ใจกลางของจักวารนี้ เป็นใจกลางของเขาพระสุเมรุ และกล้อง ฮับเบิ้ล ถ่ายได้???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kepokman, 19 มิถุนายน 2006.

  1. kepokman

    kepokman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +337
    จริงหรือครับhttp://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=1102 '''ในนี้ คห. 7 8 9 บอกไว้ แต่เว็บที่ให้มานั้นไม่เห็น ภาพใครมีบ้างบ้างครับเห็นบอกว่าจาก ฮับเบิ้ลด้วย เอาเป็นแบบจาก ฮับเบิ้ลจริงๆดังที่ ในคห. 7 8 9 ของเว็บนั้นบอกก็ได้ครับถ้ามี
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ไม่ทราบครับ แต่ก็กระหายใคร่รู้เรื่องนี้อยู่เช่นกันครับ
     
  3. natal

    natal สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    http://www.seds.org/messier/Pics/Jpg/mwbarsun.jpg
    http://h-213.61.5.152.host.de.colt.net/homepages/knuddels.de/hp/33/beyondthemoon.html
    http://www.seds.org/MESSIER/PICS/Jpg/
    ไม่แน่ใจว่าใช่รูปที่ต้องการหรือไม่ครับ แต่ชื่อรูปคือ mwbarsun ซึ่งอ้างอิงไว้ในเว็บที่คุณเปิดดูไม่ได้ครับ หรือไม่ลองพิมพ์คำนี้ใน google จะมีบทความอธิบายรูปอยู่บ้างครับ
     
  4. kepokman

    kepokman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +337
    ........

    ไม่แน่ใจนะครับ แต่ เห็นเป็นเขาพระสุเมรุ ดูตรงไหน http://www.seds.org/messier/Pics/Jpg/mwbarsun.jpg
    ผมว่าอันนี้เป็นภาพ กาแลคซี่เรานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2006
  5. A~MING

    A~MING เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,734
    ค่าพลัง:
    +1,730
    จักรวาลเรายิ่งใหญ่จริงๆ
     
  6. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    เว็บที่ว่าเป็นของวัดพระธรรมกาย ซึ่งแสดงโมเดลของจักรวาลใกล้เคียงกับที่ปรากฏในพระไตรปิฎกกับอรรถกถาที่สุด เป็นที่แรกที่ทำนำเสนอโมเดลใหม่ที่สอดคล้องกับพุทธพจน์มากที่สุด หลายๆสำนักไม่ยอมเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ในอรรถกถากันแล้ว โดยกาแล็กซี่ทางช้างเผือกที่เราอยู่คือหนึ่งโลกธาตุ ซึ่งมีดาวนับไม่ถ้วน ใจกลางกาแล็กซี่คือเขาพระสุเมรุ ส่วนสววรค์นรกก็เป็นภพซ้อนอยู่ด้านบนและล่างของกาแล็กซี่
     
  7. kepokman

    kepokman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +337
    กาแล๊กซี่เราเนี่ยนะ ใจกลางเป็นหลุมดำมี ดาวเคราะห์โคจร เอาเป็นว่า โค-จรเร็วเท่ากับ เปรียบเทียบ ใบพัด1ใบขณะเปิด เบอร์10 (จริงๆมี4-6เบอร์นะแต่10ก็จิตนาการดูเอาเองว่า ใบพัด''1''ใบนั้นจะหมุนเร็วเท่าไร) คิดดูนะครับ ในขณะที่โลกโคจร เท่ากับคุณเปิดพัดลมเบอร์0.03(เดา)แต่บริษัติไม่ผลิตมาหรอกแต่ถ้า โลกอยู่ ขอบจักวาลจริง ทำพูดของนักวิทยาศาสตร์หลายคนจะผิดหมด จะคำนวนอายุการเกิดจักวารผิดไปด้วย พฉนั้น น่าคิดครับ ตอนนี้ยังไม่ค่อยอยากคิดขี้เกียจประเทืองปัญญา มัวแต่ฝึกอ่อร่า ไม่เห็นมีไรเกิดขึ้นไรครับ ใครมีวิธี ฝึกช่วยบอกด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2006
  8. Water Lily

