~เรื่อง:ลึกลับ/มนุษย์ต่างดาว~[วิทยาศาสตร์]UpDate-หน้า5:เรื่องดาวอังคาร~

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย O๐.AnGle.๐O, 18 ธันวาคม 2007.

  1. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ~เรื่อง:ลึกลับ/มนุษย์ต่างดาว~[ วิทยาศาสตร์]UpDate-หน้า'5:เรื่องดาวอังคาร~

    ก่อนอื่นขอพูดถึงเรื่องนี้ก่อนครับ

    เรื่องเกี่ยวกับ เบมิวด้า

    เอามาจากหนังสือที่ผมมีอยู่

    - หลังจากมีผู้พบเห็นวัตถุประหลาดไม่ปรากฎสัญชาติ (UFO)

    ทั่วท้องฟ้าทุกบริเวณของโลก แต่ยังไม่เคยมีข่าวที่บอกว่า UFO นั้น

    เคยลงมาจอดบนพื้นผิวโลก

    นักวิยาศาสตร์สันนิฐานว่า บางพื้นที่ของโลกเรา ไม่เหมาะที่จะเป็นที่ลงจอด

    ของ UFO ได้

    UFO ดังกล่าวอาจมีระบบการขับเคลื่อนกับพลังดึงดูดและแรงผลักของสนาม

    แม่เหล็กโลกของเรา ดังนั้นจึงไม่สามารถลงจอดจุดใดจุดหนึ่งตามความ

    ประสงค์ได้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า บริเวณนั้นอาจเป็นจุดเชื่อม

    ต่อระหว่างโลกกับจักรวาล UFO สามารถลงจอดได้โดยไม่มีผลต่อปฏิกิริยาแรง

    ดึงดูดและแรงผลักดันของสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  2. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    เรื่องราวที่เป็น Basic เกี่ยวกับ UFO สำหรับมือใหม่ครับ



    [UFO คืออะไร? ]
    ยูเอฟโอ หรือบางทีภาษาอังกฤษก็อ่านกันว่า ยูโฟ (มีพหูพจน์เป็น UFO's หรือ UFOs ซึ่งผมจะใช้บ่อยๆ) เป็นคำย่อครับ มาจากคำเต็มคือ " An Unidentifies Flying Object "

    ที่ถอดความหมายออกมาได้เป็น "วัตถุบินลึกลับ"

    - แล้วจานผี จานบินที่ว่า มันคืออะไร?
    คำว่าจานบินที่เราใช้เรียก UFO บ่อยๆนั้น เป็นคำแบบไม่เป็นทางการนะครับ ฝรั่งก็มีเรียกเหมือนกันว่า Flying saucers ก็คงเจ้าคำนี้นั่นแหละ ที่เป็นที่มาของคำว่า จานผี จานบิน เพราะเดิมที ผู้คนมักจะมองว่า จานบินที่พวกเขาพบนั้น มีลักษณะคล้ายกับจานหรือชามสองใบคว่ำประกบกัน และบินไปในท้องฟ้า ก็เลยพาลเรียกว่าจานบินเอาเสียเลย

    คำว่าจานบินนี่ก็มีที่ไปที่มาเหมือนกันนะครับ เพราะว่าผู้ที่เรียกมันว่าจานบิน(Flying saucers) เป็นคนแรกนั้น แกเป็นนักบินที่ชื่อ เคนเนธ อาร์โนลด์ นักธุรกิจและนักบินชาวอเมริกัน อาร์โนลด์เป็นเสืออากาศเก่า หลงไหลในการบินและเครื่องบินเอามากๆ วันหนึ่ง ขณะที่เขาขับเครื่องบินส่วนตัวอยู่เหนือเทือกเขาเรนเนียร์ ( Mount Rainnier) ในรัฐวอชิงตัน เวลาในตอนนั้นคือบ่ายสองโมง (เดือน มิ.ย. พ.ศ. 2490) ระดับความสูงของเครื่องอยู่ที่ 9500 ฟุต สภาพอากาศในวันนั้น เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ทัศนวิสัยเรียกได้ว่า"ดีเลิศ" ไม่เป็นอุปสรรคใดๆต่อการบิน




    [​IMG]
    ขณะที่อาร์โนลด์กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศบนฟ้า ฉับพลัน เขาก็มองเห็นสิ่งบินลึกลับ อยู่ต่ำลงไปเบื้องล่าง กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหุบเขาสูงๆต่ำๆ ซึ่งทอดแนวยาวต่ำกว่าเพดานบินของเขาลงไป อาร์โนลด์รู้สึกพิศวงกับสิ่งที่เห็น เนื่องด้วยประสบการณ์เสืออากาศของเขา ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เจ้าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร มันบินด้วยลักษณะอาการที่แตกต่างไปจากสิ่งบินหรืออากาศยานในสมัยนั้นโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะที่เหมือนกับจานสองใบประกบกัน อาร์โนลด์เรียกมันว่าจานบินครับ ลักษณะการบินของมันก็แปลกใช่ย่อย มันร่อนไปในลักษณะที่แฉลบไปมา "เหมือนกับเวลาเราร่อนหินหรือจานแบนๆ ให้แฉลบไปบนผิวน้ำ" อาร์โนลด์กล่าว จานบินที่เขาเห็นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 ลำ บินเกาะหมู่กันมาอย่างไม่เป็นระเบียบ คล้ายลูกปัดที่ร้อยกันห่างๆด้วยด้ายหรือโซ่ "จะว่าไปมันก็เหมือนห่านที่บินเรียงแถวกัน" เขาย้ำ ขนาดของจานบินเหล่านั้น มีขนาดประมาณ 2/3 ของเครื่อง DC-4 บินด้วยความเร็วประมาณ 1,700 ไมล์ต่อชั่วโมง มากกว่าเครื่องเชสน่าลำโปรดของเขาหลายเท่านัก


    [​IMG]

    เนื่องจากเคนเนธ อาร์โนลด์ เป็นคนมีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของคนทั่วไป อีกทั้งเป็นนักบินผู้มีประสบการณ์ เชียวชาญในเรื่องเครื่องบินเกือบทุกชนิด ดังนั้นการที่เขาเห็นยานลึกลับเก้าลำ และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเครื่องบินชนิดใด จึงทำให้คนทั่วไปเชื่อกันว่า เคนเนธ อาร์โนลด์ คงได้เห็นสิ่งบินที่ไม่ได้สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์บนโลกเป็นแน่แท้

    อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศสหรัฐ ได้ออกมาแถลงข่าวว่า สิ่งที่อาร์โนลด์เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา ซึ่งนักบินเก่าผู้นี้ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ไปเช่นกันว่า "ผมรายงานข่าวนี้ออกไป เนื่องเพราะว่าผมเป็นนักบิน ควรต้องรายงานสิ่งไม่ชอบมาพากลที่เห็นออกไป ไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือเงินทองแต่อย่างใดทั้งสิ้น" อืมห์... ก็แหงล่ะครับ แกทั้งรวยทั้งดังเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่นา

