เวรกรรมจากการไปเบียดเบียนคนอื่น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Chonlawit, 14 พฤศจิกายน 2012.

  1. Chonlawit

    Chonlawit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +99
    สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมใคร่อยากจะเล่าเรื่องเวรกรรมที่เกิดขึ้นจริงของผมนั้น ซึ่งเวรกรรมครั้งนี้ อาจเป็นบทเรียนสำคัญของผมเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่สำคัญที่ผมได้รู้จากบทเรียนครั้งนี้ คือเรื่องของ"เวรกรรม"ที่ได้ตามสนองผมแล้ว

    ณ ปัจจุบัน ผมเป็นเด็กนักเรียนม.ปลายของรร.แห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพฯ ในสมัยม.ต้นนั้น ผมเคยทำกรรมไว้มาก กรรมที่มีเจตนาก่อ และกรรมที่ไม่มีเจตนาก่อ
    ในช่วงม.ต้น เป็นช่วงที่สนุกสนานที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะมีแต่เพื่อนที่เฮฮาเข้ามา และรู้สึกว่าชีวิตช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีค่ามากทีเดียว ได้ไปเที่ยวอย่างอิสระเสรี (โดยเพื่อนในกลุ่มส่วนมากมักจะเป็นผู้หญิงนะครับ) โดยเพื่อนส่วนมากนั้น ก็จะตั้งใจเรียนมากๆ แต่มีเพื่อนคนนึงที่ผมเห็นเป็นคู่แข่งทางการเรียนมาโดยตลอด เราสนิทกันมาก แต่ในใจผมก็แอบอิจฉาน้อยๆที่เขาก็เรียนเก่งพอๆกับเรา

    จนกระทั่งวันนึง เพื่อนคนนั้นเขาก็ได้หยุดเรียนไปวันนึง วันต่อมาเขาขอยืมหนังสือเรียนของผมกลับไปลอกที่บ้าน ผมก็ได้ให้ไป หลังจากนั้นเขาก็ได้หยุดบ่อยขึ้น และยืมหนังสือของเพื่อนคนอื่นกลับไปอ่านบ้าน จนเพื่อนหลายคนเกิดความโมโหและมองว่าเพื่อนคนนี้เห็นแก่ตัวมากไปแล้ว (เนื่องจากคิดว่า เอาหนังสือกลับบ้านไป แล้วคนอื่นจะเอาอะไรอ่าน) รวมถึงผมด้วยที่คิดเช่นนั้น และด้วยความที่เป็นคู่แข่งกัน จึงทำให้เกิดอคติในใจที่เกิดขึ้น มากขึ้นๆ จนกลายเป็นความเกลียดชัง พวกผมจึงรุมแบนอย่างเงียบๆ จนเรื่องมันบานปลายเข้า แม่ของเขาก็ได้มาที่รร.แล้วต้องการเคลียร์ให้เรื่องมันจบๆ โดยที่ผมก็เหมือนกับเป็นเสมือนหัวโจก (เพราะเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม) ก็ยอมให้อภัย แต่ในใจลึกๆ นั้นก็ยังเคืองและอยากจะแก้แค้นเป็นธรรมดาของสัตว์โลก ผมก็นัดกับเพื่อนในกลุ่มไม่ให้คุยด้วย ไม่ให้สนใจ หรือใส่ใจว่าจะเป็นยังไง ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือ โดยที่เพื่อนคนนี้ ก็เหมือนโดนปล่อยเกาะ ไม่มีใครใส่ใจ อยู่โดดเดี่ยวเรื่อยมา เวลากินข้าวเขาก็นั่งคนเดียว ไปไหนมาไหนก็คนเดียว ซึ่งทุกคนก็ต่างไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่ทุกคนนั้นก็รู้สึกสะใจที่เขาจะต้องรู้รสชาติของความเห็นแก่ตัวบ้าง

