เพราะสาเหตุอะไรครับ ใน 4 อสงไขย แสนมหากัปล์นี้ ถึงมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้แค่ 27 พระองค์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย เจตบุตร, 19 กันยายน 2010.

  1. เจตบุตร

    เจตบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +175
    แต่ในขณะ ช่วงคิดในใจ ๗ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์
    ๑. นันทอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์ ๒. สุนันทอสงไขย พบ ๙,๐๐๐ พระองค์
    ๓. ปฐวีอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์ ๔. มัณทอสงไขย พบ ๑๑,๐๐๐ พระองค์
    ๕. ธรณีอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์ ๖. สาครอสงไขย พบ ๓๐,๐๐๐ พระองค์
    ๗. ปุณฑริกอสงไขย พบ ๔๐,๐๐๐ พระองค์
    ช่วงเปล่งวาจา ๙ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์
    ๘. สัพพถัททอสงไขย พบ ๕๐,๐๐๐ พระองค์ ๙. สัพพผุลลอสงไขย พบ ๖๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๐. สัพพรตนอสงไขย พบ ๗๐,๐๐๐ พระองค์ ๑๑. อสุภขันธอสงไขย พบ ๘๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๒. มานีภัททอสงไขย พบ ๙๐,๐๐๐ พระองค์ ๑๓. ปทุมอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๔. อุสภอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์ ๑๕. ขันธคมอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์
    ๑๖. สัพพผาลอสงไขย พบ ๒,๐๐๐ พระองค์


    เพราะสาเหตุอันใดครับ ยิ่งนานพระพุทธเจ้ากลับยิ่งมาตรัสรู้น้อยมาก
    หรือเพราะคนปราถนาพุทธภูมิยิ่งนานก็ยิ่งน้อยลงๆ


     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ท่าน จขกท......ครับ
    ผมเองก็เคยสงสัยนะครับ แต่ในพระไตรปิฏกกล่าวไว้อย่างนั้นนะครับ
    เป็นเรื่อง พุทธวิสัย นะครับ


    พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันเป็นพระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะพระพุทธเจ้า​
    ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมีทั้ง ๒๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,​๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งดังนี้
    มโนปณิธาน ๗ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์
    วจีปณิธาน ๙ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์
    กายวจีปณิธาน ๔ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๓ พระองค์
    ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ พบพระพุทธเจ้า ๑๕ พระองค์

    รวมระยะเวลา ๒๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ พระองค์ทรงได้บำเพ็ญบารมีในสำนักของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ๕๑๒,๐๒๘ พระองค์

    พระทศพลกกุสันโธ พระทศพลโกนาคมน์ พระทศพลกัสสปะ​

    เป็นพระพุทธเจ้าประเภทสัทธาธิกะพระพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมีทั้ง ๔๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,​๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งดังนี้
    มโนปณิธาน ๑๔ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๒๕๐,๐๐๐ พระองค์
    วจีปณิธาน ๑๘ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๗๗๔,๐๐๐ พระองค์
    กายวจีปณิธาน ๔ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์
    ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ พบพระพุทธเจ้า ๓๐ พระองค์

    รวมระยะเวลา ๔๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ พระองค์ทรงได้บำเพ็ญบารมีในสำนักของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ๑,๐๒๔,๐๕๕ พระองค์

    พระทศพลศรีอาริย์​

    เป็นพระพุทธเจ้าประเภทวิริยาธิกะพระพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมีทั้ง ๘๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,​๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งดังนี้
    มโนปณิธาน ๒๘ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๕๐๐,๐๐๐ พระองค์
    วจีปณิธาน ๓๖ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑,๕๔๘,๐๐๐ พระองค์
    กายวจีปณิธาน ๑๖ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๔๙ พระองค์
    ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ พบพระพุทธเจ้า ๖๐ พระองค์

    รวมระยะเวลา ๘๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ พระองค์ทรงได้บำเพ็ญบารมีในสำนักของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ๒,๐๔๘,๑๐๙ พระองค์

