เรื่องของ "นินจา" ผู้ใช้วิชานินจุสสึ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย satan, 10 พฤศจิกายน 2006.

  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เรื่องของ "นินจา" ผู้ใช้วิชานินจุสสึ

    ทุกคน คงเคยได้ยินเรื่องของนินจากันมาบ้าง คำว่าวิชานินจาที่ทุก ๆ คนชอบใช้กันนั้น ความจริงแล้วหากเรียกให้ถูกต้อง
    จะต้องเรียกว่าวิชานินจุสสึ ส่วนคำว่านินจานั้นจะหมายถึงผู้ฝึกวิชานินจุสสึต่างหาก

    ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับที่มาของนินจา ในบางตำรากล่าวว่ามาจากนักบวชในลัทธิชินโต ซึ่งเข้ามาญี่ปุ่นจากประเทศจีนหรือทิเบต
    แต่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าคำว่านินจาปรากฏขึ้นครั้งแรกสมัยศตวรรษ ที่11 ในยุคที่ซามูไรมีอำนาจ
    ในยุคนั้นมีนินจาจำนวนมากที่ตัดสินใจ เข้าร่วมใช้ฝีมือของเขาในการรับใช้ขุนนาง แต่ก็มีนินจาอีกบางส่วนที่แยกตัวออกมา
    นินจาย้ายครอบครัวของพวกเขาเข้าไปอยู่กลางหุบเขา และ สร้างวัฒนธรรมของแต่ละตระกูลขึ้นมา
    ตระกุลที่มีชื่อเสียงก็เช่น ตระกูลอิกะ และ โคกะ เพื่อปกป้องตระกูลของตัวเองพวกเขาได้คิดค้นเทคนิคการต่อสู้ต่าง ๆ
    เช่นเทคนิคการต่อสู้แบบมือเปล่า เทคนิคการต่อสู้บนหลังม้า เทคนิคการใช้ธรรมชาติเพื่อการต่อสู้ รวมทั้งการใช้อาวุธต่าง ๆ

    เนื่องจากเทคนิคการต่อสู้ของนินจานั้นสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับซามูไร และ บุคคลที่รู้จักวิชานินจุสสึนั้นมีไม่มาก
    นินจาจึงเปรียบเสมือนนักรบที่อยู่ในมุมมืด เป็นสาเหตุให้เหล่าซามูไรเกิดความหวาดกลัว
    ในศตวรรษที่17 เหล่าซามูไรที่นำโดยโอดะ โนบุนากะจึงทำสงครามกวาดล้างเข้าสู่หุบเขาของพวกนินจา
    เรื่องของสงครามครั้งนี้ยังมีบันทึกอยู่ในตำราหลายเล่ม โดยที่นักรบและซามูไรที่มีกำลังมากกว่ามากได้เข้าทำรบกับนินจา
    จนในที่สุดนินจาที่เหลือรอดต้องหลบหนีไปซ่อนตัวตามที่ต่าง ๆ และ ในหลาย ๆ ยุคของประเทศญี่ปุ่นก็มีการออกกฎห้าม
    ไม่ให้มีการฝึกวิชานินจัสสึ ทำให้มีผู้ที่สืบทอดน้อยลงไป และ วิชาบางส่วนหายสาบสูญไป

    นินจุสสึเป็นวิชาที่ไม่เปิดเผยกับโลกภายนอกจนถึงสมัยของเจ้าสำนักลำดับที่ 34 ของ โตกากุเกะริว นินโป อาจารย์มาซึอะิ ฮัสสึมิ
    ท่านเกิดเมื่อปี1931 ในเมืองโนดะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่ออายุ 7 ปีก็ได้เข้าฝึกเคนโด และต่อมาก็ได้ฝึก ยูโด คาราเต้ และ
    เข้าเป็นครูฝึกศิลปะการต่อสู้ในฐานทัพของสหรัฐ เมื่อท่านอายุ 26 ปีก็ได้พบกับ ปรมาจารย์ทากามัสซึ โทซึสสุกุ
    เจ้าสำนักลำดับที่ 33 ของโตกากุเกะ ริว และ ได้เข้าฝึกในศิลปะการต่อสู้แบบนินจัสสึ และได้รับมอบเป็นเจ้าสำนักลำดับที่ 34
    ในเวลาต่อมา และได้เกิดสำนัก บูจินกัน ขึ้นในเวลานั้นเอง