    Water Lily เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +738
    อยากดูรูปของแท้จากกล้อง Hubblespace ไปที่นี่เลยค่ะ

    http://hubblesite.org/gallery/
     
  9. น้องไข่แมงสาบ

    น้องไข่แมงสาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +501
    เสิช คำว่าอะไรอะคะ หรือเข้าไปที่หัวข้อไหนอ่ะ
     
  10. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ตำแหน่งของโลกในจักรวาล​
    <!--sizec--><!--/sizec-->
    [​IMG]

    โลก (The Earth)
    โลกของเรามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12,756 กิโลเมตร โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 150 ล้านกิโลเมตร แสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาเดินทางนาน 8 นาที กว่าจะถึงโลก

    ระบบสุริยะ (Solar System)
    ประกอบด้วยดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์อยู่ตรงศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ 9 ดวง เป็นบริวารโคจรล้อมรอบ ดาวเคราะห์แต่ละดวง อาจมีดวงจันทร์เป็นบริวารโคจรล้อมรอบอีกทีหนึ่ง ดาวพลูโตอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 6 พันล้านกิโลเมตร แสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาเดินทางนานมากกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะถึงดาวพลูโต

    ดาวฤกษ์เพื่อนบ้าน (Stars)
    ดาวฤกษ์แต่ละดวงอาจมีระบบดาวเคราะห์เป็นบริวาร เช่นเดียวกับระบบสุริยะของเรา ดาวฤกษ์แต่ละดวงอยู่ห่างกัน เป็นระยะทางหลายล้านล้านกิโลเมตร ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดของดวงอาทิตย์ชื่อ "ปร๊อกซิมา เซนทอรี" (Proxima Centauri) อยู่ห่างออกไป 40 ล้านล้านกิโลเมตร หรือ 4.2 ปีแสง ดาวฤกษ์ซึ่งมองเห็นเป็นดวงสว่างบนท้องฟ้า ส่วนมากจะอยู่ห่างไม่เกิน 2,000 ปีแสง

    กาแล็กซี (Galaxy)
    กาแล็กซีคืออาณาจักรของดวงดาว กาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา มีรูปร่างเหมือนกังหัน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 แสนปีแสง ประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณ 1 พันล้านดวง ดวงอาทิตย์ของเราอยู่ห่างจากใจกลางของกาแล็กซีเป็นระยะทางประมาณ 3 หมื่นปีแสง หรือ 2 ใน 3 ของรัศมี

    กระจุกกาแล็กซี (Cluster of galaxies)
    กาแล็กซีมิได้อยู่กระจายตัวด้วยระยะห่างเท่า ๆ กัน หากแต่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (Group) หรือกระจุก (Cluster) "กลุ่มกาแล็กซีของเรา" (The Local Group) ประกอบด้วยกาแล็กซีมากกว่า 10 กาแล็กซี กาแล็กซีเพื่อนบ้านของเรา มีชื่อว่า "กาแลกซีแอนโดรมีดา" (Andromeda galaxy) อยู่ห่างออกไป 2.3 ล้านปีแสง กลุ่มกาแล็กซีท้องถิ่นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 ล้านปีแสง

    ซูเปอร์คลัสเตอร์ (Supercluster)
    ซูเปอร์คลัสเตอร์ ประกอบด้วยกระจุกกาแล็กซีหลายกระจุก "ซูเปอร์คลัสเตอร์ของเรา" (The local supercluster) มีกาแล็กซีประมาณ 2 พันกาแล็กซี ตรงใจกลางเป็นที่ตั้งของ "กระจุกเวอร์โก" (Virgo cluster) ซึ่งประกอบด้วยกาแล็กซีประมาณ 50 กาแล็กซี อยู่ห่างออกไป 65 ล้านปีแสง กลุ่มกาแล็กซีท้องถิ่นของเรา กำลังเคลื่อนที่ออกจากกระจุกเวอร์โก ด้วยความเร็ว 400 กิโลเมตร/วินาที