    ปล....จากสีมากถา สมุดข่อยวัดสุทัศน์เทพวราราม
     
  3. เจตบุตร

    เจตบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +175
    คือยังงี้ครับ ท่าน คมน์ คือผมสงสัยมากเลยครับ ยกตัวอย่าง นันทอสงไขย เดียว กลับพบพระพุทธเจ้าถึง 5000 พระองค์ นี้แค่อสงไขยเดียว แต่ในขณะ ระหว่างบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ในช่วงได้รับพุทธยากรณ์ 4อสงไขย แสนมหากับป์ แต่มีพระพทุธเจ้าตรัสรู้ ใน4อสงไขยนี้แค่ 28 พระองค์ คือ
    .. พระพุทธเจ้าตัณหังกร - ผู้กล้าหาญ

    ๒. พระพุทธเจ้าเมธังกร - ยศใหญ่

    ๓. พระพุทธเจ้าสรณังกร - ผู้เกื้อกูลแก่โลก

    ๔. พระพุทธเจ้าทีปังกร - ผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาอันรุ่งเรือง

    ๕. พระพุทธเจ้าโกณฑัญญะ - ผู้เป็นประมุขแห่งหมู่ชน

    ๖. พระพุทธเจ้าสุมังคละ - ผู้เป็นบุรุษประเสริฐ

    ๗. พระพุทธเจ้าสมุนะ - ผู้เป็นธรีบุรุษมีพระหทัยงาม

    ๘. พระพุทธเจ้าเรวัต - ผู้เพิ่มพูนความยินดี

    ๙. พระพุทธเจ้าโสภิตะ - ผู้สมบูรณ์ด้วยพระคุณ

    ๑๐. พระพุทธเจ้าอโนมัทสส - ผู้อุดมอยู่ในหมู่ชน

    ๑๑. พระพุทธเจ้าปทุมะ - ผู้ทำให้โลกสว่าง

    ๑๒. พระพุทธเจ้านารทะ - ผู้เป็นสารถีประเสริฐ

    ๑๓. พระพุทธเจ้าปทุมุตตระ - ผู้เป็นที่พึ่งแก่หมู่สัตว์

    ๑๔. พระพุทธเจ้าสุเมธะ - ผู้หาบุคคลเปรียบมิได้

    ๑๕. พระพุทธเจ้าสุชาติ - ผู้เลิศกว่าสัตว์โลกทั้งปวง

    ๑๖. พระพุทธเจ้าปิยทัสสี - ผู้ประเสริฐกว่าหมู่นรชน

    ๑๗. พระพุทธเจ้าอัตถทัสสี - ผู้มีพระกรุณา

    ๑๘. พระพุทธเจ้าธัมมทัสสี - ผู้บรรเท่ามืด

    ๑๙. พระพุทธเจ้าสิทธัตถะ - ผู้หาบุคคลเสมอมิได้ในโลก

    ๒๐. พระพุทธเจ้าติสสะ - ผู้ประเสริฐกว่านักปราชญ์ทั้งหลาย

    ๒๑. พระพุทธเจ้าปุสสะ - ผู้ประทานธรรมอันประเสริฐ

    ๒๒. พระพุทธเจ้าวิปัสสี - ผู้หาที่เปรียบมิได้

    ๒๓. พระพุทธเจ้าสิขี - ผู้เป็นศาสดาเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์

    ๒๔. พระพุทธเจ้าเวสสภู - ผู้ประทานความสุข

    ๒๕. พระพุทธเจ้ากกุสันธะ - ผู้นำสัตว์ออกจากกันดาร คือ กิเลส

    ๒๖. พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ - ผู้หักเสียซึ่งข้าศึก คือ กิเลส

    ๒๗. พระพุทธเจ้ากัสสปะ - ผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ

    ๒๘. พระพุทธเจ้าโคตมะ (พระสมณะโคดม) - ผู้ประเสริฐแห่งหมู่ศากย


    ทำให้สงสัยว่า เหล่าผู้ปราถนาพุทธภูมิใน 4อสงไขยนี้ ผู้ที่มีบารมีจะได้ตรัสรู้น้อยมาก
     
