เคยมีกล่าวถึงอดีตชาติของนางวิสาขาไหมครับ อยากทราบมาก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 7 ธันวาคม 2013.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    เพราะ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็น ดิ ไอดอล ของผมเลย (ผมมี 2 คน อีกคนคือ อนาถบิณฑิกะ ครับ) ทั้งบรรลุโสดาบันตอนอายุยังน้อย มีอายุยืนยาวถึง 120 ปี ทำบุญเป็นอาจิณ และยังมีความงามแบบเบญจกัลยาณี (แปลว่า ผู้มีความงาม 5 ประการ) หมายถึงสตรีผู้มีศุภลักษณ์หรือลักษณะที่งาม 5 ประการ คือ
    -ผมงาม คือมีผมเหมือนหางนกยูง เมื่อสยายออกทิ้งตัวลงมาถึงชายผ้า
    -เนื้องาม คือมีริมฝีปากแดงเหมือนลูกตำลึงสุก เรียบสนิทมิดชิดดี
    -ฟันงาม คือขาวเหมือนสังข์และเรียบเสมอเหมือนเพชรเรียง
    -ผิวงาม คือถ้าผิวดำก็ดำสม่ำเสมอเหมือนดอกอุบล ถ้าขาวก็ขาวเหมือนกลีบดอกกรรณิการ์
    -วัยงาม คืองามทุกวัย แม้คลอดบุตรมาแล้ว 10 ครั้งก็ยังดูสาวพริ้งอยู่

    อยากทราบว่าอดีตชาติเคยทำบุญอะไรไว้ เห็นว่าถือศีล แล้วเคยไปอยู่บนสวรรค์มาใช่ไหมครับ ได้ยินคร่าวๆ+คาดเดา ใครรู้ชำนาญด้านนี้บอกทีนะครับ เป็นวิทยาทาน ผมอยากสอนพระพุทธศาสนาให้คนอยากรู้ก็เลยมาเก็บเกี่ยวในนี้

    ขอบคุณมากๆครับ
     
  2. Youkai

    Youkai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,683
    เหตุที่เกิดมาสวย

    ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึงต้นเหตุที่นางวิสาขาทำไมจึงสวยเช่นนี้ ตามพระบาลีท่านกล่าวว่า ถอยหลังไปจากชาตินี้ ในสมัยพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก เวลานั้น นางวิสาขาเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา สาวหรือไม่สาวไม่ทราบ คงจะเป็นสาวก่อน และต่อมาก็คงจะเป็นแม่บ้าน ไปใช้ศัพท์ว่าสาวมันอาจจะผิดบาลี แต่ความจริงจะผิดเลยทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่าคนเกิดมาเป็นเด็กแล้วก็เป็นสาว แล้วต่อไปจึงแก่เฒ่าทีหลัง
    เป็นอันว่าในสมัยนั้น นางวิสาขาก็มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าพระพุทธกัสสป เคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เวลาที่เขาจะเทศน์ เขาจะทำบุญกันที่ไหน นางวิสาขาไปด้วยความเต็มใจ ไปฟังด้วยความเคารพ และบำเพ็ญกุศลด้วยความเคารพ แต่ว่านางวิสาขาเวลาที่บำเพ็ญกุศลในจรรยาสัมมาปฏิบัติแล้ว ไม่เคยอธิษฐานหลังจากทำบุญในศาสนาขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า ขอให้ได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม 5 ประการ ความจริงนางวิสาขาไม่ได้อธิษฐานอย่างนี้
    มีความต้องการอย่างเดียว คือการบำเพ็ญกุศลในศาสนาขององค์สมเด็จพระชินสีห์ นางมีความต้องการเฉพาะคือพระนิพพาน หรือความสุขในปัจจุบัน การทำบุญ บรรดาท่านพุทธบริษัท เราได้รับผลกันในปัจจุบัน คือรับความสุขในชาติปัจจุบันนี้ก่อน แล้วต่อไปบุญจึงจะสะท้อนให้เราเข้าสู่พระนิพพานในเมื่อบุญบารมีเต็ม
    ปรากฎว่า ในกาลครั้งหนึ่ง ตามพระบาลีท่านว่าอย่างนั้น เมื่อนางวิสาขาไปฟังเทศน์ เขาบอกกล่าวกันว่ามีพระท่านเทศน์ที่วัดโน้นวัดนี้ นางวิสาขาได้ฟังคำกล่าวว่ามีพระท่านเทศน์ จึงตั้งใจจะไปฟังเทศน์ แต่ในระหว่างทางปรากฎว่า นางวิสาขาไปพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เขาสร้างไว้ในสถานที่โล่งแจ้ง คือตากแดด และพระพุทธรูปนั้นมีรอยร้าวเปลือกกระเทาะ ทองก็ล่อนไปหมด ปูนก็กระเทาะจนแหว่ง แลดูไม่สวยสดงดงาม ไม่เจริญตา นางวิสาขาจึงเข้าไปกราบนมัสการพระพุทธรูป ตั้งใจเจริญใจเป็นพุทธบูชากล่าวปฏิญาณว่า