    นั่นคือที่ไปที่มาโดยย่อๆของปรากฏการณ์ประหลาด ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับคำยืนยันใดๆทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งนับเป็นการแถลงอย่างเป็นทางการครั้งแรก เกี่ยวกับเจ้าสิ่งบินลึกลับที่ชะแว้บไปมา พาให้มนุษย์โลกฉงนฉงายกันจนทุกวันนี้ ณ เบื้องต้น นายโซนิคจะขออธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับลักษณะ ประเภท ของ UFO โดยสังเขป ขอย้ำว่าโดยสังเขปนะครับ ถ้าต้องการรายละเอียดจริงๆชนิดเอาไปเป็นหนังสืออ้างอิงล่ะก็ เชิญตามห้องสมุดหรือตามร้านหนังสือใหญ่ๆดีกว่าครับ ละเอียดและดีกว่ากันเยอะเลย ส่วนของนายโซนิคเนี่ย เอาเป็นว่าเล่ากันพอหอมปากหอมคอสำหรับผู้สนใจก็แล้วกันนะครับ

    [ ลักษณะและชนิดของ UFO ]
    จากรายงานการพบเห็นเห็นสิ่งบินลึกลับ ที่ทางการสหรัฐรวบรวมไว้ และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไรนั้น สามารถจะแบ่งลักษณะของยานลึกลับออกได้เป็น 12 แบบ ดังนี้


    1. ลักษณะคล้ายพยัญชนะ Z ในภาษาอังกฤษ หรืออาจจะมองได้อีกแบบว่า มีลักษณะเหมือนใบพัด เป็นโลหะยาว ความยาวประมาณ 8-9 ฟุต กว้าง 2 ฟุต (อืม.. แล้วอะไรจะนั่งได้ล่ะเนี่ย?) รายงานแรกที่พบเห็นมีเมื่อวันที่ 29 ก.ค. พ.ศ. 2490 เวลา 9.55 น ซึ่งขณะนั้นบินอยู่สูงประมาณ 30 ฟุต


    2. ลักษณะคล้ายเครื่องบินแบบธรรมดาแต่ข้อพิเศษของมันคือมีออร่า เอ๊ย.. มีรังสีเป็นสีแดงล้อมรอบ นักเรียนนายเรือ ภรรยาและเพื่อนๆได้เห็นยานประหลาดชนิดนี้ในคืนวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2494 เวลาประมาณสามทุ่ม ซึ่งวัตถุเหล่านี้บินมาเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 2-9 ลำ วัตถุเหล่านี้บินเป็นเส้นตรงครับ


    3. ลักษณะคล้ายเครื่องบิน ผู้บังคับหอการบินได้เห็นยานชนิดนี้เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2493 เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ขณะบินมีแสงสว่างจ้า แต่จะกระพริบเป็นบางครั้ง มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องบินแบบ [u-29 ที่ปีกไม่มีเครื่องยนต์หรือใบพัด


    4. ลักษณะแบบซิการ์ ชาวนาและลูกมือกำลังตัดและรักษาต้นยาสูบอยู่ในตอนเที่ยงคืน ของวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ได้เห็นยานลักษณะนี้สองลำ ลำหนึ่งลอยนิ่งขณะที่ลำหนึ่งบินไปทางขวา และย้อนกลับมาทางเดิม ทั้งสองลำพ่นประกายออกจากส่วนท้าย ยานเหล่านี้มีลักษณะเป็นมันวาว มีแสงสะท้อน และมีแสงสวางอยู่ภายในด้วย



    [​IMG]




    5. ลักษณะคล้ายจรวด ได้มีนักบินผู้หนึ่งพบเห็นยานบินชนิดนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2491 ขณะกำลังขับเครื่อง CD-3 ในเวลา 03.40 ยานลำนี้ได้บินเข้าหาเครื่องของนักบินและบินผ่านไปทางขวา ยานลำนี้อาจขับเคลื่อนด้วยจรวดหรือเครื่องบินแบบเจ็ท เพราะส่งประกายออกทางตอนท้าย ไม่มีปีก แต่มีหน้าต่างสองแถว สามารถมองเห็นแสงไฟแว่บออกมานิดหน่อย


    6. จานบินแบบที่ 1 ช่างเครื่องยนต์คนหนึ่งได้เห็นจานบินชนิดนี้ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2495 เวลา 19.30 น. ยานชนิดนี้สามารถบินเปลี่ยนทิศทางได้ฉับไว และขับเคลื่อนได้รวดเร็วมากด้วย มีแสงสีขาวซึ่งบางครั้งเปลี่ยนเป็นสีแดง บางทีแสงก็ดับไปนานๆในลักษณะที่ใช่การกระพริบ


    7. จานบินแบบที่ 2 มีลักษณะแบนและมีทรงกลม พบโดยนักบินในกองทัพสหรัฐประจำเกาหลี เมื่อดือนมิถุนายน 2495 เวลา 08.42 น. ยานดังกล่าวบินในลักษณะแปลกคือ มีอาการสั่น ทิศทางในการบินนั้น บางครั้งก็บินเป็นเส้นตรง บางครั้งก็หยุดอยู่กับที่ ขณะหนึ่งก็มีบินดิ่งขึ้น แล้วก็สั่นอีก เป็นต้น


    8. จานบินแบบที่ 3 ได้มีผู้พบเห็นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2491 เวลา 08.25 น. โดยช่างไฟฟ้าผู้หนึ่ง จานบินชนิดนี้บินเป็นเส้นตรงครับ


    9. ลักษณะทรงหมวกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ฟุต หนา 10 ฟุต ชาวนากับลูกชาย 2 คน ได้เห็นยานชนิดนี้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2490 เวลาบ่ายโมง ขณะที่เห็นนั้นยานบินอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 ฟุต และอยู่เหนือพื้นดิน 75 ฟุต มีร่องยาวข้างๆยาน ซึ่งมีเปลวไฟแลบออกมาและมีเสียงคล้ายลมพัด ต้นไม้ต้นไร่เอนลู่เมื่อยานบินลำนี้บินผ่านไป






    10. ลักษณะคล้ายตอร์ปิโด วัตถุนี้สะท้อนแสงเมื่อมองด้วยตาเปล่า เป็นโลหะสีดำคล้ำ บินในแนวราบ มีความเร็วพอๆกับเครื่องบินเจ็ท ไม่มีใบพัด ผู้ที่เห็นยานชนิดนี้เป็นคนงานในโรงงานผลิตเครื่องบิน ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2492 เมื่อเขาเห็นนั้น เขารีบเอากล้องส่องทางไกลขนาดกำลังขยาย 8 เท่าส่องดู ปรากฏว่า ด้วยภาพจากกล้อง ยานลำนี้ไม่มีแสงสะท้อนใดๆเลยครับ

