เพื่อนเราหลวมตัวไปคบผู้ชายแก่คราวพ่อ แถมมีลูกมีเมีย แต่มันไม่ยอมถอนตัว...

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย unconscious, 8 ธันวาคม 2011.

  1. unconscious

    unconscious สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +4
    เรามีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เราสนิทกันมาก
    เพื่อนเรารู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งทางเฟสบุ้ค รู้จักกัไนได้ไม่ถึงปี
    เขาเป็นผู้บริหาร
    รวยมาก ก็รวยเมื่อเทียบกับฐานะนักศึกษาชนนชั้นกลางอย่างเรา
    เขาเป็นคนพูดจาดี ถึงแม้หน้าตาเขาจะไม่ค่อยดี หน้าแก่ก่อนวัย
    แต่เขาพูดจาโน้มน้าวคนเก่ง และดูน่าเชื่อถือแบบนักธุรกิจ
    ต่อมามันนัดเจอหน้าก็คุยเรื่อยๆ ผช คนนี้มันหลอกว่าไม่มีเมีย
    แต่เราไม่รู้ว่าเพื่อนเราไปรู้ความจริงตอนไหน รู้อีกที มันก็หลวมตัว
    ได้เสียกับ ผช คนนี้แล้ว แต่เพื่อนเราแคร์และกลัว ผช คนนี้มาก
    รายงานตลอดอยู่ไหนทำอะไร นั่งรถไปหาบ่อยๆ และก็อ้าางว่า
    ไปช่วยมันทำงาน เพราะเพื่อนเราเรียนเกี่ยวกับสายงานเดียวกับ
    บริษัท ผช คนนี้

    ตั้งแต่ไปฝึกงาน เพื่อนเราเปลี่ยนไปมาก ไม่โทรหาไม่ติดต่อเลย
    แต่มีเพื่อนของเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง มันก็คอยส่งข่าวคราวมาบอกบ้าง
    จนเมื่อวานเราได้รู้ความจริงว่า
    ผู้ชายคนนี้โหดมาก มีเมียมีลูกแล้ว
    แต่ชอบมีเมียน้อย เมียหลวงก็ไม่มีปากมีเสียง
    มันทำร้ายเพื่อนเราสาระพัด ทั้งตบทั้งตี ฝึกงานก็ไม่ค่อยได้ฝึก
    เพราะเรียกเพื่อนเราไปคุยทั้งวัน และยังเรียกไปมีอะไร...
    (ซึ่งเราไม่รู้เพื่อนเราสมัครใจไหม)
    เพราะเพื่อนของเพื่อนเราเคยถามเพื่อนเรา มันก็ไม่ยอมตอบ
    บอกว่ามันเข้าใจ และไม่มีใครรเข้าใจมัน ไม่เป็นมันไม่รู้หรอก

    เขาจำกัดสิทธิเสรีภาพเพื่อนเรามาก
    เขาไม่ชอบเรากับกลุ่มเพื่อนๆ เขาสั่งให้เพื่อนเราเลิกคบเพื่อนทุกคน
    ยึดโทรศัพท์ เพื่อนผู้ชายถ้าโททรมา ต้องด่าทุกคน
    ตามประกบเฟสบุ้คทุกฝีก้าว ด่า มรึง กรู ทุกวัน
    แต่พอดีก็ดีจนใจหาย

    เราไม่สามารถติดต่อเพื่อนเราได้เลย เพราะมันขู่ไว้ว่าถ้าติดต่อกับเราอีก
    เพื่อนเราโดนแน่

    เราอยากทราบว่า นี่คือการกระทำของคนที่รักกันหรือ
    เราไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนเราถึงยอมมันได้ขนาดนั้น
    เราไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่เรารู้ตักมานาน สนิทกันมาก จะกล้ายอมเป็นเมียน้อย
    เพื่อแลกกับเงิน เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆ เพื่อนเรามันรัก ผช คนนี้มั้ย
    แต่ถ้า ผช คนนี้มันไม่รวย เพื่อนเราจะยอมอยู่กับมันมั้ย

    ตอนนี้เพื่อนเราถูกปิดกั้นทุกอย่าง เพื่อนสนิท ผชของมัน ก็สั่งเลิกคบหมด

    เราสับสนไปหมด เพื่อนรักกันมานาน ยอมเลิกคบเพื่อนรักสามสี่คน
    เพราะ ผช เลวๆ แต่รวยคนนึงงั้นเหรอ

    เราไม่เข้าใจว่า เพื่อนเราคิดอะไรอยู่ ใครเขาจะยกสมบัติให้เมียน้อยดหรอ
    เขาก็ลุกมีเมีย เพื่อนเราได้เงินเป็นร้อยล้านรึไง ถึงยอม...
    หรือ เพราะรัก....