    ใน 9 Ryu ของ บูจินกันประกอบด้วย 3 Ryu ซึ่งเป็นนินจัสสึ และอีก 6 Ryu เป็นวิชาการต่อสู้โบราณ
    โดยสำนักบูจินกัน (Bujinkan) จะเป็นสำนักที่รวมทั้ง 9 สำนักข้างต้นไว้ด้วยกัน โดยภายแรกตั้งชื่อว่า
    Bujinkan Ninpo ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น Bujinkan Budo Taijutsu ในที่สุด (บูจินกัน แปลว่า โรงฝึกนักรบเทพ)

    ในปี 1970 อ.มาซึอะกิ ฮัสซึมิ ได้รับชาวต่างชาติเข้าฝึกในบูจินกันและเป็นการเปิดวิชานินจุสสึออกสู่โลกภ ายนอก
    ทำให้เกิดช่วงนินจาบูมในอเมริกา ซึ่งในช่วงนั้นมีภาพยนต์ที่เกี่ยวกับนินจาเกิดขึ้นจำนวนมาก และ ภาพยนต์เหล่านั้นเอง
    ทำให้ความจริงเกี่ยวกับนินจุสสึ บิดเบือนไป จนกลายเป็นของที่ดูหลอกลวงในที่สุด
    ทำให้แม้ปัจจุบันคนจำนวนมากก็ยังไม่เชื่อว่านินจัสสึจะมีจริง (แม้แต่ในญี่ปุ่นก็ตาม ครั้งนึงผมเคยคุยกับนักข่าวญี่ปุ่น เขาบอกว่ารู้จักแต่ ฮาโตริ )

    ในช่วงนินจาบูมนั้นมีบุคคลจำนวนมากที่ได้อ้างว่าตัวเองเป็นนินจา โดยนำศิลปะการต่อสู้แบบอื่น ๆ มาผสมเข้าด้วยกัน
    โดยอาศัยความเชื่อผิด ๆ เช่น การอ้างถึงการหายตัว การทำอะไรที่แปลกประหลาดพิสดาร ซึ่ง เป็นสิ่งที่คนทั่วไปคิดว่าเป็น"นินจา"
    ซึ่งทำให้เกิดความชื่อผิด ๆ กับบุคคลทั่วไป

    ปัจจุบันมีวิชานินจุสสึสอนอยู่ใน 3 สำนักใหญ่ ๆ ได้แก่ บูจินกัน บูโด ไทจัสสึ (Bujinkan Budo Taijutsu) และ
    อีกสองสำนักที่แยกตัวออกมาจากบูจินกันได้แก่ เกนบูคัน , จิเนนคัน ซึ่งแนวทางในการฝึกจะต่างกันออกไป

    Koga ryu ninjutsu ปัจจุบันไม่มีแล้ว เนื่องจากเจ้าสำนักคนสุดท้าย
    ได้เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ ในสมัยปี70 โดยที่ยังไม่ได้ประกาศผู้สืบทอด
    ทำให้ต่อมาเกิดผู้แอบอ้างจำนวนมาก และเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน

    การฝึกนินจุสสึนั้นไม่ได้เป็นการฝึกเฉพาะวิชาการต่อสู้ แต่จะเป็นการฝึกทางด้านอื่น ๆ เช่น ด้านกลยุทธ การวางแผน
    การฝึกทางปรัชญา การฝึกทางด้านสมาธิ การควบคุมจิตใจตนเอง โดยมีจุดมุ่งหมายการฝึกคือ
    พัฒนาตนเองโดยยึดถือความสงบและอยู่ร่วมในสังคมทั่วไปอย่างมีความสุข
     
