่บาตร หรือตั้งใจจะทำบุญ แต่ยังไม่ได้ทำ ก็ตายเสียก่อน ก็ยังได้บุญเต็ม เพราะอะไร เพราะเจตนาของเรานี่แหละ เราตัดของนั้นออกไปแล้ว ตั้งใจจะถวายเป็นของสงฆ์ แต่มาตายเสียก่อน บุญนั้นจึงได้เต็ม

    ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าวินิจฉัยว่ากรณีนี้ เมื่อตั้งใจจะใส่บาตรพระ แต่ใส่ไม่หมด จึงเอากลับมากิน แล้วไม่บาปนั้น ก็ออกจะเป็นการวินิจฉัยที่ดูพิกลไปหน่อย

    คำถามในส่วนที่สองที่คุณถามว่า ของที่นำไปใส่บาตร เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนได้มั้ย ต้องแยกแยะตอบดังนี้
    1 ถ้าคุณเจตนาจะแยกของสองส่วนก่อนใส่บาตร อย่างนี้ไม่ผิด
    2 แต่ถ้าคุณกำลังจะใส่บาตรอยู่ เกิดนึกเสียดายของขึ้นมา ก็เลยแยกของ อย่างนี้ก็คงไม่ต้องตอบว่าผิดหรือไม่ผิด

    ขอให้ระลึกไว้ว่า องค์ประกอบส่วนหนึ่งของการทำบุญให้ได้บุญนั้น ก็คือ ผู้ให้บริสุทธิ์

    คำว่าผู้ให้บริสุทธิ์หมายถึงอะไร ก็หมายถึง "ใจ" ของผู้ให้นั่นแหละ เป็นใจที่บริสุทธิ์ เมื่อตั้งใจจะให้แล้ว ก็ไม่นึกเสียดาย ไม่มีการลังเลแต่ประการใด หากแต่เป็นการ "ตัดออก" "สละออก" อย่างแท้จริง

    สำหรับในส่วนทีสามที่คุณถามว่า จะได้รับกรรมเป็นเปรตมั้ย มีวิธีแก้ไขอย่างไร ตรงนี้ขอบอกว่า กรรมเป็นสิ่งที่ซับซ้อนพิสดารเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่า คุณจะต้องไปเป็นเปรต เพราะมีปัจจัยแทรกต่างๆมากมาย ปัจจัยที่สำคัญสุดอย่างหนึ่งก็คือ "จิตสุดท้ายก่อนตาย"

    สำหรับวิธีป้องกันแก้ไขเมื่อทำผิดไปแล้วก็คือ
    1 อย่าทำผิดอีก
    2 อย่าไปนึกถึงบาป แต่ให้ระลึกถึงบุญกุศลแทน ขอให้วางความทุกข์นี้ลงเสีย เพื่อคำว่า "สุคติ" เป็นที่ตั้งนั่นเอง
     
  3. bhumarin

    bhumarin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +24
    กำลังทรัพย์มีน้อย ก็ทำตามเหตุตามผล
    อย่างเช่นเราทำกับข้าวอย่างเดียว แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ,ส่วนหนึ่งเพื่อครอบครับ
    อีกส่วนเพื่อถวายพระ
    เรามีเจตนาที่บริสุทธิ์ และไม่ทำให้ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน
     
  4. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ขอถาม ด้วยนะครับ กรณีที่ตั้งใจจะใส่บาตรและได้กล่าวอฐิษฐานถวายใส่บาตรไปแล้วแต่ พระไม่ได้มารับบาตร แล้วเรานำของนั้นไปถวายพระพุทธ อย่างนี้จะได้บุญหรือเปล่า และ จากนั้นเราได้ทำการลา (เสสัง ฯ) นำมารับประทานจะบาปไหม
     
  5. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    :cool:ช่วงวันพ่อที่หมู่บ้านมีการใส่บาตรอาหารแห้ง:boo: พอดีพระในม.ได้รับนิมนต์ไปม.อื่นบางส่วน({) จึงใส่บาตรจนครบและมีเหลือก็ใส่อีกบางส่วน:cool: จนเต็มบาตร และมีเหลือหน่อย :boo:จึงบอกพระไว้เก็บไว้ทานนิดหน่อย คงไม่เป็นไรมัง({) บุญอาจจะตกหล่นนิดหน่อย และถือว่าเป็นของก้นบาตรเก็บไว้ทานในโอกาสหลัง(k) ไม่ทราบว่าคิดผิดไหม ส่วนตัวคิดว่าไม่:boo: เพราะใจเคยคิดว่าเราได้ลดความตระหนี่แล้ว :boo:อีกทั้งไม่คิดเสียดายทั้งสิ้น ใครมีความคิดเช่นไร({) ยินดีรับครับ...:cool::boo:({)(k):cool:
     