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][​IMG][/FONT]​

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]11. ลักษณะเป็นแผ่นทรงกลมแบนมีผู้พบเห็นยานชนิดนี้เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2493 เวลา 21.06 น. โดยนายทหารในกองทัพอากาศและกัปตันเครื่องบิน ขณะที่กำลังขับเครื่องบินพาณิชย์อยู่ ยานบินนี้ขับเคลื่อนได้เร็วมาก มีลักษณะทรงกลม เว้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 ฟุต และมีความสูงของยานประมาณ 50 ฟุต จึงทำให้มองดูคล้ายจานด้านบนของยาน มีแสงกระพริบทุกๆวินาที แสงนี้จ้ามากจนไม่อาจจ้องได้นานๆ บินเป็นเส้นตรง ความเร็วขณะที่เห็น กัปตันเครื่องบินประมาณเอาว่าคงจะราวๆ พันไมล์ต่อชั่วโมงหรือมากก[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ว่า [/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]12. ลักษณะจานคว่ำเข้าหากัน เป็นสุดยอดป็อปปูล่า ที่มีผู้พบเห็นกันมากที่สุด ความยาวประมาณ 75 ฟุต กว้าง 45 ฟุต หนา 15 ฟุต มีสีคล้ายอลูมิเนียมคล้ำๆ ผิวเรียบ บางรายระบุว่า ขอบกลางของยานเป็นหน้าต่าง สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวได้รางๆ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเครื่องจักรหรือ"คน" ขอบบนและล่างของยานมองไม่เห็นประตูหน้าต่างใดๆ ขณะร่อนขึ้นลงจะเกิมลมหมุนความเร็วสูงทำเอาพืชต่างๆถูกพัดกระเจิดกระเจิง[/FONT]

    [FONT=Ms Sans Serif, Krungthep, Thonburi][​IMG][/FONT]​


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จะเห็นได้ว่า มีการพบเห็นยานเหล่านี้มากมายหลายประเภท ส่วนที่เอามาลงนี้เป็นการพบเห็นโดยพยานซึ่งเชื่อถือได้ เพราะถ้าทุกท่านสังเกตดีๆแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นนักบินหรือนายทหาร ซึ่งคุ้นเคยกับอากาศยานประเภทต่างๆค่อนข้างดี จากปี 2490 เป็นต้นมา รายงานการพบเห็น UFO มีขึ้นกระจัดกระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะบนแผ่นดินของลุงแซม ดูจะหนาหูหนาตาเป็นพิเศษ บุคคลที่เห็นก็มีมากประเภท ไล่ตั้งแต่เด็กตาดำๆ ชาวนา วิศวกร ทหาร แม่บ้าน ไปจนถึงนักบินอวกาศ อย่างไรก็ตามนะครับ มีการจัดประเภทการพบเห็นจานบินออกเป็น case ซึ่งบางคนคงพอทราบมาบ้าง เพราะแม้แต่พ่อมดมายาอย่าง สตีเฟน สปีลเบิร์ก ก็ยังเอามสร้างเป็นหนังมาแล้ว รายงานการพบเห็น แบ่งออกเป็นประเภทได้ดังนี้ครับ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ลักษณะรายงานการพบเห็น UF[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]O [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]1. เห็นบินหรือลอยลำอยู่บนท้องฟ้า รายงานชนิดนี้ เป็นรายงานการพบเห็นวัตถุบินต่างๆบนท้องฟ้า ไม่ว่ากลางวัน กลางคืน ฝนตก ฟ้าร้อง และวัตถุที่เห็นก็มีลักษณะแตกต่างกันไป นักวิชาการด้านยานลึกลับ (UFOlogist) เรียกรายงานการเห็นชนิดนี้ว่า Close Encounter of the First Kind ซ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ึ่งนับ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ว่ามีมากที่สุด ในบรรดารายงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ [/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]2. เห็นลงจอด (อาจมีรายงานการเห็น "คน" ในยานแถมมาด้วย) และมีร่องรอยหรือหลักฐานการลงจอด รายงานชนิดนี้น่าสนใจกว่ารายงานชนิดแรก เนื่องจากมีหลักฐานของผู้พบเห็นหลงเหลืออยู่ หลักฐานเหล่านี้อาจเป็นรอยที่จานบินลงจอด หรือเป็นรอยหญ้าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งถูกไฟไหม้เกรียม หรือ รอยของต้นไม้ที่ถูกตัดเนื่องจากการบิน รอยรองเท้า(?) และบางรายยังเด็ดกว่านั้นครับ คือพบหลักฐานที่"มนุษย์"ต่างดาวอาจจะทิ้งเอาไว้ เช่นโลหะที่ไม่ทราบประเภท อุปกรณ์ที่ไม่ทราบหน้าที่ของมัน ภาษาอังกฤษเรียกการเห็นแบบนี้ว่า Close Encounter of the Second Kindซึ่งมีจำนวนรองลงไปจากแบบแรก[/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]3. เห็นลงจอดหรือมีการเผชิญหน้ากับผู้มาจากยานโดยตรง การเห็นชนิดนี้นับว่าน่าสนใจที่สุด เพราะประหลาดแทบไม่น่าเชื่อ บางรายนับว่ามหัศจรรย์จนเอาไปสร้างเป็นหนังหรือเขียนเป็นนวนิยายด้วยซ้ำ รายงานเหล่านี้มีตั้งแต่ เห็นรูปร่างมนุษย์ต่างดาวในยาน บางรายโดนฉุดกระชากให้ขึ้นยาน มีถูกลักพา หรือสะกดจิต นักวิชาการเรียกการพบเห็นชนิดนี้ว่า Close Encounter of The Third Kind [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]รายงานการเห็นในแต่ละกลุ่มดังกล่าวนี้ บางครั้งมักถูกกลั่นกรองมาก่อนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย บางรายมีรูปถ่ายเป็นหลักฐาน ซึ่งได้รับการพิศูจน์จากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า ไม่ได้ผ่านการแต่งเติมใดๆ นอกจากนี้นะครับ พยานหลายคน โดนการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา เป็นต้นว่าสะกดจิต ผลการทดสอบบอกเราว่า เรื่องที่พวกเขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าออกจะเหลือเชื่อไปหน่อยก็ตาม[/FONT]



    อ่าน Basic เกี่ยวกับ UFO กันเข้าใจแล้วใช้ไหมครับ

    เดี๋ยวมาต่อกันเลยดีกว่าครับ

    เกี่ยวกับเรื่ององค์กร ลับ อิอิ ลับสุดยอดจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  3. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    MaJestic (MJ12) 12 โครงการลับ อันอื้อฉาว ของรัฐบาลสหรัฐ