  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,373
    เป็นอย่างนี้นี่เอง
     
  3. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เด๋วจะเอามาโพสอีกครับพร้อมกับเรื่องซามูไร ครับผ้ม
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ซามูไร ... รุ่นสุดท้าย _ _ _
    เห็นชื่อหนัง The Last Samurai ซึ่งแสดงนำโดย ทอม ครูซ แล้ว ทำให้เกิดความคิดคำนึงว่า แท้ที่จริงนั้น ใครกัน คือ ซามูไรรุ่นสุดท้ายในญี่ปุ่น ทีมงาน ต๋วย'ตูน จึงค้นคว้าหาความจริงมาเล่าสู่กันฟัง ... พวกเราก็เลยได้อานิสงค์รับรู้ไปด้วยนะจ๊ะ

    ประวัติศาสตร์นักสู้ซามูไร เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 11 เมื่อรัฐบาลอ่อนแอ ชาวบ้าน ตลอดจนขุนนางญี่ปุ่น จึงหันไปพึ่งพาผู้มีฝีมือในเชิงยุทธ ที่ขนานนามกันว่า "ซามูไร" จากนั้นมาซามูไรก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ "โชกุฯ" อัครมหาเสนาบดี และ "โตเมียว" เจ้าผู้ครองนครต่างๆ ของญี่ปุ่น ต่างก็มีซามูไรเป็นกองทัพไว้ประดับบารมี

    อาวุธประจำกายของซามูไรนั้น ทั่วโลกรู้ดีว่า คือ ดาบอันคมกริบ ซามูไรบางคนใช้วิธีฝึกฝนความคมดาบของตน โดยอาศัยร่างของชาวบ้านสามัญชนเป็นที่ทดสอบ แบบนี้ชาวบ้านก็ผวาไปตามกันซีครับ ดังนั้น ในสมัยของโชกุน โตกูงาวะ จึงมีกฎหมายอนุญาตให้ซามูไรเอาศพของนักโทษประหาร ไปรองรับคมดาบของตนได้ วิธีการก็คือ เอาศพไปมัดติดกับหลัก ซึ่งทำจากลำไม้ไผ่ จากนั้นนักดาบในชุดซามูไรออกศึก (กามิ ชิโม) ก็จะถือดาบเยื้องย่างเข้ามาพินิจพิจารณาดูว่า จะฟันส่วนใดของศพจึงจะเหมาะสม เช่นว่า การฟันข้อมือจะง่ายดายที่สุด ส่วนการฟันขาดสะโพก (เรียว กูรูม่า) หรือฟันตัดสองบ่า (ไต-ไต) จะยากที่สุด หลังจากฟันแล้ว ซามูไรก็จะตรวจสอบดาบของตนอย่างละเอียดว่า มีบิ่น หรืองอหรือไม่ เสร็จแล้วก็ไปตรวจตรา ร่องรอยการฟันบนร่างศพ

    ซามูไรที่เก่งกาจนั้น มีดาบชั้นดีไว้ครอบครองครับ เช่น ดาบที่ผลิตจากสำนักตีดาบมีระดับ เช่น ติมบะ โนะ กามิ โยชินามิ (ค.ศ.1565-1635) หรือสำนักของ อิโนอูเอะ ชินกาอิ (ราว ค.ศ.1674)

    ศิลปะการใช้ดาบต่อสู้อย่างรวดเร็วฉับไวนั้น สร้างชื่อเสียงให้ซามูไร จนใครได้ยินชื่อก็หนาว

    แต่ ... เมื่อถึงกาลเวลาหนึ่ง ดาบซามูไรก็ต้องถูกสยบ ด้วยอาวุธอื่นอันทรงอานุภาพกว่า

