แนะนำวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางของท่าน อ.โกเอนก้า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Mr Kebab, 19 สิงหาคม 2006.

  1. Mr Kebab

    Mr Kebab Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +28
    ผมพึ่งกลับมาจากการเข้าหลักสูตรกรรมฐานในแนวทางของท่านโกเอนก้าได้หลายวันแล้วครับ กะว่าจะเขียนเล่าประสบการณ์ตั้งแต่วันแรก ๆ เผื่อลืม แต่เมื่อลองแล้วก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะอารมณ์ธัมมะซึ่งร้อนแรงมาก ๆ มันสั่นไปตลอดทั้งร่างกายและจิตใจตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะสติมากเกินเลยฟุ้งได้

    ก่อนอื่นต้องขอแนะนำก่อนว่า กรรมฐานที่ผมพูดถึงนี้ เน้นแนวเวทนานุปัสสนา ผลจากการปฏิบัติโดยทั่วไปคือ สามารถทำให้จิตใจของเราเพิ่มสมรรถภาพทางการรับรู้ความรู้สึก ทั้งทางใจและทางกาย หรือ สุขเวทนา ทุกเวทนา โทมนัส โสมนัส หรือความรู้สึก ร้อน หนาว เย็น คัน และอื่น ๆ อีกมายมาย ความรู้สึกนี้ทุก ๆ คนสามารถจะรับรู้ได้ แต่เพื่อที่จะให้สามารถรับรู้ได้ดีขึ้นแม้แต่ในที่ลับต่าง ๆ ที่ ๆ เราไม่สามารถรับรู้ได้โดยใช้จิตของคนปรติ เราจะต้องฝึกให้จิตสามารถรับรู้มันได้ทั่วทั้งตัว ทั้งร่างกายในเวลาเดียวกันตลอดเวลา และนาที โดยหลักของมันไม่ยากครับ เพราะเมื่อเราสามารถรับรู้เวทนาได้ตลอดเวลาทำให้เราสามารถทราบอารมณ์ของจิตใจ เช่น เมื่อมีความรัก(ราคะ) ความโลภ ความโกรธ ความหลง เวทนาก็จะเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กะอารมณ์ของเรา และเมื่อเรามีจิตใจที่เป็นอุเบกขา เวทนาเราก็เป็นแบบอุเบกขา ฉะนั้นไม่ว่าเมื่อมีเหตุกาณ์ใด ๆ เกิดขึ้น เราก็สามารถมีสติ ระลึก รู้ตลอดเวลา

    อย่างไรก็ตาม มีสติการระลึกรู้ จิต และเวทนา อย่างเดียวไม่สามารถจะทำให้เราดีขึ้นได้ ถ้าเรายังไม่สามารถพัฒนาจิตใจ ให้สามารถแค่รับรู้อารมณ์ของจิตโดยไม่ไปทำปฏิกริยากับมัน เช่น เมื่อผมโกรธ ภายนอกทำปฏิกริยาหลาย ๆ อย่าง ทั้งทางกาย หน้าแดง บึ้งตึง แต่ที่สำคัญกว่า ผมจะสามารถสังเกตได้ว่ามันมีคลื่นอะตอมที่ประกอบเป็นความโกรธเคลื่อนตัวอยู่ภายในร่างกาย ด้วยการที่ฝึกมาแล้ว อุเบกขาก็มีแล้ว ปัญญาที่เกิดขึ้นทำให้เราสามารถพิจารณาได้ว่า ความโกรธนี้ไม่จีรังยั่งยืน เราจะโกรธไปใย ไปทำปฏิกริยากับมันทำไมเล่า ในเมื่อเดี๋ยวมันก็ไป ถ้ามีปัญญาที่แข็งกล้า จิตปรุงแต่งเหล่านี้ไม่สามารถมาย่างกาย ทำลายเราได้เลย แต่ทั่วไปแล้ว เราจะอยู่ภายใต้การบัญชาของมันโดยไม่รู้ตัว และสะสมมากขึ้น ๆ ภพแล้วภพเล่า และนี่เป็นแค่ตัวอย่างครับ สำหรับ โลภะ โมหะ หรือ โทสะ อื่น ๆ เราก็สามารถฝึกทำอุเบกขากับมันได้

    อย่างไรก็ตามก่อนอื่น ผมต้องย้อนกลับไปถึงหลักของการทำงานของจิตก่อนครับ เพื่อที่จะนำท่านผู้อ่านให้เข้าไปถึงเป้าหมายของการปฏิบัติ

