โจร เสือ และเรือใบ : ว่าด้วย "ลำตัดเสือผ่อน" บันทึกประวัติศาสตร์โจรสลัดชายฝั่งทะเลตะว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 23 พฤศจิกายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +27,177
    "เขาหมูดุด" เป็นชื่อของภูเขาลูกหนึ่งในบริเวณบ้านหมูดุด๑ ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ดินแดนแห่งนี้ถูกอ้างว่าในราวปลายสมัยรัชกาลที่ ๖ ถึงต้นรัชกาล ที่ ๗ เคยเป็น "รังโจร" ของเสือมีชื่อในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ผู้มีนามว่า "เสือผ่อน"

    เรื่องราวของเสือผ่อนได้รับการถ่ายทอดในรูปแบบของ "ลำตัด" สื่อมวลชนชาวบ้านที่เล่าขานสืบต่อกันมานานนับ ๘ ทศวรรษ เรียกกันว่า "ลำตัดเสือผ่อน" พระครูมหานทีคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด และก๋งสิม เกษโกวิท กรุณาเล่าว่า เรื่องลำตัดเสือผ่อนนี้ครั้งแรกแต่งโดยหะยีเขียด ใช้ชื่อว่าอ้ายเสือจอมโจรชลบุรี อ้ายเสือผ่อน มี ๒ เล่มจบ พิมพ์ที่โรงพิมพ์เขษมพานิช เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ การพิมพ์ครั้งแรกนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ภายหลังปราชญ์ชาวบ้านท่าพริก เมืองตราด ชื่อนายทอง เจริญสุข๒ นำมาแต่งใหม่จนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เล่ากันว่านายทองนี้เป็นผู้มีความรู้ในทางกาพย์กลอนมาก มีอาชีพเป็นเสมียนของทางการ เป็นกวีชื่อดังของเมืองตราดคนหนึ่งในสมัยนั้น คู่กันกับสหายรักคือ พระสาธนธนากร (มุ่ย ชพานนท์) อดีตสรรพากรเมืองตราด

    ผู้ใหญ่ประจวบ เกษโกวิท วัย ๘๒ ปี ปราชญ์ชาวบ้านของบ้านท่าพริก อันเป็นถิ่นกำเนิดของเสมียนทอง เล่าถึงเรื่องลำตัดเสือผ่อนนี้ ก่อนถึงแก่กรรมว่า ลำตัดเสือผ่อน แต่งโดยเสมียนทอง เจริญสุข พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศรีจันทร์ จังหวัดจันทบุรี เมื่อราวสมัยรัชกาลที่ ๗ (พิมพ์หลังปี พ.ศ. ๒๔๗๔) ราคาขายเล่มละ ๒๕ สตางค์ กล่าวถึงชีวิตของเสือผ่อนซึ่งเป็นโจรชื่อดังของภาคตะวันออกในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลที่ ๗ เป็นชาวอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี อาศัยอยู่ที่เกาะมันใน และเขาหมูดุด ที่จันทบุรี ในคราวนั้นพิมพ์ ๔ เล่มจบ โดยแต่ละเล่มมีเนื้อหาดังนี้

    เล่ม ๑ ประวัติเสือผ่อนว่าเกิดที่ไหน เหตุใดจึงได้เป็นโจร เจ็บใจอะไรอย่างไร

    เล่ม ๒ เริ่มเป็นเสือ วีรกรรมการปล้นของเสือผ่อน

    เล่ม ๓ โกนจุกหลาน

    เล่ม ๔ เสือผ่อนตาย

    ลำตัดเสือผ่อนทั้ง ๔ เล่มนี้ ปัจจุบันถือเป็นของหายาก และยังหากันไม่พบ อย่างไรก็ตามผู้เขียนได้รับการถ่ายทอดเนื้อหาบางส่วนของเล่ม ๓ จากผู้ใหญ่ประจวบ เกษโกวิท ผู้ที่เคยได้อ่านและร้องลำตัดเสือผ่อนนี้เมื่อวัยเยาว์ ซึ่งจะได้เล่าร้อยกันไปกับชีวิตของเสือผ่อน๓



    จาก "เด็กชาย" ถึง "นายโจร"

    บุญจริง เสนาะสรรพ์ วัย ๗๘ ปี ไวยาวัจกรวัดท่าแคลง ทายาทเสือผ่อน เล่าถึงบิดาของตนไว้ว่า เสือผ่อนเกิดราวปี พ.ศ. ๒๔๓๒-๓๗ (คำนวณจากอายุของทายาท) เป็นชาวจังหวัดระยองโดยกำเนิด บริเวณอ่าวมะขามป้อม หาดแหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง ก๋ง ประจวบ เกษโกวิท (ถึงแก่กรรม) อายุ ๘๒ ปี เล่าถึงรูปร่างหน้าตาของเสือผ่อนว่า "เสือผ่อนนี่ เขาว่าร่างใหญ่ เห็นเขาถ่ายรูปน่ากลัวเหมือนเสือ เป็นคนตัวโตสูง เคยมีคนถ่ายรูปเสือผ่อน" ในขณะที่ลุงบุญจริงกล่าวว่า "คนที่เคยเห็นพ่อเขาว่าผมหน้าตา รูปร่าง ทรงผม ไม่ผิดจากพ่อ แล้วก็ชอบใส่กางเกงจีน ไม่สักยันต์แต่ชอบแขวนพระ"

    บิดาเสือผ่อนชื่ออะไรไม่มีใครจำได้ ทราบแต่เพียงมารดาว่าชื่ออ่อน ส่วนพี่น้องมีเท่าไรไม่ปรากฏแน่ชัด เท่าที่ทราบกันปรากฏเพียง ๕ คน ดังนี้

    ที่ ๑ ชื่อเล็ก (ญ)

    ที่ ๒ ชื่อหน่าย (ญ)

    ที่ ๓ ชื่อผ่อน (ช)

    ที่ ๔ ชื่อผัน (ช)

    ที่ ๕ ชื่อเพียร (ญ)

    ญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ของเสือผ่อนปัจจุบันก็ยังคงอยู่ ณ นิวาสสถานเดิม คือที่แหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง ทำอาชีพประมงสืบกันมา ปรากฏชื่อสกุลว่า "มัจฉาเกื้อ" ส่วนเสือผ่อนนั้นเป็นสมาชิกคนเดียวของตระกูลที่หันมาเอาดีทาง "โจรสลัด"

    เสือผ่อนเดินทางเทียวไปเทียวมาระหว่างเกาะมันใน แหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง และเขาหมูดุด จังหวัดจันทบุรี จนกระทั่งเสือผ่อนได้เมียคนแรกชื่อ "แม่มี" ชาวจันทบุรี มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ ผู้ใหญ่บุญลือ (หนู) เสนาะสรรพ์ (ถึงแก่กรรม) เมียคนที่ ๒ ชื่อ "แม่ถ้วน" มีบุตรด้วยกัน ๑ คนเช่นกัน คือ ลุงบุญจริง เสนาะสรรพ์ นอกจากนี้แล้วเสือผ่อนยังมีเมียรายทางไประหว่างไปปล้นอีก เช่น แม่ละมุน ที่ก้นอ่าว จังหวัดระยอง แม่หลี ที่หาดพลา จังหวัดระยอง แม่จ้อย ที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นต้น๔