    ในปี ค.ศ.1551 หนุ่มนักสู้วัย 20 ปี นาม โอดะ โนบูนางะ ขึ้นเป็นไดเมียวครองนครเล็กๆ โอวาริใกล้กับเมืองนาโงยาในปัจจุบัน เขาได้สร้างวีรกรรมที่ทำให้ญี่ปุ่นทั้งประเทศตื่นตะลึง นั่นคือ สามารถใช้นักรบเพียง 3,000 คน ยืนหยัดต่อสู้ และพิชิตกองทัพขนาด 25,000 คน ของ อิมะงาวะ ซึ่งเป็นไดเมียวนครใหญ่ โดยอิมะงาวะนั้น คิดการใหญ่ ต้องการเป็นโชกุน แลยกกำลังออกปราบปรามเมืองใหญ่น้อย แต่โนบูนางะไม่ยอมก้มหัวให้ เขาใช้กลยุทธ์หลอกเอากองทัพของอิมะงาวะ ไปติดกับในซอกเขา ท่ามกลางหมอกหนา แล้วนำนักรบจำนวนน้อยของตน ถล่มข้าศึกจนราบคาบ

    ก่อนหน้านี้ ในปี ค.ศ.1542 ชาวโปรตุเกสได้มาถึงญี่ปุ่นเป็นหนแรก เพื่อค้าขาย พวกเขาได้นำปืนยาว อาวุธชนิดใหม่ ที่ชนชาวญี่ปุ่นไม่เคยเห็นมาด้วย เจ้าครองนครต่างๆ ชื่นชมมาก เพราะมันมีพลานุภาพเหนือกว่าหน้าไม้ และธนูหลายเท่า และโดยที่พี่ยุ่นนั้น ถนัดในเรื่องก๊อปปี้ ดังนั้น จึงมีข้อมูลที่พ่อค้าโปรตุเกสคนหนึ่งบันทึกไว้ เพียงชั่วหกเดือน นับจากที่ได้ลูบคลำปืนเป็นครั้งแรก เหล่าช่าวญี่ปุ่นก็สามารถผลิตปืนขึ้นเองได้ถึง 600 กระบอก

    ปืนนั้นเป็นอาวุธระยะไกล สามารถสังหารข้าศึกได้แบบไม่ทันรู้ตัว ในอมตะวรรณกรรม "ผู้ชนะสิบทิศ" ของ "ยาขอบ" เมื่อ บุเรงนอง จอมทัพพม่า ได้เห็นอานุภาพของปืนเป็นครั้งแรก ก็ยังทรงรำพึงอย่างรันทดพระทัยว่า ต่อแต่นี้ไป คงจะไม่ได้เห็นภาพการต่อสู้ด้วยดาบ หรือทวนอย่างห้าวหาญ สมกับเป็นนักรบอีกแล้ว

    ครับ แม้นักรบซามูไรหลายคนจะเหยียดหยาม นักรบถือปืนว่า ขี้ขลาดตาขาว แต่โนวุนางะเป็นขุนศึกประเภทคิดใหม่-ทำใหม่ เขาเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า ยุคแห่งอาวุธทันสมัยได้มาถึงแล้ว และหากเขาต้องการรวมรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียว เขาจำเป็นต้องใช้ปืน

    นอกจากปืนแล้ว โนบูนางะยังมียอดขุนพลคู่ใจ ซ้าย-ขวา คือ โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ กับ โตกูงาวะ อิเอยาสุ (สองคนนี้ต่อมาโด่งดังสุดๆ ทั้งคู่) ทำให้ โนบูนางะสามารถแผ่ขยายอำนาจกว้างขวางออกไปได้อย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็พบอุปสรรคสำคัญ ซึ่งมิใช่กองทัพของไดเมียวใด

    หากทว่า เป็นสมณะนักรบ แห่งพุทธศาสนา !

