แหวนมงคล ๙ ของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดอนงคาราม เสด็จกลับได้

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 18 กันยายน 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,186
    พระอาจารย์ กล่าวว่า "มีใครออกแบบกำไลสวยๆ ได้ไหม ? ความจริงตามตำราของ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดอนงค์ฯ ท่านสร้างเป็น แหวนมงคล ๙ แต่คราวนี้อาตมาคิดว่าแหวนวงเล็กไป ไม่สะใจ เอากำไลดีกว่า เพียงแต่ว่าใครจะออกแบบได้สวยถูกใจอาตมาเท่านั้นเอง คนกิเลสเยอะเห็นของสวยแล้วจะชอบ จะมีอักขระ ๙ ตัว อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ทำอย่างไรให้เขาวางอักขระหรือพระพุทธเจ้าก็ได้ อยู่ตรงกลาง ใหญ่แล้วทยอยเล็กเอียงลง ๒ ข้างก็ได้ ไว้แทน นวหรคุณ เป็นบาลีขอม แต่ว่าเราใช้รูปพระแทนก็ได้

    แหวนมงคล ๙ ของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดอนงค์ฯ นี่เสด็จกลับได้ อาตมาเองไม่ได้ตั้งใจหรอก อาจเป็นเพราะว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านค่อนข้างเป็นคนโบราณ แหวนจึงวงใหญ่กระทั่งอาตมาใส่นิ้วชี้ยังหลวมเลย แสดงว่าคนรุ่นเก่าตัวใหญ่มาก

    วันนั้นไปวัดอนงค์ฯ กราบ หลวงพ่อเจ้าคุณไสว (พระเทพวิสุทธิเวที) วัดอนงคาราม ท่านเป็นเพื่อนเรียนบาลีของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอก "เฮ้ย..วันนี้มีพระตาย เขากำลังแบ่งสมบัติกัน ไปดูซิ..เผื่อเขามีอะไรให้บ้าง"

    เวลาพระมรณภาพ คณะสงฆ์จะเข้าไปดูแลจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติทั้งหมด ถ้าไม่ได้ยกให้ญาติโยมไปก่อน ของทุกอย่างจะเป็นของสงฆ์ โยมจะไม่มีสิทธิ์เลย ต่อให้เป็นลูกเป็นหลานก็ไม่มีสิทธิ์ ต้องรอให้สงฆ์เขาแบ่งให้ อาตมาไม่ได้เป็นญาติเป็นโยมอะไรหรอก แต่เป็นลูกศิษย์เจ้าอาวาส พอเข้าไปเขาก็เลยให้แหวนมาหนึ่งวง อาตมาก็ใส่ติดตัวไว้ เพราะเลื่อมใสหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านมานานแล้ว

    วันนั้นจะทิ้งขยะ พอโยนขยะลงคลอง (สมัยนี้เจอปรับชิ้นละ ๒,๐๐๐ บาท) ปรากฏว่าแหวนหลุดไปด้วย เพราะหลวม แล้วคลองแถวๆ พระโขนงไม่ใช่คลองเปล่าๆ มีสวะไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ประเภทกระโดดลงไปไม่ถึงน้ำหรอก ติดอยู่บนกอสวะ..! อาตมาก็ได้แต่นั่งเสียดายแหวน ปรากฏว่า ๓ วันต่อมาท่านกลับมาอยู่ในตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่เป็นโครงหุ้มพลาสติก แล้วก็มีไม้อัดบางๆ เป็นชั้นวางของ ท่านมาอยู่บนชั้นนั้นเอง นี่แสดงว่า เอ็งอย่าทิ้งข้าเสียให้ยากเลย อย่างไรข้าก็จะอยู่กับเอ็ง"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2013
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,186
    .
    "หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดอนงคาราม ท่านสำเร็จ วิชากระสุนคด สมัยช่วงสงครามโลกบ้านเรายังมีโรงยาฝิ่นอยู่ พวกที่ติดฝิ่นก็ชอบขโมยกล้วยวัดอนงค์ฯ ไปขาย ท่านก็ห้ามแล้วห้ามอีก บอกว่าเดี๋ยวติดหนี้สงฆ์ พวกนั้นก็ไม่รู้ว่าหนี้สงฆ์เป็นอย่างไร อยากยาฝิ่นเสียมากกว่า หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดอนงค์ฯ ก็ต้องใช้คันกระสุน ก็คือธนูนี่แหละ แต่ยิงด้วยลูกดินเหมือนหนังสติ๊ก แรงกว่าหนังสติ๊กสัก ๔-๕ เท่าเห็นจะได้ สามารถยิงกระบอกไม้ไผ่แตกได้เลย..!

    ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็บอกเด็กวัด "เฮ้ย..ช่วยดูหน่อย ใครมาขโมยกล้วยให้ตะโกนบอกหลวงตาด้วย" เด็กวัดก็เล่นกันตามลานวัด พอเห็นขี้ยามาตัดกล้วย "หลวงตา..มีคนมาขโมยกล้วย" ท่านก็คว้าคันกระสุนมายิง ไม่ได้เล็งหรอก แต่โดนกลางหลังทุกราย ปรากฏว่าคนทำชั่วก็มีปัญญา สังเกตไป ๓ - ๔ ครั้ง พระยิงทีไรโดนหลังทุกที ก็เลยเอาสังกะสีผูกหลังมา ถึงเวลาเด็กวัดบอก "หลวงตา..คนขโมยกล้วย.." ท่านยิงออกไปโดนสังกะสี เสียงดังผ่าง..! ท่านด่าลั่นเลย "ไอ้ห่_เล่นตาตุ่มแม่_เถอะ" ท่านเหนี่ยวอีกทีโดนตาตุ่ม โป๊ก..! ลงไปกองอยู่ตรงนั้นเอง "หลวงตา..ยอมแล้วๆ"