    เสือผ่อนเป็นหนึ่งในบรรดา "เสือ" ทั้งหลายที่เรียนวิชาอาคมแก่กล้า เล่ากันว่า เสือผ่อนนี้เรียนคาถาอาคมมาจากหลวงพ่อเปรม เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดท่าแคลง จังหวัดจันทบุรี พระผู้มีชื่อเสียงเรื่องอยู่ยงคง กระพันในสมัยนั้น ทำให้เสือผ่อนเคารพรักหลวงพ่อเปรมมาก เล่ากันว่า อุโบสถหลังเก่าของวัดท่าแคลงนี้ เสือผ่อนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการสร้าง



    "ชาติเสือต้องไว้ลาย"

    กับการท้าทายอำนาจรัฐ

    ไม่มีใครบอกได้ว่าเสือผ่อนเริ่มเป็นโจรสลัดตั้งแต่เมื่อใด และเขามีเหตุผลอะไรจึงได้หันเหชีวิตมาท้าทายกฎหมายเช่นนี้ บุตรชายของเขาที่ยังมีชีวิตอยู่คนเดียวเล่าว่า อาวุธที่บิดาใช้ปล้นคือปืนสั้นบราวนิ่ง โดยมีเรือใบเป็นพาหนะสำคัญ ยาวราวๆ ๓-๔ วา เสือลูกน้องที่สำคัญๆ ได้แก่ เสือชั้น เสือหม้อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเสือชื่อดังเป็นพวกอีกจำนวนมาก และนักเลงท้องถิ่น เช่นที่เมืองตราดเล่ากันว่า เสือผ่อนมีเพื่อนชื่อผู้ใหญ่ เจียก เป็นผู้ใหญ่บ้านที่เกาะช้าง ดังปรากฏในลำตัดเสือผ่อน๕ ว่าเสือผ่อนมาปล้นถึงที่เกาะช้าง เกาะหมาก รวมทั้งมีเพื่อนโจรสลัดอยู่ที่นี่จำนวนมาก ดังปรากฏในตอนที่เสือผ่อนมาเชิญเพื่อนไปร่วมงานโกนจุกหลานสาว ความว่า

    เกาะช้างเพื่อนมาก เกาะหมากเพื่อนจัง

    ถึงเกาะกงเขตฝรั่ง จึงมีคำสั่งส่งไปฯ

    อ่าวช่อธรรมชาติ จังหวัดตราดเพื่อนฝูง

    เชิญมาบำรุง แต่ล้วนพวกฝูงสหายฯ

    เวลาเสือผ่อนจะออกไปปล้นมักจะไปกับลูกน้องประมาณ ๔-๕ คน ซึ่งก่อนจะไปปล้นเสือผ่อนจะดูฤกษ์ยามก่อนออกปล้น และมีพิธีบวงสรวงเทวดาทุกครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล

    วิธีการปล้นของเสือผ่อนนี้ปล้นทั้งบนบกและในน้ำ โดยมากมักปล้นบ้านเรือนบนเกาะ หรือชายฝั่งที่ติดทะเล เนื่องจากมีเรือใบเป็นพาหนะสำคัญ ผู้เฒ่าหลายคนที่ได้ยินได้ฟังเรื่องเสือผ่อนจากบรรพบุรุษต่างเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า เสือผ่อนนี้เวลาปล้นนี้ดุร้ายมาก ฆ่าไม่เลือก ครั้งหนึ่งเคยไปปล้นบ้านคหบดีที่เกาะช้าง ได้เงินและทองไปมาก แต่ก็ไม่วายที่จะปลิดชีวิตเจ้าบ้านและลูกน้อย หรือตอนไปปล้นที่เกาะหมาก ซึ่งเป็นเกาะของเจ้าสัวเส็ง หรือพระประเสริฐวานิช ที่ถูกเสือผ่อนแวะมาปล้นอยู่บ่อยครั้ง เป็นเหตุให้ภายหลังเจ้าสัวเส็งจึงขายเกาะหมากให้กับหลวงพรหมภักดี

    ...เล่ากันว่าผู้ที่มาเริ่มจับจองพื้นที่บนเกาะหมาก เพื่อสร้างเป็นสวนมะพร้าวเป็นคนแรกนั้น ชื่อว่าเจ้าสัวเส็ง มีตำแหน่งเป็นปลัดฝ่ายจีนในสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ต่อมาเจ้าสัวเส็งได้ขายสวนมะพร้าวบนเกาะหมากให้กับหลวงพรหมภักดี (เปลี่ยน ตะเวทีกุล) ปลัดจีนอีกผู้หนึ่ง ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านเกาะปอ จังหวัดประจันตคีรีเขตร์...๖

    ลุงบุญจริงยังเล่าว่า ที่บางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีคนเก่าแก่เล่าว่าเคยเห็นรอยขวานที่เสือผ่อนไปฟันบ้านขณะปล้นที่บางเสร่ นอกจากนี้ยังเล่ากันว่าเสือผ่อนนี้ไปปล้นถึงที่คลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ก็มี

    อุปนิสัยดุร้ายและพฤติกรรมการปล้นของเสือผ่อนข้างต้นแตกต่างไปจากที่บุตรชายของเสือผ่อนเล่าว่าบิดา "เป็นคนใจดี เอื้ออารี เวลาปล้นมักไปขอมากกว่า ไปขอเฉพาะคนรวยๆ"

    นอกจากอาชีพหลักคือการปล้นแล้ว เสือผ่อนยังทำหน้าที่อารักขาคหบดีบางคนด้วย เช่น เจ๊กจง ซึ่งเป็นเถ้าแก่ใหญ่แห่งบ้านศาลา ซึ่งเสือผ่อนได้รับฝิ่นของเถ้าแก่จงเป็นสิ่งตอบแทนน้ำใจ

    ชื่อของเสือผ่อนเป็นที่ยำเกรงและเกรงกลัวของคนทั่วไป ทั้งประชาชนหรือแม้กระทั่งตำรวจเอง เพราะเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งที่เสือผ่อนไปตัดผม มีตำรวจนายหนึ่งเดินมาคนเดียวมาเจอเสือผ่อนเข้าก็ยังไม่กล้าจับ เพราะไม่มีพวก กลัวว่าจะถูกเสือผ่อนยิง และจากชื่อเสียงเรื่องความโหดร้ายนี้เองจึงทำให้บรรดาเสือลูกน้องทั้งหลายมักขอให้เสือผ่อนเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอผู้หญิงให้ เพราะไปขอใครก็ยกให้ เนื่องจากต่างก็กลัวเสือผ่อน รวมทั้งลูกน้องมักเอาชื่อเสือผ่อนไปอ้างเพื่อสวมรอยเวลาปล้นด้วยก็มี

    นอกจากเรื่องปล้นที่เป็นที่กล่าวขวัญกันแล้ว เรื่องของเสือผ่อนยังได้รับการกล่าวขวัญเกี่ยวกับเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ด้วย เรื่องที่ทำให้เสือผ่อนมีชื่อเรื่องอาคมมากที่สุดคือเรื่องหนีตำรวจที่เกาะมัน เพราะคนคิดว่าเสือผ่อนหายตัวได้ แต่ความจริงแล้วเสือผ่อนหนีไปตอนกลางคืน แล้วดำน้ำเข้าไปหลบที่ถ้ำเล็ก ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งเคยใช้ขอนไม้ข้ามทะเลไปเกาะมัน แล้วมีปลาโลมาคุ้มกันไป ๒ ข้างขนาบไป เชื่อกันว่าน่าจะเป็นครูบาอาจารย์ของเสือผ่อนแปลงกายมาช่วย