    เอกภพ (Universe)
    "เอกภพ" หรือ "จักรวาล" หมายถึง อาณาบริเวณโดยรวม ซึ่งบรรจุทุกสรรพสิ่งทั้งหมด นักดาราศาสตร์ยังไม่ทราบว่า ขอบของเอกภพสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่พวกเขาพบว่ากระจุกกาแล็กซีกำลังเคลื่อนที่ออกจากกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเอกภพกำลังขยายตัว เมื่อคำนวณย้อนกลับนักดาราศาสตร์พบว่า เมื่อก่อนทุกสรรพสิ่งเป็นจุด ๆ เดียว เอกภพถือกำเนิดขึ้นด้วย "การระเบิดใหญ่" (Big Bang) เมื่อประมาณ 13,000 ล้านปีมาแล้ว

    มงคลจักรวาล"คือศูนย์กลางของจักรวาลทั้งหมด บังเอิญจริงๆที่มาสอดคล้องกับภาพสุดท้าย(เอกภพ)

    ความคิดของผมนะครับ ผมคิดว่าทวีปต่างๆ ที่อยู่ในจักรวาลเดียวกันกับชมพูทวีปของเรานั้น อยู่ภายในแกแลคซี่เดียวกันครับ คือ แกแลคซี่ทางช้างเผือกของเรานี่แหละ โดยใจกลางแกแลคซี่ นั่นคือ เขาพระสุเมรุ(เขาสิเนรุ)ครับ รูปที่คุณลูกพระธัมฯ Merry Ma โพสต์มานั้น มันเป็นแกแลคซี่แต่ละแกแลคซี่นะครับ ไม่ใช่ระบบสุริยะแต่ละระบบสุริยะ ซึ่งภายในแกแลคซี่ทางช้างเผือกของเรานั้น ก็ประกอบด้วยระบบสุริยะ(ดาวฤกษ์)เยอะมากๆแล้วครับ ซึ่งผมคิดว่า ทวีปอื่นๆ น่าจะอยู่ในระบบสุริยะอื่นๆ ภายในแกแลคซี่ทางช้างเผือกของเรานี่แหละ

    นอกจากนั้น ผมยังคิดว่า จักรวาล{หมายถึงจักรวาลในพระพุทธศาสนานะครับ ไม่ใช่จักรวาลที่หมายถึงเอกภพ(Universe)ในทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเอกภพในทางวิทยาศาสตร์นั้นน่าจะเป็นโลกธาตุในพระพุทธศาสนามากกว่า ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสบอกไว้ว่า โลกธาตุอย่างเล็กมีจำนวนพันจักรวาล โลกธาตุอย่างกลางมีจำนวนล้านจักรวาล โลกธาตุอย่างใหญ่มีจำนวน แสนโกฏิจักรวาล แสดงว่า โลกธาตุ(เอกภพ)ในพระพุทธศาสนา มีหลายโลกธาตุ(เอกภพ)ด้วย ไม่ใช่มีโลกธาตุ(เอกภพ)เดียว อย่างที่วิทยาศาสตร์บอกไว้} แต่ละจักรวาล จะมีเพียงหนึ่งแกแลคซี่เท่านั้น(หรือจะพูดว่าหนึ่งแกแลคซี่เป็นหนึ่งจักรวาลก็ได้) โดยแกแลคซี่จะอยู่ในส่วนของกามภพ ในส่วนที่เป็นทวีป(โลกมนุษย์)นี่แหละครับ ลองดูรูปประกอบนะครับ

    กามภพ
    [​IMG]

    แกแลคซี่ทางช้างเผือกเมื่อมองจากด้านข้าง
    [​IMG]

    แกแลคซี่ทางช้างเผือกเมื่อมองจากด้านบน
    [​IMG]