    ซึ่งสิ่งที่เพื่อนผมเขาเป็นอยู่ ณ ขณะนั้น มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตม.ปลายของผมครับ ด้วยการที่ม.ปลาย ก็จะต้องมีการเปลี่ยนห้องกันใหม่ แยกสายกันเรียน ในช่วงแรกนั้นผมก็มีกลุ่มเพื่อนใหม่ (แต่เราอยู่คนละห้องกัน) ที่มีเพื่อนเก่าคนนึงอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย โดยผมก็มีความสุขมากในช่วงนี้ รู้สึกว่าช่วงม.ปลายนี้ มีความสุขมากกว่าม.ต้นเสียอีก แต่ความคิดนี้ก็พังทลายลงอย่างราบคาาบ ในวันนึง ผมเกิดความขัดแย้งกับเพื่อนเก่าในกลุ่มนี้โดยที่ผมเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นมาอย่างไร ด้วยความที่ผมเป็นคนเฉยๆ จึงไม่ได้เข้าไปพูด ด้วยสาเหตุนี้ การไม่ได้พูดนานๆ จึงเป็นเหมือนการงอนกัน เมื่อต่างคนต่างไม่ง้อก็เหมือนโกรธกัน และเมื่อนานๆเข้า มันก็เกลียดกันและเป็นศัตรูกันโดยปริยาย

    ในช่วงแรกนั้น ผมนั้นเหมือนกับเพื่อนที่โดนทิ้งในช่วงม.ต้นเลย ผมนั่งกินข้าวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว กลับบ้านคนเดียว มันเป็นเวลาที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ มองไปทางไหน เห็นคนมีเพื่อนและเพื่อน แต่เรากลับโดดเดี่ยวไม่มีใครสนใจ ด้วยความที่เป็นคนแข็ง จึงไม่เคยร้องไห้สักครั้ง แต่ในใจนั้นมันช้ำจนรู้สึกว่า น้ำตามันไหลจนท่วมภายในใจแล้ว ความรู้สึกของผมคือมันอึดอัด มันทรมาน เหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยก็ว่าได้ มันจุกมาก ซึ่งผมก็ได้เห็นและได้รู้ด้วยตนเองว่า "เวรกรรมมันมีจริง"และพร้อมที่จะสนองให้เห็นผลของการกระทำว่า คนอื่นเขาเป็นอย่างไร เราก็จะต้องได้รับรู้รสชาติของการกระทำของเรา

    ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ทุกข์มากที่สุดของผม ตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ ผมใช้เวลาถึง 7 เดือนในการทำใจต่อกรรมที่ตอบสนองในครั้งนี้ ทุกสิ่งที่เลวร้ายมันผ่านเข้ามาในชีวิตผมในช่วงนี้ทั้งสิ้น ผมมืดแปดด้านมาก มองไปทางไหนก็ไม่เห็นแสงสว่าง

    ผมได้พบกับเพื่อนคนนั้น (ซึ่งได้คืนดีกันนานแล้ว) ผมได้เล่าถึงผลกรรมทั้งหมด ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็เข้าใจ และได้อโหสิกรรมให้ผม ผมมีความรู้สึกเสียใจที่เคยกระทำกรรมไม่ดีไว้กับเพื่อนคนนี้เป็นอย่างมาก และผมก็ยอมรับความผิดที่ผมได้ก่อเอาไว้ ซึ่งทำให้คนอื่นต้องทุกข์ใจ จนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจสวดมนต์ทุกคืน นั่งสมาธิ พึงมีสติอยู่เสมอ ซึ่งเสียงสวดมนต์และพระธรรมก็สามารถเยียวยาสิ่งเลวร้ายต่างๆ ให้มันคลี่คลายให้เบาบางลงไปได้

    ถึงแม้ว่า ณ ปัจจุบัน ผมกับเพื่อนกลุ่มนั้นก็ยังไม่ได้คืนดีกัน แต่สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นได้เบาบางลงไป และได้ผ่านมาแล้ว 2 ปี ซึ่งผมก็ยังถือว่ามันเป็นบทเรียนสอนใจอันสำคัญ ให้มีสติระลึกอยู่เสมอ ว่าเราไม่ควรที่จะเบียบเบียน ควรทำแต่ความดี และทุกคนที่ได้ทำให้ผมทุกข์ใจนั้น ผมก็ขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป


    ครับ สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ชาวพลังจิตทุกท่านหมั่นรักษาศีลธรรม หมั่นทำความดี และเข้าสู่พระนิพพานนะครับ สวัสดีครับ
     
  2. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    การอยู่คนเดียวบ้างก็เป็นโอกาสดีครับ เพราะที่จะได้ทบทวนตนเอง ทำให้ไม่ทำผิดพลาดในอนาคต

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,733
    ตอนที่สมัยอยู่ ม.ปลาย ยังคิดไม่ได้เหมือนน้องเลยค่ะ น้องรู้จักบาปกรรม มีความละอายต่อบาป รู้จักเข้าหาธรรมและความดี ตั้งแต่อายุยังน้อย ขออนุโมทนาในจิตที่เป็นบุญและความดีจ็ะ สาธุ
     
  4. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    ขอขอบคุณน้อง และอีกหลายๆ ท่านที่เอาเรื่องกรรมของตัวเองมาเล่าให้ฟังเป็นบทเรียนแก่ทุกคนครับ

    ตอนเด็กๆ ผมก็ชอบแกล้งเพื่อนทำตัวเป็นเจ้าพ่อ ใครแกล้งได้แกล้งไปตามใจฉัน พอย้ายมา ม ต้น โดนคนรุมแกล้ง เป็นทุกข์อย่างมาก แต่ก่อนคิดเจ็บใจคนที่มาแกล้ง ตอนนี้ไม่แล้วครับ กรรมสร้างเอง มันยุติธรรมแล้ว
     
  5. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500
    สาธุ...ขออนุโมทนาในธรรมทานครับ
    ผมชอบปรัชญาของท่านหนึ่งที่กล่าวว่า...
    เพื่อที่จะให้อภัยใครบางคน ที่ทำให้เราปวดร้าว
    เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ กับผู้ที่เคยทำให้เราผิดหวัง
    เพื่อที่จะคงความเสียสละไว้ แม้เคยถูกหลอกลวง
    เป็นการให้อภัย...เป็นรักที่ปราศจาก ความเห็นแก่ตัว
     
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,733
    วีรกรรม วีรเวร ดิฉันทำแม่น้ำตาตก เพราะต้องลุกมาใส่ยาให้กลางดึก ใส่ยาไปด้วยร้องไปด้วย (พ่อไม่รู้ ปิดเงียบเลย) ย้ายโรงเรียน เข้าที่ใหม่ไม่นานโดนฝ่ายปกครองเรียกเข้าห้อง 3 ไม้เรียว โดนหนักกว่าเพื่อนเพราะเป็นเจ้ามือ รอบสุดท้าย 2เด้ง แต่ไม่ได้ตังค์แถมเจ็บตัวอีก ไอ้คนต้นทางกินขนมหมดมันก็ไป วิ่งไม่ทัน (จริงๆก็ในห้องเรียนเลย) .... นี่ก็แค่เศษเรื่องราว ถ้ารู้จักบาปกรรมตอนนั้น อะไรๆในตอนนี้คงดีกว่าเยอะเลย ....
    มาอ่านของเจ้าของกระทู้แล้ว บอกตรงๆ ดีใจแทนน้องเขาเลย ส่วนเราก็ก้มหน้าใช้กรรมต่อ
     
  7. VikingsX

    VikingsX ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +4,668
    ของผม โดน มา 20 กว่าปีแล้วครับ...

    แรก ก็รู้สึกว่า ทำมัยเราไม่ค่อยเหมือนใครหว้า...

    พอนึกทบทวนไป ก็เห็นปมต่าง ๆ ชัดขึ้นมากมาย

    ก็เรื่องส่วนตัว เรื่องความอยากส่วนตัว อยากในสิ่งที่ผมก็ให้ไม่ได้

    แต่ก็จะเอาให้ได้... เผอิญ เค้าเป็นคนมีบารมี มีคอนเนคชั่น

    ผมก็เลยซวยไป ...