    Majestic 12 , MJ 12 (คนละคนกับที่ MJ 1 แห่ง Mahatsajan.com นะขอรับ) หรือ Majic ชื่อนี้คงคุ้นหูคุ้นตา สำหรับผู้สนใจในเรื่องมนุษย์ต่างดาว , ชอบเล่นเกมส์ประเภทเลี่ยนทะลวงโลก อะไรประมาณนั้นเป็นอย่างดี Majestic 12 นับเป็นหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งคงไว้ซึ่งความลับดำมืด เป็นเงาเร้นหลังวงการเมือง และรัฐบาลสหรัฐมาช่วงหนึ่ง ที่แม้แต่ทุกวันนี้ หลาย ๆ ฝ่ายก็ยังไม่กระจ่างกับข่าวนี้เสียที ได้แต่ข่าวลืออย่างนั้น ข้อมูลลอยอย่างนี้มาตลอด ลองมาทำความรู้จักกับหน่วยงานนี้กันดูบ้างไหมครับว่า พวกเขาเป็นใคร และมีความสำคัญมีบทบาทอย่างไรกับวงการ UFO


    [​IMG]


    - ต้นกำเนิด

    ช่วงทศวรรษที่ 60 ปรากฎการณ์สะท้านเมืองอย่าง UFOs เล่นเอาชาวบ้านใจสั่นผวา ขากระตุกจนอยู่ไม่เป็นสุข ความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวกระพือโหมไปเหมือนไฟลามทุ่ง ร้อนถึง รัฐบาลสหรัฐที่ต้องหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณา ประมาณว่า หากมนุษย์ต่างดาวมีจริงแล้วไซร้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง พวกเขาต้องลงมาเยือนโลก ประการสำคัญก็คือ พยานหลักฐานที่มีอยู่มากขึ้น ส่อเค้าออกมาว่า โลกของเราได้รับการมาเยือนจากนักท่องอวกาศมานานแสนนานแล้ว

    โอเคครับ ถ้ามา "ท่อง" เพื่อแค่ "เที่ยว" ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าพี่เอเลี่ยนแกมาเซอร์เวย์เพื่อเตรียมครอบครองล่ะ ? คงไม่เข้าท่าหรอกจริงไหมครับ ? เพราะเหตุนี้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิดี เฮนรี่ ทรูแมน จึงได้จัดตั้งหน่วยงานลับหน่วยงานหนึ่งขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 1947 (ลูกใครเกิดวันนี้จะตั้งชื่อเป็น MJ ก็เก๋ไม่หยอกนะครับ ) และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Majestic 12" อันเป็นคำที่ย่อมาจาก Majority Agency for Joint Intellgence Control ที่บางทีเราอาจเคยได้ยินชื่อหน่วยงานนี้ในรูปแบบอื่นๆ เช่น MJ12, Maji12, Majic12 หรือ Majicom12 ก็รับทราบไว้เสียเลยนะครับ ว่านี่คือหน่วยงานเดียวกัน


    - ตั้งขึ้นมาทำอะไร ?

    หน้าที่หลักของ Majestic 12 คือ การนำเสนอข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ได้จากกองทัพ หน่วยสืบราการลับ และหน่วยงานอื่นของรัฐมาเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงนั่นเอง


    [​IMG]


    หนึ่งในบรรดาหัวเรือของ MJ


    - งานของ MJ 12

    หน้าที่หลักของ MJ ก็คือ การสืบสวนในหัวข้อต่าง ๆ ดังที่กล่าว นำเสนอให้ประธานาธิบดีสหรัฐทราบเป็นระยะ ๆ แต่โครงข่ายหลักของ Majestic 12 คือ Majority Operation ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่มีหน้าที่รับผิดชอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว คณะกรรมการที่อยู่ในหน่วยจะถูกแทนด้วย Codename เช่น MJ1 , MJ2 เรื่อยไปจนถึง MJ12 โดยมีหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐคอยเป็นตัวประสาน เช่นหน่วยป้องกันราชอาณาจักร , CIA (ซึ่งมีเอี่ยวทุกงาน) ตลอดไปจนถึง FBI เป็นต้น

    ถ้าการจะก่อตั้งอะไรซักอย่างต้องมีฤกษ์มียาม ฤกษ์ยามของ Majestic ก็คือคดีดังที่รอสเวลล์เมื่อปี 1947 น่านล่ะครับ เพราะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งมาให้สอบสวนเรื่องนี้เป็นกรณีลับ ก็คือ Majestic 12 นั่นเอง ข่าวลือเกี่ยวกับหน่วยงานนี้ ยังมีออกมาอีกบานตะไท เป็นต้นว่าติดต่อกับเอเลี่ยนกลุ่มหนึ่ง โดยมีข้อตกลงว่า พวกเขาจะได้รับความรู้ทางเทคโนโลยี แลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐจะใช้พื้นที่สร้างฐานทัพแก่มนุษย์ ต่างดาว พร้อมมอบตัวอย่างทดลองเป็น ๆ จำนวนหนึ่งให้ศึกษา ซึ่งก็คือ พลเมืองผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นั้นแล...





    [​IMG]


    ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วสำนักงานของ Mj อยู่ที่ใด อาจจะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 51 ก็ได้ใครจะรู้...

    การคงอยู่ของหน่วยงานนี้ นอกจากเพื่อศึกษาเรื่อง UFOs หรือสิ่งมีชีวิตนอกโลกแล้ว ยังมีหน้าที่อีกประการคือ ปกปิด ร่องรอย เรื่องราวต่าง ๆ มิให้เผยแพร่แก่สาธารณชน ทันทีที่มีข่าวเรื่องสิ่งบินลึกลับขึ้น เจ้าหน้าที่ของมาเจสติค 12 ก็จะรุดไปสืบสวน และหากมีพยานที่ "สอดรู้สอดเห็น" มากเกินไปการแนะนำและตักเตือนให้หุบปากไว้ก็จะเกิดขึ้น มิฉะนั้น พวกเขาก็จะถูกทำให้กลายเป็นคนชนิดหนึ่งที่พูดไม่ได้ขึ้นมา (คนตายไงครับ ชนิดที่รักษาความลับได้ดีที่สุด) จึงไม่น่าแปลกอะไรที่ William Mac Brazel ผู้พบชิ้นส่วนยานลึกลับที่รอสเวลล์ และได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น แต่ภายหลังแม็คได้กลับคำให้สัมภาษณ์ไปเสียฉิบ

    วิธีการแก้ข่าวของ Majestic 12 นั้นไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เราคิดหรอกครับ พยานที่รู้มากจะได้รับค่าตอบแทนในการหุบปากเป็นเงินก้อนโต ซึ่งถ้าไปเจอพยานที่หยิ่งไม่ยอมรับเงินก้อนนั้น หน่วยงานของเราก็จะสมนาคุณพวกเขาโดยการส่งเสริมให้ไปนอนกอดศักดิ์ศรีอยู่ในหลุม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  4. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ดึกแล้ว อ่าครับ ถ้าสนใจก็มา ขุด กันแยอะๆ นะครับ ความรู้ทั้งนั้น

    บางอันก็เอาเสริมเข้าไป เพราะเอามาจากหนังสือ

    ถ้ามีคนชอบ ผมจะโพสเรื่อยๆครับ

    แต่ถ้ามีคนเข้ามาหาเรื่อง หรือ พูดจาไม่ดี ผมจะหยุดโพสทันทีครับ
     
  5. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ไททานิค ไม่ได้จม เพราะ น้ำแข็งยักษ์