    ลองระบุตำแหน่งทวีปต่างๆดูโดย ทิศใต้เป็นชมพูทวีป ทิศตะวันตกเป็นอมรโคยานทวีป ทิศเหนือเป็นอุตรกุรุทวีป ทิศตะวันออกเป็นปุพพวิเทหทวีป จะได้ตำแหน่งของทวีปต่างๆ ในแกแลคซี่ทางช้างเผือกของเรา ดังรูป
    [​IMG]
    จากรูป จุดสว่างตรงกลาง คือ เขาพระสุเมรุ(เขาสิเนรุ) ซึ่งมีทวีปทั้งสี่โคจรอยู่รอบๆ

    หมายเหตุ
    แกแลคซี่(จักรวาล)อื่น ที่อยู่ใกล้แกแลคซี่(จักรวาล)ทางช้างเผือกของเรามากที่สุด คือ แกแลคซี่(จักรวาล)แอนโดรมีด้า ห่างจากแกแลคซี่ทางช้างเผือกของเราไป สองล้านสามแสนปีแสง(คือ ระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทางสองล้านสามแสนปี โดยที่แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลกใช้เวลาแปดนาที)

    [​IMG]

    [​IMG]
    พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่าในจักรวาลนี้มีทวีปอยู่ 4 ทวีปใหญ่ๆ คือ ชมพูทวีป ,ปุพพวิเทหะทวีป,อมรโคยานทวีป และอุตตรกุรุทวีป นี้จะต้องอยู่ภายในจักรวาลเดียวกันนะครับท่านหมายเอาแค่จักวาลเดียวครับยังไม่กล่าวถึงจักรวาลอื่นๆ เลยครับ

    ให้ทำเครื่องหมายที่จักรวาลของเราตรงที่เป็นดวงอาทิตย์ของสุริยะจักวาลเราว่าคือ ชมพูทวีปครับ แล้วแบ่งดาราจักรรูปกังหันให้ได้ 4 ส่วน ส่วนทวีปที่เหลือก็คือ ทิศที่ตรงข้ามกับสุริยะจักวาลเราก็คือ อุตตรกุรุทวีปครับ

    ตามหลักจักวาลอื่นๆ ก็น่าจะคล้ายๆ กันกับจักรวาลของเรานะครับ ถ้าจะให้แน่คงต้องเป็นพระธรรมกาย
    ไปดูไปเห็นเองด้วยธรรมจักขุครับแน่นอนที่สุดครับ

    จากหนังสือเราคือใคร เรียบเรียงโดยป้าหวิน (อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล)