  6. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    ถวายข้าวพระพุทธรูป

    ผู้ถาม : ผมถวายข้าวพระพุทธรูปที่บ้าน แล้วเอามาทานได้ไหมครับ?

    หลวงพ่อ : ถ้าที่บ้านเราไม่มีโทษนะ ถวายข้าวพระพุทธรูปเป็นการบูชา
    ความดีพระพุทธเจ้า ในเมื่อบูชาเสร็จก็ลาท่านมากินได้ เว้นไว้แต่ที่วัด
    ที่วัดข้าวถวายพระพุทธรูปเสร็จแล้วเอาไปกิน อย่างนี้ไม่ถูก
    ถ้าที่วัดนะต้องเก็บไว้ถวายเพลกับพระ เพราะเป็นพุทธบูชาด้วย
    เป็นสังฆทานด้วย เราะจะกินได้ต่อเมื่ออาหารที่พระสงฆ์ท่าน
    ไม่ต้องการ พระสงฆ์ฉันแล้วก็เอาไปกินได้


    ผู้ถาม : อย่างหนูทำบุญบ้านเลี้ยงพระเพลแล้ว เอาข้าวถวายพระพุทธ
    ตอนเพลด้วย ชาวบ้านเขาว่าไม่ดีจริงไหมคะ

    หลวงพ่อ : ถวายพระพุทธเวลาไหนก็ตาม เป็นพุทธบูชา
    ไปฟังชาวบ้านก็กลุ้มใจตาย มันรู้อะไรมากไปหว่าถวายก็เป็นบุญ
    เวลาไหนก็เป็นบุญ เวลาไหนก็ได้เว้นเวลาเดียวเวลาที่เราหลับ

    ผู้ถาม : เรื่องบูชานี่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ

    หลวงพ่อ : บูชานี่ไม่ใช่ถวายทาน การถวายให้ท่านฉันนั่น
    เป็นการถวายทาน ต้องเลือกเวลา นี่บูชาไม่เกี่ยวกัน บูชาแปลว่า
    ยอมรับนับถือนึกมาเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อนั้น

    หลวงพ่อ(ฤาษี) ตอบปัญหาธรรม

    ฉบับพิเศษ เล่ม ๙


    ปล.ข้าวที่เหลือจากการใส่บาตรก็เช่นเดียวกัน และแม้แต่การแก้บน ถ้าไปแก้บนที่วัดอาหารที่นำไปไม่ควรนำกลับมารับประทาน ควรถวายเพลให้พระสงฆ์จะเป็นบุญอีกต่อหนึ่ง

    แต่ถ้าแก้บนที่บ้าน(ห้องพระที่บ้าน) บอกลาแล้ว นำมารับประทานได้ (อ่านจากหนังสือหลวงพ่อฤษี)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  7. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    คำตอบจากหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน (ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    ถาม : พอเราถวายข้าวพระพุทธที่บ้านแล้ว เราสามารถจะลามากินเองหรือใส่บาตรพระได้หรือไม่คะ ?
    ตอบ : ได้ จ้ะ ถ้าหากไม่มีพระมาบิณฑบาตเราก็สามารถเอาไปกินไปใช้เองได้ เพราะพระที่บ้านก็เหมือนเราบูชาท่านเฉย ๆ แต่ถ้าเป็นของที่ถวายพระที่วัดแล้ว จะเป็นของสงฆ์ ถ้าเราเอามากินมาใช้ก็จะติดหนี้สงฆ์ ต้องชำระหนี้สงฆ์จ้ะ


    ที่มา
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔
     
  8. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493

    ได้:cool:

    ไม่บาป
     
  9. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    หนังสือหลวงพ่อ(ฤาษี) ตอบปัญหาธรรมนั้นไปหาซื้อมาอ่านได้ที่วัดท่าซุง มีคำตอบทุกอย่างที่เราสงสัย^^
     