    แต่ว่านะ มาแบบนี้ มาทรงนี้ ผมรับไม่ได้

    ตอนนี้ กินคนเดียว อยู่คนเดียว เที่ยวคนเดียว ทำงานคนเดียว

    พูดยังพูดกับตัวเองคนเดียว 55555

    ตอนนี้... ชีวิตผม สบายยย มากกกก ๆ เลย มีความสุขที่สุด

    อยู่คนเดียว มันดีอย่างนี้ นี้เอง .... เชื่อผม
     
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ชลลาวิท
    อวยพรให้ทำดีนะใช่ แต่ให้นิพพานนะ โม้แล้ว ไม่มีทาง ส่วนใหญ่ไปทางทุคติน่ะไม่ว่า....
    อีกอย่างการเบียดเบียนนี่...อย่าเข้าใจว่าเราแค่ไปเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์นะ เดี๋ยวหลงทาง เพราะเราต้องมีสติรู้ด้วยว่า ต้องขยายเป็น ไม่เบียดเบียนสัตว์ร่วมโลกด้วย(ลัทธิเชน พระของเขาต้องใช้แส้กวาดพื้นเวลาเดิน กลัวไปเหยียบสัตว์เล็กๆ)
    และถ้ามีจิตละเอียดสูงขึ้นไปอีก ก็ต้องไม่เบียดเบียนเทวดาต่างๆด้วย เช่นเขาอยู่ของเขาดีๆ ดันไปพัฒนาไล่ที่เขาไป อย่างนี้ ไม่ดี เขาโกรธเอาได้ หรือ มัวแต่ไปอ้อนวอนขอพรเขาทุกวันๆ เขาไม่ได้พักผ่อนเลย อย่างนี้ก็ไม่ดี ฮา
     
  9. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    อ่านแล้วนึกถึงตนเองตอนม.ปลาย ไม่เอาอะไรเลย เพื่อนไม่สน กีฬาไม่ไหว เอาแต่เรียน เอาแต่คิดจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ผมก็มีข้อดี คือ จริงๆเป็นคนเข้ากับคนง่าย แต่สนิทอยาก เพราะไม่ชอบที่จะสนิทกับใคร เหตุผล ไม่มีอะไร คือ เสียเวลาตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน (มานั่งนึกทุกวันนี้เป็นเรื่องที่โง่มากๆ เสียเวลาแห่งความสุขไป 3 ปี มาเอาตอนมหาลัยก็สายไปแล้ว)
     
  10. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    สมัยเรียน เพื่อนเยอะตลอด ทั้งม.ต้น ม. ปลาย และ มหาวิทยาลัย
    สงสัยไม่ได้ทำกรรมด้านนี้มา (แต่ก็มีทุกข์ด้านอื่นบ้างนะคร้า)

    ขอให้น้องกลับมามีความสุขกับเพื่อนเร็วๆนะจ๊ะ
     
  11. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ฟังแล้วนึกถึงตอนสมัยเรียนมัธยมเลยครับ
     
  12. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,516
    วัยรุ่น เรื่องเพื่อน สำคัญจริงๆ

    ดีแล้วค่ะ ที่พอมีทุกข์แล้วเห็นกฏแห่งกรรม ถือว่าเป็นวาสนา ในคราเคราะห์นะคะ
    เพราะเราจะเข็ด เรื่อง บาปกรรม พฤติกรรมไม่ดีไปเลย




     
  13. NAJA_X

    NAJA_X เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +155
    เหตุหรือปัจจัย ที่ก่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ย่อมไม่มีแค่เหตุหรือปัจจัยเดียวหรือแค่สองสามปัจจัย ถ้าลองค้นหาดูไปเรื่อยๆ อาจมีเป็นร้อยเป็นพัน ใครเรียนรู้ได้ไว นำไปใช้ได้จริง = %สุข > %ทุกข์
     
  14. Chonlawit

    Chonlawit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +99
    ครับ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ

    ณ ตอนนี้ พยายามมีสติให้มากๆ ในการควบคุมอารมณ์ต่างๆ นะครับ
     
  15. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,614
    อนุโมทนาบุญด้วยนะคะที่น้องรู้จักอโหสิกรรมและให้อภัยผู้อื่น บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ทำให้เรามีสติมากขึ้นและได้มานั่งทบทวนตัวเอง การมีทุกข์ทำให้เราเห็นธรรมค่ะ เพราะคนเป็นทุกข์มักจะหันเข้าหาพระและพึ่งธรรมะมากขึ้น ดีใจที่น้องรับได้เร็วและมีสติไม่ปล่อยใจไปกับความทุกข์และหลงระเริงไปกับสิ่งผิด ๆ เช่นเข้าหาอบายมุขอื่นเพื่อคลายทุกข์ หมั่นปฏิบัติธรรม สวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งสมาธิทุกวันนะคะ มารไม่มีบารมีไม่เกิดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  16. ติดบ่วง

    ติดบ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +772
    ตอนช่วงวัยรุ่นก็เคยโดนอย่างนี้หลายครั้งถูกทำให้โดดเดี่ยวและกลั่นแกล้งตอนนั้นเครียดมากๆคิดหาทางแก้แค้น พอตอนนี้เฉยๆให้หมดเวรกับเขาไป แต่พออายุมากๆแล้วอาจจะอยากอยู่คนเดียว มากคนมากความ มากเรื่องมากปัญหา ผมเจอมาหลายครั้งมากแล้ว กลายเป็นเครียดเพราะคนรอบๆข้างนี่หละ อยู่คนเดียวสงบและสบายใจดี
     
  17. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  18. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    อ่านเรื่องราวของคุณChonlawitแล้วทำให้นึกถึงเมื่อครั้งสมัยเรียนอยู่ ป.2 วันหนึ่งขณะปั่นจักรยานออกจากบ้าน ก็มีรถ 6 ล้อขับมาเฉี่ยวทำให้ทั้งคนทั้งจักรยานตกลงข้างทาง ตาข้างขวาก็ไปกระแทกกับแฮนด์จักรยานพอดีเลย ผลปรากฏว่าขุมตาเขียวช้ำๆ ตั้งแต่นั้นมาพอเวลาเดินออกจากบ้านไปโรงเรียน ลูกชายเจ้าของรถ 6 ล้อที่ขับเฉี่ยวเราซึ่งเขาอยู่ในวัยเดียวกันกับเรา ถ้าเขาเจอเราโดยบังเอิญเขาจะตะโกนเรียก ไอ้ขุมตาเขียว และจะพูดประโยคนี้ทุกครั้งที่เขาเห็นเรา เราก็นิ่งเฉย ไม่ได้โกรธหรือคิดไม่ดีอะไรนะคะ แค่รู้สึกเบื่อและคิดว่าเมื่อไหร่จะหยุดพูดสักที จนกระทั่ง 2 อาทิตย์ต่อมา .. วันนั้นเป็นวันจันทร์ จิตวิญญาณก็เดินออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ บังเอิญเจอเขากำลังเดินผ่านหน้าบ้านเราไปโรงเรียนพอดี เห็นเขาเดินก้มหน้าหลบนิดๆ ก็แปลกใจว่าทำไมวันนี้ไม่เรียกเราเหมือนที่เคยเรียก พอหันไปดูอีกที เห็นขุมตาปูดเท่าลูกหมากที่คนแก่เอามาเคี้ยวหมากน่ะค่ะ ข้างเดียวกันด้วย รอยช้ำสีเหมือนลูกมังคุดเลย ถามเพื่อนในห้องเรียน เพื่อนบอกว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาปีนต้นไม้เล่น ตกต้นไม้โดนกิ่งไม้ทิ่มซะขุมตาเขียวปูดจนเป็นสีม่วงเลย หนักกว่าเราอีก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยเรียกเราไอ้ขุมตาเขียวอีกเลย นี่แหล่ะค่ะกรรมติดจรวด
     
  19. VikingsX

    VikingsX ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +4,668
    ก็อย่างที่คุณว่า ดูมันเศร้าสร้อย เหงาหงอย...

    แต่มันแค่ ปี 2 ปี แรก ๆ เท่านั้น...