    เราจะก่อสร้างบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หรือสิ่งก่อสร้างใดๆ ก็ตาม จำต้องมีพื้นแผ่นดินเป็นสถานที่รองรับสิ่งก่อสร้างนั้นๆ ฉันใด ภูมิทั้ง ๓๑ จะตั้งหรือเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องมีสิ่งรองรับเช่นเดียวกัน สิ่งนั้นเรียกว่า “จักรวาล” จักรวาลมีจำนวนมากมายนับเท่าใด ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่สามารถบอกได้ว่าจักรวาลเกิดครั้งแรกเมื่อใด และจะแตกดับ โดยไม่มีการเกิดขึ้นใหม่อีกเลยเมื่อใด แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ตลอดมา จักรวาลที่มีอยู่ สามารถแตกทำลายลงได้เมื่อถึงเวลาอันควร เมื่อพินาศไปแล้ว สามารถก่อตัวเป็นจักรวาลใหม่ขึ้นอีก เปลี่ยนแปลงเกิดดับอยู่ดังนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด
    แต่ละจักรวาลย่อมมีภูมิทั้ง ๓๑ ของตนเอง เฉพาะจักรวาลของเรามีลักษณะ ดังนี้
    ๑. พื้นล่างสุดของจักรวาล เป็นอากาศ มีความหนาประมาณมิได้ มืดสนิท
    ๒. ถัดขึ้นมาเป็นลม หนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์ (ประมาณ ๑๕,๓๖๐,๐๐๐ กิโลเมตร)
    ๓. ถัดจากพื้นลม เป็นพื้นน้ำแข็ง หนาครึ่งหนึ่งของพื้นลม คือ ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์
    ๔. ถัดจากพื้นน้ำแข็งขึ้นมาเป็นพื้นดิน หนาครึ่งหนึ่งของพื้นน้ำแข็ง คือ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์
    เป็นดิน ๒ ชนิด ชั้นบนเป็นดินธรรมดา (ปังสุปถวี) ครึ่งหนึ่ง
    ชั้นล่างเป็นหิน (สิลาปถวี) ครึ่งหนึ่ง
    ๕. แกนกลางจักรวาล เป็นภูเขาสิเนรุ มีความสูง ๑๖๘,๐๐๐ โยชน์ ครึ่งหนึ่งอยู่ในพื้นมหาสมุทร อีกครึ่งหนึ่งสูงพ้นมหาสมุทรขึ้นไป พื้นที่โดยรอบ ๒๕๒,๐๐๐ โยชน์
    ๖. บนยอดเขาสิเนรุ เป็นพื้นดินเต็มไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ลักษณะกลม
    ๗. รัตนะที่เกิดติดอยู่ที่ไหล่เขาแต่ละทิศแตกต่างกัน ทิศตะวันออกเป็นเงิน ทิศใต้เป็นมรกต ทิศตะวันตกเป็นแก้วผลึก ทิศเหนือเป็นทองคำ จึงเป็นเหตุให้สีของน้ำในมหาสมุทร อากาศ ต้นไม้ใบไม้ที่อยู่ตรงกับทิศนั้นๆ เป็นสีเดียวกับสีของรัตนะประจำไหล่เขาสิเนรุไปด้วย
    ๘. ตอนกลางของภูเขาสิเนรุลงไป จนถึงพื้นน้ำในมหาสมุทร มีบันไดเวียน ๕ ชั้น แถบชานบันไดของแต่ละชั้น เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ ดังนี้
    - ชั้นล่างสุดภายใต้พื้นน้ำ เป็นที่อยู่ของพญานาค
    - ชั้นที่ ๒ เหนือน้ำขึ้นมา เป็นที่อยู่ของเหล่าครุฑ
    - ชั้นที่ ๓ เป็นที่อยู่ของกุมภัณฑเทวดา
    - ชั้นที่ ๔ เป็นที่อยู่ของยักขเทวดา
    - ชั้นที่ ๕ เป็นที่อยู่ของท้าวจตุมหาราชิกา ๔ องค์ และเหล่าบริวาร
    ๙. พื้นล่างที่เป็นรากฐานของภูเขาสิเนรุ มีลักษณะเป็นภูเขา ๓ ลูก ตั้งรองรับภูเขาสิเนรุอยู่ทั้ง ๓ ด้าน ฐานของภูเขาสิเนรุตั้งอยู่ในระหว่าง ช่องว่างระหว่างกลางภูเขาทั้ง ๓ นั้น ใต้พื้นฐานของภูเขาสิเนรุ มีที่ว่างเป็นอุโมงค์ใหญ่ กว้างถึง ๑๐,๐๐๐ โยชน์ เป็นที่อยู่ของเหล่าอสูร
    ๑๐. รอบภูเขาสิเนรุ มีภูเขาล้อมรอบอยู่ ๗ ชั้น (สัตตบรรพ์) ชื่อ ยุคนธร อิสินธร(อีสธร) กรวิกะ สุทัสสนะ เนมินธร วินตกะ และ อัสสกัณณะ ตามลำดับ ชั้นแรกภูเขายุคนธรนั้น มีระยะห่างจากภูเขาสิเนรุ เท่าความสูงของภูเขายุคนธรเอง และความลึกของมหาสมุทรที่อยู่ระหว่าง ภูเขาสิเนรุและยุคนธรจำนวนเท่าๆ กันคือ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ส่วนภูเขาชั้นต่อๆ ไป ลดระยะครึ่งหนึ่งตามลำดับทั้ง ระยะห่าง ความสูงและความลึกของมหาสมุทร
    ๑๑. สุดเขตโลกธาตุเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น ล้อมรอบไปด้วยภูเขาจักรวาล กั้นอาณาเขตเป็นที่สุด ภูเขานี้สูง ๑๖๔,๐๐๐ โยชน์ ครึ่งหนึ่งจมอยู่ในมหาสมุทร ความหนาของภูเขาหนา ๘๒,๐๐๐ โยชน์ ภายในเขตภูเขาจักรวาล ส่วนกว้างเท่ากับส่วนยาว คือ ๑,๒๐๓,๔๕๐ โยชน์ ด้านในโดยรอบยาว ๓,๖๑๐,๓๕๐ โยชน์
    ๑๒. ภูเขาจักรวาลอยู่ห่างจากภูเขาสิเนรุ ๔๗๗,๗๒๕ โยชน์ แต่อยู่ห่างจากภูเขาอัสสกัณณะ ๓๐๙,๖๙๓.๗๕ โยชน์