    ในปี 1571 โนบูนางะยกกำลังกองทัพ 30,000 คน ไปล้อมวัดซากาโมโต บนเขาฮิเออิ ทางเหนือของเกียวโต วัดนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ทั้งของผู้นับถือศาสนาพุทธ และชินโต แต่พระภิกษุในวัดปฏิเสธไม่ยอมอ่อนน้อม และอพยพชาวบ้านลูกเล็กเด็กแดงทั้งหลายเข้ามาหลบ ภายในวัด

    เหตุการณ์ต่อจากนี้ บาทหลวง หลุยส์ ฟรังส์ มิชชันนารีซูอิต ได้บันทึกไว้ว่า

    "เมื่อรู้ว่าชาวบ้านทั้งหมดได้ไปปักหลักอยู่ในวัด โนบูนางะก็สั่งการทันที ให้เอาปืนระดมยิง ใช้ไฟเผา และบุกเข้าไปใช้ดาบสังหารทุกคนภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง หรือเด็กเล็ก"

    และหลังจากนี้ โนบูนางะก็ได้นำกลยุทธ์การรบแผนใหม่มาใช้ โดยดาบซามูไรไม่มีทางเทียบได้เลย

    ในการรบแบบเดิมๆ ของซามูไร พวกเขาจะควบม้าดาหน้าเข้ามา พร้อมกับกวัดไกวดาบในมือ ประจัญบานห้ำหั่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัว แต่เมื่อพบกับกลยุทธ์ใหม่ของโนบูนางะ พวกเขาไม่มีโอกาสหรอกครับ โนบูนางะจัดวางพลปืนจำนวน 3,000 คนของเขา รับมือทหารม้าซามูไร โดยตั้งแนวเป็นชั้นๆ และไม่ยิงพร้อมกันทีเดียวหมดทุกคน เมื่อแถวหน้ายิงออกไป แล้วก็จะบรรจุกระสุน ระหว่างนั้น แถวที่ 2 และ 3 ก็ยิงออกไปทีลัแถวตามลำดับ ยิงออกไป 3-4 ชุด ทัพม้าซามูไรก็ไม่เหลือ

    เมื่อเห็นเช่นนั้น วัดอื่นๆ ก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของปืน และตั้งต้นสร้างโรงงานผลิตปืนเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะเมืองอิสระ ซากาอิ ถึงกับเป็นแหล่งอุตสาหกรรมค้าขายปืน ให้กับผู้ซื้อทุกราย ไม่มีเกี่ยงในปี 1575 นั้น ถึงกับกล่าวกันว่า ทัพของโนบูนางะทันสมัย ยิ่งกว่าทัพขนาดเล็กของยุโรปเสียอีก

    ถัดไป คือ วัด ฮอนงันจิ ในโอซากา ซึ่งเป็นวัดใหญ่ มีสานุศิษย์ที่ร่ำรวยมาก มีขุมกำลังซามูไรที่สามารถ ซึ่งก็มื ภิกษุสมณะของวัดนั่นเอง บรรดาหลวงพ่อ และหลวงพี่แห่งวัดนี้ ใช้เวลานอกเหนือการปฏิบัติธรรม มาฝึกฝนการใช้ดาย และธนูอย่างช่ำชอง จนต่อต้านกองทัพปืนยาวของโนบูนางะได้นานถึง 11 ปี ! โนบูนางะจึงเปลี่ยนไปใช้การบุกทางทะเล โดยใช้ปืนใหญ่ขนาดเล็ก ระดมยิงจากเรือเหล็ก ซึ่งยุทธวิธีนี้ ล้ำหน้าการรบทางเรือของอเมริกา ในสงครามกลางเมือง ถึง 300 ปีเชียวครับผม

    ดีแต่ว่า พระจักรพรรดิทรงเห็นว่า วัดใหญ่ และสำคัญแห่งนี้จะไม่รอดพ้นความพินาศ จึงยื่นพระหัตถ์มาไกล่เกลี่ย โดยให้โนมูนางะครอบครองโอซากาได้ และภิกษุในวัดฮอนงันจิ ก็ยังปฎิบัติธรรมต่อไปอย่างอิสระได้เช่นกัน ซึ่งพระท่านก็ยินดีที่ไม่เสียหน้า ต้องยอมแพ้

    ถึงจุดนี้ ท่านผู้อ่านเห็นด้วยไหมครับ ถ้าจะกล่าวว่า นักดาบซามูไรขนานแท้รุ่นสุดท้าย ที่ยืนหยัดต่อสู้กับอาวุธไฮเทค (ในยุคนั้น) ได้อย่างทรหด ก็คือ สมณะแห่งพุทธศาสนา นั่นเอง

