เปรตชีวาพรจากท่าศาลามาขอส่วนบุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 13 มกราคม 2008.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    เปรตชีวาพรจากท่าศาลามาขอส่วนบุญ
    ณ มูลนิธิชินบัญชร อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
    วันจันทร์ที่ ๗ เดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ เวลาประมาณ ๑๒.๒๐ น.
    ตอนเช้าคุยกับพ่อปู่ฤๅษีเดินดง เรื่องวิญญาณเปรตที่มาขอ บุญในช่วงที่ผ่านมา ท่านว่าวิญญาณเปรตที่มาให้หลักฐานก่อน หน้านี้ ให้ข้อมูลไม่ค่อยจะชัดเจนเท่าที่ควร เมื่อคืนพ่อปู่คุยกับวิญญาณเปรตที่เตรียมมารับบุญในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๕ ซึ่งมูลนิธิฯ จัดงานส่งตายายในเทศกาลเดือนสิบ และได้จัดมาหลายปีแล้ว ในปีนี้จะจัดพิเศษกว่าที่เคยจัดมาแล้ว ทางการยมโลกจะปล่อย วิญญาณมามากกว่าปกติ ประกอบกับเสด็จพ่อพระชินปัญชรมหา ราชได้จัดชั้นเรียนพิเศษ ให้แก่วิญญาณในนรกได้ศึกษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ จนถึงวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ วิญญาณที่ผ่าน การสอบไล่ในวันแรม ๑๕ ค่ำ ที่จัดข้างบน (บนสวรรค์) แล้ว จะได้ มาสอบร่วมกับลูกหลานกายเนื้อที่ได้จัดขึ้นที่มูลนิธิฯในโลกมนุษย์ ในวันที่ ๑๐ และ ๑๑ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นชั้นเรียนสำนึกบาป จาก นั้นถ้าบุญกุศลลูกหลานพอ วิญญาณเหล่านั้นก็จะได้ขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์ ไม่ต้องกลับลงไปรับโทษในนรกอีก พ่อปู่ว่าเปรตที่คุย กันเมื่อคืนมีแววดี พ่อปู่จะส่งมาให้สัมภาษณ์อีกสักราย
    เปรตที่จะมารับส่วนบุญในวันส่งตายายของไท่ชุน วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๕ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ จะมีจำนวนมาก ในตอนสายวันที่ ๗ ตุลาคม ยังไม่ทันเตรียมตัวพร้อม เพราะยุ่ง อยู่กับการจัดสถานที่ เปรตเองเห็นว่าบ่ายงานจะยุ่งมากกว่า จึง ขออนุญาตพ่อปู่มาแสดงหลักฐานก่อนกำหนด พ่อปู่จึงผลักญาณ เปรตให้มาแสดงหลักฐานก่อน เมื่อเปรตมาใช้ร่าง จะร้องโหย หวนน่าสยดสยอง แสดงความเจ็บปวดรวดร้าว มีอาการของ ความหิวโหย เสียงร้องดังก้องไปทั่ว เมื่อร้องอยู่นาน หลายนาที จึงบอกให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ
    เขาให้เรามาเอาบุญ ปากเล็กพูดไม่ได้ (พูดได้แค่นั้นแล้ววิญญาณร้องโหยหวนน่าสพรึึงกลัวต่อเนื่องยาวนาน แสดงถึงความ เจ็บปวด คนที่เจ็บปวดร่างกายร้องโหยหวนอย่างไร เสียงร้องของวิญญาณนี้ก็เป็นอย่างนั้น)
    กูเป็นสัตว์นรก
     
  2. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    คำเเรกที่พญายมทักทายเมื่อคุกเข่า
     
  3. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    เมื่อขึ้นมาแล้ว กูไปที่วัดโน่น แล้วไม่เจอใคร จะเจอใครละ คนที่รู้จัก ๗๐๐ ปีแล้ว คนเป็นลูกหลานไปหมดแล้ว ไปที่วัดไม่ได้ อะไรเลย ที่วัดเมื่อวานเห็นเปรตไปกันเยอะแยะเต็มไปหมด แต่กู ไม่ได้กินอะไรเลย
    ไม่มีพรรคพวก พวกที่ไปก็แย่งชิงของกัน เข้าไปไม่ถึงแย่ง กับเขาไม่ได้
    คนมันแย่งชิง จะเอากลับบ้าน เลยทำให้เปรตรีบแย่ง กินกัน เขาจึงเรียกกันว่าชิงเปรต ถ้าไม่ชิง ให้เปรตกินกันเฉยๆ เปรตมันกินช้า เก้งก้างมือยาวตีนยาว
    ตัวข้าในอีกมิติหนึ่งสูงเท่าต้นตาลได้ ตัวผอม ร้อง(โอยๆๆๆ ร้องยาวยืดต่อเนื่อง ไม่มีเว้นวรรค หยุด เสียงแสดงความเจ็บปวด แต่ก็เป็นลักษณะของการร้องไห้คร่ำครวญ ต้องบอกให้หยุด)
    เหตุที่ต้องร้องอย่างนั้น เสียงระงมไปหมด ในชีวิตประจำวัน ร้องเพื่อจะกินอย่างเดียว ร้องขอบุญจากญาติพี่น้อง ลูกหลาน ญาติพี่น้องที่อยู่บนพื้นโลกนี้ ทุกวันนี้เขาไม่เชื่อ(ร้องขึ้นมาอย่าง หนักอีก เมื่อบอกว่าลูกหลานทุกวันนี้ไม่เชื่อว่ามีชีวิตในอีกมิติหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติพี่น้อง ในสมัยเป็นมนุษย์ ครั้นตายจากกายเนื้อ ไปรอรับบุญจากลูกหลานในกายเนื้อในมิติวิญญาณ ซึ่งเป็นคลื่น พลังงานชีวิต เป็นความลี้ลับของจักรวาล ยากที่มนุษย์จิตหยาบ ในทุกวันนี้จะเข้าใจ การจะเข้าถึงมิติของพลังงานที่เป็นคลื่นความถี่นั้นได้ จะต้องฝึกฝนทางจิต ให้จิตละเอียด ก็จะเข้าถึงมิตินั้นได้)
    ลูกหลานไปวัดก็ไปตามประเพณี ไม่มีจิตใจจะส่งบุญให้กับบรรพชน พ่อแม่ ปู่ย่า ตา ทวด พวกท่านรับรู้ เป็นอย่างนั้นแหละ มันหลอกทั้งนั้น มันรับปากว่าจะให้บุญ แต่มันทำเล่นๆ โกหกทั้งนั้น ไม่ได้ทำจากใจของพวกมัน กูได้นิดเดียว กินไม่อิ่ม หิว
    แต่ถ้าลูกหลานกายเนื้อตั้งอกตั้งใจให้จริงๆ เปรตวิญญาณ ของบรรพบุรุษได้รับอย่างเต็มที่ แต่ไม่มาก เพราะกูอยู่ลึก สุดกว่าเพื่อนก็จริง แต่ก็ได้ นี่เป็นธรรมเนียมของเมืองนรก ว่า เมื่อถึงฤดูตามเทศกาลต่างๆ เช่นเทศกาลส่งตายาย หรือเทศกาล อะไรก็แล้วแต่ ที่ทางโลกมนุษย์ได้จัดขึ้น เขาจะส่งเปรตขึ้นมาขอ ส่วนบุญทุกครั้ง ตรุษจีนก็มา เดือนเมษายนบางครั้งก็ได้มา บางครั้งก็ไม่ได้มา เทศกาลของฝรั่งไม่ได้มา