    เรื่องราววีรกรรมของเสือผ่อนนี้เป็นที่โจษขานไปทั่ว จนเมื่อทราบไปถึงทางการ จึงมีการส่งนายตำรวจออกมาปราบปราม นั่นคือหลวงจิตใจดล ภายหลังไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๓-๘๔

    อย่างไรก็ตามในประวัติของพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต ๘ นายตำรวจชาวเมืองนครศรีธรรมราช ที่เป็นที่รู้จักและยอม รับกันทั่วไปในภาคใต้และในจังหวัดอื่นๆ ในฝีมือการปราบปรามโจรผู้ร้าย ในประวัติของ "ท่านขุน" ปรากฏว่า เมื่อครั้งปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ได้ปะทะและปราบปรามเสือร้ายหลายคน เช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือดำ เสือไหว เสือมเหศวร เป็นต้น

    จากประวัติดังกล่าวปรากฏชื่อ "เสือผ่อน" รวมอยู่ด้วย ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกับ "เสือผ่อน" ของภาคตะวันออกหรือไม่

    ในหนังสือลำตัดเสือผ่อน ของเสมียนทอง เล่ม ๒ ถ่ายทอดโดย ก๋งสิม เกษโกวิท อายุ ๘๑ ปี ศิลปินพื้นบ้านเมืองตราด เล่าถึงการปราบปรามเสือผ่อนโดยคณะของหลวงจิตใจดลที่เกาะมัน จังหวัดระยอง (ในสำนวนของหะยีเขียดระบุว่าเป็นปี พ.ศ. ๒๔๗๐) ดังนี้



    ตอน ๑ ระดมเกาะมัน

    (ลูกคู่รับ) รุ่งแจ้งแสงฉัน สุริยันก็ได้เวลา

    ทหารเรือรบ ต่างก็ครบมือกัน (ซ้ำ)

    ตรวจละเมาะเกาะมัน ให้ได้ทันเวลา (เป๊กพ่อ)



    (ขึ้น) พอรุ่งเช้าเจ้านาย เขาก็ขยายกองตรวจ

    ต่างพากันสำรวจ ที่ในรกในป่าฯ

    ที่เกาะมันนั่นเล็ก แต่ติดข้างจะรก

    ทั้งป่าไม้ใบดก อีกทั้งหนามก็หนาฯ

    พลทหารไม่พอ ก็รีบไปขออำเภอ

    นำเรื่องเสนอ ท่านขุนบูรพาฯ

    ท่านขุนท่านฟังชัด ก็รีบจัดส่งคน

    รวมทั้งนายและพล สามสิบคนกว่าๆฯ

    ที่ปากน้ำประแสร์ ดูเซ็งแซ่ไปทั้งบ้าน

    มีเรือรบพบพาน เมื่อเย็นวานเรือมาฯ

    ให้กำนันท่านเกณฑ์คน ทั้งตำบลไปจับ

    ว่ามันกำลังหนีลับ เข้าไปซุ่มในป่าฯ

    ว่ามันถูกยิงตอนเย็น ไม่รู้จะเป็นหรือตาย

    พอถูกปืนแล้วมันก็หาย ตั้งแต่เย็นวานมาฯ

    ให้ไปช่วยกันค้น หลายคนไปตรวจดู

    เพื่อจะได้เลื่องรู้ มีหลายหูหลายตาฯ

    ทุกคนก็รีบไป เร็วไวเดี๋ยวนี้

    เรื่องร้อนเต็มที่ ธุระมีอย่าช้าฯ

    ชายฉกรรจ์มั่นคง เอากำนันเขาส่งตัวไป

    แต่พอลมต้องใบ เรือก็ใช้ใบคาฯ

    (เป๊กพ่อ) ลงรับ



    (ขึ้น) แต่พอมาถึงเกาะมัน จึงทำการอุตลุด

    ลางบ้างเอาไปขุด ลางบ้างที่ชุดถางป่าฯ

    ลางบ้างสับลางบ้างถาง เล่นจนว่างเกาะมัน

    เที่ยวตรวจตราหากัน ก็มิได้พบดูหน้าฯ

    จะดูตายก็ไม่เห็น จะดูเป็นก็ไม่พบ

    นายทหารปรารภ ว่าอย่างไรกันหนีหวาฯ

    เราดักหมดเรือแพ ตั้งแต่เมื่อคืนเกิดเหตุ

    มันหายไปได้ไอ้เปรต ชะอ้ายเศษใครพาฯ

    ลางบ้างก็ว่าผีถ้ำ อ้ายระยำเคยพัก

    เคยมีที่สำนัก อยู่ที่ในคูหาฯ

    บ้างก็ว่าน่ากลัว มันหายตัวได้เอง

    เพราะตัวมันเป็นนักเลง ที่ร่ำเรียนวิชา

    โจษกันต่างๆ ไม่รู้จะฟังทางไหน

    แต่พอสิ้นสงสัย พวกบ่าวนายก็ต้องลาฯ

    พวกพลหิวอ่อน ไม่เป็นนอนเป็นนั่ง

    บ้างอดอยากเต็มซัง หิวโหยกันหนักหนาฯ

    มีมะม่วงขนุน ก็เก็บถุนต่างข้าว

    ทั้งน้อยหน่ามะพร้าว กินต่างข้าวต่างปลาฯ

    (เป๊กพ่อ) ลง



    (ขึ้น) บ้างก็สอยบ้างก็ปีน เอามากินแก้หิว

    จนเจ้าของชักฉิว แต่ไม่อาจจะว่าฯ

    ต่างผันเปลี่ยนเวียนมอง (เอื้อน) ปากก็ร้องบ่นปุบ

    ได้ยินเสียงตุ้บๆ นั่นคือตะบองกว้างปาฯ

    บ้างหน้าเง่าเคล้าเสีย ทั้งผัวเมียตบอก

    ว่าแหมต้นนั้นดก มีสักพันกว่าๆฯ

    เก็บหมดอ่อนแก่ นั่งแลๆ แล้วก็เป็นทุกข์

    เห็นจะไม่ได้กินสุก เหมือนอย่างทุกปีมาฯ

    ทั้งของแห้งของสด เก็บกินหมดแทนข้าว

    ทั้งเป็ดไก่ของเรา ก็ยิงกินเอามิได้ว่าฯ

    ครั้นเรือตรวจไม่ได้สรรพ ก็รีบกลับเข้ากรุง

    กราบทูลเรื่องยุ่ง ทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าฯ

    ทูลพระองค์ทรงภพ ให้ฟังจบแจ้งสาร

    จึงมีพระราชโองการ ให้ดำรัสตรัสมาฯ

    ถ้าสืบสวนเบาะแส รู้เรื่องแน่อย่างไร

    ให้รีบส่งข่าวไป จะจัดให้วันหน้าฯ

    เจ้าช่อชะโอ้ เจ้าช่อสลัด

    พระทรงหวังกำจัด เรื่องอ้ายสัตว์เสือป่าฯ

    (เป๊กพ่อ)