    ในที่สุด โนบูนางะก็มีอำนาจสูงสุดในญี่ปุ่น เขามิได้เก่งในเชิงรบอย่างเดียว หากการบริหารก็เยี่ยมยอด เขาบูรณะวังหลวงให้แก่จักรพรรดิ เพิ่มรายได้ประจำปีให้พระองค์ เพื่อให้สมแก่ พระเกียรติ เขาสนับสนุนโชกุน โยชิอากิ แต่เมื่อโชกุนมีทีท่าไม่น่าไว้ใจ เขาก็เนรเทศไปเสียจากนครหลวง เขาเคยกล่าวกับบาทหลวงฟรังส์ว่า

    "ไม่ว่า จักรพรรดิ หรือโชกุน ข้าก็ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์หมดสิ้นแหละ"

    นอกจากนี้ โนบูนางะยังเสริมสร้างความแข็งแรง ในด้านเศรษฐกิจ และค้าขายให้กับญี่ปุ่นด้านการทหาร ก็มีทหารม้าชั้นดีถึง 20,000 นาย

    แต่วาระสุดท้ายของเขาก็มาถึงอย่างกะทันหัน ในปี 1582 ขณะที่เขาพักผ่อนอยู่ในที่พำนัก ในเกียวโต แวดล้อมด้วยทหารในสังกัด ของนายพลอาเคชิ มัตสุฮิเดะ ผู้ซึ่งฝักใฝ่ในองค์จักรพรรดิ และต้องการโค่นล้มโนบูนางะ บาทหลวงฟรังส์บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า

    "เหล่าทหารของอาเคชิ กรูผ่านประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการขัดขวาง เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่า จะเกิดการกบฎ โนบูนางะเพิ่งล้างหน้าล้างตา หลังตื่นนอนเช้าตรู่ ทหารที่ทรยศได้ยิงธนูเสียบสีข้างของเขา ในบูนางะกระชากลูกธนูออก แล้วฉวยดาบโค้งยาวออกมาต่อสู้ แต่อีกเพียงครู่เดียว ก็ถูกยิงเข้าที่แขนอีก เขากลับเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูลั่นดาล บางคนกล่าวว่า เขากระทำฮาราคีรี แต่บางคนก็เชื่อว่า เขาจุดไฟเผาห้อง และตายในกองเพลิง เรารู้แน่นอนแต่เพียงว่า บุรุษผู้ที่แม้แต่ทหารก็ยังเงียบเสียง เพียงได้ยินชื่อเขา ได้ตายไปในที่นั้น โดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ กระทั่งเส้นผมสักเส้นเดียว ..."

    จุดจบของผู้ที่สยบนักรบซามูไรได้อย่างราบคาบ ช่างน่าเศร้าเสียนี่กระไร หรือเป็นผลกรรมตามสนองจากการที่เขา ได้เข่นฆ่าอย่างทารุณต่อสมณะนักสู้ ในพระพุทธศาสนา ... ซามูไร รุ่นสุดท้าย


    ต๋วย'ตูน 1 กพ.47
    โงเมนนาไซ
     
  5. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ซามูไร
    กำเนิด
    คอลัมน์รู้ไปโม้ด โดยน้าชาติ ประชาชื่น


    อยากทราบความเป็นมาของซามูไร มีหน้าที่อะไรบ้างและทำอย่างไรจึงได้เป็นซามูไร /วิชยะ

    ตอบ ปกติแล้วชาวบ้านชาวนาชาวไร่ทั้งหลายของญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบซามูไรเท่าไร เพราะซามูไรเป็นนักรบที่รับใช้ชนชั้นศักดินา