    สัจวาจา

    “เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากฟังพระธรรมเทศนาแล้ว จะให้ช่างมาทำนุบำรุงพระปฏิมากร รูปแทนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วให้มีความสวยสดงดงาม”
    เมื่อนางไหว้พระพุทธรูป นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า นางก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเทศน์จบคนเขากลับ นางวิสาขาก็กลับ เมื่อกลับมาผ่านพระพุทธรูปนั้นก็เข้าไปกราบอีก กล่าวคำปฏิญาณตามนั้น หลังจากนั้นแล้ว นางวิสาขาเมื่อมาถึงบ้าน จึงได้สั่งให้นายช่างไปจัดการทำนุบำรุงพระพุทธปฏิมากร คือพระพุทธรูป ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ให้ดีคงเดิม พอเสร็จแล้วก็ทาสีหรือว่าปิดทอง ทำตามความนิยมที่เห็นว่าสวยสดงดงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจ หลังจากนั้นนางวิสาขาจึงได้ให้นายช่างปลูกโรงทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป ไม่ยอมให้ตากแดดตากฝนเหมือนเดิม
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นปัจจัยให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม 5 ประการ ทั้งนี้ก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาทรงรับรองเรื่องนี้ว่า การที่นางวิสาขาทำนุบำรุงซ่อมแซมพระพุทธรูปที่เก่าคร่ำคร่า มีสภาพไม่ดี ให้กลับมีสภาพสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ทำความงามให้แก่พระพุทธรูป อานิสงส์นี้จึงสร้างสรรค์ให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ที่กล่าวว่า พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้าย่อมมีเดช มีอำนาจ ความจริงคำว่าเดช คำว่าอำนาจในที่นี้หมายความว่า เราจะได้รับความดีซึ่งเป็นเครื่องตอบสนอง
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมีความปรารถนาความสวย ซึ่งเป็นเหตุสร้างความสุขใจให้เกิดขึ้นแก่ท่าน ก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านปฏิบัติตนเยี่ยงนางวิสาขา จะได้เบญจกัลยาณี 5 ประการ ตามที่กล่าวมาแล้ว
     
  3. InvisibleForce

    InvisibleForce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +659
    นางวิสาขา ได้รับการยกย่องเป็น มหาอุบาสิกาเลิศในผู้ถวายทาน
    ซึ่งการขอตำแหน่งต้องได้ตั้งความปรารถนาต่อหน้าพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน


    นางวิสาขา เป็นอุบาสิกาที่ประเสริฐผู้หนึ่งหาบุคคลเทียบได้ยาก นางเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับอุบาสิกาตราบจนถึงบัดนี้ ประวัติของนางมหาอุบาสิกาผู้นี้ มีเนื้อเรื่องอยู่ในพระไตรปิฎกและอรรถกถามากมาย ดังความย่อว่า

    บุพกรรมของมหาอุบาสิกาวิสาขา
    ดังได้สดับมา นางวิสาขานั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปุทุมุตตระ (ย้อนกลับไปถึงพระพุทธเจ้าองค์ที่ 15 ก่อนหน้านี้) บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี
    ต่อมา กำลังฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสิกาผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ยินดีในการถวายทาน จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น
    นางเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป

    ครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า ก็ถือปฏิสนธิในพระราชมณเฑียรของพระเจ้ากาสี พระนามว่า กิงกิ กรุงพาราณสี เป็นพระราชธิดาองค์หนึ่ง ระหว่างพระพี่น้องนาง ๗ พระองค์ คือ นางสมณี นางสมณคุตตา นางภิกขุนี(ภิกขุณี) นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา(ธรรมา) นางสุธัมมา(สุธรรมา) และนางสังฆทาสี ครบ ๗
    พระราชธิดาเหล่านั้น ในบัดนี้ [ครั้งพุทธกาลชาติปัจจุบัน] คือพระเขมาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระปฏาจาราเถรี พระนางกุณฑลเกสีเถรี (พระภัททากุณฑลเกสาเถรี) พระกิสาโคตมีเถรี พระธรรมทินนาเถรี และนางวิสาขา ครบ ๗
    บรรดาพระราชธิดาเหล่านั้น พระนางสังฆทาสีเวียนว่ายอยู่ใน เทวดาและมนุษย์ถึงพุทธันดรหนึ่ง