    ตอน ๒ ยิงจ่าไข่นายตำรวจตาย

    (ลูกคู่รับ) ตายร้ายก็ที ตายดีก็หน ตายร้ายก็ที ตายดี

    ก็หน

    เกิดมาเป็นคน แล้วมันไม่พ้นความตาย

    (ขึ้น) โทรเลขรับสั่ง ให้ระวังพารา

    นับตั้งแต่นั้นมา จึงตรวจตรากันใหญ่ฯ

    ตราดระยองเกาะมัน จังหวัดจันท์เขาก็ตรวจ

    วันหนึ่งวางตำรวจ ออกเดินตรวจหลายสายฯ

    อ้ายเสือถูกตรวจตรา จึงปรึกษาลูกน้อง

    ว่ากูยังเห็นช่อง ที่กำบังร่างกายฯ

    ว่าเขาลูกหนึ่งดี ควรเป็นที่ยั้งหยุด

    เขาเรียกว่าเขาหมูดุด บ้านคลองขุดท่าใหม่ฯ

    เราควรพักฟังการ ทั้งอาหารก็ไม่ขัด

    ไม่ต้องใช้ฬสให้อัฐ ไปในการแจกจ่ายฯ

    เพื่อนฝูงเรามี เอาไว้เป็นที่พึ่งพิง

    ทั้งคนเต้นคนวิ่ง เหล้ายาหาง่ายฯ

    นับตั้งแต่นั้นมา มันก็พากันขึ้นเขา

    หาที่แฝงเฝ้า ต่างกำบังร่างกายฯ

    มีคนส่งอาหาร (เอื้อน) วันละสามเวลา

    ตลอดเหล้าและยา ก็กินกันอย่างฟูมฟายฯ



    (ขึ้น) จะกล่าวฝ่ายนายตรวจ เธอเป็นตำรวจชั้นจ่า

    เธอเป็นหัวหน้า อยู่โรงพักท่าใหม่ฯ

    เธอคุมพลตรวจการ ในหมู่บ้านตำบล

    รวมทั้งนายและพล ก็หลายคนหลายนายฯ

    การงานเธอดี ในหน้าที่เธอขยัน

    เธอสมัครมักมั่น เธอตรวจการณ์เหตุร้ายฯ

    เธอสืบสวนเบาะแส ให้รู้แน่ที่สุด

    ว่าอยู่บนเขาหมูดุด บ้านคลองขุดท่าใหม่ฯ

    ตามแถบคุ้งกระเบน ทุกเช้าเย็นมิได้หยุด

    ตรวจตำบลคลองขุด เป็นจุดกะหมายฯ

    ต้องใช้วิธีทางอ้อม ปรึกษาพร้อมพวกพล

    ให้ระวังกังวล คอยสืบต้นสาวปลายฯ

    ถ้าได้ทีมีหน้า แล้วจงคว้าให้อยู่

    อย่าไว้ใจศัตรู พวกอ้ายงูเห่าร้ายฯ

    มันหลบๆ เลี่ยงๆ คอยฟังเสียงเหตุการณ์

    สืบเสบียงอาหาร มาก็นานวันหลายฯ

    วันหนึ่งจ่าทราบแน่ รู้กระแสคนส่ง

    นายจ่าก็ตกลง ว่าวันนี้วันตายฯ

    จึงแฝงเข้าบังตน (เอื้อน) แต่พอเจอคนเสบียง

    นายจ่าก็มีเสียง ว่ามึงคือพวกผู้ร้ายฯ



    (ขึ้น) วันนี้วันยังค่ำ ถ้ามึงนำไม่พบ

    ถ้ามึงนำไม่ประสบ กูจะตบมึงให้ตายฯ

    อ้าคนส่งเสบียง หรือมันจะเลี่ยงก็กลัว

    นายจ่าจึงคุมตัว ให้ไปส่งให้ได้ฯ

    มันจึงรับรองกับจ่า ว่าผมจะพาไปส่ง

    จะพาไปให้ตรง ที่สำนักเสือใหญ่ฯ

    ฝ่ายอ้ายถ่อยคนทำ มันมีน้ำฉลาด

    มันเอาขวานเคาะคาด๗ เป็นประกาศเครื่องหมายฯ

    เจ้าเสือร้ายใจเขื่อง ได้ยินเครื่องสัญญา

    จึงตระเตรียมทางท่า แล้วใส่ลูกขึ้นได้ฯ

    พอจ่าไข่จวนถึง (เอื้อน) มันสับปึงลั่นเปรี้ยง

    ปังเดียวจ่าเที่ยง ล้มลงนอนหงายฯ



    (ขึ้น) ได้ยินเสียงร้อยโอย ว่าเสียท่าเขาแล้ว

    พอตำรวจลูกแถว แต่เมื่อเห็นนายตายฯ

    จึงถอยทับกลับหลัง แต่มิยังทันเห็นเสือ

    เพราะความกลัวมันเหลือ เล่นจนอยู่ไม่ได้ฯ

    รีบให้คนกลับหลัง คืนยังมณฑล

    รายงานด้วยคน ถึงเหตุผลจ่าตายฯ

    มณฑลทราบข่าว ก็อกเร่ารุ่มร้อน

    ไม่เป็นกินเป็นนอน ทั้งราษฎรเจ้านายฯ

    ช่อชะโอ้ เจ้าช่อสลิด ดูมันพร่าชีวิต

    มิให้คิดว่าใครฯ



    ตอน ๓ ประกาศให้สินบนจับเสือ

    (ลูกรับ) เสือเอ๋ยซิกระไรเสือรน อย่ายกตัววางตนว่าเสือมีลาย

    มิวันหนึ่งก็วัน อ้างอาธรรม์คงม้วย (ซ้ำ)

    คุณพระท่านไม่ช่วย เข้าด้วยกับคนร้าย

    (เป๊กพ่อ)

    (ขึ้น) มณฑลทราบการ ก็รายงานเรื่องยุ่ง

    โทรเลขเข้ากรุง กราบทูลเจ้านายฯ

    ว่าบัดนี้อ้ายพาล ข้ามเกาะมันเข้าฝั่ง

    กลับใหญ่โตโอหัง ยิงนายจ่าตักษัยฯ

    ยิงเจ้าพนักงาน ไปตรวจการคลองขุด

    อยู่บนเขาหมูดุด บ้านคลองขุดท่าใหม่ฯ

    จ่ารู้เบาะแส ว่ามันแน่อยู่นั่น

    จึงได้ไปทำการ ถึงชีวันวางวายฯ

    ถ้าขืนปล่อยอ้ายพาล จะทำการยุบยับ

    ต้องขอสินบนนำจับ เอาไปแจกจ่ายฯ

    โทรเลขกระทรวง ให้เงินหลวงกลับมณฑล

    อนุญาตสินบน ในเรื่องจับผู้ร้ายฯ

    ว่าผู้ใดก็ดี บรรดามีความรู้

    แม้ถ้าจับตัวครู เอามาดูหน้าได้ฯ

    จับตายห้าร้อยบาท (เอื้อน) ประกาศปิดศาล

    ถ้าจับเป็นให้พัน จงช่วยกันแก้ไขฯ (เป๊กพ่อ)



