แรงใดในโลกเสมอด้วยแรงกรรมไม่มี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย จิตมหัศจรรย์, 23 พฤศจิกายน 2020.

  1. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    นตฺถิ กมฺมํ สม พลํ
    แรงใดในโลกเสมอด้วยแรงกรรมไม่มี


    กมฺมสฺสโกมฺหิ
    เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็ต้องรับผลของกรรมนั้น
    พุทธศาสนาถือว่า สัตว์ทั้งหลายจะดีหรือชั่วย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผู้อื่น หรือขึ้นอยู่กับวงศ์ตระกูล เพราะการทำดีทำชั่วต้องทำด้วยตนเอง ไม่ใช่มีผู้อื่นมาทำให้ได้ เหตุนี้สัตว์ทั้งหลายจึงมีกรรมเป็นของตน

    กมฺมสฺสโกมฺหิ เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นตามที่ทำไว้
    กมฺมทายาโท คือเป็นทายาทของกรรมที่ทำแล้ว จึงจำแนกสัตว์ให้ไปเกิดในที่ต่างๆกัน
    กมฺมโยนิ คือมีกรรมเป็นกำเนิด และกรรมที่ทำแล้วยังจะติดตามไปทุกหนทุกแห่ง จะไม่สูญหายไปใหน
    กมฺมปฏิสรโณ เพราะเมื่อกรรมชั่วให้ผลอยู่ แม้ญาติพ่อ-แม่พี่น้องตลอดจนผู้มีอำนาจราชศักดิ์ ก็ไม่อาจช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้ แต่ถ้ากรรมดีให้ผลอยู่ แม้ใครจะคิดร้ายทำลาย ชีวิตก็ไม่อาจถูกทำลายได้เลย.




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2020
  2. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้นแล สุภมาณพโตเทยยบุตร เข้าไป
    เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้สนทนาปราศรัยพอเป็นที่บันเทิงใจ พอ
    เป็นที่ระลึกถึงกัน แล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

    “ท่านพระโคดม อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้สัตว์ที่เกิดเป็นมนุษย์
    ปรากฏเป็นคนเลวและคนดี คือ มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีอายุสั้น มีอายุยืน
    มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณดี มีอำนาจน้อย มีอำนาจมาก
    มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในตระกูลต่ำ เกิดในตระกูลสูง มีปัญญาน้อย
    มีปัญญามาก

    ท่านพระโคดม อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มนุษย์ทั้งหลายที่เกิดเป็น
    มนุษย์ปรากฏเป็นคนเลวและคนดี”
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “มาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรม
    เป็นทายาท มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
    กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวและดีต่างกัน”
    “ข้าพระองค์ ไม่รู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งพระภาษิตนี้ที่ท่านพระโคดมตรัสไว้โดย
    ย่อ ไม่ทรงชี้แจงโดยพิสดารให้พิสดารได้ ขอประทานวโรกาส ขอท่านพระโคดม
    โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ โดยวิธีที่ข้าพระองค์จะพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่ง
    พระภาษิตนี้ที่ท่านพระโคดมตรัสไว้โดยย่อ ไม่ทรงชี้แจงโดยพิสดารให้พิสดารเถิด”
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “มาณพ ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
    เราจะกล่าว”
    สุภมาณพโตเทยยบุตรทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า “มาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสตรีก็ตาม
    เป็นบุรุษก็ตาม เป็นผู้ฆ่าสัตว์ เป็นคนหยาบช้า มีมือเปื้อนเลือด ฝักใฝ่ในการ
    ประหัตประหาร ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย เพราะกรรมนั้นที่เขาให้บริบูรณ์
    ยึดมั่นไว้อย่างนั้น หลังจากตายแล้ว เขาจึงไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก๑-
    หลังจากตายแล้ว ถ้าไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กลับมาเกิดเป็น
    มนุษย์ในที่ใดๆ เขาก็จะเป็นคนมีอายุสั้น
    มาณพ การที่บุคคลเป็นผู้ฆ่าสัตว์ เป็นคนหยาบช้า มีมือเปื้อนเลือด ฝักใฝ่
    ในการประหัตประหาร ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทา(ข้อปฏิบัติ)
    ที่เป็นไปเพื่อความมีอายุสั้น (๑)
    มาณพ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม เป็นผู้
    ละเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑาวุธ และศัสตราวุธ มีความละอาย มีความ
    อ็นดู มุ่งหวังประโยชน์เกื้อกูลในสรรพสัตว์ เพราะกรรมนั้นที่เขาให้บริบูรณ์ยึดมั่น
    ไว้อย่างนั้น หลังจากตายแล้ว เขาจึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ หลังจากตายแล้ว
    ถ้าไม่ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในที่ใดๆ เขาก็จะเป็นคนมี
    อายุยืน