    ขอโทษนะคะ มันยาวไปหน่อย แต่มันอัดอั้นตันใจจริงๆ เราไม่คิดเลย
    ว่าเพื่่อนจะเป็นคนแบบนนี้
    มันเลือกที่จะไม่โดนบังคับได้ ทำไมมันต้องกลัว ผช คนนี้ หรือมันรักกันมาก

    เราเป็นห่วงเพื่อนมากจริงๆ

    เพื่อนๆ ว่า มีเหตุผลอะไร ที่ทำให้เพื่อนทน ความโหดร้ายของมัน...
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,289
    ภรรยา 7 ประเภทมีทุกยุคทุกสมัยแหละครับ

    ภรรยา 7 ประเภท
    1. วธกาภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยเพชรฆาต เป็นพวกที่มีจิตใจคิดไม่ดี ชอบทำร้าย ชอบด่าทอสาปแช่ง คิดฆ่าสามี หรือมีชู้กับชายอื่น
    2. โจรีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยโจร เป็นคนล้างผลาญ สร้างหนี้สิน หาได้เท่าไรก็ไม่พอ หรือเอาเรื่องในบ้านไปโพทนาให้คนข้างนอกรับรู้ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

    3. อัยยาภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยนาย เป็นคนชอบข่มสามีให้อยู่ในอำนาจ ไม่ให้เกียรติสามีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ชอบสั่งการหรือเอาแต่ใจตัวเอง เห็นสามีเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ตัวเองเป็นผู้นำ
    4. มาตาภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยแม่ คือผู้ที่มีความรักต่อสามีอย่างสุดซึ้ง ไม่เคยทอดทิ้งแม้ยามทุกข์ยาก ป่วยไข้ ไม่ทำให้มีเรื่องสะเทือนใจ
    5. ภคินีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยน้องสาว คือผู้ที่มีความเคารพต่อสามีในฐานะพ่อบ้าน แต่ขัดใจกันบ้างตามประสาคนใกล้ชิดกันแล้วก็ให้อภัยกัน โดยไม่คิดพยาบาท เดินตามแนวทางของสามี ต้องพึ่งพาสามี

    6. สขีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน ต่างคนต่างก็มีอะไรที่เหมือนกัน ความสามารถพอกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากัน ไม่ค่อยยอมกัน เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็รักกันและช่วยเหลือกันโดยต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง

    7. ทาสีภริยา หมายถึง ภรรยาเสมอด้วยคนรับใช้ คือภรรยาที่อยู่ภายใต้คำสั่งสามีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง สามีเป็นผู้เลี้ยงดู สั่งอะไรก็ทำอย่างนั้นแม้จะไม่เห็นด้วยก็ไม่ออกความเห็น อดทนทำงานตามหน้าที่ตามแต่สามีจะสั่งการ แม้ถูกดุด่า เฆี่ยนตีก็ยังทนอยู่ได้โดยไม่โต้ตอบ
     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อนุโมทนาท่านจขกทในความห่วงใยต่อเพื่อน ความห่วงใยนั้นเป็นสภาพจิตที่เป็นกุศลคือมี"กรุณา"ประสงค์ให้เพื่อนพ้นทุกข์ แต่ จากความห่วงใย จิตกลับตกไปสู่โทสะ ไม่สบายใจทุกข์ทุรนทุรายไปกับทุกข์ของเพื่อน อันเป็นการทำบาปใหม่ทางใจของตน พึงรีบยุติความเดือดร้อนใจนี้เสีย โดยฉับพลันทันที เพราะไม่มีผลดีแก่ตนหรือคนอื่นเลย มีแต่โทษเท่านั้น..

    ท่านผู้ถามพึงทราบว่า สิ่งทั้งปวงย่อมมีมาแต่เหตุ หาได้มีอะไรๆเกิดได้ด้วยอาการลอยๆ แบบบังเอิญหรือมีผู้มาบันดาลเสกเป่าก็หาไม่..