    (ขึ้น) ประกาศปิดศาล มานานเข้าก็ช้า

    จนประกาศขึ้นรา ก็จับเสือป่ายังไม่ได้

    ก็ใครเล่าจะอาจ ไม่มีใครปรารถนา

    ทุกๆ คนใครจะกล้า เพราะกลัวอาญาเสือใหญ่

    เพียงแต่ได้ยินชื่อเสียง มันยังเหวี่ยงเสียจบ

    โธ่เอ๋ยกลัวเสือขบ กันจนออกจะตายฯ

    ไม่มีใครจะบังอาจ (เอื้อน) สามารถไปจับมัน

    อย่าว่าแต่เท่านั้น แถมอีกสองสามพันก็ไม่ให้



    (ขึ้น) ประกาศผิดศาล มานานเข้าก็หมอง

    จนต้องเขียนสำรอง เปลี่ยนกระดาษเรื่อยไปฯ

    คิดๆ ขึ้นมาอีกที ถ้าใช้วิธีทางการ

    จะจับโดยหักหาญ เห็นเป็นการไม่ไหวฯ

    บ้านเมืองเห็นดี จึงใช้วิธีทางอ้อม

    จะจับโดยละม่อม เราควรถนอมเรื่องไว้ฯ

    มันเลยเห็นว่าบ้านเมือง ไม่เอาเรื่องเอาราว

    มันก็ยิ่งเพิ่มความห้าว ขึ้นเป็นเจ้ายกใหญ่ฯ

    ยกตัวมีอำนาจ อาละวาดเก่งกล้า

    มีบุตรภรรยา เป็นสิ่งกล้าหัวใสฯ

    เที่ยวสูบฝิ่นกินเหล้า มัวเมาตามบ้าน

    จนลูกน้อยพลุกพล่าน ไม่มีการเกรงใครฯ

    เที่ยวขู่ขอเงินทอง ถ้าขัดข้องต้องหา

    ไปหยิบยืมเขามา เพราะกลัวอาญาเสือใหญ่ฯ

    ถ้าบ้านไหนพูดขัดข้อง (เอื้อน)แล้วมันไม่ต้องง้องอน

    พูดแต่พอใจร้อนๆ แล้วมันก็จรจากไปฯ

    (เป๊กพ่อ)



    (ขึ้น) เจ้าทรัพย์เห็นที ว่าคราวนี้เกิดความ

    ถึงกลับต้องห่อเงินตาม พยายามส่งให้ฯ

    เพื่อปรับทุกข์เหตุร้อน ช่วยไถ่ถอนโทษทัณฑ์

    แม้นอำนาจของมัน ช่างดีครันพอใช้ฯ

    หาเงินร้อยเงินพัน ภายในวันเดียวพอ

    มันใช้ขู่แกมขอ กลัวกันงอเอาง่ายฯ

    ทางบกมันก็จ้ำ อีกทางน้ำมันก็จ้วง

    มันคอยวางลูกช่วง เหมือนกระทรวงสืบสายฯ

    รู้หมดเรือแพ เบาะแสสินค้า

    เจ๊กไปไทยมา ทางชลาน้ำไหลฯ

    มันคอยดักตรวจดู มันใช้ขู่เอาของ

    รวมทั้งเงินและทอง มันคอยปองทำร้ายฯ

    มันคอยดูตรวจจับ มันบังคับค่ำเช้า

    เพราะหูตามันยาว มันจึงห้าวหาญได้ฯ

    นับตั้งแต่เป็นเสือ ทั้งบกเรือมันตี

    โจรกรรมทุกปี มีคดีมากมายฯ

    สำนวนตามโรงศาล ถ้าจะประมาณรวมดู

    ก็เก็บจนรกใส่ตู้ จะตรวจดูปึกใหญ่ฯ

    บัดเดี๋ยวมันปล้นที่นี่ บัดเดี๋ยวมันตีที่นั่น

    ล้วนแต่เรื่องอุกฉกรรจ์ อ้ายอาธรรม์ใจร้ายฯ

    ช่อชะโอ้ เจ้าช่อมะเกลือ มันสมเช่นเป็นเสือ

    ไม่กลัวเหนือกลัวใต้ฯ



    ตอน ๔ ปรึกษาลูกน้องจะเข้าปล้น

    (ลูกคู่รับ) ฝนตกซิกระไรแดดออก นางนกกระจอกก็บิน

    เข้ารัง

    แม่หม้ายใส่เสื้อ ถ่อเรือตะละจะไปดูหนังฯ (ซ้ำ)

    (ขึ้น) เมื่อคราวไหนได้ช่อง มันขัดข้องอาหาร

    รับความกันดาร แล้วพวกอ้ายพาลคอยทั้งฯ

    ที่ไหนเปลี่ยวเปลี่ยว อยู่บ้านเดียวไกลเมือง

    เราเป็นต้องก่อเรื่อง เราเตรียมเครื่องกันอีกครั้งฯ

    เสบียงก็หมดชุด ทั้งอาวุธก็หมดใช้

    มันร่อยหรอหมดไป สรรพเครื่องระวังฯ

    ลูกกระสุนก็เบา ทั้งปืนเล่าก็ล้วน

    ใครเห็นสมควร บอกมาเถอะจะสั่งฯ

    (เป๊กพ่อ)



    (ขึ้น) ลูกน้องเสนอ ว่ามีเกลอส่งข่าว

    เจ๊กไหลรวยข้าว บ้านอยู่เปล่าเปลี่ยวจังฯ

    มันรวยเงินรวยทอง ทั้งข้าวของมีใช้

    เครื่องมือใหม่ๆ เงินก็หลายสิบชั่งฯ

    อยู่บ้านนาอาวุธ ล้วนแต่ชุดปัสตัน

    ถ้าเราไปเล่นบ้านมัน คงรวยครันดีจังฯ

    เราอย่าเล่นโครมคราม ให้มีความอึงแซ่

    เล่นกลางวันแน่ๆ เราเล่นแม่มันให้ฟังฯ

    เราแต่งตัวเหมือนนาย ปืนสะพายติดบ่า

    เหมือนตำรวจตรวจตรา ทั้งข้างหน้าข้างหลังฯ

    เจ๊กไหลในบ้าน คงไม่มีการสงสัย

    มันคิดว่าเจ้านาย มันคงไม่ระวังฯ

    (เป๊กพ่อ)



    (ขึ้น) อ้ายเสือเห็นชอบ แล้วมันก็ตอบลูกน้อง

    ว่าเอวกูก็เห็นช่อง อย่ามึงปองนึกหวังฯ

    เอาอย่างนั้นอย่าช้า ภายในเวลาพรุ่งนี้

    เตรียมตัวกันให้ดี บ่ายสี่โมงดังฯ

    เราแต่งตัวเข้าบ้าน กันอย่าให้ทันค่ำพลบ

    เล่นแม่มันให้จบ เราเตรียมให้ครบเครื่อง รางฯ



    ตอน ๕ เข้าปล้นบ้านเจ๊กไหลบ้านนาเกลือ ชลบุรี

    (ลูกคู่รับ) รุ่งแจ้งแสงสี สีแดงสีดี เริ่มมีสุริยฉัน

    สกุณาร้องแจ้ว ไก่แก้วขันจ้า (ซ้ำ)

    ออกจากทัพเดินมา พร้อมหน้าด้วยกันฯ



    (ขึ้น) อ้ายผู้ร้ายทั้งสาม จึงเดินตามกันมา

    ตามแถวแนวป่า สุริยายังวันฯ

    ครั้นมาถึงเรือน เพื่อนก็เยือนจัดหา

    ทำที่มีท่า จะตรวจหาที่นั่นฯ

    ฝ่ายเจ๊กไหลในบ้าน ไม่มีการสงสัย

    นึกขึ้นมาได้ ว่าคงเป็นนายพนักงานฯ

    เขามาตรวจตำบล สืบค้นท้องที่

    เลยมีความยินดี เลยเชิญให้ขึ้นบนบ้านฯ

    โธ่ช่างกระไร เจียวไหลข้าเอ๋ย

    ช่างไม่รู้เสียเลย ว่ามันคือพระกาฬฯ

    (ลงรับ)