  4. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    ปัญหานี้ถ้าจะให้ถูกต้องจริงๆ ก็คงต้องไปถามกับพระอริยะทรงอภิญญา แต่ถ้าตอบตามความเข้าใจผมว่า จริงๆ ไม่ได้เหลือน้อยลงเลยกับมีมากขึ้น เพียงแต่ว่าถ้าในความเข้าใจว่าการพบพระพุทธเจ้าจะต้องพบทุกๆ พระองค์ที่ทรงมาตรัสรู้ ในการบำเพ็ญบารมีของตน ซึ่งมันไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องได้พบทุกพระองค์ นั่นหมายถึงว่าก็คงต้องมีที่ในขณะที่พุทธภูมิหรือพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีแล้ว มิได้มาเกิดพบในสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงอุบัติเกิดขึ้น อย่างเช่นกรณีที่ตกนรก ความยาวนานในนรกก็อาจทำให้พลาดจากการพบพระพุทธเจ้าเช่นกัน และอีกกรณีคือ การบำเพ็ญบารมี เปรียบได้กับการสะสมความรู้ ในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่รู้อะไรเลย ก็จำเป็นที่จะต้องมีคติที่ต้องเรียนรู้ธรรมจากพระศาสนา จึงจำเป็นต้องมาเกิดในสมัยมีพระพุทธเจ้าอุบัติเกิดขึ้น แต่พอเรียนรู้มากและปฏิบัติจนบารมีเข้มแข็งแล้ว ก็สามารถเดินได้ด้วยตนเอง การพบพระพุทธเจ้าในอสงไขยหลังๆ จึงน้อยลง เพราะไม่จำเป็นเหมือนเช่นตอนแรก และอีกประการนึง คือการบำเพ็ญพระบารมีในช่วงหลังๆ ต้องอาศัยกำลังที่เกิดจากพระปัญญาของพระองค์เอง ดังนั้นจึงต้องเกิดในสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น เพื่อเรียนรู้และทำกำลังใจของตนให้เต็มด้วยตนเองจริงๆ คือ สามารถระลึกถึงธรรมความจริงต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ซึ่งเป็นเส้นทางเอก หนึ่งเดียวที่จะเป็นได้และจำเป็นต้องผ่านเช่นนี้ทุกพระองค์
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่อ้างอิงความรู้จากที่ไหน ดังนั้นถ้าหากผิดพลาดประการใด กราบขออภัยทุกๆ ท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย
     
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เข้าใจแล้วครับ ที่พบ 28 พระองค์นั้น นับเฉพาะชาติที่พระพุทธองค์เกิดมาพบพระพุทธเจ้าหรือเปล่าครับ
    ซึ่งในช่วง 4 อสงไขยนั้น อาจมีพระพุทธเจ้ามากกว่า 28 พระองค์ก็ได้ครับ

    อันนี้ความเข้าใจส่วนตัวของผมนะครับ ผิดพลาดประการใดต้องกราบขออภัยด้วยครับ

    โมทนา
     
  6. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ไม่ทราบครับ
    แต่ คิดว่า ถึงอุบัติ แค่ 28 พระองค์ก็ ไม่น่าเเปลกใจ ท่านทั้งหลายก็พึงทราบอยุ่แล้วว่าการอุบัติขึ้น ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย นั้นยากยิ่งนัก
    ถึงได้ มีคำกล่าวว่า เกิดมา เป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ไม่ศึกษา ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเพราะการ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีกำลัง มีโอกาส ก็ยาก เกิดในยุคของพระพุทธเจ้าก็ยาก พระพุทธศาสนาก็ยาก พระศาสนารุ่งเรื่อง มีพระอริยเจ้าอีก อะไร จะโชคดี ขนาดนี้
    อนุโมทนา
     