    ปัจจุบันชาติสมัยพุทธกาล
    ในพุทธกาลนี้ นางวิสาขาเป็นธิดาของนางสุมนเทวี (สุมนาเทวี) (ภริยาหลวง) บิดาชื่อธนัญชัยเศรษฐี เป็นหลานของเมณฑกเศรษฐี และนางจันทปทุมา ผู้เป็นปู่ย่า ในภัททิยนคร แคว้นอังคะ
    ประมาณพรรษาที่ ๕ แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานั้นนางมีอายุได้ ๗ ขวบ พระทศพลทรงเห็นอุปนิสัยสมบัติของเสลพราหมณ์ และเหล่าสัตว์พวกจะตรัสรู้อื่น ๆ พระองค์พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์ เสด็จจาริกไปถึงนครนั้น ในแคว้นนั้น.
    สมัยนั้น เมณฑกคฤหบดี เป็นหัวหน้าของเหล่าผู้มีบุญมาก ๕ คน ครองตำแหน่งเศรษฐี เหล่าผู้มีบุญมาก ๕ คน คือ
    เมณฑกเศรษฐี ๑
    ภริยาหลวงของเศรษฐี ชื่อจันทปทุมา ๑
    บุตรชายคนโตของเศรษฐี ชื่อธนัญชัย ๑
    ภริยาของธนัญชัยนั้น ชื่อสุมนเทวี ๑
    ทาสของเมณฑกเศรษฐี ชื่อปุณณะ ๑.
    มิใช่แต่เมณฑกเศรษฐีอย่างเดียวดอก ถึงในราชอาณาจักรของพระเจ้าพิมพิสาร ก็มีบุคคลผู้มีโภคสมบัตินับไม่ถ้วนถึง ๕ คน คือ โชติยะ ชฏิละ เมณฑกะ ปุณณะ และกากพลิยะ
    บรรดาคนทั้ง ๕ นั้น เมณฑกเศรษฐีนี้ ทราบว่าพระทศพลเสด็จมาถึงนครของตน จึงเรียกเด็กหญิงวิสาขา หลานสาวซึ่งขณะนั้นนางมีอายุได้ ๗ ขวบ มาแล้วสั่งอย่างนี้ว่า
    แม่หนู เป็นมงคลทั้งเจ้า ทั้งปู่ เจ้าจงพาเกวียน ๕๐๐ เล่ม พร้อมด้วยเด็กหญิง ๕๐๐ คน บริวารของเจ้ามีทาสี ๕๐๐ นาง เป็นบริวาร จงทำการรับเสด็จพระทศพล
    นางฟังคำของปู่ ก็ปฏิบัติตาม แต่เพราะนางเป็นผู้ฉลาดในเหตุและมิใช่เหตุ นางก็ไปด้วยยานเท่าที่พื้นที่ยานจะไปได้แล้ว ก็ลงจากยานเดินไปเข้าเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วยืน ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง

    นางวิสาขาได้โสดาปัตติผลแต่อายุ ๗ ขวบ
    ครั้งนั้น พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดด้วยอำนาจจริยาของนาง จบเทศนา นางก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล พร้อมกับเด็กหญิง ๕๐๐ คน แม้เมณฑกเศรษฐี ก็เข้าไปเฝ้าถวายบังคมพระศาสดาแล้วนั่ง ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง
    พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรด ด้วยอำนาจจริยาของเศรษฐีนั้น จบเทศนา เมณฑกเศรษฐีก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล อาราธนาพระศาสดา เพื่อเสวยในวันรุ่งขึ้น
    วันรุ่งขึ้นก็เลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยอาหารอย่างประณีตในนิเวศน์ของตน ได้ถวายมหาทานโดยลักษณะนั้นครึ่งเดือน พระศาสดาประทับอยู่ ณ ภัททิยนครตามพุทธอัธยาศัยแล้วก็เสด็จหลีกไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...