    ที่มา
    พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
    มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
    [​IMG]
    [​IMG]
    จูฬกัมมวิภังคสูตร ว่าด้วยการจำแนกกรรม สูตรเล็ก
     
  3. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    __กรรม คือการกระทำ____
    สิ่งต่างๆ ที่ทำอยู่
    พึ่งระวัง.... จะซ้ำเติม กรรมเดิม กรรมเก่า...
    ลด ละ เลิก

    >>>จิตมหัศจรรย์
     
  4. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    " พระพยอม เล่ากรรมที่ทำกับพ่อ "
    _oc=AQmibBB-Jxe0mwzSUI21aM5id8GUTOqXUt5hR-VXKRn4aQxTzLJBg2y-EcGdJaaZoVA&_nc_ht=scontent.fbkk10-1.jpg
    โยมพ่อของอาตมาเป็นคนขี้เหล้า... หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็กินเหล้าหมด
    พอเมาก็ดุด่าโยมแม่กับอาตมา อาตมาไม่ชอบพ่อมาก.......
    วันหนึ่ง..
    โยมพ่อเมากลับบ้านไม่ได้ มีคนให้อาตมาพายเรือไปรับ
    ตอนนั้น อาตมายังเป็นวัยรุ่น ทำงานมาทั้งวันก็อยากจะนอน....อยากพักผ่อน....
    อาตมารู้สึกโมโหมาก
    พอพายเรือกลับบ้าน ก็ทิ้งโยมพ่อไว้ในเรือ
    แต่พ่อเมามากลุกไม่ไหว ตะโกนเรียก....
    “ ไอ้ยอม... ไอ้ยอม... มาอุ้มกูขึ้นบ้านหน่อย... กูขึ้นไม่ไหว ”
    ไอ้เราก็ทนรำคาญไม่ไหว เดินกระทืบเท้า ตึง.. ตึง.. ตึง..
    กระชากร่างพ่ออุ้ม ในขณะที่อุ้ม..
    ความรู้สึกเจ็บแค้นที่พ่อทำให้เราลำบาก ชอบด่าว่าเราเจ็บๆ
    พออุ้มพ่อขึ้นมาจากเรือ... ถึงหัวสะพาน
    จับร่างพ่อกระแทกกับหัวสะพาน ก้นพ่อกระแทกกับ พื้นไม้อย่างแรง
    เสียงดังโครม....
    พ่อแกร้องไห้.... แล้วพูดว่า
    “ ไอ้ยอมนะ... ไอ้ยอม.. กูอุ้มมึงมาแต่เล็กแต่น้อย....
    กูนอนหลับ.. แต่มึงไม่ยอมนอน... ร้องไห้กวน..
    กูต้องลุกมาอุ้มมึง...ร้องเพลงกล่อมให้มึงนอน
    จะไปไหนมึงไม่ไหว.. มึงเหนื่อย. . กูก็ต้องอุ้มมึง.. ทั้งที่กูก็เหนื่อย
    กูอุ้มมึง.. มึงทั้งขี้..ทั้งเยี่ยว.. ใส่กู
    แต่กูไม่เคยทุ่มมึงลงกับพื้นเลย....
    เพราะกูรักมึง......
    วันนี้...มึงอุ้มกู เหล้ากูไม่ได้หกโดนมึงสักนิด มึงทุ่มกูลงพื้นทำไม.....”
    พอพ่อพูดจบ น้ำตาไม่รู้มาจากไหน มันไหลพรูลงมาอาบสองแก้ม
    อาตมาเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
    ก้มลงกราบพ่อ แล้วพูดว่า
    “ พ่อครับ ต่อจากนี้ไป... ผมจะอุ้มพ่อตลอดชีวิต
    โดยไม่บ่นและทุ่มพ่อ ลงพื้นอีกแล้วละครับ”
    หลังจากนั้น อาตมาทำงานอย่างหนักเพื่อมาให้พ่อ หวังให้พ่อสบายขึ้น
    แต่เมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว
    โยมพ่อได้จากอาตมาไปแล้ว
    คิดแล้วมันทรมานใจเหลือเกิน
    อาตมาทำผิดพลาดไปแล้ว และแก้ไขไม่ได้
    จึงอยากเตือนทุกคนเอาไว้ ไม่อยากให้เสียใจไปตลอดชีวิต
    ** แล้วคุณล่ะ..
    เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า
    บางครั้งเราอาจเข้าใจท่านผิดบ้าง
    บางครั้งท่านเฉยเราก็คิดว่าท่านไม่สนใจ
    แต่พอเราโตเราก็จะรู้เองว่า
    สิ่งที่ท่านทํากับเรามันเป็นสิ่งที่ท่านหวังดีกับเราเสมอ
    ขอให้รู้จักค้นหาหัวใจตัวเองให้ทันเวลา
    ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป....."สำหรับบางคน......
    บางสิ่งบางอย่าง ลำบ๊ากลำบาก แต่เราสามารถ มุมานะทำเพื่อแฟนหรือคนรักของเรา
    แต่บางสิ่งง่ายๆ สำหรับพ่อแม่ของเรา เรากลับไม่ค่อยอยากทำให้ท่าน
    ทั้งๆที่ท่านลำบากเลี้ยงเรามา มาคิดได้เมื่อสายไปแล้ว....
    เคยได้ยินมาว่า....
    ข้าวร้อนๆกับปลาเค็ม 1 ชิ้น ตอนพ่อแม่มีชีวิตอยู่
    มีค่ามากกว่า "เนื้อมังกร...หน้าศพ" ตอนพ่อแม่ตาย...
     