  7. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมลองค้นมาให้นะครับ

    <TABLE border=0 width=518><TBODY><TR><TD width=512>ปกิณกธรรม
    เรื่อง : พระมหาสเถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width=710 align=center><TBODY><TR><TD width=704>
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width=750 align=center><TBODY><TR><TD>กว่าที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าแต่ละพระองค์จะสั่งสมบารมีจนแก่รอบ และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ท่านจึงกล่าวว่า ทุลฺลโภ พุทฺธุปฺปาโท การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าเป็นการยาก บุคคลที่จะกล้าคิดกล้าทำอย่างนั้นได้ มีเพียงประเภทเดียวเท่านั้น คือพระบรมโพธิสัตว์ ผู้เป็นยอดนักรบในสังสารวัฏ รบกับกิเลสที่ครอบงำจิตใจมนุษย์ ท่านต่อสู้กับความยากลำบากและปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการสร้างบารมี อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันทีเดียว
    การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งปรารถนาพุทธภูมิ อยากรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ฝั่งนิพพานนั้น เพียงแค่คิด ก็ยากแล้ว ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร จากนั้นต้องย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ หมั่นตอกย้ำซ้ำเดิมในมโนปณิธานที่แน่วแน่ ไม่ได้คำนึงถึงเวลาว่าอีกกี่เดือน กี่ปี กี่ภพ กี่ชาติ จึงจะสมปรารถนา ท่านสร้างบารมี อย่างไร้กาลเวลา บารมีแก่รอบเมื่อไรก็สมปรารถนาเมื่อนั้น พระโพธิสัตว์จึงเป็นบุคคลที่มีใจเหนือกว่ามนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะทำทานก็ทำแบบ ทุ่มสุดหัวใจ ชาวโลกส่วนใหญ่นั้นอยากได้ แต่ท่านอยากให้ ให้ได้ กระทั่งเลือดเนื้อและชีวิต
    พระโพธิสัตว์ทั้งหลายเป็นสุดยอดนักเสียสละของโลกและจักรวาล การรักษาศีลหรือเจริญภาวนา ก็ทุ่มเทจนตลอดชีวิต เพียรพยายามมานับภพนับชาติ ไม่ถ้วน แม้รู้ว่าหนทางสู่ความเป็นพระพุทธเจ้านั้นยังอีกยาวไกลนับอสงไขย แต่หัวใจไม่เคยย่อท้อเลย
    สมัยหนึ่ง พระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความปรารถนาที่จะเป็น พระพุทธเจ้า ทั้งหลายควรใช้เวลานานเท่าไร พระพุทธองค์ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยการกำหนดอย่างต่ำที่สุด ๒๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนด ปานกลาง ๔๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนดอย่างสูง ๘๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ทั้ง ๓ ประเภทนั้น คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ "
    อาจมีผู้สงสัยว่า ทำไมต้องกำหนดเวลานานอย่างนั้นด้วย ถ้าเร่งสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เพียงไม่กี่ล้านชาติ ก็น่าจะสามารถตรัสรู้ธรรมได้ เหมือนกับถ้าขยันเรียนหรือขยันทำงาน ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่อันที่จริงการจะเป็น พระพุทธเจ้าไม่ใช่ง่ายอย่างที่คิด พระพุทธองค์ตรัสว่า แม้บุคคลจะถวายมหาทาน เหมือนกับมหาทาน ของพระเวสสันดรทุกๆ วันก็ดี สั่งสมบารมีธรรม มีศีล เป็นต้น เพื่อมุ่งสัพพัญญุตญาณก็ดี หากยังไม่ถึง ๒๐ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ กัปแล้ว ยังไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะญาณยังไม่แก่รอบ ยังไม่ถึงความไพบูลย์ เปรียบเหมือนข้าวกล้าจะออกรวงได้ ต้องใช้เวลา ๔ หรือ ๕ เดือน แม้จะขยันรดน้ำวันละ ๑๐๐,๐๐๐ ครั้ง ทุกๆ วัน ก็ยังไม่อาจออกรวงภายใน ๑ เดือน ฉันใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลาที่เหมาะสม ฉันนั้น
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ระยะเวลากว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    จากตัวอย่างของพระโคดมพุทธเจ้า นับแต่เริ่มสร้างบารมี โดยได้พบและอธิษฐานในใจต่อเบื้อง พระพักตร์ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จนกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีระยะเวลาอันยาวนานและ ได้พบพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมากมายดังต่อไปนี้