    สนใจกัน ป่ะ


    แต่.. จมเพราะคำสาปของ ฟาโรห์

    (มันเป็นการวิเคราะห์กันเฉยๆครับ ซึ่งอาจจะไม่จริงหรือจริงก็ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  6. ถาวโร(ถา-วะ-โร)

    ถาวโร(ถา-วะ-โร) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +672
    ขออีกครับ อยากอ่านครับ
     
  7. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    มีคนสนใจ 1 คนแล้วครับ

    ห้าๆ

    เด๋วถ้าว่างจะมาพูดถึง เรื่อง แอเลีย51 กับสุดยอดเทคโนโลยีของสหรัฐ

    ที่ในสมัยก่อนถูกปิดเป็นความลับ

    และบางคนที่เห็นวัตถุลึกลับส่วนใหญ่(UFO)ในบริเวณนั้น

    จริงๆแล้ว ไม่ใช่ UFO ครับ
     
  8. bonizuka

    bonizuka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +191
    อยากอ่านแอเรีย 51 ครับ
     
  9. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    แอเลีย 51

    สถานที่ทดลองอาวุธลับสุดยอด เทตโนโลยีอันทันสมัย การติดต่อกับสิ่ง

    มีชีวิตทรงปัญญานอกพิภพ ที่ถูกปกปิดโดยรัฐบาลสหรัฐ



    [​IMG]


    รัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของพื้นที่ 51 พวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรไว้ หรือว่ามันคือฐานทัพของมนุษย์ต่างดาว ถ้าหากมีคนถามว่า พื้นที่บริเวณใดในสหรัฐ เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุด เราคงจะได้รับคำตอบว่า มันคือพื้นที่ 51 หรือ Area 51 นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO (Unidentified Flying Object) บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้งจนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51 น่าจะเป็นฐานทัพหรือกองบัญชาการของวัตถุบินลึกลับ



    เช้าวันทำงาน ทุก ๆ เช้าของวันทำงานจะมีคนอย่างน้อย 500 คนผ่านเข้าไปยังประตูทางขึ้นเครื่องบินที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดซึ่งอยู่ทางปีกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสนามบินแมคคาร์แรน ในลาสเวกัส เจ้าของพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามส่วนนี้คือ บริษัทอีจีแอนด์จี (EG&G - Edgerton, Germesausen and Grier)
    ผู้คนเหล่านั้นต้องบอกรหัสผ่าน "เจเน็ท" (Janet) ตามด้วยเลขประจำตัว สาม หลักก่อนที่จะผ่านเข้าไปขึ้นเครื่องโบอิ้ง 747-200s ที่ไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ระบุว่าเป็นเครื่องบินของใคร สายการบินนี้ออกบินทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง โดยมีจุดหมายอยู่ที่ทะเลสาบกรูม (Groom Lake) สถานที่ลึกลับที่หน่วยราชการของสหรัฐปฏิเสธการมีตัวตนของมันเมื่อหลายปีก่อน


    เขตทดลองเครื่องบินลับ พื้นที่ 51 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบกรูม นั้นอยู่ห่างจากลาสเวกัสไปทางตอนเหนือราว 90 ไมล์อันที่จริงแล้ว พื้นที่ 51 เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารแห่งหนึ่ง ของสหรัฐที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1955 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2

    [​IMG]
    U2 spyplane


    นับแต่นั้นมา ก็มีการใช้พื้นที่ 51 เป็นสถานที่ทดสอบ เครื่องบินจารกรรม เช่น เจ้าวิหคทมิฬ (Blackbird SR71)

    [​IMG]
    Blackbird SR71


    เครื่องบินขับไล่ลองหน F117 Stealth Fighter

    [​IMG]
    F117 Stealth

    เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B2 Stealth Bomber

    [​IMG]
    B2 Stealth Bomber

    อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่
    วิจัยโครงการลับออรอร่า (Aurora Project)
    เครื่องบินรบเหล่านี้จะถูกทำการทดสอบสมรรถภาพที่บริเวณทะเลสาบกรูม เมื่อพวกเขาทดสอบเครื่องบินรบจนเป็นที่พอใจแล้วจึง ค่อยประกาศต่อสาธารนชนให้ทราบว่า บัดนี้กองทัพได้สร้างเขี้ยวเล็บอันใหม่ขึ้นมา





    นี่แค่เริ่มต้นครับ สนใจบอกด้วย

    มีอีกเพี้ยบ นี่ยังไม่เริ่มเรื่อง ประวัติ แอเลีย 51 เลยนะ


    -เสริมอีกนิด เครื่องบิน Stealth ดังรูปด้านบน

    เชื่อหรือไม่ครับว่า ได้มาจากการศึกษาซาก UFO ที่ทางนาซ่าเก็บไว้ได้

    หึหึ... น่าสนใจ ป่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  10. KANAH

    KANAH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +98
    จัดมาเลยครับ รออ่านอยู่ (วัยรุ่นใจร้อน)
     
  11. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    มาต่อกันเลยครับ

    แอเลีย 51


    ประวัติพื้นที่ 51
    เดือนมีนาคม ปี 1955 เคลลี่ จอห์นสัน (Kelly Johnson) ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจาก CIA ให้ออกแบบเครื่องบิน U2 นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมายให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบเจ้า U2 นี้ด้วย
    เคลลี่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ โทนี่ เลอวิเอร์ (Tony LeVier) นักบินที่จะทำการทดสอบเครื่อง U2 กับดอร์ซี่ เคมเมเรอร์ (Dorsey Kammerer) ไปสำรวจพื้นที่ล้างกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาด้า และอริโซน่า 2 สัปดาห์ต่อมาโทนี่กลับมาส่งรายงาน เคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3 แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมในรัฐเนวาด้า


    ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้น เคลลี่เรียกมันว่า Paradise Ranch - ทุ่งหญ้าสวรรค์ แต่หลังจากมีการทดสอบเครื่องบิน U2 ในเดือน กรกฏาคม ปี 1955 แล้วมันกลับถูกเรียกสั้น ๆ ว่า เรนช์ (Ranch - ทุ่งหญ้า) ในความเป็นจริงแล้วฐานทัพ(ลับ) แห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วอร์เตอร์ทาวน์สตรีบ (watertown Strip) ตามชื่อเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแอลแลน ดูลเลส (Allen Dulles) ผู้อำนวยการ ซีไอเอสมัยนั้น



    ที่มาของชื่อพื้นที่ 51
    เดือนมิถุนายน ปี 1958 คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู (Atomic Energy Commission - AEC) ได้เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมร่วมกับกองทัพสหรัฐ เพื่อทำการทดลองโครงการลับ ๆ บางอย่าง พวกเขาเรียกสถานีทดลองนี้ว่าสถานีทดลองเนวาด้า (Nevada Test Site) คณะกรรมาธิการ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ แล้ว
    กำหนดหมายเลขให้แต่ละส่วน บริเวณส่วนที่เป็นฐานทัพนั้นได้หมายเลข 51

    นับตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่ฮอลลีวู้ดสร้างภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลับของสหรัฐ จึงมักจะอ้างถึงทะเลสาบกรูม แต่พวกเขาจะเรียกมันสั้น ๆ ว่า พื้นที่ 51 ตามที่คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูใช้เรียก ถึงแม้ว่าการทดลองลับของ AEC จะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 1970 แล้วก็ตาม
    ในปี 1970 กองทัพอากาศสหรัฐได้เข้ามายึดพื้นที่นี้อย่างถาวร เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ๆ ตลอดไปจนถึงการทดลองเครื่องบินมิค21 และอาวุธทันสมัยอื่น ๆ ของรัสเซีย ที่ทางสหรัฐยึดมาได้เมื่อปี 1967

    ปี 1975 พื้นที่ 51 ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเขตจำลองการรบทางอากาศ ภายใต้รหัส "ธงแดง" (Red Flag) คราวนี้พื้นที่ 51จึงถูกเรียกสั้น ๆ ในชื่อใหม่ว่า "จตุรัสแดง" (Red Square) แต่ชื่อกึ่งเป็นทางการนั้นคือ "แดนในฝัน" (Dreamland) และในช่วงทศวรรษ 1970 ก็ได้มีการทดลองโครงการด้านอวกาศและการทดลองเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดคือ "แทคอินบลู" (Tacit Blue)

    [​IMG]
    Tacit Blue


    ขยายอาณาเขต ฐานทัพทะเลสาบกรูมถูกขยายอาณาเขตออกไปอีกในช่วงทศวรรษ 1980 มีการสร้างสนามบินเพิ่มเติม อาคารเก็บเครื่องบินถูกสร้างบนลานบินเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บซ่อนจากสายตาของดาวเทียมจารกรรมที่มีอยู่มากมาย อุปกรณ์สื่อสาร เรดาร์และจานดาวเทียมได้รับการติดตั้ง ตึกราม อาคาร โกดังหลายแห่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนทะเลสาบกรูม คาดว่ามันถูกใช้เป็นกองบัญชาการของศูนย์ทดลองเครื่องบินรบของกองทัพที่ถูกเรียกว่า ดีแทชเมนต์3 (Detachment3)

    แม้ว่าจะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแต่ก็ยังไม่วายถูกแอบลักลอบถ่ายภาพเนื่องจากพื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบ กรูม เป็นภูเขา ในปี 1984 กองทัพสหรัฐต้องขยายเขตหวงห้ามออกไปอีกโดยหวังว่า จะเป็นการกันไม่ให้มีใครสามารถมองเข้ไปยังในบริเวณฐานทัพได้ แต่ก็ยังมีจุดที่สามารถใข้เป็นที่สอดแนมได้อีก 2 แห่ง ห่างจะทะเลสาบกรูมไปทางตอนใต้ราว 12 ไมล์ คือที่บริเวณไวท์ไซด์ พีก (White Side Peak) กับ ฟรีดอมริด์จ (Freedom Ridge) เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนอาศัยสถานที่ทั้งสองแห่งสอดแนมได้อีก ในปี 1995 กองทัพจึงได้ประกาศให้เขตดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามด้วย





    แต่เขตหวงห้ามนั้นได้แต่เพียงแค่ติดป้ายเตือนเท่านั้นไม่มีการล้อมรั้วแต่อย่างใด เพราะพื้นที่เขตหวงห้ามนั้นกินอาณาเขตกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะล้อมรั้วได้ แต่ก็มีการจัดเวรยามโดยใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยนิรนามที่พกอาวุธสุดจะทันสมัย อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะมันสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หน่วยลาดตะเวนนิรนามนี้เรียกว่า แคมโมดูดส์ (Cammo Dudes) ซึ่งมีหน่วนสนับสนุนทางอากาศที่ใช้เฮลิคอปอเตอร์ Silkorsky MH-60G Pave Hawk คอยให้การสนับสนุนทางอากาศ

    [​IMG]
    Silkorsky MH-60G Pave Hawk


    โครงการลับต่าง ๆ ที่ใช้พื้นที่ 51เป็นสถานี้ทดลองนั้นค่อย ๆ ทยอยจบลงเช่น การทดลองเครื่องบินจารกรรมแทคอิทบลูเสร็จสิ้นเมื่อปี 1985 การทดลองเครื่องบินยิงขีปนาวุธ แอดวานซ์ครูซ (Advances Cruise Missile - ACM)

    [​IMG]
    Advances Cruise Missile

    ถูกยกเลิกในปี 1992 การทดลองขีปนาวุธสแตนด์ออฟแอทแทค (Stand-Off Attack Missile) ถูกยกเลิกในปี 1994 แต่ถึงกระนั้นกองทัพอากาศสหรัฐก็ยังคงตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่นั้น




    ยังไม่จบครับ เด๋วมาต่อ

    คุณเห็น Advances Cruise Missile ดังรูปด้านบนไหมครับ

    รู้สึกคุ้นๆไหมครับ

    รูปทรงมันคล้ายๆ กับวัติถุประหลาดที่ใครต่อใครบอกว่าเป็น UFO


    ~ต่อไปน่าสนใจกว่านี้อีกครับ~


     
  12. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    เด๋วหลังจากจบเรื่อง แอเรีย 51

    เด๋วจะมาพูดถึงเรื่อง Crop Circles ครับ
     
  13. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    [​IMG]



    สำหรับคนที่ติดตามเรื่อง มนุษย์ต่าวดาวมาเป็นอย่างดี

    คงคุ้นหน้าคุ้นตากับไอเจ้าตัวประหลาดตัวนี้ นะครับ

    เพราะมันคือตัวที่อยู่ใน คลิป VDO การผ่าตัดมนุษย์ต่างดาวครับ

    หึหี...
     
  14. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ดีคับ^ ^แต่ถ้าอยากรุ้ลึกลงไปอีก เกี่ยวกะเมืองไทย ลองหาเอาแถวๆนี้แหละเยอะพอสมควรประมาณว่าไม่เคยรุ้มาก่อนเลย และหาได้จากเวปนี้เวปเดียว *0*
     
  15. texsum

    texsum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +1,511
    แจ๋วมากครับ ขุดๆๆๆ อยากอ่านแนวนี้มานแล้วหละ
     
  16. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ความรู้ทั้งนั้น ครับ

    รู้ไว้ประดับสมอง

    เพราะบางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    ผมก็เหมือนกัน ได้รู้เรื่องพวกนี้มากมาย

    เลยติดงอมแงม เลยครับ

    เอาหละครับ คืนนี้เด๋วโพส ต่อ เลยครับ
     
  17. djinn

    djinn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +122
    สนุกดีครับ!!
     