  5. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    เรื่องกรรมในทางพุทธศาสนาคำนี้เราได้ยินจนชิน คำนิยามของคำว่ากรรมแท้จริงในทางพุทธศาสนา เราอาจเข้าใจไม่ตรงประเด็นกับที่พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ จะเห็นอยู่บ่อยๆ ว่าชาวบ้านมีอะไรก็โยนให้แต่เรื่องกรรมไม่ใช้ปัญญา จะเห็นคำนี้ในสังคมคนที่เชื่อมกรรมกลายเป็นชาวบ้าน สำหรับปัญญาชนคำว่ากรรมเป็นเรื่องไร้เหตุผล คำว่า “กรรม” แปลว่า การกระทำ
    การกระทำทางกายเรียก “กายกรรม”
    ทางวาจา เรียกว่า “วจีกรรม”
    ทางใจ เรียกว่า “มโนกรรม” ​
    ฉะนั้นเมื่อมีเหตุบางอย่างที่ไม่ดี เราอาจใช้คำศัพท์ว่าเป็นเพราะกรรมแล้วจบกัน ไม่ได้บอกว่ากรรมอะไร ทำเมื่อไหร่ แล้วทำไมจึงมาให้ผลตอนนี้ ในสังคมชาวพุทธของเราคนที่เชื่อกรรมกลายเป็นว่าเป็นคนไม่มีการศึกษา โทษกรรมไปหมด
     