    ยุคที่ขุนนางหรือชนชั้นศักดินาในญี่ปุ่นเรืองอำนาจ เห็นชัดในสมัยนารา ช่วงปีค.ศ.710-784 และสมัยเฮอิอัน ช่วงปีค.ศ.794-1185 ตระกูลขุนนางบางตระกูลมีอำนาจถึงขั้นควบคุมองค์จักรพรรดิได้ ขณะที่ระบบการบริหารบ้านเมืองทั้งในระดับชาติและท้องถิ่นอ่อนแอลงจึงเกิดศึกแย่งชิงที่ดิน ทรัพย์สินและตำแหน่งระหว่างตระกูลมากขึ้น

    ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้รับสิทธิให้เป็นผู้รักษาความปลอดภัยในท้องที่ต่างๆและมีสิทธิติดอาวุธได้ หากมีเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะได้รับแต่งตั้งยศทางทหารอีกด้วย

    ขณะเดียวกันทางฝ่ายผู้ดูแลหรือเจ้าของที่ดินของบรรดาตระกูลร่ำรวยทั้งหลาย ก็จะจัดตั้งกลุ่มติดอาวุธของตัวเองเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินที่ดินของตัวเองด้วย

    การรวมกลุ่มเพื่อปกป้องทรัพย์สินที่ว่านี้ ขยายตัวออกไปในหลายพื้นที่ กลายเป็นการสร้างอาณาจักรของครอบครัวตระกูลต่างๆ ซึ่งแต่ละบ้านแต่ละสาขาจะต้องมีนักรบชั้นดีประจำไว้ ซึ่งนั่นก็คือ "ซามูไร" นั่นเอง

    ซามูไรเปรียบเหมือนเหล่าอัศวินในสมัยกลางของยุโรป ซามูไรจะเป็นพวกมีเกียรติและอุดมการณ์ มีคติรุนแรงเรื่องความเป็นพี่น้อง และปฏิบัติตนตามหลักความประพฤติอย่างเข้มงวด

    เน้นความกล้าหาญ จงรักภักดี หากพ่ายแพ้หรือผิดพลาด ซามูไรจะยอมตายด้วยการคว้านท้อง ดีกว่าอยู่อย่างเสื่อมเสียเกียรติยศ

    ภารกิจที่สำคัญที่สุดของซามูไรคือการอารักขาบุคคลในตระกูลทีสังกัด ต่อสู้ป้องกันและแก้แค้นแทนเจ้านาย พร้อมที่จะสละชีวิตของตัวเองและลูกเมียเพื่อเจ้านาย

    ยุคซามูไรเฟื่องฟูที่สุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-12 จนกระทั่งระบบสังคมญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคใหม่
     
  6. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    โรนิน


    โดยทั่วไป ซามูไรจะมีสังกัดขึ้นอยู่กับเจ้านายคนใดคนหนึ่ง ซามูไรที่เจ้านายเสียชีวิตหรือพ่ายแพ้ในการต่อสู้ จะกลายเป็น "ซามูไรไร้สังกัด" ที่เรียกว่า "โรนิน" ซึ่งมีสถานะต่ำต้อยมากในสังคม ซามูไรทั้งหลายจึงยินดีสู้อย่างถวายชีวิตเพื่อกลุ่มและเจ้านายของตนเป็นฝ่ายชนะ
     
  7. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    47 โรนิน
    วันนี้ผมหยิบหนังสือเรื่อง 47 โรนิน มาอ่านอีกครั้ง ด้วยความคิดว่ามันน่าจะทำให้ผมหายคิดถึงบ้าน
    หนังสือเล่มนี้เป็นวรรณญี่ปุ่น แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนญี่ปุ่นนะครับ เพียงแต่ว่าบรรยากาศในเรื่องนี้มันเป็นเรื่องราว ย้อนไปยุคสมัยที่ยังมีซามูไร นั้นก็หมาายถึงช่วงที่ บ้านเมืองยังไม่ทันสมัย สภาพบรรยากาศ จึงเป็นที่ๆเราจะระลึกถึงธรรมชาติได้ และนั้นแหละเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เกี่ยวพันกับสภาพบ้านนอกที่ผมจากมา