  18. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    มาต่อกันเลยครับ

    แอเรีย 51 ภาค3 (จบ)

    ความลับในพื้นที่ 51</STRONG> เป็นไปได้ว่ากองทัพอากาศยังคงมีภารกิจอื่น ๆ ที่ไม่เป็นที่เปิดเผยในปี 1989 สถานีโทรทัศน์ลาสเวกัสได้ถ่ายทอดการให้สัมภาษณ์ รอเบิร์ท ลาซาร์ (Robert Lazar)

    [​IMG]
    Robert Lazar

    ผู้ที่อ้างว่าเขาเคยทำงานในพื้นที่ 51
    รอเบิร์ท กล่าวว่า เขาได้รับมอบหมายให้ทำการศึกษาวิศวกรรมยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ในพื้นที่ 51 มียานอวกาศรูปทรงกลมคล้ายจานจำนวน 9 ลำบินขึ้นลงในเขตหวงห้าม บริเวณที่ชื่อ S4 หรือที่มีชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าบริเวณทะเลสาบปาปูส (Papoose Lake) ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกรูมไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 10 ไมล์

    เรื่องราวของรอเบิร์ทเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก มันทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ผู้คนสงสัยเริ่มปะติดปะต่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ยานบินรูปทรงกลมอาจเป็นการทดลองระบบต้านแรงโน้มถ่วงโลกแน่นอน เทคโนโลยีที่น่าทึ่งเช่นนี้ต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด

    นอกจากนี้ยังมีการทดลองเครื่องบินจารกรรมที่มีความเร็วกว่าเสียง 5 เท่า โดยใช้พลังขับเคลื่อนชนิดใหม่ เช่น พอล์ส เดโทเนชั่น เวฟเอนจิน (Pulse Detonation Wave Engine) และเครื่องบินความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโครเจน การทดลองเครื่องบินที่มีความเร็วกว่าเสียงหลายเท่าหรือที่เรียกว่า ยานไฮมัค(High-Mach Vehicle)

    [​IMG]
    High-Mach Vehicle

    โดยสร้างเครื่องบินที่มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างเครื่องบิน A12 กับ D21 หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์วอลคารี (Super Valkarie) ซึ่งมีคนจำนวนมากที่เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวพื้นที่ 51 เคยเห็นมันถูกทดสอบ



    ยานอวกาศจากต่างดาว จากคำกล่าวอ้างของรอเบิร์ท S4 เป็นสถานที่ใช้สำหรับศึกษา วิจัยวัตถุบินลึกลับภายใต้ชื่อโครงการมูนดัส (Moondust) บรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกอำพรางอยู่ภายใต้พื้นทรายเพื่อหลบเลี่ยงดาวเทียมจารกรรมของรัสเซีย
    รอเบิร์ททำงานในห้องทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งชื่อ แบร์รี่ คาสติลลิโอ (Barry Castillio) นักวิจัยแต่ละกลุ่มจะถูกแยก ทำงานในส่วนต่าง ๆ พวกเขาถูกจำกัดให้มีเพื่อนร่วมงานเพียงแค่ไม่กี่คน แบร์รี่เป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ช่วยรอเบิร์ทศึกษา ค้นคว้าเรื่องการขับเคลื่อนของยานอวกาศ

    [​IMG]

    วันแรกที่รอเบิร์ทเดินทางมาถึง S4 เขาถูกนำตัวไปที่ห้องพยาบาลเพื่อทำการตรวจผิวหนัง เขาถูกทาด้วยสารหลายชนิดตามจุดต่าง ๆ บนแขน วันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็คผิวหนังของเขาเกิดพุพองหรือมีอาการแพ้หรือไม่

    ไม่เพียงแค่นั้น เขายังถูกสั่งให้ดื่มสารบางชนิดที่ทำให้ร่างกายของเขามีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สารนี้จะช่วยป้องกันเขาจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจได้รับจากการสัมผัสวัตถุที่มาจากต่างดาว
    สารที่รอเบิร์ทดื่มนั้นมีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นต้นสนและในคืนนั้นหลังจากที่เขาได้ดื่มสารสร้างภูมิคุ้มกันเข้าไป เขาก็เกิดอาการเป็นตะคริวที่ท้องน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นผลข้างเคียงมาจากสารสร้างภูมิคุ้มกันนั้น ต่อมารอเบิร์ทถูกแนะนำให้รู้จักกับ เรนี่ (Rene) ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรนี่เป็นใครมีหน้าที่อะไรใน S4
    เจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอยู่ในส่วนของ S4 นั้นมีอยู่แค่เพียง 22 คนเท่านั้น หัวหน้าของรอเบิร์ทชื่อ เดนนิส มาริอานี (Dennis Mariani)
    เขารู้จักเดนนิสตอนที่ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทอีจีแอนด์จี ซึ่งตอนนั้นยังมีสำนักงานอยู่ที่สนามบินแมคคาร์เรน ในลาสเวกัส แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่ฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Base)





    [​IMG]

    ศึกษาข้อมูล
    </STRONG> ในวันแรก ๆ มีเจ้าหน้าที่พารอเบิร์ทไปที่ห้องเล็ก ๆ ที่มีเพียงโต๊ะ และเก้าอี้กับแฟ้มเอกสารกว่า 100 แฟ้ม ข้อความภายในแฟ้มล้วนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวและเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว เขาใช้เวลาวันละครึ่งชั่วโมงในการศึกษาข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้น
    ข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นบทสรุปให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่มาทำงานใน S4 ว่างานที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างพิภพ รอเบิร์ทได้เห็นการทดสอบการบินของยานบินรูปทรงประหลาดและ
    ยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อในรายงานระบุว่า มีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานกว่าหมื่นล้านปีแล้ว!!!!

    โครงการที่รอเบิร์ททำอยู่นั้นเป็นส่วนย่อยของโครงการใหญ่ เขารับผิดชอบเรื่องการค้นคว้าการขับเคลื่อนของยานอวกาศต่างดาวและบทบาทของแรงโน้มถ่วงเพื่อใช้เป็น สื่อในการขับเคลื่อนภายใต้ชื่อโครงการ กาลิเลโอ (Project Galileo)
    โดยปรกติแล้วเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆ แต่ในกรณีของรอเบิร์ทนั้นเขาต้องอาศัยความรู้ในแขนงอื่นด้วยจึงทำให้เขาได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ทำการทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่น


    [SIZE=+0]หลากหลายโครงการ โครงการไซด์คิก (Project Sidekick) เป็นหนึ่งในสองโครงการที่รอเบิร์ทได้รับอนุญาตให้รู้ข้อมูลได้บางส่วน มันเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องอาวุธแสง (Beam Weapon)

    [​IMG]

    ที่จะถูกติดตั้งบนเครื่องบินรบ อาวุธลำแสงนี้ต้องอาศัยความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงและการรวมแสงให้เป็นลำ อาวุธชนิดนี้มีอำนาจการทำลายล้างที่สูงมาก
    โครงการลุกกิ้งกลาส (Project Looking Glass) เป็นการศึกษาเรื่องกำกายภาพของการมองเห็นและผลกระทบต่อเวลาและอวกาศในการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลอง และเชื่อกันว่าโครงการนี้ต้องอาศัยความรู้ทางด้านแรงโน้มถ่วงและการควบคุมมัน