  6. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    คำว่า “กรรม” ความหมายจริงๆ คือ การกระทำ ทั้งที่อยู่ในปัจจุบัน อดีต ถ้ากระทำดี​
    เรียก “กุศลกรรม” กระทำไม่ดีเรียก “อกุศลกรรม
    ที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์อ่านออกเขียนได้รู้ภาษาได้ก็เพราะทำกรรมจึงได้เกิดเป็นคนได้​
    เกิดเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นความหมายของคำว่ากรรมในทางพุทธศาสนาคนที่จะเชื่อเรื่องกรรมได้ต้องเป็นคนมีปัญญา ไม่ใช่ชาวบ้าน ตาสี ตาสา อย่างที่เราเข้าใจกันว่าเป็นชาวบ้านที่ขาดการศึกษา แต่แท้ที่จริงคนที่จะเชื่อกรรมอย่างถูกต้องกลับเป็นปัญญาชน เพราะพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า “กัมมัสสกตาสัมมาทิฏฐิ” คือ ปัญญาที่เข้าไปรู้เรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิไม่มีปัญญารู้ไม่ถึงเรื่องกรรม และกรรมนี้ลึกขนาดไหนซึ่งพระองค์ตรัสอยู่ในประเภท “อจินไตย” คือสิ่งที่ไม่ควรคิด ๔ อย่าง นั่นก็คือเรื่องกฎแห่งกรรม ทำไมจึงบอกว่ากรรมเป็นอจินไตยเพราะเราเองก็ไม่สามารถจะไปรู้ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่าเราทำกรรมอะไรไว้ แต่พระพุทธเจ้าทรงสามารถระลึกรู้ย้อนหลังได้หลายภพหลายชาติ พระองค์ทรงรู้ว่าคนนี้ทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เกิดเป็นอย่างนี้ อนาคตได้เกิดเป็นอย่างไร เราเองรู้แค่กรรมในชาตินี้ แต่ถ้าใครบางคนระลึกชาติได้ก็จะรู้ว่าอดีตเคยทำกรรมอะไรไว้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีปัญญาจะเข้าไปเชื่อกรรมที่เรียกว่า “กัมมัสสกตาสัมมาทิฏฐิ” คือความเห็นถูกต้องหรือปัญญาที่เข้าไปรู้เรื่องกฎแห่งกรรมจึงเป็นสิ่งที่ยากพอสมควร
     
  7. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    กรรมคือการกระทำ ทั้งกระทำในอดีตและกรรมในปัจจุบัน กรรมในอดีตที่เราได้เกิดเป็นคน​
    เพราะเคยได้ทำกรรมคือการรักษาศีล ๕ เจตนาคือตัวกรรม
    เจตนาเป็นสภาวะธรรมชนิดหนึ่งที่เกิดในใจ ใจของเราเรียกว่าวิญญาณหรือจิต ​
    สิ่งที่มาเกิดในจิตเรียกเจตสิก เจตนาก็เป็นเจตสิกชนิดหนึ่ง เช่น ในขณะที่เราตั้งใจรักษาศีล เจตนาคือความตั้งใจ จงใจ ตั้งใจรักษาศีล ๕ กรรมนั้นส่งให้เราเกิดเป็นมนุษย์ ตั้งใจที่จะปฏิบัติสมถะกรรมฐานจนได้ฌานอภิญญาจนได้เกิดเป็นพรหม ตั้งใจปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานบรรลุมรรคผลนิพพานก็ไปสู่นิพพาน เจตนาความจงใจหรือความตั้งใจนั่นแหละเป็นตัวกรรม
     