    ขึ้นมาแต่ละครั้ง หวังจะได้บุญ แต่ไม่ได้บุญ กลับลงไปก็ถูกทำโทษเหมือนเดิม ความเป็นอยู่ของเปรต ในที่กูอยู่จะเหมือนกันหมด มืดมองอะไรไม่เห็น อยู่ในหลุมใหญ่โต บางทีเหมือนกับว่าย น้ำอยู่ในทะเลขี้ บางทีก็อยู่ในที่แห้ง แต่ว่ามืด เหมือนอยู่ในถ้ำ
    บางทีก็เดินในน้ำแค่หน้าแข้ง แค่ตาตุ่มก็มี กูทรมาน ฮือๆๆ
    สภาพความเป็นอยู่ของเปรต จะอยู่ในถ้ำใหญ่เป็นหลุม หลุม ใหญ่ มืดเหมือนกับมีแผ่นเหล็กแผ่นหินปิด อากาศไม่มีหายใจ ปิดมืดหมดไม่เห็นอะไร กูร้องก็ก้องอยู่ในหลุมนั้นแหละ หิวจะกิน อะไร ก็ไม่ได้กิน ฮือๆ
    มีเพื่อนอยู่ร่วมด้วยเยอะแยะเต็มไปหมด หลุมหนึ่งอยู่กันกี่ตัวก็ไม่รู้มองไม่เห็น ได้ยินเสียงร้องกัน มือคว้าไปคว้ามาโดนเพื่อน ถูกต้องตัวกัน แต่ไม่ได้พูดกัน เพราะเจ็บ ต้องร้องกันตลอดเวลา ไม่ได้หยุด ต้องร้องอย่างที่เขาว่ากันว่าเปรตก็คือสัตว์นรกที่อยู่ ด้วยความหิวโหย
    กินลูกไฟก็มี บางทีตาใหญ่ ตาถลนออกนอกตา ตาใหญ่ ตาเป็นลูกไฟ ฮือๆ หลายคนหลายอย่างเป็นไม่เหมือนกัน ท่านสั่งบอกว่าอย่าสำแดงอิทธิฤทธิ์ ถ้าขึ้นมาโลกมนุษย์ กลับลงไปถูกทำโทษหนัก เจ็บอีก อย่าแสดงอิทธิฤทธิ์ให้มา บอกดีๆ ให้มาขอบุญเขาดีๆ เขาเปิดโอกาสให้แล้ว อย่าทำชั่วอีก มิฉะนั้นจะไม่ให้ขึ้น ไม่ให้มาบอก ไม่ให้มาขอบุญจากพี่น้องอีก โอกาสสุดท้ายวันนี้ ให้มาบอกกล่าวอะไร ให้บอกให้หมดอย่าเก็บไว้ เล่าให้มนุษย์เขารู้ ให้ชาวโลกเขารู้ ว่าพวกเปรตสัตว์นรกเหมือน พวกเราอยู่กันอย่างไร อดๆอยากๆ กินเนื้อกินขี้ของตัวเอง ควัก พุงควักไส้ตัวเองออกมากิน เพระหิวเพราะโหย ฮือๆ
    ที่กูเล่าที่กูพูด เขาสั่งให้มาบอกนั่นแหละ กูควักไส้ เอาเนื้อ ตัวเองมากิน เอามือแหวกอกควักหัวใจมากิน กินทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะความที่อด ที่หิว กูกินหมดภายในร่างกาย ในตัวเรานี่ กินตัวเองหมดเลย บางครั้งมันหิว เจ็บ เลือดท่วมตัวก็ต้องกิน กูบอกแล้ว ว่าเปรตอย่างกู ไม่มีใครต้องการ เพราะทำชั่วมากเกินกว่าที่เขาต้องการ ฮือ ๆ
    ครั้งแรกไปถูกทรมานในนรกก่อนหลายร้อยปี พอทรมาน ในนรกจนพอแก่โทษที่ควรแก่การได้รับแล้ว กูก็ไปเป็นเปรต และในวันนี้ ในเทศกาลเดือนสิบ เขาปล่อยขึ้นมา กูจึงได้ขึ้นมา หน้าสถานธรรมในเวลานี้ มีเปรตอยู่มากมาย
    แล้วก็มีวิญญาณอื่นที่มาจากนรก ที่ไม่ใช่วิญญาณเปรต แต่ เป็นบรรพบุรุษของพวกพุทธบริกรที่มาทำงานในวันนี้ มีกันมาบ้าง แล้ว นั่งอยู่ข้างต้นไม้โน่น ฮือๆๆๆ
     