    การทดลองในโครงการกาลิเลโอ ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ รอเบิร์ทได้เห็นรายงานและหลักฐานต่าง ๆ ที่พิสูจน์ถึงความถูกต้องของมัน ซึ่งทำให้เชื่อว่าโครงการอื่น ๆ ที่ทำใน S4 นั้นก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน แต่รอเบิร์ทก็ปฏิเสธที่จะถือเอากรรมสิทธิ์เหนือความสำเร็จนั้น เขากล่าวว่ารายงานการวิจัยที่เขาทำขึ้นเป็นแค่ตัวอักษรและรูปภาพบนแผ่นกระดาษเท่านั้น

    ไม่ว่าการทดลองที่พื้นที่ 51 จะเป็นอะไรก็ตาม ก็ยังมีผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นเป็นจำนวนมาก ได้พยายามสอดแนมเข้าไปใกล้ เพื่อบันทึกภาพ ซึ่งภาพส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่ามีการทดลองเครื่องบินหรือวัตถุบินได้บางชนิดที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน
    [/SIZE]


    จบแล้วครับ แอเรีย 51 ความจริงข้อมูลมันมีมากกว่านี้ อีกครับ

    ถ้าอยากจะรู้จริงๆ ลองศึกษาตามเว็บนอกดู อ่ะครับ(เป็นภาษาอังกฤษ)

    ต่อไปเด๋วมาต่อเรื่องของ Crop Circles กันนะครับ

    ขอบคุณมากนะครับที่มีคนสนใจ

    แล้วไม่หาว่าเรื่องที่ผมนำมาเสนอนั้นเป็นเรื่อง งมงาย

     
  19. treetree

    treetree สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +14
    อยากอ่านเรื่อง Crop Circles มากๆ ขอรูปเยอะๆ
    ผมว่ามันรู้สึกมีศิลป์ดี ใครจะทำก็แล้วแต่ แต่ไอเดีย รูปแต่ละรูปบรรเจิดดีจริง
     
  20. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ขอแทรกเรื่องนี้ก่อนครับ ก่อนจะพูดเรื่อง Crop Circles


    เทคโนโลยีของมนุษย์ต่าวดาว


    [​IMG]


    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พลังขับเคลื่อนยานของมนุษย์ต่างดาว[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]แหล่งพลังงานของยานบินคือ แอนทิแมทเทอร์ รีแอคเตอร์ (เครื่องปฏิกรณ์ยิงระเบิดสสารที่ประกอบด้วยอนุภาคที่เหมือนกัน แต่มีประจุไฟฟ้าตรงกันข้ามด้วยโปรตรอ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif])[/FONT]​

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]มีท่อกลวงตรงกลางยานจากพื้นขึ้นไปถึงยอด ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นท่อเหนี่ยวนำคลื่นพลังโน้มถ่วงหรือพลังไฟฟ้าที่ผ่านเข้าไปในนั้น ช่วงล่างของท่อจะเชื่อมติดกับตัวแอนทิแมทเทอร์รีแอคเตอร์ ซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายครึ่งวงกลมคว่ำลง ติดกับพื้นของยาน ท่อกลวงตรงกลางหรือท่อเหนี่ยวนำจะเป็นท่อยาวต่อไปจนถึงยอดบนของย[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][/FONT]​


    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เครื่องปฏิกรณ์มีขนาดใหญ่เท่ากับลูกบาสเกตบอล ลักษณะคล้ายครึ่งวงกลมคว่ำลงบนแผ่นโลหะเล็ก ๆ มันจะส่งสนามพลังหรือสนามกำลังดึงดูดออกมาโดยรอบ ซึ่งในช่วงเวลาที่มันทำงาน ก่อให้เกิดแรงผลักคล้ายแม่เหล็กสองแท่งที่มีขั้วเหมือนกันกระทำปฏิกิริยาต่อกัน สารหรือธาตุที่เป็นองค์ประกอบเชื้อเพลิงยิ่งน่าสนใจมาก มันคือธาตุที่ 115 ซึ่งตามทฤษฎีกล่าวว่า มันจะปรากฏอยู่รอบ ๆ ธาตุ 113-114 กลายเป็นธาตุที่มั่นคงและมีการรวมโปรตรอนกับนิวตรอนก่อให้เกิดธาตุใหม่ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ หากยิงอนุภาคพลังงานด้วยโปรตรอนมันก็จะแตกธาตุจนถึงธาตุ 116 และปล่อยสสารแอนทิแมทเทอร์ออกมา ซึ่งนั่นคือมันจะทำปฏิกิริยากับสสารซึ่งเรียกว่า "ปฏิกิริยาแอนนิไฮโลชั่น"[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ปฏิกิริยาพื้นฐานดังกล่าวก่อให้เกิดพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ตามท่อเหนี่ยวนำมากขึ้น ๆ และพลังที่เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลนี้เอง ที่ถูกนำไปใช้กับอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ[/FONT]​


    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธาตุที่ 115 ไม่ได้เกิดขึ้นบนโลก และไม่สามารถสังเคราะห์ได้เนื่องจากเป็นธาตุที่หนักมาก จากแหล่งข้อมูล ทุกฝ่ายระบุว่าธาตุนี้พบตามธรรมชาติบนโลกหรือดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกมาก อาจเป็นโลกที่มีพระอาทิตย์สองดวง ในแต่ละครั้งจานบินหรือยานของมนุษย์ต่างดาวจะใช้ธาตุ 115 จำนวนมากถึง 223 กรัม[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]การที่จานบินบินด้วยความเร็วสูง การบินเลี้ยวกลับเป็นมุมฉาก การหยุดนิ่งกลางอากาศและการเร่งความเร็วของจานบินและการดับเสียงโซนิคบูม รวมถึงการเร่งความเร็วขนาด 22,000 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้น กล่าวกันว่า จานบินอาจใช้วิธีอาศัยสนามแรงโน้มถ้วงเทียม หรือบางทีอาจใช้คุณสมบัติพิเศษของมิติและกาลเวลา ซึ่งโลกเรายังไม่คุ้นเคยก็เป็นไปได[/FONT][FONT=Ms Sans Serif, Krungthep, Thonburi]้[/FONT]


    [​IMG]


    เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวนั้น ถือว่าเป็นเทคโนโลยี

    ที่บางทีอาจเราอาจจะคิดว่าไม่สามารถทำได้

    ผมคิดว่าถ้าเขาทำได้อีกไม่นานเราก็ทำได้

    (ไม่แน่ครับ นาซ่าอาจจะมีเทคโนโลยีที่สุดยอดแล้วแต่ปิดเป็นความลับ)

    ใครจะไปรู้ เห็นหลายๆเรื่องแล้วใช่ไหมครับ นาซ่า ปิดบังเราขนาดไหน

    หึหึ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...