    จากประสาทสัมผัสทั้งหก หู ตา กาย ใจ จมูก ลิ้น เมื่อทั้งหก ส่วนใดส่วนหนึ่งรับรู้สิ่งภายนอก ส่วนหนึ่งของจิตที่เรียกว่าวิญญาณ บอกว่ามีสิ่งใดมากระทบ ต่อจากนั่นสัญญาก็ทำจะงาน สัญญาคือการจำได้หมายรู้ จำได้ว่าสิ่งที่มากระทบ เป็นอะไร เช่น เสียงอะไร เสียงชนิดไหน เมื่อสัญญาทำงาน จะทำให้เกิด เวทนา คือความรู้สึกต่อสิ่งนั้น ว่าดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ โดยมีสังขารเป็นตัวกำกับทำปฏิกริยากับการปรุงแต่งนั้น ๆ ซึ่งตัวสุดท้ายนี้สำคัญ เพราะจะนำจิตไปสู่ ตัณหา กิเลส โทสะ โมหะ สั่งสมจนกายเป็นนิสัย สันดาน และเป็นตัวขับดันให้เกิดภพชาติ เกิด ดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นโดยหลักการแล้ว เราจะต้องเรียนรู้ที่จะหยุดการปรุงแต่ง หยุดสร้างสังขาร และกำจัดสังขารที่มีอยู่ในจิตใจให้หมดไป
    การปฏิบัติแนวเวทนานุปัสสนา ดังที่กล่าวข้างต้น ผมไม่สามารถเล่าได้ถึงขั้นตอน เพราะอาจจะทำให้ผิดพลาดได้ และแนะนำท่านที่สนใจลองไปเข้าคอร์สดูสักหนึ่งคอร์ส เพื่อเรียนรู้การปฏิบัติที่ถูกต้อง และเพื่อจะได้รับแรงดลบันดาลใจ ให้การปฏิบัติก้าวหน้าไปได้โดยไม่ท้อถอย มีพลังก้าวหน้าต่อไป แต่ผมสามารถเล่าได้ว่า สิ่งที่ผมเจอมันเป็นอย่างไร

    หลังจากที่เข้าปฏิบัติมาหลายวัน เพื่อเสริมสร้างสมาธิ เราก็ต่อด้วยวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเน้นการสังเกตดูเวทนาที่จุดต่าง ๆ ของร่างกาย ทุกจุด ทั้งหยาบและละเอียด ในส่วนนี้จิตที่ไม่ได้พัฒนาจะไม่สามารถรับรู้เวทนาทุกส่วน อาจจะรับได้บางส่วนเมื่อตั้งจิตไว้ที่จุดใด จุดหนึ่งนาน ๆ อย่างไรก็ตาม เราต้องเคลื่อนความสนใจไปทุกส่วน เพื่อสร้างความสามารถของจิตให้ดีขึ้น ก็ต้องทำตามเทคนิคที่ได้รับการสอนไปนะครับในส่วนนี้

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าถึงขั้นใดขั้นหนึ่ง จิตสามารถจะรับรู้เวทนาได้ทั่วตัว โดยที่อาจจะมีทั้งหยาบและละเอียด ที่ละเอียดมันสบาย มันดีไปหมด มีความสุข ส่วนไอที่หยาบนี้ มันมักจะเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ได้จากการนั่งนั่นแหละครับ เพราะเรานั่งกันทั้งวัน หยุด ทุก ๆ ชั่วโมงแต่ในชั่วโมงจะห้ามเคลื่อนไหวโดยเด็ดขาด เพราะเวทนาต่าง ๆ จะหายไป จิตจะสั่นคลอนได้ เมื่อเราได้เวทนาต่าง ๆ แล้ว เราจะต้องสอนจิตให้วางอุเบกขา กับทุกสภาวะ เช่น สภาวะความสุข สบาย นี่ก็ตัวอันตราย เพราะเราจะไปชอบมันเสียตลอดเวลา ส่วนไอที่เจ็บสุด ๆ เหมือนอะตอมบอมก็ห้ามไปโกรธ ไปเกลียดมัน เพราะจะเป็นการสร้างโทสะกิเลส เมื่อเราผ่านด่านปราการนี้ไปได้เรื่อย ๆ โดยเราสามารถรับรู้ได้จากการละลายหายไปของเวทนาที่สบายและไม่สบาย เราก็พัฒนาความมีอุเบกขาขึ้นได้เรื่อย ๆ และเวทนาจะเริ่มละเอียด ๆ ๆ มากขึ้น ๆ ๆ ความเจ็บปวดก็หายไป ๆ ๆ เรื่อย ๆ

    สถานีต่าง ๆ ที่สามารถผ่านได้ สามารถวางอุเบกขาได้ นั่นก็หมายถึง เราได้หยุดการปรุงแต่งและเอาสังขารเก่า ๆ ออกมาใช้ เหมือนกับการก่อกองไฟ ถ้าเราใส่ฟืนเข้าไปเรื่อย ๆ ไฟมันก็ลุกเรื่อย ๆ แต่เมื่อใดที่ไม่ใส่ฟืน ไฟก็จะเผาใหม้ของเก่าไป ไหม้ไปจนหมด เหมือนกะสังขาร ถ้าเราไม่เพิ่มมันเข้าไป ของเก่าก็จะถูกเอาออกไป และถ้าวางอุเบกขาได้เรื่อย ๆ สังขารเก่า ๆ ชั้นแล้วชั้นเล่าก็จะหลุดไป ๆ จนเหลือแต่จิตที่บริสุทธิ์ สิ่งนี้เราสามารถรับรู้ได้ทางจิต และจะทำให้เราพิสูจน์ได้ในชีวิตประจำวันด้วย เพราะเราจะประพฤติปฏิบัติตนแตกต่างจากที่เคยเป็น สามมารถละ โทสะ โมหะ โลภะ ไปได้เรื่อย ๆ เรื่อย ๆ โดยจากเวทนาเราก็ดูจิตไปได้พร้อม ๆ กัน และเมื่อถึงจุดก็จะสามารถเข้ากระแสนิพพานได้ มีสติปัญญาเป็นผู้นำทาง............................................................................ไปลองดูสิครับ (www.dhamma.org, www.thai.dhamma.org)