    (ขึ้น) ครั้นขึ้นมาถึงเรือน ต่างก็เชือนจัดหา

    หาหมากหายา จัดเอามาใส่พานฯ

    ลูกเมียอุตลุด มิได้หยุดได้หย่อน

    บ้างจัดเสื้อจัดหมอน ให้เอนนอนบนบ้านฯ

    เพราะเห็นแขกมาไกล (เอื้อน) ต่างปราศรัยถามว่า

    พวกนายที่มา หรือยังไม่ได้รับประทานฯ



    (ขึ้น) หนูเอยจัดแจง แบ่งข้าวออกหุง

    ผัวเมียทำกันยุ่ง บ้างดุลูกดุหลานฯ

    เร็วๆ เข้าอย่าช้า จัดเอามาให้พอ

    แล้วก่อไฟตั้งหม้อ ยกขึ้นวางเชิงกรานฯ

    เป็ดไก่เรามี จับมาสักสี่ห้าตัว

    ต้มแกงและคั่ว วุ่นกันนัวไปทั้งบ้านฯ

    บ้างปอกมะพร้าว บ้างเขย่าน้ำพริก

    วุ่นกระจุกกระจิก ทำกันอลหม่านฯ

    ดีใจเขามา ถึงเคหาของเรา

    ต้อนรับนายเขา กันให้อย่างพอการฯ

    น้ำร้อนน้ำชา ต้มเอามากินก่อน

    นายจ๋าเจียนนอน เชิญพักผ่อนบนบ้านฯ

    อาบน้ำอาบท่า คุณมาแต่ไกล

    อาบกันให้สบาย บัดเดี๋ยวจะได้รับประทานฯ



    (ขึ้น) ฝ่ายอ้ายทรพล ชาติด้วยชนชั่วช้า

    ถึงเขามีอาชา มันก็กาอ่อนหวานฯ

    มันปราศรัยไต่ถาม ไปตามเล่ห์ลม

    มันเป็นคนซ่อนคม แต่ในอารมณ์เป็นพาลฯ

    ถามว่าปืนผาอาวุธ เครื่องยุทธพิธี

    สั่งจากนอกดีดี เอ็งต้องมีสำหรับบ้านฯ

    มีกี่กระบอกกันเน้อ ตีเบอร์แล้วหรือยัง

    ดูเหมือนทะเบียนยังค้าง มีคนไปอ้างที่ศาลฯ

    ไหลเล็กเจ๊กซื่อ ก็เลยไปถือมาจากห้อง

    ร่วมมีสองกล้อง ปืนสำหรับบ้านฯ

    ลูกกระสุนปัสตัน หรือมันก็ดันเอามา

    ทั้งทะเบียนศาสตรา มันหยิบเอามาให้อ่านฯ

    เพราะไม่เข้าใจ สำหรับไหลคนซื่อ

    มัวหลงเชื่อถือ ว่ามันคือพนักงานฯ

    มันอัดลูกขึ้นลำ แล้วมันก็ทำท่าจ้อง

    เจ๊กไหลก็ร้อง ว่าอย่ายิงในบ้านฯ

    มันลั่นตูมปืนตึง (เอื้อน) ทะลุถึงทรวงใน

    โธ่เอ๋ยไหลนั้นตาย เสียยังไม่ทันให้การฯ

    ลูกเมียเห็นผิด ลางบ้างก็คิดหลบตัว

    บ้างกระโดดทางครัว บ้างกระโจนนอกชานฯ

    กับข้าวหรือก็กำลังต้ม หม้อไหหกล้ม

    เกลื่อนกล่นไปทั้งบ้านฯ

    น้ำพริกคาครก เนื้อตกใต้ถุน

    ทำของเลี้ยงคุณ ช่างอุดหนุนพอการฯ

    น่าสมเพชเวทนา โลหิตตรานองไหล

    ทั้งเลือดคนเลือดไก่ แดงกันไปทั้งบ้านฯ

    อ้ายเสือเก็บข้าวของ เงินทองได้ทั่ว

    แล้วมันก็เลยเปิดหัว เข้าไปในไพรสาณฑ์

    ได้ปืนดีสองลำ ทั้งดินดำกระสุน

    ก็นับว่าเป็นต้นทุน ของมันไปได้อีกนานฯ



    เลี้ยงพระโกนจุกหลาน :

    งานบุญของคนบาป

    เมื่อว่างเว้นจากการปล้น เสือผ่อนมักจะพักอยู่ที่เกาะมันกับบรรดาครอบครัวและญาติพี่น้อง เวลานั้นหลานสาวของเสือผ่อน ซึ่งเป็นลูกของนายผันผู้พี่ มีอายุครบที่จะโกนจุกพอดี เสือผ่อนในฐานะของอา จึงคิดจะจัดงานโกนจุกให้หลานอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีนายผันพี่ชายเป็นผู้คำนวณฤกษ์ยาม

    (ลูกคู่รับ) โอ้อกนกขมิ้นเอ๋ย ปีกยังอ่อนสอนบิน

    จะมาหากิน ผิดถิ่นไกลรัง

    ความกลัวฉันไม่อยากจะมา เอาละวา

    ความกลัวฉันไม่อยากจะมา เอาละวา

    แต่ว่านายบัญชา ฉันต้องมาตามสั่งฯ



    (ขึ้น)............................๘ ..........................

    แล้วปรึกษาปรองดอง กับนิ่มน้องภรรยาฯ

    ว่าบัดนี้บุตรีของเรา แตกเนื้อสาวนวลงาม

    อายุย่างสิบสาม ดูอร่ามละเอียดตาฯ

    พี่หวังตั้งใจ คิดจะใคร่โกนจุก

    ให้สิ้นบ่วงห่วงทุกข์ ให้กับลูกของข้าฯ

    ต่างปรึกษาตกลง ต่างก็ตรงเข้าห้อง

    หยิบสมุดปกทอง เมื่อครั้งของบิดาฯ

    มาเปิดสอบเดือนวัน แล้วคูณหารบวกลบ

    ก็สอบสวนทวนทบ ก็จบเดือนพฤษภาฯ

    ตรงกับที่สิบสาม เป็นวันงามยามจันทร์

    โลกเมื่อยามไก่ขัน จวนตะวันส่องหล้าฯ

    ในตำราว่าไว้ ใครทำการมงคล

    จะได้ลาภพูนผล จนอีกทั้งเคหาฯ

    เรื่องวันจัดงานโกนจุกนี้ ในสำนวนของเสมียนทองข้างต้นระบุชัดเจนว่าเป็นที่ ๑๓ พฤษภาคม ในขณะที่สำนวนของหะยีเขียดระบุว่าเป็นเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ทั้งนี้ งานโกนจุกที่กล่าวถึงในลำตัดนั้น บุญจริง เสนาะสรรพ์ บุตรชายของเสือผ่อนเล่าว่า ในคราวนี้เองเสือผ่อนได้นิมนต์หลวงพ่อเปรมวัดท่าแคลง ซึ่งเป็นที่เคารพของเสือผ่อนไปสวดด้วย นอกจากนี้ยัง "หา" วงปี่พาทย์ ลิเก ลงเรือเตรียมไปเล่นในงานด้วย งานครั้งนั้นถือเป็นงานใหญ่มาก จัดที่เกาะมันใน จังหวัดระยอง งานนี้เสือผ่อนแจกการ์ดทั่วภาคตะวันออก ตั้งแต่ศรีราชาถึงเกาะกง แต่เมื่อไปถึงชาวบ้านก็กลัวเพราะคิดว่าเสือผ่อนจะไปปล้น จึงต่างพากันหนี ภายหลังจึงต้องอธิบายกัน แต่การบอกบุญของเสือผ่อนนี้เป็นลักษณะ "ขู่แกมขอ" เงินที่ได้มาจึงมีเป็นจำนวนมาก