  10. faikawin

    faikawin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
     
  11. ณัฐธยาน์12

    ณัฐธยาน์12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +612
    ทุกอย่าง อยู่ที่ เจตนา บุญ คือความสบายใจ ทำแล้วสบายใจ ไม่เบียดเบียนใครมา เป็นของที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ .....อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวคะ :d
     
  12. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    จะบาปหรือไม่ ผมไม่ขอออกความเห็น

    แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ เจตนาของคุณแกว่งไป

    เจตนาของคุณในตอนแรกก็คือ คุณต้องการตักบาตรเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ประทังชีพจากอาหารของคุณ ถูกมั้ย ในเมื่อพระไม่มา คุณก็ควรจะนำอาหารไปถวายเพลพระที่วัดเสีย การที่คุณนำไปถวายพระพุทธ พระพุทธรูปฉันอาหารได้มั้ย ? แล้วสุดท้ายใครกินละ ? ก็เท่ากับเจตนาคุณในการทำบุญเมื่อมีอุปสรรคเกิดขึ้น เจตนาเดิมก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มั่นคงเสียแล้ว

    จะบอกให้ทราบว่า บางคนที่เค้าทำบุญนะ เค้ามีจิตที่ละเอียดมาก

    สมมติว่าเค้าเป็นมนุษย์เงินเดือน เค้าตั้งใจว่า จะใช้คำว่าตั้งใจ เดี๋ยวไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่า เค้าให้สัจจะกับตัวเองดีกว่า ว่าเดี๋ยวเงินเดือนออก จะถวายเงินสร้างพระพุทธรูป 3,000 บาท

    ถ้าเป็นเราๆท่านๆทั้งหลายทำยังไง อ้อ เงินเดือนออกเหรอ เดี๋ยวต้องกันมาเป็นค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าบัตรเครดิต ค่าใช้จ่ายส่วนตัวก่อน เหลือ 3000 ค่อยทำบุญ เผลอๆ ทำไปทำมา ที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำบุญ 3000 ก็อาจจะไม่ถึง อาจจะลดลงเหลือแค่ 2000 หรือแค่ 1000 จริงมั้ย

    แต่....แต่คนที่เค้าละเอียด คนที่เค้าตั้งใจมั่น คนที่เค้ารักษาสัจจะกับตัวเองนะ คุณรู้มั้ย เค้าทำยังไง

    ทันทีที่เงินเดือนออกปุ๊ป เค้าไปกดเอทีเอ้มเอาเงินออกมาก่อน 3,000 เงินนั้นเป็นเงินส่วนแรกของเงินเดือนประจำเดือนนั้น เค้ากดออกมาเพื่อนำไปทำบุญก่อนอื่นเลย เพราะเค้าถือว่านั่นเป็นความตั้งใจอันบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น เงินที่หามาได้น้ำพักน้ำแรง เงินก้อนแรกก็ควรจะนำไปสร้างบุญสร้างกุศลตามที่เค้าตั้งใจก่อน

    ถามว่า มีคนสักกี่คน ที่จะทำได้เพียงนั้น

    คนเราเดี๋ยวนี้นะ ไม่มั่นคงในการทำความดี ไม่รักษาสัจจะในการทำความดี

    หลวงปู่ประเสริฐที่ท่านมรณภาพไปแล้ว ครั้งหนึ่งท่านเล่าเปรียบเทียบให้ผมฟังว่า สมมติว่าเทวดาบอกว่าจะไปเชียงใหม่ ต่อให้ต้องหามไป ก็ยังต้องไป

    นั่นแหละเป็นข้อเปรียบเทียบว่าสัจจะเป็นเรื่องสำคัญ แล้วสัจจะในการทำความดีก็ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญเข้าไปใหญ่

    ก็โปรดพิจารณาให้ดีแล้วกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  13. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    หลวงพ่อ(ฤาษี) ตอบปัญหาธรรม
    ฉบับพิเศษ เล่ม ๙
    เอาของไหว้เจ้ามาทำบุญ

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา ขอถามปัญหานิดหนึ่งว่าของที่ไหว้เจ้า
    แล้วมีมากเหลือเกิน ถ้าลูกจะนำไปถวายพระใส่บาตรพระ
    จะมีโทษมีบุญมีกุศลหรือไม่เจ้าคะ?