    ลืมเล่าหัวข้อสำคัญไปครับ ความสำคัญของจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก

    ท่านอ.โกเอนก้าให้ความสำคัญกับจิตใต้สำนึกมาก ๆ เพราะว่าจิตใต้สำนึกทำงานอยู่ตลอดเวลา และมีความละเอียดสูง โดยปรกติแล้วคนเราทั่วไปดำเนินชีวิตด้วยทั้งจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก โดยทั้งสองทำงานร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น มีคนทำให้เราโกรธ ด้วยจิตสำนึกแล้วเราอาจจะสามารถระงับอารมณ์ภายนอกได้ไม่มีปัญหา แต่อารมณ์ภายในที่ครุกรุ่นอยู่นี้มีพลังมากมาย มันเหมือนปฏิกิริยานิวเคลียร์ เพิ่มพูน พอกกำลัง และสามารถสะสมพลังได้นานมาก อาจจะเป็นวัน เป็นเดือนและเป็นปี ๆ จิตใต้สำนึกทำงานอย่างไรผมไม่เข้าใจมาก แต่ด้วยตัวอย่างต่อไปนี้อาจจะอธิบายได้ดีขึ้น

    สมมุติเรานอนอยู่ หลับสนิทมาก ๆ จิตสำนึกก็หลับไปกับเราด้วย อย่างไรก็ตามจิตใต้สำนึกยังคงทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ เมื่อใดที่มียุงมากัด จิตใต้สำนึกก็จะเป็นตัวสั่งให้มีการตอบโต้อย่างทันควัน โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ทั้งคืนทั้งตบทั้งเกาไม่รู้กี่ครั้ง จิตใต้สำนึกนี้มีนิสัยแบบนี้แหละครับ ตอบโต้ ปรุงแต่งตลอด ฉะนั้นสังขารที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกนี้สำคัญมาก เพราะเราเพิ่มมันโดยไม่รู้ตัว การศึกษาเวทนาของร่างกายจะทำให้เราจิตใจที่ละเอียดเพียงพอในการจัดการกับนิสัยของจิตใต้สำนึกอันนี้ เราจะต้องสอนมันไม่ให้โต้ตอบกับสิ่งที่มันชอบและไม่ชอบ ทำได้เมื่อใดก็ตาม เราก็จะมีทั้งจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกที่รักษาอุเบกขาได้ สังขารต่าง ๆ ก็จะหลุดไป ๆ ๆ เมื่อนั้นทั้งนิสัยและสันดานเลว ๆ ก็จะหมดไป ๆ

    ไปลองดูสิครับ (www.dhamma.org, www.thai.dhamma.org)
     
  2. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off"></TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">สวัสดีค่ะคุณ Mr Kabab
    ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาด้วยนะคะที่ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมของท่านโกเอ็นก้า ปูก้อเป็นศิษย์เก่าของท่านเหมือนกันค่ะ มีประสบการณ์ดี ๆ ให้กับตนเองเช่นกัน แต่ก้อมีเรื่องขำ ๆ ของตัวเองนะคะ เพราะ 5 วันแรกร้องกลับบ้านทุกวันค่ะ จนท่านอาจารย์ท่านให้ลองทำอย่างที่ท่านบอกให้ดู เราซื้อค่ะ นึกว่าทำได้แล้วท่านคงให้กลับ ที่ไหนได้ ท่านบอกว่า อย่างไรก้อไม่ให้กลับบ้าน ปูก้อนึกขอบคุณท่านอาจารย์อยู่ทุกวันนี้นะคะ เพราะอย่างน้อย ๆ ก้อทำให้ปูสามารถเป็นศิษย์เก่าเหมือนคนอื่นเค้าได้ และได้ประสบการณ์ดี ๆ มากเลยค่ะ
    คุณ Mr Kabab ลองเข้าไปอ่านดูกระทู้นี้นะคะ มีศิษย์เก่าของท่านเข้ามามากมายเลยค่ะ
    http://larndham.net/index.php?showtopic=14435&st=0
    เผื่อจะได้ประสบการณ์เพิ่มเติมนะคะ
    บุญรักษา ก้าวหน้าในธรรมค่ะ
    เบญญาภา
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  3. behap

    behap สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +1
    ดูรายละเอียดการปฏิบัติแนวทางอ.โกเอ็นก้าได้ที่

    www.thai.dhamma.org

    แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้เข้าอบรม

    http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=1727.0

    อย่ารอเวลาให้ผ่านไปอย่างน่าเสียดายนะครับ<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...