  8. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    ปัจจุบันนี้คนที่จะเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม เมื่อจะเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมได้อย่างน้อยๆ ​
    ก็ต้องเคยฟังเทศน์ฟังธรรม ต้องมีโยนิโสมนสิการพิจารณาว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย ทำกรรมใดก็จักได้รับกรรมนั้น ต้องฝึกหมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆ จึงจะเข้าใจกฎแห่งกรรม ยกตัวอย่างง่ายๆ บอกว่าเราได้เกิดเป็นคนเพราะผลของกรรมคือการรักษาศีล ทำไมคนจึงรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน ทำไมบางคนรวยบางคนจน บางคนฉลาดบางคนโง่ ซึ่งบางคนรักษาศีลทั้ง ๕ ข้อบริสุทธิ์เกิดเป็นคนรูปร่างหน้าตาผิวพรรณผุดผ่อง ปัญญาญาณเฉลียวฉลาด อายุยืน ร่างกายแข็งแรง ถ้าศีล ๕ ข้อครบบริสุทธิ์ แต่ถ้าบางคนไม่ครบ ๕ เอาแค่ ๔ ขาดข้อที่ ๕ คือรักษาได้ต่อหน้าพระพอหันหลังรักษาไม่ได้แล้ว เกิดเป็นคนที่มีสติไม่เต็มเพราะศีลข้อที่ ๕ ผิดเป็นนิจ รับศีลได้เฉพาะช่วงนาทีที่อยู่หน้าพระสงฆ์แต่หลังจากนั้นรักษาไม่ได้แล้ว การที่เราสร้างกรรมให้เกิดเป็นคนแล้วอยากเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ศีลทั้ง ๕ ข้อต้องรักษาให้บริสุทธิ์ ถ้าศีลข้อที่ ๑ รักษาได้บริสุทธิ์ทำให้อายุยืนยาวนานร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยป่วยเป็นโรค ผู้ที่คิดทำร้ายเอาชีวิตก็ไม่สามารถทำร้ายได้
     
  9. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    ส่วนศีลข้อที่ ๒ ถ้ารักษาเอาไว้ดีศีลข้อนี้จะทำให้เกิดในฐานะที่ร่ำรวย เกิดมาบนกองเงินกองทอง เกิดมาก็รวย รวยมาตั้งแต่เกิด คนอื่นทำไมไม่รวยเพราะรักษาศีลข้อที่ ๒ เอาไว้ไม่ดี บางคนรวยแล้วรักษาทรัพย์ได้บางคนรวยแล้วรักษาทรัพย์ไม่ได้ถามว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ก็เพราะศีลข้อที่ ๒ อีกนั่นแหละ คือ บางคนเกิดมาบนกองเงินกองทองก็จริงแต่ไม่สามารถจะรักษาทรัพย์สินได้ ทำบุญแต่เงินที่ได้มาจากการทุจริตโกงเขามา อย่างสมัยก่อนโจรปล้นมาทำบุญได้บุญ แต่ตอนไปปล้นได้บาป บุญก็ทำมาบาปก็ทำมาส่วนที่ทำบุญทำให้รวยแต่ไม่สามารถรักษาทรัพย์ได้ แต่ถ้าทรัพย์นั้นด้วยปัจจัยบางประการอยู่กับเขานานซึ่งทรัพย์นั้นก็จะเป็นเพียงแค่ยารักษาโรค คือเอาทรัพย์ไปดูแลรักษาชีวิตของตนเองที่จะได้มีความสุขจากทรัพย์สินก็ไม่มี
     
  10. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    ศีลข้อที่ ๓ ถ้าเราสร้างกรรมไว้ดีครอบครัวอบอุ่น ครอบครัวเข้มแข็ง ปัญหาการหย่าร้างไม่มี และที่เป็นชายไม่จริงหญิงไม่แท้นั้นคือเศษกรรมที่ผิดศีลข้อที่ ๓ บางคนเกิดเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง หรือบางคนเกิดเป็นผู้หญิงแต่ใจเป็นชาย ถามว่าทำกรรมอะไรไว้ เศษกรรมจากการผิดศีลข้อที่ ๓ กรรมตัวนี้ถ้าเรารู้จะทำอย่างไร หรือบางคนรูปร่างหน้าตาก็สวยแต่พอมีแฟนเมื่อไหร่อกหักทุกทีถามว่าเป็นอะไร คือเศษกรรมของศีลข้อที่ ๓ เป็นเพียงเศษกรรมมิใช่ต้นกรรม ถ้าต้นกรรมคือลงนรก สิ้นกรรมจากนรกก็เป็นคนผิดเพศเป็นชายไม่จริงเป็นหญิงไม่แท้ หลังจากนั้นเศษกรรมปลายๆ เป็นชายจริงหญิงแท้แต่เรื่องของความรักผิดหวัง แต่ถ้ารักษาศีลสร้างกรรมที่ดีผลกรรมก็คือทำให้มีความสมหวัง ครอบครัวที่มีอยู่ก็มีแต่ความอบอุ่นเป็นครอบครัวที่มีความสุข
     