    หลวงพ่อ : เดี๋ยวก่อน บูดหรือไม่บูด ถ้าไม่บูดได้นะ จริง ๆ นะ

    ผู้ถาม : ที่เขาว่าของเหลือเดนผี ของเหลือเดนเจ้า

    หลวงพ่อ : โอ้ย! เดนคนพระพุทธเจ้ายังไม่ถือเลย นี่เป็นความจริงนะ
    ผู้ถาม เวลาเราใส่บาตรไปแล้ว ถ้าหากว่าพระไม่ได้ฉันอาหารของเรา เราจะได้บุญไหมคะ..?
    หลวง พ่อ บุญมันเริ่มได้ตั้งแต่คิดว่าจะให้แล้วนะ พระจะฉันหรือไม่ฉันไม่ใช่ของแปลก คือการให้ทาน ตัวให้นี่มันตัดความโลภ และตัวให้นี่กันความจนในชาติหน้าอันดับรองลงมา"ทานัง สัคคโส ทานัง" "ทานเป็นบันไดให้เกิดในสวรรค์"
    ทีนี้พอเราเริ่มให้ปั๊บ มันเริ่มได้ตั้งแต่เราตั้งใจ การตั้งใจน่ะ มันตัดสินใจเด็ดขาดแล้วนะ เช่น คิดว่าพรุ่งนี้จะใส่บาตร ข้าวขันนี้เราไม่กินแน่นอนคิดว่าเราจะไม่กินเอง ตั้งแต่วันนี้ คิดว่าจะใส่บาตรนี่บุญมันเกิดตั้งแต่เวลานี้

    แต่พอถึง พรุ่งนี้ต้องใส่จริง ๆ นะ อย่านึกโกหกพระไม่ได้นะ ไม่ใช่แกล้งนึกทุกวัน ๆ คิดว่านึกได้บุญ เลยไม่ได้ใส่บาตรสักที นี่ดีไม่ดีฉันพูดไปพูดมาเสียท่าเขานะ

    แต่คิดว่าจะทำจริง ๆ นะ คือพรุ่งนี้จะใส่บาตรแน่ ๆ แต่ว่าวันนี้เกิดตายก่อน นี่ได้รับ ๑๐๐ % เลย ก็อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านบอกนั่นแหละ

    "เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ"

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าตัวตั้งใจเป็นตัวบุญ"

    พระ พุทธเจ้าบอกว่ามันมีผลตั้งแต่การตั้งใจเริ่มสละออก พอคิดว่าเริ่มจะทำ อารมณ์มันตัดตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว ถือว่าไม่ได้เป็นของเราแล้ว มันได้ตั้งแต่ตอนนั้น


     
  14. peerayuth

    peerayuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,004
    แล้วถ้ากรณีที่เผลอทำของที่ใส่บาตรตกพื้นหละครับ ถ้าถวายไปก็บาปเต็มๆ อย่างนั้นเราเอามากินเองได้ไหมครับ
     
  15. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    555 เดี๋ยวค่อยมาตอบ สงสัยต้องตอบละเอียดสักหน่อย

    มีปัญหาอะไรถามมาเลยครับ
     
  16. peerayuth

    peerayuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,004
    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    เรื่องของใส่บาตรตกพื้นนั้นบางทีก็ตัดสินใจยากครับ เช่นขนมที่ห่ออยู่ในถุงพลาสติกแน่นหนาอย่างดี เวลาตกพื้นมันก็สกปรกแค่ห่อ ไม่ได้สกปรกที่ตัวขนม แต่เพื่อความสบายใจก็เลยไม่กล้าใส่บาตร

    แต่มีอยู่คราวนึง ผมได้ใส่บาตรหลวงปู่รูปนึงซึ่งผมมั่นใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์เพราะท่านเป็นศิษย์เอกของพระเกจิวัดป่าองค์นึงที่โด่งดังมากของประเทศไทย เผอิญขวดน้ำที่ผมเตรียมถวายลื่นหลุดจากมือตกพื้น ผมก็จะขอคนขายเปลี่ยนขวดใหม่ แต่หลวงปู่ท่านยิ้มด้วยเมตตาและบอกให้ผมถวายขวดนั้นมาเลย ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยน สรุปแล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะบาปหรือเปล่า
     