    มหาสมุทรที่อยู่ระหว่างภูเขา ๗ ชั้น เป็นมหาสมุทรภายใน ชื่อ นทีสีทันดร
    ส่วนมหาสมุทรภายนอกคือ ที่อยู่ระหว่างภูเขาอัสสกัณณะ และภูเขาจักรวาลชื่อพหิทนที
    ที่กล่าวแล้วนี้ คือลักษณะของจักรวาลโดยสังเขป เป็นที่ตั้งของภูมิทั้ง ๓๑

    ที่ตั้งของมนุสสภูมิ หรือที่เรียกว่าโลกมนุษย์
    ตรงกับไหล่ภูเขาสิเนรุตามทิศทั้ง ๔ ไกลออกไปในมหาสมุทรภายนอก ที่อยู่ระหว่างภูเขาชั้นที่ ๗ ที่ชื่ออัสสกัณณะกับภูเขาจักรวาล เป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่มีน้ำล้อมรอบ ประจำอยู่ทิศละแห่ง แต่ละแห่งเรียกว่าทวีป รวม ๔ ทวีป หรือเรียกโดยง่ายว่า จักรวาลนี้มีโลกมนุษย์ ๔ โลก เฉพาะโลกที่เราอยู่ในปัจจุบัน อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุทางทิศใต้
    ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวนักขัตทั้งปวง โคจรไปมารอบภูเขาสิเนรุ อยู่ในระดับเสมอกันกับยอดเขายุคนธร ห่างจากมนุษย์โลก ๔๒,๐๐๐ โยชน์

    + ปุพพวิเทหทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเงิน สัญฐานของทวีปเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก
    + อปรโคยานทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นแก้วผลึก สัณฐานของทวีปเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
    + ชมพูทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นมรกต มีสัณฐานของทวีปเหมือนรูปไข่
    + อุตตรกุรุทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นทองคำ มีสัณฐานของทวีปเป็นรูปสี่เหลี่ยม