  4. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    พวกเปรตกูมาขอบุญกับพวกสูนั่นแหละ เขาให้มาขอบุญกัน ฮือๆๆ กูไม่มีลูกหลาน ไม่มีพี่น้องแล้ว กูไม่รู้ว่าเขาจะให้กิน หรือเปล่า! กูไม่รู้ ถ้าเบื้องบนที่พวกสูพูดถึงคือคนแก่ๆ ขาวๆ นะ ถ้าเขาอนุญาต หรือบอกให้พวกกูมากิน
    กูหิวเหลือเกินแล้ว กูผอมนี่
    กลับไปครั้งนี้ไม่ดื้ออีกแล้ว กูกลัวแล้ว กูเข้าใจ เขาพูดให้กู ฟังตั้งมากมายแล้ว เขาพูดให้ฟังมากมายเหลือเกินแล้ว ทั้งพูดดี ทั้งขู่ ให้พวกกูเข้าใจ
    กูอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงบรรยายธรรมด้วย ได้ยินทั้งหมด เลยแหละ ฮือๆๆ พวกกูเป็นผี ไม่ใช่คนเหมือนพวกสู เมื่อพวกเจ้าทำ อะไร กูได้ยินแต่ไม่ชัด
    เขาให้กูมาบอกพวกมึงโดยเฉพาะ ว่ากูเป็นเปรตอยู่ที่นรก ฮือๆๆๆ ช่วยกูด้วย กูมาขอบุญ ให้พวกสูช่วยทำบุญให้กูสักเล็กน้อย (เสียงร้องลั่นจนฟังไม่รู้เรื่อง กลบเสียงที่เราพูด จนฟังไม่ได้ ความว่าพูดอะไร ฮือๆๆๆ เมื่อพูดว่าจะให้บุญ เขาจะร้องไห้ คร่ำครวญน่าสงสาร นี่แหละ พี่น้องเอ๋ย ตอนเป็นมนุษย์ ไม่สร้างบุญ ยังลบหลู่คุณความดีของผู้อื่น ตายแล้ว ลงลึก พี่น้องข้างหลังก็ไม่เข้าใจ ไม่เชื่อ ไม่ส่งบุญให้ เขาก็ลำบาก ทุกข์ทรมาน น่าสงสาร เช่นนี้แหละ)
    เขาสั่งให้มาบอกว่า ให้ลูกหลานมาที่นี่ให้มาก เพื่อช่วยบรรพ บุรุษ ให้ลูกหลานมาสร้างบุญ ช่วยพวกไม่มีญาติด้วย ช่วยคน ที่ไม่มีพี่น้อง ช่วยพวกเปรตสัตว์นรกทั้งหมดให้ขึ้นมาด้วย ถ้าเรา ไม่ส่งบุญไปให้ เขาก็ไม่ได้ขึ้นมา เขาต้องอยู่ข้างล่าง ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เขาจะอยู่จนโลกนี้แตก ให้ช่วยกัน เขาสั่งความให้กูมาบอก ให้ช่วยพี่น้องให้มากที่สุด พี่น้องที่ยังอยู่ ข้างล่างยังมีอีกมาก เปรตอย่างพวกกูก็ยังมีอีกมากมาย ฮือๆๆ กูจะไปแล้ว
    ที่นี่เป็นสถานธรรม คนทั้งหลายทั่วไป เขาก็ไม่เชื่อว่าสถาน ธรรมจะมีบุญอะไรให้ ต้องไปที่วัดโน่นถึงจะมีบุญ
    ที่นี่ท่านบอกว่า คนหัวขาวที่พวกสูเรียกว่าพ่อปู่ บอกว่า ที่นี่มันบริสุทธิ์ ไม่มีชีวิตอื่นเดือดร้อน สูไม่ฆ่าเขาแล้ว มีแต่พระ อยู่ทั้งนั้น พวกสูนุ่งขาวห่มขาวอยู่ที่ใจข้างใน ไม่ใช่นุ่งขาวห่มขาว ข้างนอก พวกสูถือศีล บำเพ็ญเป็นเหมือนพระพุทธะ พวกสู ตั้งใจช่วยเหลือมนุษย์ ช่วยเหลือชีวิตสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก พวกสู อยากได้มรรคผล อยากให้สูงส่ง อยากคืนสู่นิพพาน ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะว่าพวกสูยังนุ่งห่มเหมือนคนธรรมดา แต่ขอให้ทุกคนเชื่อว่า ที่นี่มีบุญให้เต็มจริงๆ พวกเขาไปที่วัดก็ได้บุญแค่นิดเดียว พี่น้องที่ตายไปแล้วก็ไม่ได้กิน ไม่ได้พบ ไม่ได้พาบุญที่พวกเขาทำให้ เพราะว่าพวกเขาฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พระก็กินเข้าไป ก็ทำเป็นนักเลงใหญ่โต เพราะไม่ได้สร้างบุญให้วิญญาณบรรพบุรุษ เขาเลยไม่ได้รับบุญ แต่ถ้ากูมาที่นี่แล้วบุญก็ได้เต็มที่ เจ้ากรรมนายเวรของพวกสูได้ รับเขาก็ดีใจ ตอนนี้เขาปล่อยแล้ว ปล่อยให้พวกสูได้บำเพ็ญ ให้ พวกสูได้สร้างบุญสร้างกุศล ให้ส่งให้เขาบ้าง เขาบอกว่าเขาก็ดีใจ เขาก็อยากพ้นทุกข์ ไม่อยากจองเวรกับพวกสูแล้ว เพราะเขา บอกว่า ถ้าหากว่าโลกนี้ปิดแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปเกิดเหมือนกัน เขาจึงปล่อยให้พวกสูได้สร้างบุญให้กับเขาบ้าง แต่ไม่มาก ถ้าสู ตั้งใจเขาก็อนุโมทนา แต่ถ้าสูขี้เกียจ สูไม่ตั้งใจ เขาก็จะเก็บ เขาจะ เอาถึงตาย บางรายเขาเจ็บนอนที่นอน นี่เขาบอกว่าให้เชื่อที่กูพูด นี่คือเรื่องจริงทั้งนั้น แต่ถ้าสูไม่เชื่อ สูจะประสบกับตัวเอง เวลา พวกสูตาย พวกสูลงนรกไม่ได้เกิดที่ไหนอีก เพราะว่าข้างล่างเขาจะ ปิดบัญชีนรกแล้ว
    ตายายยังอยู่ ไม่ไปไหน ตายายของพวกมึงทั้งหมดคอยกัน วันนี้พวกมึงอ่านชื่อเขาก็มารวมกันเป็นกลุ่มๆ บรรพบุรุษ ตายาย ของใครของมัน มึงชื่ออะไร เขาให้ไปยืนเป็นกลุ่มอยู่ตรงนั้น
    พอเจ้าอ่านชื่อเขาก็เรียกขึ้นมาทันทีเลย เรียกมายืนเป็นกลุ่ม เขามายืนคอย พรุ่งนี้ก็ขึ้นมาหมดพร้อมๆกัน (หมายถึงวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕) พรุ่งนี้พ่อมึงมา พรุ่งนี้มากันแน่น ไม่มีที่ยืนอีก ทหารของพญายมต้องมาเป็นหมื่นๆ ต้องมาคุม เพราะว่าบางทีวิญญาณบรรพบุรุษหรือตายายของพวกมึงนั้น เมื่อมาเห็นพวกมึงแล้ว ไม่อยากจะกลับลงไปข้างล่างอีก อยากอยู่กับลูกกับหลาน บางคน ก็เริ่มมีอาการดื้อๆ พอเห็นลูกเห็นหลานคิดถึง แต่ลูกหลานมอง ไม่เห็น มันไม่รู้ แต่นี่แหละมันอยากจะมากัน
    มีคนรับธรรมะแล้วไม่สนใจที่จะมาฟัง แต่เวลาไปที่อื่นเท่า ใดก็เท่ากัน เขาไม่เชื่อว่าที่นี่มีบุญให้ เขาไม่เชื่อว่าฟังธรรมที่นี่ได้ บุญ แถมเขายังไม่เชื่ออีกว่าบรรพบุรุษได้รับผลจากการมาช่วย งานที่นี่