    ขึ้นยี่สิบรอนๆ ราษฎรหลบตัว

    ไอ้เสือว่าอย่ากลัว ฉันเปลี่ยนหัวมาใหม่ฯ

    มาคราวนี้ใจบุญ เชิญอุดหนุนช่วยกัน

    จะตัดผมลูกหลาน ที่เกาะมันลูกในฯ

    เชิญช่วยกันที หลายปีทำครั้ง

    แห่งละร้อยละชั่ง มีสตังค์ควรให้ฯ

    ที่ไม่มีเงินทอง ก็เอาของนานา

    ตีค่าเงินตรา เป็นราคาให้ไปฯ

    น้ำอ้อยน้ำตาล ทั้งข้าวสารฟักแฟง อีกเหล้ายาปลาแห้ง ควรจัดแจงหาให้ฯ

    บอกบุญให้รู้ แกแกล้งขู่แกมขอ ยังกลัวกันตัวงอ ต้องขึ้นรอใจนายฯ

    เสือผ่อนว่า ดีกว่าเอาทางตัน ทำงานคราวนี้ เสร็จเพียงวันเริ่มงานฯ

    จึงเตรียมกันหนา ฆ่าหมูถึงสามตัว

    เล่นกันนัวทุกนายฯ

    เป็ดไก่มันขัง สำหรับรั้งวันสอง

    มีกับข้าวสำรอง เมื่อขัดข้องหาง่ายฯ

    ไปติดไฟเรือยนต์ ไว้รับคนโดยสาร

    ระหว่างฝั่งกับมัน ...............................ฯ

    บ้านใกล้ๆ ไปก่อน ราษฎรใกล้มัน

    ถึงกำหนดส่งขัน ก็พากันซ่อนในฯ

    วันแรกเก็บได้พันกว่า ...............................

    .............................. ...............................ฯ

    เออวันสุกดิบพวกเชิญ เขานำเงินลงขัน

    เก็บได้เหยียบพัน ที่พวกมันพาไปฯ

    รุ่งขึ้นวันที่สอง เห็นจะต้องเหยียบหมื่น

    เพราะพอดีเสร็จตื่น คุณหลวงหมื่นท่านไปฯ

    คอยฟังนะครับ ผมจะจับคนกลาง

    ตอนเจ้าพนักงาน ได้ตรวจการเหตุร้ายฯ

    สนุกดีพิลึก นึกๆ ก็น่ากลัว

    ทั้งคนดีคนชั่ว ล้วนแต่กลัวความตาย

    คุ้งกระเบนตาโปน ที่นี่โจรมันมา

    มึงมากูไป...ฯ

    บางกระชัยเข็มหนู ล้วนแต่หมู่พรรคพวก

    จะเอาอะไร..... ...................ฯ

    ...เปิด๙ ที่เกาะแมว ล้วนเป็นแนวรักษา

    เกณฑ์เอาข้าวปลา เหล้ายาหาง่ายฯ

    หลังจากพิธีสวดมนต์เย็น ในวันสุกดิบ ก่อนวัน โกนจุกนั้น ในตอนค่ำ เสือผ่อนได้จัดหามหรสพต่างๆ มาเล่นถึงที่เกาะมัน เพื่อให้งานยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ่นกระบอก ซึ่งถือเป็นมหรสพที่มี "หน้าตา" แสดงถึงฐานะของผู้ที่จัดหามาได้เป็นอย่างดี

    การเล่นหุ่นกระบอก เขาให้หาแม่ม่าย

    เล่นเรื่องพระอภัย ตอนหลงใหลนางวัณลาฯ

    จนซูบตรอมผอมแห้ง เหมือนอีแร้งวัดขุด

    ไปสะดุดเตะตีนสินสมุทร จึงวิ่งจู๊ดไปลงกาฯ

    ส่วนคนทำขวัญจุก ชื่อตาพุกหัวเหม่

    แกเป็นครูลิเก เล่นต้องเตไม่เสียงาฯ

    เสียงแกเพราะ ปานนกการเวก

    แต่พอแกขึ้นเสียงเอก เจ๊กต้องร้องอ้ายหย่าฯ

    ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทราบข่าวการจัดงานโกนจุกที่เสือผ่อนเป็นเจ้าภาพที่เกาะมันจึงมีคำสั่งให้ไปตามจับเสือผ่อน โดยวางแผนจะเข้าจับในวันงานเพื่อจะได้พบตัว ดังนั้นเมื่อถึงในงานวันโกนจุก คณะของเจ้าหน้า ที่ตำรวจจึงพากันเข้าจับกุมเสือผ่อน งานบุญวันนั้นจึงล่ม แต่เสือผ่อนก็หลบหนีไปได้อีกตามเคย

    โทรเลขมณฑล วัน...รู้เรื่อง

    อะไรบ้างหรือไม่ฯ

    ให้รู้เหตุรู้ความ จะทำการโกนจุก

    ทำเป็นลางสนุก ที่เกาะมันลูกในฯ

    เร็วๆ เร่งรีบ... .........................

    เดือนพฤษภา อย่าได้ช้าร่ำไรฯ

    ......................... .........................