  11. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    มุสาวาท ศีลข้อที่ ๔ หนักมากสำหรับผู้ที่ต้องตัดสินวินิจฉัย อย่างเช่น การขึ้นโรงขึ้นศาลตัดสินในทางที่ผิดหรือเป็นพยานเท็จ คนถูกกลายเป็นคนผิดในขณะที่ตัดสินวินิจฉัยในเรื่องคดีต่างๆ คนผิดกลายเป็นคนถูก คนถูกกลายเป็นคนผิดในลักษณะอย่างนี้คือกรรมของศีลข้อที่ ๔ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วๆ ไป พูดเท็จโกหกก็ผิดศีลแต่ผลกรรมไม่รุนแรงเท่ากับการตัดสินวินิจฉัย อย่างเช่น เราอาจเห็นบางคนฟันห่าง ฟันไม่ติดกัน ฟันผุ นี้คือผลกรรมจากการผิดศีลทั่วๆ ไปที่ไม่รุนแรง แต่ถ้ารุนแรงมากศีลข้อที่ ๔ จะส่งผลเศษกรรมออกมาคือทำให้รูปร่างไม่สมสัดส่วน อ้วนเกิน ผอมเกิน เตี้ยเกิน สูงเกิน อะไรต่างๆ ที่เกินมาทุกสัดส่วนในร่างกายนั่นคือเศษกรรมของศีลข้อที่ ๔ ถ้ารักษาศีลข้อที่ ๔ เอาไว้ดีเกิดมาเป็นคนก็มีรูปร่างสมสัดส่วน ผิวพรรณผุดผ่อง ฟันเรียบ ฟันงามเสมอ ลิ้นบางลิ้นยาวพูดได้ชัด คำพูดมีอำนาจวาสนา เพราะฉะนั้นการรักษาศีลข้อที่ ๔ คือการตั้งใจ เจตนาคือความตั้งใจรักษาศีล ได้รับผลคือไม่ต้องไปดูแลสุขภาพมาก สุขภาพจะดีตามปกติ
     
  12. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    ส่วนกรรมอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เป็นคนไม่ค่อยสมประกอบ เสียสติขาดสติ เป็นคนไม่ค่อยเต็มก็คือการผิดศีลข้อที่ ๕ ซึ่งเป็นกรรมที่เรามองเห็นชัดๆ สิ่งที่ได้กับเราคือโทษในปัจจุบันมี ๖ อย่างที่เห็นง่ายที่สุดคือเป็นโรค รองลงมาคือประสบอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง ก่อการทะเลาะวิวาท มาจากการกระทำกรรมคือการเสพสุรา ผลกรรมใกล้จะหมดเหลือเศษกรรมเกิดเป็นคน ก็จะเป็นคนสติไม่เต็ม หรือบางคนหนักยิ่งกว่านั้นกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อน เห็นอย่างนี้อย่าไปสมน้ำหน้าให้พิจารณาว่าที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะผิดศีลข้อที่ ๕ หากเป็นคนปกติก็จะไม่มีปฏิภาณปัญญาไหวพริบไม่มี ถ้าใครรักษาศีลข้อที่ ๕ ไว้ได้ กุศลกรรมทำให้เป็นคนมีปฏิภาณ แต่ถ้าศีลข้อที่ ๕ รักษาไม่ค่อยได้ก็จะเกิดเป็นคนสติปัญญาไม่เฉลียวฉลาด ร่างกายชักช้ายืดยาด อืดอาดจะทำอะไรรู้สึกหนักไปหมดไม่ค่อยจะคล่องตัว นี่คือเศษกรรมของการผิดศีลข้อที่ ๕ ฉะนั้นถ้าเราเป็นคนลักษณะชอบง่วง ไม่อยากทำงาน ชักช้ายืดยาด อืดอาดเฉื่อยชาให้รู้ว่าคือผลจากเศษกรรมข้อที่ ๕ กำลังใกล้จะหมดแล้ว เมื่อใกล้จะหมดแล้วก็อย่าผิดต่อไป อย่าไปเสพสุราต่อไป ตั้งใจรักษาศีล
     