    ช่วงคิดในใจ ๗ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์
    ๑. นันทอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์ ๒. สุนันทอสงไขย พบ ๙,๐๐๐ พระองค์
    ๓. ปฐวีอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์ ๔. มัณทอสงไขย พบ ๑๑,๐๐๐ พระองค์
    ๕. ธรณีอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์ ๖. สาครอสงไขย พบ ๓๐,๐๐๐ พระองค์
    ๗. ปุณฑริกอสงไขย พบ ๔๐,๐๐๐ พระองค์

    ช่วงเปล่งวาจา ๙ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์
    ๘. สัพพถัททอสงไขย พบ ๕๐,๐๐๐ พระองค์ ๙. สัพพผุลลอสงไขย พบ ๖๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๐. สัพพรตนอสงไขย พบ ๗๐,๐๐๐ พระองค์ ๑๑. อสุภขันธอสงไขย พบ ๘๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๒. มานีภัททอสงไขย พบ ๙๐,๐๐๐ พระองค์ ๑๓. ปทุมอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๔. อุสภอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์ ๑๕. ขันธคมอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์
    ๑๖. สัพพผาลอสงไขย พบ ๒,๐๐๐ พระองค์

    ช่วงได้รับพุทธพยากรณ์ ๔ อสงไขย แสน มหากัป พบพระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์ มีพระนามดังต่อไปนี้
    อสงไขยที่ ๑๗ เป็นสารมัณฑกัป พบ ๔ พระองค์ ได้แก่ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกร พุทธเจ้า พระสรณังกรพุทธเจ้า พระทีปังกรพุทธเจ้า (ได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์)
    อสงไขยที่ ๑๘ เป็นสารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระโกณฑัญญพุทธเจ้า
    อสงไขยที่ ๑๙ เป็นสารมัณฑกัป พบ ๔ พระองค์ ซึ่งได้แก่ พระสุมังคลพุทธเจ้า พระสุมนพุทธเจ้า พระเรวตพุทธเจ้า พระโสภิตพุทธเจ้า
    อสงไขยที่ ๒๐ เป็นวรกัป พบ ๓ พระองค์ ได้แก่ พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า พระปทุมพุทธเจ้า พระนารท- พุทธเจ้า
    ช่วงเศษแสนกัปของอสงไขยที่ ๒๐
    สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระปทุมุตร- พุทธเจ้า (พระสาวกส่วนใหญ่เริ่มได้รับพุทธพยากรณ์)
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐,๐๐๐ กัป
    มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสุเมธ พุทธเจ้าและพระสุชาตพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐,๐๐๐ กัป
    วรกัป พบ ๓ พระองค์ คือ พระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๒๔ กัป
    สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระสิทธัตถพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๑ กัป
    มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระติสสพุทธเจ้า พระปุสสพุทธเจ้า
    สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระวิปัสสีพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐ กัป
    มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสิขีพุทธเจ้า พระเวสสภูพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐ กัป

    ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ
    ๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า ๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
    ๓. พระกัสสปพุทธเจ้า ๔. พระสมณโคดมพุทธเจ้า
    ๕. พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    จะเห็นได้ว่าหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นตนมา พระบรมโพธิสัตว์ ไดพบพระพุทธเจ้าถึง ๒๗ พระองค์ กว่าจะได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้
    ยอดนักสร้างบารมีทั้งหลาย...การสร้างบารมีชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันของพระบรมโพธิสัตว์เพื่อ การได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณนั้น ต้องใช้เวลายาว นานเหลือเกิน แต่ก็ไม่เกินใจที่ท่านจะไปถึง และท่าน ก็ทำได้สำเร็จอีกด้วย ยิ่งถ้าหากเราได้ศึกษาวีรกรรม แห่งความดีระหว่างการสร้างบารมีของพระองค์จะยิ่งซาบซึ้งหนักขึ้นไปอีก เพียงเท่านี้ ก็นับเป็นบุคคล มหัศจรรย์ที่สุดในโลกแล้ว ดังนั้น วันวิสาขบูชาจึง สมควรแล้วที่องค์การสหประชาชาติจัดให้เป็น วันสำคัญสากลโลก ชาวพุทธทุกคนจึงควรจะเจริญพุทธานุสติ รำลึกนึกถึงพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณ ทั้งพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ แล้วหาโอกาสแสดงออกถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพุทธคุณทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นพุทธมามกะ อานิสงส์นี้จะได้หนุนส่งให้ทานทั้งหลายได้เกิดใน บวรพุทธศาสนาไปทุก ภพทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม...
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอกบุรุษเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อความอนุเคราะห์ ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เอกบุรุษคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า"

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา : www.dhammathai.org/buddha/buddha.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  8. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    จากกระทู้ข้างต้นจะเห็นได้ว่า ช่วงได้รับพุทธพยากรณ์ ๔ อสงไขย แสน มหากัป พบพระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์

    ผมเข้าใจว่า มีพระพุทธเจ้ามากมายในแต่ละอสงไขย แต่พระพุทธเจ้าของเราท่านพบเพียง ๒๗ พระองค์ ซึ่งตรงตามความเข้าใจที่ว่า "พระมหาโพธิสัตว์บารมีเต็ม จะไม่ค่อยลงมาเกิดครับ ยกเว้นมีวาระที่ต้องลงมาทำภารกิจบางอย่าง เช่น มีบริวารตามมาเยอะ เหมือนพระศรีอาริย์ที่มาเกิดในยุคพระศาสนาของพระสมณโคดม เพราะบริวารของพระองค์มาเกิดในยุคนี้เยอะครับ (รวมถึงปัจจุบัน)

    ก็คิดว่า คำตอบคงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านนะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า เพราะมีความรู้แค่นี้ครับ

    โมทนา
     
  9. Mhor Maow

    Mhor Maow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +836
    สรุป

    พุทธวิสัยเป็นเรื่อง อจินไตย ครับ
     
  10. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ต้องคิดจากเศษ 100000 กัป เพราะละเอียดที่สุดดังนี้

    ช่วงเศษแสนกัปของอสงไขยที่ ๒๐
    สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระปทุมุตร- พุทธเจ้า (พระสาวกส่วนใหญ่เริ่มได้รับพุทธพยากรณ์)
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐,๐๐๐ กัป
    มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสุเมธ พุทธเจ้าและพระสุชาตพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐,๐๐๐ กัป
    วรกัป พบ ๓ พระองค์ คือ พระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๒๔ กัป
    สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระสิทธัตถพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๑ กัป
    มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระติสสพุทธเจ้า พระปุสสพุทธเจ้า
    สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระวิปัสสีพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐ กัป
    มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสิขีพุทธเจ้า พระเวสสภูพุทธเจ้า
    สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐ กัป
    ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ
    ๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า ๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
    ๓. พระกัสสปพุทธเจ้า ๔. พระสมณโคดมพุทธเจ้า
    ๕. พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า

    โดยรวม ๑๗ พระองค์ ในแสนกัป
    1อสงไขย=10ยกกำลัง140 กัป
    เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่จะมีพระพุทธเจ้าเป็นแสนเป็นล้านใน 1อสงไขย
     