    ผมนับถือความเป็นซามูไรและศักดิของคนญี่ปุ่นจริงๆ เนื้อเรื่องมันเป็นตำนานของที่มา 47 โรนิน คำว่าโรนิน คือชื่อเรียกเหล่าซามูไรไร้นาย ซามูไรเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง ของประเทศญี่ปุ่น ที่ค่อยอารักค์ขาเหล่าไดเมียว และเหล่าขุนนางญี่ปุ่น ซามูไรถูกสอนมาให้จงรักภักดีต่อนาย

    แต่ถ้านายของเขาได้ตายไป พวกเขาจะเป็นโรนินทันที

    ไดเมียวหรือขุนนางญี่ปุ่น เมื่อทำความผิด เขาจะยอมรับความผิดนั้นด้วยศักดิ์ศรี ความตายเป้นเรื่องเล็กน้อย
    แต่ศักดิ์ศรีของวงค์ตระกูล พวกเขาพร้อมจะรักษามันด้วยชีวิต

    แต่ความตายของเจ้านาย เหล่าซามูไรถือเป็นหน้าที่ ที่พวกเขาจะต้องรับผิดชอบล้างแค้นเพื่อนาย นั้นถิอเป็นหน้าที่สุดท้าย

    ผมมองว่าพวกเหล่าซามูไร สักจงรักษาภักดีและยึดมั่นใจหน้าที่เหลือเกิน นั้นเป็นสิ่งบ่งบอกว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีความมุ่งมั่นต่องานในหน้าที่มากนัก
    ผมได้ยินบ่อยครั้ง ที่คนได้รว่มงานกับคนญี่ปุ่น พวกเราจะต้องชมความรับผิดชอบต่องานของพวกนี้ให้ฟังเสมอ


    * 47 โรนิน เป็นงานเขียนของ John Allyn แปลโดย คาตานะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤศจิกายน 2006
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    47 โรนิน มหาตำนานของเหล่าวีรบุรุษ เหตุการณ์จริงอันยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เมื่อโรนินหรือซามูไรไร้นายทั้งสี่สิบเจ็ดร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและล้างแค้นให้ เจ้านายอันเป็นที่รักของพวกเขา แม้พวกเขาจะรู้ดีว่า ปลายทางของถนนเส้นที่พวกเรา กำลังก้าวเดินจะนำไปสู่ความตาย แต่พวกเขาก็ปฏิบัติภารกิจกันด้วยความมุ่งมั่นและเต็มใจ นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วเรื่องนี้ จะทำให้คุณเห็น จิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของพวกเขา ลองอ่านดูแล้วคุณจะรู้ว่า…ทำไมพวกเขาจึงเป็นวีรบุรุษ ของชาวญี่ปุ่น...
     
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ในโลกซึ่งความสัตย์ถูกละเลย และความภักดีมีราคา ขบวนการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ที่ร้ายกว่า ได้เผยโฉมออกมา นั่นคือเหล่านักฆ่าไร้สังกัดที่ถูกเรียกขานว่า "โรนิน" สงครามเย็นอาจยุติ ทว่ากลุ่มนักรบรับจ้าง ผู้มีทักษะและไหวพริบในการต่อสู้ของพวกเขาคือตำนานยังคงแฝงตัวอยู่ เมื่อรับงานจากลูกค้าลึกลับคนหนึ่ง ด้วยการโจรกรรมกระเป๋าเอกสารลับสุดยอด แต่งานนี้จะสำเร็จได้พวกเขาต้องทำสิ่งที่ตนไม่เคยทำมาก่อนนั่นคือ การเชื่อใจกันและกัน
     
  10. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    ผมเคยเล่นเกมส์ battle real มีโรนินกับซามูไรด้วย เวลาที่ซามูไรตายจะคว้านท้องตัวเองเพื่อเรียกวิญญาณมังกรออกมาสร้างความเสียหายแก่ศัตรู ส่วนโรนินเวลาตายจะสร้างวงเวทย์คำสาบทิ้งไว้ ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าโรนินก็เคยเป็นซามูไร (นึกว่านักรบเวทย์)
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับโรนินคือซามูไรไร้นายนั่นเองครับผม ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมก็โพสเลลยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...