  13. จิตมหัศจรรย์

    จิตมหัศจรรย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +3
    ฉะนั้นเรื่องกฎแห่งกรรม กรรมในพุทธศาสนา ถ้ากระทำดีทางกายเรียกว่า “กายสุจริต” ถ้ากระทำไม่ดีทางกายเรียกว่า “กายทุจริต” เป็นกรรมทั้งนั้น กระทำดีทางวาจาเรียกว่า “วจีสุจริต” กระทำไม่ดีทางวาจาเรียก “วจีทุจริต” กระทำดีทางใจเรียก “มโนสุจริต” กระทำไม่ดีทางใจเรียก “มโนทุจริต” เพราะฉะนั้นการกระทำนั่นแหละเรียกว่ากรรม ถ้าเราเกิดเป็นคนแล้วเรารู้ว่าชีวิตของเราได้แค่นี้เราจะพัฒนาอย่างไร ในเมื่อเรารู้ว่าเราได้เกิดเป็นคนแต่ความรู้ความสามารถของเราก็แค่นี้ เงินเดือนก็แค่นี้ เราอยากจะพัฒนาให้ไปมากกว่านี้เราจะทำกรรมตัวไหน ก็คือกรรมที่เป็นกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ถ้าเราสามารถทำได้เราจะพัฒนาชีวิตของเราได้ทันที ธรรมะของพระพุทธเจ้าในเรื่องกฎแห่งกรรมทุกคนมีหวังถ้าสร้างกรรมที่ดี ถือว่าทุกคนมีบุญที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ แค่การเป็นมนุษย์คือการลงทุนรักษาศีล ถ้าเจตนาในการรักษาศีล ๕ มีแล้ว เพิ่มกุศลกรรมทำอย่างไร ใช้ความเพียรเรียกว่าวิริยะแล้วใช้ปัญญาในการสร้างกรรมดีๆ จะพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่ดีอยู่แล้วให้สมบูรณ์หรือยิ่งขึ้นไปก็ใช้วิริยะ เช่น ความเพียรในการตั้งใจฟังธรรมะบ่อยๆ เมื่อฟังบ่อยๆ เกิดปัญญา ฟังบ่อยๆ ได้เพราะมีวิริยะ บางคนให้ฟังเพลงง่ายกว่าฟังธรรมะยาก เพราะธรรมะไปขัดเกลาจิตใจ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ใจของมนุษย์เหมือนกับน้ำไหลตกจากที่สูง จิตใจของปุถุชนถ้าเราไม่ยกขึ้นก็จะไหลลงสู่ที่ต่ำ ถ้าชวนไปฟังเพลงไปเที่ยวชมคอนเสิร์ตจะไปทันทีทั้งๆ ที่ไม่ว่าง ชวนไปฟังเทศน์ทั้งๆ ที่ว่างแต่ขอดูก่อนว่ามีเวลาหรือไม่ การที่จะพัฒนาด้วยการฟังเทศน์ฟังธรรมโดยการนำธรรมะไปพัฒนาเป็นการฝืนกิเลส เพราะจิตใจของมนุษย์เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ การฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นการฝืนเป็นการขัด การที่เรามีวิริยะในการตั้งใจฟังธรรมะ แล้วเมื่อฟังมีปัญญาแล้วก็นำเอาความรู้นั้นไปพัฒนากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็จะประสบความสำเร็จ
     

แชร์หน้านี้

Loading...