  11. Mhor Maow

    Mhor Maow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +836
    ตกลงยังไงกันเรื่องเวลาครับ สรุปคือ 1 อสงไขย เท่ากับ 10 กำลัง 140 กัปป์ ไม่ใช่เป็นปีหรือครับ เหมือนมันแย้งกับอีกกระทู้นึงเลยนะครับ ที่ชื่อกระทู้ อสงไขย กัปป์ เวลา
     
  12. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    1อสงไขยปี = 10 ยกกำลัง 140 ปี

    1อสงไขย = นับไม่ได้ (ที่ตั้งให้ว่า 10ยกกำลัง140 กัป)ยังน้อยไป
     
  13. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    อานิสงส์ ๑๘ ประการของพระนิยตโพธิสัตว์

    เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว พระนิยตโพธิสัตว์จะไม่บังเกิดในอภัพฐานะ ๑๘ ประการอีกเลย คือ
    ๑. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
    ๒. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด
    ๓. ไม่เป็นคนบ้า
    ๔. ไม่เป็นคนใบ้
    ๕. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
    ๖. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อนดุร้าย
    ๗. ไม่เกิดในท้องนางทาสี
    ๘. ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
    ๙. ไม่เป็นสตรีเพศ
    ๑๐. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม
    ๑๑. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน
    ๑๒. ไม่เกิดมามีกายเล็กกว่านกกระจาบ และไม่ใหญ่กว่าช้าง
    ๑๓. ไม่เกิดเป็นขุปปิปาสิกเปรต นิชฌานตัณหิกเปรต กาลกัญจิกาสุรกาย
    ๑๔. ไม่เกิดในอเวจีนรก และโลกันตนรก
    ๑๕. เมื่อเกิดในกามาพจรสวรรค์ จะไม่เกิดในเทวดาหมู่มาร
    ๑๖. ไม่เกิดในปัญจสุทธวาสพรหมโลก ซึ่งเป็นพรหมโลกสำหรับพระอนาคามี
    ๑๗. ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
    ๑๘. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่น

    ใน 16 อสงไขยที่ได้เกิดมาน่าจะไปเกิดในจักรวาลอื่นด้วยนะเพราะอานิสงค์ 18 ประการนั้นก็มีอานิสงค์ที่พูดถึงการที่ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นไว้ด้วย
    ดังนั้นตั้งแต่กาลแรกที่ปรารถนาน่าจะไปเกิดในจักรวาลอื่นเพื่อพบกับพระพุทธเจ้าเพื่อสร้างบารมี
    ในความคิดของผมนะครับ ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขอโทษด้วยนะครับ
     
  14. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    พระนิยตโพธิสัตว์ ยังไม่เกิดในจักรวาลอื่นเลย แล้วพระพุทธเจ้าจะเกิดที่จักรวาลอื่นได้ยังไงนอกจากมงคลจักรวาลนี้เท่านั้น
     
  15. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
    [๕๒๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
    แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟัง
    มาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมา-
    *สัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก ให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้
    ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรง
    สามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง พระผู้มีพระภาคตรัส
    ตอบว่า ดูกรอานนท์ นั้นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ฯ
    ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งที่ ๒ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า
    ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ใน
    พรหมโลก ทำให้พ้นแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มี-
    *พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้
    แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน
    ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า
    ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ใน
    พรหมโลก ทำให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาค
    อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วย
    พระสุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน
    ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกร
    อานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก
    ทำให้พันโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันต-
    *สัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระ-
    *สุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ
    อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่ง
    เทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาค
    แล้ว จักทรงจำไว้ ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
    ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร
    อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ
    สว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์
    พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มี
    อปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
    มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มี
    เทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
    หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
    พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลก
    คูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุ
    อย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้าน
    จักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์
    ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้
    ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ

    อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่
    ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่
    พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่าง
    ใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น
    พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุ
    อย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้
    แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า เป็น
    ลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์
    มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้
    กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ท่านจะได้ประโยชน์อะไร ถ้า
    ศาสดาของท่านมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวอย่างนี้ พระผู้มี-
    *พระภาคได้ตรัสกะท่านพระอุทายีว่า ดูกรอุทายี เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ ถ้าอานนท์
    ยังไม่หมดราคะเช่นนี้ พึงทำกาละไป เธอพึงเป็นเจ้าแห่งเทวดาในหมู่เทวดา ๗ ครั้ง
    พึงเป็นเจ้าจักรพรรดิในชมพูทวีปนี้แหละ ๗ ครั้ง เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น ดูกรอุทายี
    ก็แต่ว่าอานนท์จักปรินิพพานในอัตภาพนี้เอง ฯ

    ที่มา
     
  16. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228
    ในความคิดของผมในช่วงที่มีพระพุทธเจ้ามาก ผู้ที่เริ่มปรารถนาเพื่อได้รับพุทธพยากรณ์มีน้อย เพราะพระโพธิสัตว์เปลี่ยนใจเพื่อเป็นพระอรหันต์สาวกเป็นส่วนมาก
    พอถึงช่วงที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติลดน้อยลง ก็เริ่มมีผู้สร้างบารมีอย่างแน่วแน่ ก็ค่อยๆทะยอยได้รับพุทธยากรณ์เพิ่มขึ้นตามลำดับ
    แต่กว่าจะสร้างบารมีได้เต็ม ก็อีก 4 อสงไขย หรือ 8 อสงไขย หรือ 16 อสงไขย กับอีก แสนมหากัปล์ จึงทำให้มีช่วงที่มีพระพุทธเจ้ามากบาง น้อยบาง

    สาเหตุเรื่องนี้ไม่มีบอกในพระไตรปิฏก และการเป็นพระพุทธเจ้าเป็นของเป็นได้ยากยิ่ง ต้องบำเพ็ญบารมีนานมาก
    และไม่มีกฏตายตัวว่าช่วงไหนจะมีพระพุทธเจ้ามากหรือน้อย คงแล้วแต่จังหวะ
    แต่ที่แน่ๆการเกิดของพระพุทธเจ้าก็เพื่อประกาศวิธีการรู้ทุกข์ และออกจากทุกข์ได้ในที่สุด
     
  17. Naiky

    Naiky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +85
    ตัวเลขของใน 4 อสงไขย มีอยู่ในพระไตรปิฎก คือ 28 พระองค์
    ส่วนตัวเลขก่อนหน้า 4 อสงไขย กล่าวอยู่ในอรรถกถาและคัมภีร์ชั้นหลังๆ
    หนังสือสมัยปัจจุบัน เอามาเขียนรวมกันเป็นที่คุณเห็น คุณอ่าน และคุณ
    เข้าใจกัน จบกัน!!!!
     
  18. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    นับเฉพาะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ที่ชมพูทวีปเท่านั้นครับ

    ตอนเสวยพระชาิติบนสวรรค์ซึ่งกินเวลาหลายกัปของเมืองมนุษย์

    ยิ่งบารมีสูงการจุติลงมาเกิดยิ่งน้อยลง
     
  19. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    แค่เกิดมาได้เจอพระพุทธเจ้าชาติหนึ่งก็ยากแสนยาก หากต้องเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าจะยากแค่ไหนก็คิดกันนะครับ แต่สำหรับผู้ที่มุ่งหวังพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ หรือแม้แต่สาวกภูมิ ก็ขอโมทนาด้วยนะครับ คิดๆๆ พูดๆๆ แล้วก็ทำๆๆ บำเพ็ญบารมีกันต่อไป แม้แต่สาวกภูมิก็ต้อง คิด พูด ทำเหมือนกันนะครับเพียงแต่น้อยกว่าเท่านั้นเอง
     
  20. bestsu

    bestsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +617

    ถูกต้องแล้วครับ ในช่วงโค้งสุดท้ายพระโคดมเกิดในสมัยพระพุทธเจ้า ๒๗ องค์ ซึ่งที่จริงมีพระพุทธเจ้าเยอะกว่านี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...