    เพราะมันไม่เชื่อ หาว่าพวกสูเอาเงินเอาทองมากิน มาบำ เรอกันเล่นๆ แต่หารู้ไม่ว่านี่คือบุญใหญ่ทั้งนั้น บุญที่พวกสู หาที่ไหนไม่ได้แล้ว เพราะจากที่กูบอกเมื่อกี้ว่า ที่นี่มันบริสุทธิ์ แล้วมนุษย์บางคนจิตมันยังคิดแต่สิ่งสกปรกโสโครก คิดแต่ของ อุบาทว์ทั้งนั้น เรื่องไม่ดีมันก็คิด มันเลยคิดว่าพวกสูคงจะมีจิต เหมือนมัน เมื่อให้เงินมาก็คงจะทำในทางที่ไม่ดี นี่คือความคิด ของคนที่ไม่ดี มันเลยไม่ค่อยจะสนใจ อยู่จนลูกหลานลืมหมดแล้ว กูยังอยู่นรกพวกมึงเชื่อเถอะ ฮือๆๆๆ มึงมาสร้างบุญที่นี่ กูได้พลอย อาศัยด้วยสักนิดก็ยังดี วันนี้ กูขอ กูขอ ฮือ ๆ ๆ ๆ
    ของที่จะพามาที่นี่ เมื่อมาถึงแล้ว เราทะนุถนอม ไม่ให้ตกไม่ ให้หล่นสักนิดเดียว เป็นที่อื่นเขาทิ้งเขาขว้างกันสารพัด เขาก็ยังยิน ดีที่จะทำอย่างศรัทธามั่น
     
  5. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    ที่นี่มึงเอามาเถอะ เขาถวายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กูไปเห็นมาแล้ว เมื่อวานซืน สองสามวันมาแล้ว
    กูไปเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เขาสวย เขาสะอาด ใส่ชุดสวย ทุกคนเลย ขนาดแค่ผมยาวหนวดขาวก็ยังสวยเหมือนเด็กหนุ่มนี่ ถือไม้เท้าหลังค่อมจะตายแล้วก็ยังสวย กูอธิบายไม่ถูก กูดีใจ กูได้ไปพูดกับคนชื่อชีวกนั่นแหละ มึงเชื่อหรือไม่ ดีเหลือเกิน กูไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ฮือๆๆ กูยอมรับว่า ตั้งแต่กูเกิด กูยัง ไม่เคยพบคนดีอย่างนี้เลย กูไหว้ไม่ได้หยุด กูไหว้เป็นหมื่นๆ แสนๆ กูไหว้อยู่อย่างนั้น กูไปมาแล้ว ฮือๆๆ
    พวกมึงทำเถอะน่ะลูกเอ๋ย ทำเถอะ ทำเผื่อกูด้วย ของที่พวก มึงเอามาถวายที่สถานธรรม ข้างบนเขาจดกันไม่มีที่เก็บแล้ว สมุด จดไม่มีที่เก็บแล้ว เขาจดกันมือขวั้นหมดแล้ว (ร้องไห้ฮือๆๆ ตลอด เวลาที่พูด)
    วันนี้ เป็นเทศกาลโปรดสามโลกครั้งยิ่งใหญ่ วิญญาณที่อยู่ลึก เท่าใดก็ได้ขึ้นมาเฉพาะที่พุทธสถาน เป็นสถานที่บริสุทธิ์ เรียกว่า เป็นแดนวิสุทธิ์ในโลกโลกีย์ บุญกุศลที่เจ้าสร้าง ที่เจ้าทำ แม้แต่ เพียงเล็กน้อย บุญนั้นมีผลกระทบแก่บรรพชน พ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา ทวด ที่อยู่ในนรก
    พวกเขามากันมากมายเต็มไปหมดแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมา เต็มไปหมดแล้ว เขามาจดชื่อ บางคนเอาลูกผลไม้ทิพย์มาให้กินกันแล้ว ให้กูมาบอกเรื่องเปรตวิญญาณในนรก ทุกข์ทรมานขนาดไหน ถ้าลูกหลานไม่ช่วยครั้งนี้จะช่วยครั้งไหน ช่วยครั้งสุดท้าย (ฮือๆๆ) ช่วยทีสุดท้าย
    คนทั่วไปเขายังไม่เชื่อ และยังไม่รู้ว่านรกจะปิดแล้ว หมาย ความว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...