    จับไอ้ตัวการ เอาในงานให้ได้ฯ

    จับเป็นให้อยู่ ถ้าต่อสู้ให้ยิง

    พวกเราเอาให้กลิ้ง อย่าให้วิ่งหนีไปฯ

    หลวงจิตฯ รับคำสั่ง ไม่รอรั้งเตรียมพล

    มาถึงทุกมณฑล มีหลายคนหลายนายฯ

    มีพระแกลงแกล้งกล้า ขุนบูรพาอำเภอ

    มาจับเสือตัวเซ่อ ขึ้นเสนอผู้ใหญ่ฯ

    เข้าใจว่าวันกลาง เป็นวันอย่างสำคัญ

    ให้ชุมคนลงขัน ถึงจับกันได้ง่ายฯ

    พอเช้าตรู่หลวงจิต ขึ้นประชิดเกาะมัน

    ขึ้นตรวจตราหากัน พัลวันยกใหญ่ฯ

    ไม่พบเสือตัวเอ้ พบแต่เอเสื้อปลา

    ให้สอบถามความว่า เสือป่าไปไหนฯ

    บอกเร็วอยากรู้ เฮ้ยตัวกูต้องการ

    นี่มึงมาในงาน เป็นกิจการของใครฯ

    เร็วเข้ารีบบอก มึงอย่าหลอกอย่าหลอน

    มึงมากินมานอน งานไอ้ผ่อนใช่ไหมฯ

    ตามบรรดาที่มา นับว่ามีความผิด

    มึงสมคบร่วมคิด ทุจริตเจ้านายฯ

    ให้ข้าวแก่เสือ ให้เกลือแก่สุรา

    ผิดด้วยมาตรา ของอาญากฎหมายฯ

    สองสี่เจ็ดสี่ มันบ่งชี้บอกชัด

    อยากจะทราบให้ถนัด ว่ามึงมาจัดงานของใครฯ

    ผู้คนทั้งหลาย หญิงชายได้ฟัง

    ไม่มีสุขลุกนั่ง ขี่หลังบ้างร้องไห้ฯ

    บ้างก็เข้าแอบพระ ทำธุระความดี

    เพื่อให้หมดราคี พ้นคดีร้อนใจฯ

    ได้เกิดเรื่องอลวน โกลาหลป่นปี้

    บัดเดี๋ยวกองนี้หนี บัดเดี๋ยวกองนี้ไล่ฯ

    บัดเดี๋ยวโน้นถูกตี บัดเดี๋ยวนี่ถูกจับ

    มัดกันเป็นตับ เกิดจูงชักยุ่งใหญ่ฯ

    เกิดเรื่องเอะอะ ร้อนถึงพระถึงเณร ต่างอดฉันเพล ตื่นเต้นไปทุกรายฯ

    แม่ครัวหวานคาว ก็ไม่เอาการเอางาน

    เพราะเอาแต่จะกลับบ้าน เกิดการเสียหายฯ

    ลอดช่องสาเก ซื้อละเออยู่ในครัว เกิดเครื่องไหลรั่ว พวกแม่ครัวแตกพ่ายฯ

    ถูกตำรวจตรวจตรา ไม่เจอหน้าเสือมัน

    พบแต่นางสวรรค์๑๐ ระวังขันร้องว้ายฯ

    แล้วคุณหลวงสัมพันธ์ จับนายผันพี่ไอ้เสือ

    มาสอบถามความเมื่อ ขณะเสือมาไปฯ

    ว่าให้บอกโดยดี มันมานี่หรือเปล่า

    ที่เขียนการ์ดบอกเล่า นั่นที่กล่าวงานใครฯ

    นายผันรับรอง ว่าเสือน้องผู้ช่วย

    เขาหาของชำร่วย เป็นได้ช่วยแก้ไขฯ

    เขาไม่ใช่ตัวการ นี่เป็นงานของผม โปรดอย่าให้ล่มจม เอ็นดูผมสักรายฯ

    หลวงจิตโกรธนัก เล่นจนชักเศียรหมุน

    หนีไปน้ำขุ่นๆ แหมเป็นบุญมึงหลายฯ

    ได้เจอกันที่เกาะ คงได้เลาะกันป่น ตลอดนายและคน คงเกลื่อนกล่นล้มตายฯ

    จะเจอกันที่งาน ประจัญบานกันที

    จะได้ดูดำดูดี ว่าใครดีกว่าใครฯ

    เราก็ชายเชิงชล เคยผจญต่อสู้

    รักษาเกียรติเชิดชู ของพระผู้เป็นใหญ่ฯ

    ว่ายุติธรรมสถิต คุณหลวงจิตใจดล

    เพื่อให้นายและคน อยู่เยี่ยงยลสืบไปฯ

    เจอะคราวนี้แคล้วกัน ไปพบเอาวันข้างหน้า

    เราคงไม่ตายหรอกหนา ได้เจอหน้ากันใหม่ฯ

    จะกลับเมืองรายงาน บอกเหตุการณ์โกนจุก

    ว่าแกนิรทุกข์ นับว่าสุขยังไม่คลายฯ

    แสนสงสารเจ้าหล่อน แม่ตอนลงเรือ

    แสนลำบากยากเหลือ คิดถึงเนื้อนางในฯ

    ถูกหอยเม่นระบม หอยนางรมก็บาด

    ไม่มีสะพานจะพาด หมดสามารถแก้ไขฯ

    เรือก็รับแอบฝั่ง ไม่ถึงกะรัง๑๑ เป็นคลื่น

    ตัวครืนโยนโยนคลื่น ไม่อาจฝืนเข้าใกล้ฯ

    บ้างก็ลุยน้ำรออยู่ อยู่เพียงคอเพียงอก

    ตัวสั่นงันงก ในหัวอกหวั่นไหวฯ

    อยู่ในน้ำกลัวปลา จะยืนขึ้นมากลัวคน

    ต้องยืนงอรอคน จนเรือยนต์ติดไฟฯ

    บ้างก็หาบข้าวของ เดินท่องลงในน้ำ

    ล้มหกตกคว่ำ ไม่มีความเสียดายฯ

    ขอแต่ได้กลับบ้าน ก็เป็นการกัน

    คุณหลวงหย่อนผ่อนผัน เหมือนได้สวรรค์สมหมายฯ

    ที่ไหนกลับถึงบ้าน ก็เป็นการแล้วกัน

    ญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ ประชุมกันถามไถ่ฯ

    บ้างก็ทุกข์บ้างก็ร้อน บ้างก็นอนคร่ำครวญ

    เพราะถูกไต่สวน เรื่องที่ชวนกันไปฯ

    ได้เงินหมื่นเป็นเศรษฐี .........................

    ดีแต่เอาทางปล้น ใครจะทนอยู่ไหวฯ

    อำนาจเรามี ทำเช่นนี้ได้คล่อง

    คงจะร้อนเงินทอง เราไม่ต้องวุ่นวายฯ

    เสือผ่อนหลบหนีจากการจับกุมครั้งนั้นมาได้ และเล่ากันว่าเสือผ่อนได้หนีจากเกาะมัน จังหวัดระยอง มาอยู่ที่ตำบลเนินทราย อำเภอเมือง จังหวัดตราด แล้วก็เกิดอาการเจ็บตา๑๒

    อยู่มาไม่นาน ก็มีการเจ็บตา

    สร้างอวนจับปลา ในชลาน้ำไหลฯ

    พนักงานทราบกิจ คุณหลวงจิตทราบการ

    จึงได้บอกทหาร ออกทำการเรื่อยไปฯ



    "มิตรแท้ไม่มีในหมู่โจร" :

    อมตะภาษิต

    ที่ปิดฉากตำนานเสือผู้ยิ่งใหญ่

    ลำตัดเสือผ่อนเท่าที่สืบค้นมาได้ในปัจจุบันทราบว่ามี ๔ เล่ม แต่มีผู้จดจำไว้ได้เพียง ๒ เล่ม คือ เล่ม ๒ และเล่ม ๓ ส่วนต้นฉบับนั้นยังหาไม่พบ อย่างไรก็ตามในเล่ม ๔ ซึ่งเป็นตอนจบนั้นได้ถูกอ้างถึงไว้โดยย่อในท้ายเล่ม ๓ ว่า

    เล่มสี่มีต่อ สนุกพอน่าฟัง มีตำรวจกองกลาง ออกไปยังกลุ่มใหญ่ฯ

    ให้จับเสือตัวเอ้ ที่ทะเลชายหาด

    ให้ถูกปืนพิฆาต ถึงชีวาตม์วางวายฯ

    สรุปได้ว่าเล่ม ๔ นี้กล่าวถึงจุดจบของเสือผ่อนนั่น เอง บุญจริง เสนาะสรรพ์ บุตรชายเสือผ่อนเล่าว่า ก่อนเสือผ่อนตายเพียงไม่กี่วัน เสือลูกน้องก็เป็นไส้ศึก เป็นสายให้กับตำรวจ เนื่องจากทางการให้สัญญาว่าหากเป็นสายให้แล้วจะผ่อนผันโทษให้ เสือลูกน้องของเสือผ่อนนี้ไม่ปรากฏว่าชื่ออะไร ส่วนภารกิจของสายลับคือ ให้เมียของตน นำเอาระดูไปผสมกับอาหารให้เสือผ่อนกิน เพื่อทำลายความเข้มขลังของเครื่องราง และวิชาทางไสย ศาสตร์ของเสือผ่อนที่ติดตัวมาตั้งแต่เริ่มเป็นเสือ

    เมื่อเสือผ่อนกินข้าวที่ผสมกับระดูนั้นเข้าไป ปรากฏว่าตะกรุดที่ห้อยคอตั้งแต่ที่เริ่มเป็นเสือมาก็ลั่นแตกทันที จึงได้รู้ว่าวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสูญสิ้นแล้ว ความคงกระพันฟันแทงไม่เข้าก็เสื่อมลงไปในคราวเดียวกัน เล่ากันว่าครั้งนั้นน้ำตาเสือก็ไหลลงอาบหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...