    อันสิ่งที่เพื่อนกำลังประสบแลประพฤติอยู่นี้ มีมาด้วยเหตุ๒ประการคือ

    ๑. เหตุไกล ได้แก่บาปกรรมประเภทล่วงศีลข้อกาเมฯมีการผิดล่วงประเวณีมาเป็นต้น ด้วยเหตุนั้น ผลหรือวิบากจึงตามมาส่งให้ได้เสวยเมื่อได้ปัจจัยพร้อมเพรียง เธอจึงต้องมีตำแหน่งภรรยาน้อย ที่ไม่อาจแสดงตนในที่เปิดเผยได้ ทั้งมีสภาพถูกบีบคั้นทางใจอย่างหนัก(แม้เธออาจแสร้งแสดงความรื่นเริงในภายนอก)แต่จิตใจนั้นย่ิอมร้อนทุรนทุรายราวอยู่ในนรกกระนั้น นี้เรียกว่าสภาพหน้าชื่นอกตรมที่เราเรียกกัน...เธอย่อมไม่อาจอยู่ได้ด้วยความสบายใจ แต่จะมีแต่ความหวาดระแวงภัยต่างๆนานา เช่นการที่ผู้คนรอบข้างจะทราบสถานะที่แท้จริง อันเป็นเรื่ิองที่น่าอับอาย ทั้งกลัวชายที่ตนยอมเป็นภรรยาน้อยว่าอาจทำร้ายเอาหากไม่ปฏิบัติตามที่เขาต้องการ แม้ตนก็ขาดอิสรภาพน่าอึดอัดคับข้องไปเสียทุกด้าน เวลานี้ ไม่ต้องถามถึงว่าเธอรักชายชั่วคนนั้นหรือไม่ เพราะตราบเท่าที่ชายผู้ไม่มีศีลนั้นยังบันเทิงในตัวเธออยู่ เขาย่อมบังคับข่มขี่เอาตามใจตน แม้เธอก็ต้องฝืนใจรักษาตำแหน่งนั้นไว้ด้วยความหวาดกลัวนั่นเทียว..

    ๒. เหตุใกล้ คือความเป็นผู้มีตัณหาราคะมากอันเนื่องมาจากการสั่งสมสันดานอุปนิสัยมาไว้มากนานในสังสารวัฏแล้ว หาได้เพิ่งเกิดเฉพาะปุบปับ ในเวลานี้เท่านั้นไม่....ดังที่ท่านผู้ถามบรรยายมาว่าชายแก่นั้นมีเงิน เพื่อนผู้มืดบอดนี้จึงเห็นช่องโอกาสที่จะได้เงินด้วยอำนาจของความโลภ จึงไม่คิดถึงศีลธรรมหรือข้ออันชนทั้งหลายตำหนิ..กลับเก่งกล้าสามารถในการพาตนเข้าบ่วงแห่งบาปกรรมอันจะนำผลเผ็ดร้อนมาสู่ตนอีกนานหลายร้อยพันชาติ..เรียกว่าเป็นบุคคลประเภท สว่างมา แต่มืดไป คือได้เกิดมาเป็นคนด้วยผลแห่งบุญ แต่กลับเอาทุนนี้มาทำบาปเพื่อความเข้าถึงการเป็นสหายแห่งสัตว์ในอบายภูมิ และยังสั่งสมสันดานแห่งความบอดเขลาเช่นเดิมไปอีกจนแก้ได้ยาก ใครจะน่าสงสารเท่าเป็นไม่มี
    ..


    ท่านผู้ถามไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ที่จะแก้ไขหรือสอนใครๆได้ โดยเฉพาะคนพาลที่ไม่รู้จักศีลและธรรม เขาย่อมไม่ยินดีรับฟังสิ่งดีที่เป็นทางแห่งกุศล เพราะอัธยาศัยนิยมน้อมไปในทางต่ำ จึงไม่อาจเห็นทางเดินเพื่อพ้นเหว หากท่านผู้ถามสามารถแก้ไขใจใครได้ ก็พึงรีบแก้ไขใจตนเองนั้นก่อน ให้พ้นความโทนัสจากพฤติกรรมของเพื่อนเถิด เพราะนี้ย่อมรักษาตนมิให้เข้าถึงความฉิบหายที่มีใจเสียหายไปแล้ว..


    ก็ชนเหล่าใดทำกรรมใดๆอยู่ เขาย่อมเป็นทายาทผู้รับผลแห่งกรรมของตนเท่านั้น ไม่อาจทำให้ใครอื่นได้รับผลนั้นได้เลย ดังนั้น ไฉนท่านผู้ถามจึงต้องร่วมแบ่งบาปโดยไม่จำเป็นเพราะทุกข์ไปกับเพื่อนด้วยเล่า?

    พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า..

    "กมฺมสสกา มาณว สตฺตา
    กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฏิสรณา
    กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายา"
    แปลว่า....."นี่แนะ มาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
    เป็นทายาทรับกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
    มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งพิงอาศัย
    กรรมย่อมจำแนกสัตว์เพื่อให้เป็นผู้เลวและประณีต"


    ท่านผู้ถามพึงวางอุเบกขาในเพื่อนเถิด เพราะใครๆก็แก้เขาไม่ได้ ลำพังตัวเขาเองเท่านั้นที่จะแก้ไขตนเองได้..


     

แชร์หน้านี้

Loading...