    วิชากระสุนคดที่อาตมากับ หลวงตาวัชรชัย เรียนมานั้น ๒ สาย ๒ ครู ครูใหญ่ท่านหนึ่งคือ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดอนงค์ฯ ครูใหญ่อีกท่านหนึ่งท่านคือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อวัดอนงค์ฯ ถ่ายทอดให้ หลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงปู่วัดปากคลองมะขามเฒ่าถ่ายทอดให้หลวงพ่อวัดท่าซุง กลายเป็นวิชา ๒ สายมาเจอกัน

    ช่วงนั้นซ้อมกันทั้งวันทั้งคืน ตอนแรกหลวงตาวัชรชัย จ้างเด็กปั้นกระสุน เอาถัง ๒๐ ลิตรมา บอกว่า "ถ้ามึงปั้นเต็มถัง เดี๋ยวกูให้ ๑๐๐ บาท" เด็กก็ปั้นกันใหญ่ สมัยนั้นเงิน ๑๐๐ บาทเยอะนะ แต่พอยิงไปกระสุนหมด ร้อยบาทไม่ไหวแล้ว หลวงตาต้องใช้วิธีเอากระสอบมา ๔ ใบ มาสอยตะเข็บติดกันแล้วกางเป็นฉาก พอยิงไปกระสุนก็ติดกระสอบไม่ไปไหน ร่วงอยู่แถวนั้น ประหยัดเงินไปได้เยอะ

    ซ้อมยิงกันทั้งวัน ต้องภาวนาคาถาให้กำลังใจมั่นคงแล้วยิง ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไม่แม่นสักที มารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะตั้งใจเกินไป ที่จับเคล็ดได้คือ ไม่ได้เจตนาเลย ยิงส่งเดชแล้วเป๊งทุกที ยิงเอาเสาแป๊บหน้าวัดที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้โยงลวดสลิงป้ายศูนย์สงเคราะห์คนยากจนในถิ่นทุรกันดาร"

    "ทำใจสบายๆ ยิงส่งเดชเป๊งพอดี พอตั้งใจยิงจะยิงไม่ถูก เพิ่งจะรู้ว่าเป็นเรื่องของกำลังใจแบบพอดีๆ ลักษณะเหมือน มโนมยิทธิ มากเกินก็ไม่เห็น น้อยเกินก็ไม่เห็น ลักษณะการใช้คาถาก็ต้องพอดีๆ เช่นกัน

    อาตมาใช้ประโยชน์มากตอนคนมาขโมยมะม่วงในวัดท่าซุงกับขโมยปลาหน้าวัด พวกรุ่นน้องก็ลุ้น เมื่อไรจะยิงสักที พวกที่ขโมยมะม่วงก็ใจดำจริงๆ เลย ตัวเองโดนแล้วร่วงลงมา ไม่บอกเพื่อนสักคำ วิ่งหนีคนเดียวเลย เพื่อนก็โดนด้วยสิ..!

    มาเข้าใจที่โบราณท่านเล่นเรื่องคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านต้องการให้ฝึกสมาธิ จะได้รู้ว่าจังหวะที่พอเหมาะพอดีที่เป็นสมาธิใช้งานจริงๆ นั้นเป็นจังหวะไหน หลวงตาวัชรชัยบ่นว่า โธ่..กว่าจะสำเร็จแต่ละวิชาหมดเงินไปเยอะ เพราะหลวงตาเล่นจ้างเด็กมาปั้นกระสุน ก็หมดเยอะนะสิ...

    ต้องเอาอย่างโบราณ ปั้นไปเสกไปให้แห้งคามือเลย ต้องใช้ความเพียรสูงมากในเรื่องของการปฏิบัติ คือ เราจะทำอะไรก็ได้ เล่นอะไรก็ได้ แต่ใจต้องเป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น จะเห็นว่าทำไมพระโบราณเคี้ยวหมากแทบทุกรูปเลย คือ เคี้ยวหมากเพื่อสร้างสติ ใจต้องจดจ่ออยู่ตรงนั้น คายออกมาควักปืนยิงได้เลย ยิงไม่ออกสักก้อน เช่น ชานหมาก หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค เป็นต้น

    สมัยอยู่วัดท่าซุง พวกเรือหาปลาห้ามแล้วไม่ฟังกัน อาตมายืมเอ็ม. ๑๖ ของทหารที่เฝ้าวัดนั่นแหละ พวกนั้นบอกว่า "หลวงพี่..ถ้าพลาดนี่ตาย ปาราชิกเลยนะ" หลวงตาวัชรชัยบอกว่า "อธิษฐานสิ ตั้งใจยิงให้ตรงหน้าผาก ถ้าโดนให้แฉลบออกข้าง" แหม..แนะนำดีมาก ถ้าตั้งใจอย่างนั้นแบบนั้นก็ได้ทุกศพแหละ..!

    ความจริงพวกทหารเขาไม่รู้ว่าอาตมายิงแบบสั่งได้ ถึงเวลาก็ล่อแค่เรือพัง หลวงพี่สามารถบอกว่า "ทำไมไม่เล่นอาร์พีจีให้กระจายทั้งลำไปเลย.." ถ้าอย่างนั้นก็เกินไป ทำลายทรัพย์สินชาวบ้านเขา โดนลูกปืนก็พออุดพอยา เอาไปใช้งานต่อได้"

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=3



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...