  17. ็HEAVEN CEMETERY

    ็HEAVEN CEMETERY Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +26
    สุสานสวรรค์

    พิจารณาที่ เจตนา เป็นที่ตั้งสินะครับ

    ;k07

    เชิญชม BLOG ทำบุญบริจาคโลงศพเพื่อการกุศลครับ
    >>>>>>>>>>> คลิก <<<<<<<<<<<
     
  18. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เอาละ ขอตอบปัญหาจากเหตุการณ์จริงเสียก่อน ที่คุณเล่ามานั้น ไม่บาปครับ

    เพราะอะไร เพราะหลวงปู่ท่าน งดโทษ ให้กับคุณเสียแล้ว โทษนั้นก็เป็นอันหมดไป ที่สำคัญคุณไม่ได้เจตนาทำให้หล่นนี่ครับ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ขอให้วางใจได้ และอย่าไปนึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณไม่สบายใจอีก

    กลับมาที่คุณถามในคำถามแรกก็คือ ถ้าเราเผลอทำของที่ใส่บาตรตกพื้น ถ้าถวายไปก็บาปเต็มๆ อย่างนั้นเราเอามากินเองได้ไหมครับ

    คำตอบก็คือ จะเอามากินเองได้หรือไม่นั้น ต้องขออนุญาตจากพระที่ท่านมาบิณฑบาตก่อน

    ถ้าเป็นผม ผมจะทำอย่างนี้ สมมติว่าทำผลไม้หล่นพื้นก่อนจะใส่บาตรแล้วกัน เรารู้ว่าถ้าเราใส่บาตรไปเราไม่สบายใจแน่ ต่อให้ล้างน้ำออกก็ตาม ผมก็จะเอาผลไม้ผลนั้นมาวางข้างๆของที่จะใส่บาตร เมื่อใส่บาตรของอื่นหมด เหลือเพียงผลไม้ลูกนั้น ผมก็จะกล่าวขึ้นว่า

    "พระคุณเจ้าขอรับ ผลไม้นี้ผมตั้งใจจะใส่บาตร แต่ทำหล่นพื้นเสียก่อน เลยคิดว่าไม่สมควรจะใส่ผลไม้นี้ลงในบาตรพระคุณเจ้า แล้วแต่พระคุณเจ้าจะเห็นสมควรจะให้ทำอย่างไรกับผลไม้นี้ดี"

    ถ้าพระที่มาบิณฑบาตพูดในทำนองว่า ใส่บาตรมาเถอะ ไม่เป็นไร อย่างนี้คุณก็ใส่ไปได้ ไม่เป็นโทษ เพราะท่านงดโทษให้กับคุณแล้ว ที่สำคัญคุณต้อง "ตัดใจ" อย่าให้ใจไปย้ำคิดย้ำทำว่า เราใส่บาตรของที่ตกพื้น เพราะนั่นจะทำให้ใจคุณไม่ อิ่มบุญ

    แต่ถ้าพระที่มาบิณฑบาตท่านพูดในทำนองว่า เอ้า ถ้าโยมไม่สบายใจ โยมก็เก็บไว้กินเองเถอะ อ้า ถ้าอย่างนี้ คุณก็ไม่มีโทษแต่ประการใด เพราะท่านอนุญาตแล้ว

    นี่แหละ เป็นการทำบุญโดยใช้ปัญญา นอกจากเป็นการบำเพ็ญทานบารมีแล้ว เรายังบำเพ็ญปัญญาบารมีด้วย

     
  19. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ใช่ครับ พิจารณาที่เจตนาเป็นที่ตั้ง

    คำกล่าวที่ว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน" นั้น เป็นสัตย์จริง

    จะทำทานได้ ก็ต้องเริ่มที่ใจ และจบลงที่ใจ
    จะรักษาศีลได้ ก็ต้องเริ่มที่ใจ และสำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยการรักษาใจ
    จะภาวนาได้ ก็ต้องเริ่มที่ใจ และก้าวพ้นวัฎสงสารได้ ก็ด้วยคำว่า "ใจ" อีกนั่นแหละ
     
  20. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความเห็นที่ดีๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...