    เราเห็นคนเค้า คุยกันเฮฮา เราก็อยากมีแบบนั้นบาง

    เห็นเค้ามี แฟนกัน เราก็อยากมีบาง

    แรก ๆ ก็ดิ้นรน นะ จีบคนนั้นคนนี้

    แต่ตอนนี้รู้แล้ว เปล่าประโยชน์ ...

    มีคนคอยเกาะชีวิต ตามเล่นงาน ปัดแข็งปัดขา กลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา

    ******************

    เราก็มาคิด อยู่คนเดียวก็ได้นิ ... แฟนไม่ใช่ของจำเป็น มันก็ไม่จำเป็น

    ไม่มีบุตรธิดา ก็ดีนะ ประชากรในประเทศ ก็จะได้ลดลง คนมันเยอะมากแล้ว

    ไม่มีเพื่อน ก็สบาย ขี้เกียจแก้ตัวเวลามันชวนไปกินเหล้าเที่ยวผู้หญิง

    เดียวมีงานนั้น งานนี้ มีแต่รายการจ่าย ๆ

    อยู่คนเดียว เงินทองอยู่ครบ ไม่สูญหายไปไหน

    อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหน ก็ไป อยากินอะไร ก็กิน

    อยากคุยอะไร ก็เข้าห้องแชต เข้าเวปบอร์ด ก็ได้คุย

    อยู่แบบนี้ มา 20 กว่าปี ยอมรับว่า ดีจริง ๆ มีความสุขกับชีวิตมากจริงครับ... แรก ๆ ก็อาจจะแย่หน่อย พอ นานเค้า มันสบายดีมาก ๆ เลยจริง ๆ ครับ...
     
  20. boy40

    boy40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +564
    ผมขออนุญาตเล่าเหตุการณ์จากผลกรรมในชีวิตด้วยนะครับ สมัยเด็กๆเป็นคนที่ปากไม่ดี เคยพูดล้อน้องชายไว้มาก ผมชอบล้อน้องว่าเตี้ยครับ เพราะสมัยก่อนน้องผมเตี้ยกว่าผมเยอะ ล้อทุกวันจริงๆ หลังจากวันนั้น ผมอยู่ม.3 น้องผมอยู่ม.2 สูงขึ้นเรื่อยๆทุกวันๆส่วนผมตัวเท่าเดิมนับตั้งแต่วันที่ล้อเลยครับ หยุดสูงทันที ไม่ถึง 170 ด้วย ทุกวันนี้ผมโดนเพื่อนเรียกว่าเตี้ยแทน ทำให้นึกถึงผลกรรมในวันนั้นเลย มีอีกเรื่องนึง สมัยมัธยมปลาย มีเพื่อนคนนึงที่ชอบทำตัวแปลกๆ ผมจึงแกล้งมาเรื่อยๆโดยเป็นหัวโจกในการล้อเพื่อนคนนั้น ล้อบ่อยๆทุกวัน เพื่อนทุกคนก็สนุกสนานเฮฮากันตามประสาเด็กๆ มาจนถึงวันนี้ผมโดนผลกรรมนี้ตามชำระอย่างสาสมมาเป็นเวลา 5 ปีครับ กลายเป็นคนที่โดนล้อว่าเฟอะฟะ โดนแกล้ง โดนจับผิดเหมือนเพื่อนคนที่ผมแกล้งทุกประการ ผมเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนคนนี้ ได้ไปขออโหสิกรรมกับเค้าแล้วครับ เชื่ออย่างสนิทใจในเรื่องผลกรรมว่าเราทำกรรมเช่นใด ผลกรรมย่อมตามสนองเราเช่นนั้นเหมือนกันครับ แต่ขอบคุณความทุกข์อันมากมายเหล่านั้นที่ทำให้ทุกวันนี้ผมพยายามศึกษาและเข้าหาธรรมะมากขึ้น เอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น พยายามทำความดีมากขึ้น เพราะกรรมใดที่เราก่อขึ้น กรรมนั้นย่อมเป็นของๆเราอย่างแน่นอนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...