    ในทวีปทั้ง ๔ จึงมีสีของต้นไม้ ใบไม้ น้ำในทะเล-มหาสมุทร ท้องฟ้า ฯลฯ ตามสีของรัตนะที่ไหล่เขาสิเนรุสะท้อนแสง แต่ละทวีปมีทวีปน้อย ๕๐๐ เป็นบริวาร คนที่อาศัยอยู่ในทวีปน้อย มีความเป็นไปต่างๆ ตามผู้คนที่อยู่ในทวีปใหญ่ รูปใบหน้าของมนุษย์มีลักษณะตามสัณฐานของทวีป
    สำหรับคนที่อยู่ในชมพูทวีป คือโลกมนุษย์ของเรานี้ มีลักษณะพิเศษต่างออกไปจากอีก ๓ โลก ดังนี้คือ
    ๑. มีจิตใจกล้าแข็ง ทั้งในด้านประกอบกรรมดีและกรรมชั่ว ทางฝ่ายดีนั้นสามารถปฏิบัติตนให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า อัครสาวก มหาสาวก ปกติสาวก พระเจ้าจักรพรรดิ ฌานลาภี อภิญญาลาภี ได้ ฝ่ายชั่วก็สามารถกระทำได้ถึง ฆ่ามารดา บิดา พระอรหันต์ ทำโลหิตุปบาท และสังฆเภท คนในอีก ๓ ทวีป ไม่สามารถกระทำกล้าแข็งได้ถึงเพียงนี้
    ๒. มีความเข้าใจในสิ่งที่เป็นเหตุ ทั้งที่สมควรและไม่สมควร รู้จักพิจารณาหาเหตุที่ทำให้
    เกิดสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะเป็นอย่างๆ ได้ทั้งฝ่ายที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม มีความรู้ความเข้าใจได้ตามสมควร อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดบังคับ
    ๓. มีความเข้าใจในสิ่งที่มีประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ รู้จักทั้งโลกียประโยชน์และโลกุตตรประโยชน์ โลกียประโยชน์ ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือมนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ พรหมสมบัติ โลกุตตรประโยชน์ ได้แก่ กุศล ความรู้ในธรรมะ หรือเป็นพระอริยะ และสัปบุรุษ ตั้งแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา
    ส่วนความเข้าใจจะลึกซึ้งมากน้อยระดับใด แล้วแต่ศรัทธา วิริยะ ปัญญา บารมี และการคบหาสมาคม
    ๔. มีความเข้าใจในสิ่งที่เป็นกุศลและอกุศล ทั้งโลกียกุศลและโลกุตตรกุศล โลกียกุศล ได้แก่การบริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา โลกุตตรกุศล ได้แก่อริยมรรคทั้ง ๔ ที่เกิดขึ้น (คือโสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค) และสามารถประหาร
    กิเลสได้เด็ดขาด
    ฝ่ายอกุศล ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น
    โลภะ มีความต้องการในกามคุณทั้ง ๕ คือปรารถนาในรูป เสียง กลิ่น รส การถูกต้องสัมผัสในสิ่งที่ดีๆ และคิดถึงอารมณ์คือเรื่องราวต่างๆ
    โทสะ ได้แก่ ความโกรธ เสียใจ ไม่พอใจ น้อยใจ กลุ้มใจ และพยาบาท
    โมหะ ได้แก่ ความหลง ไม่รู้ตามความเป็นจริง เช่นไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ด้วยมีวิจิกิจฉา(ลังเลสงสัย) จิตใจไม่สงบ มีความฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ
    ความเข้าใจทั้งฝ่ายที่เป็นกุศลและอกุศล ดังกล่าวนี้ ย่อมมีแตกต่างกันออกไป

    คุณสมบัติ ๓ ประการ ที่คนในชมพูทวีป ประเสริฐกว่าคนในทวีปอื่น และเทวดาชั้นตาวติงสา คือ
    ๑. สูรภาวะ มีจิตใจกล้าแข็งในการกระทำความดี เช่นบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
    ๒. สติมันตะ มีสติตั้งมั่น ในคุณของพระรัตนตรัย
    ๓. พรหมจริยวาส สามารถประพฤติพรหมจรรย์ คือบวชได้

    มนุษย์ในทวีปทั้ง ๔ เมื่อพูดโดยส่วนรวม มีรูปร่าง สัณฐาน หน้าตา อยู่ในลักษณะเดียวกัน ต่างกันตรงขนาด ความได้ส่วนสัด และความประณีตสวยงาม เช่นมนุษย์ในชมพูทวีป มีใบหน้ารูปไข่ อปรโคยานทวีป ใบหน้ากลมเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ปุพพวิเทหทวีป มีรูปหน้าเหมือนมะนาวตัด หรือพระจันทร์ครึ่งซีก ครึ่งวงกลม ส่วนอุตตรกุรุทวีป ใบหน้าเป็นรูปสี่เหลี่ยม (รูปหน้ามนุษย์ของทวีปใด มีลักษณะเหมือนสัณฐานของทวีปนั้น) ทวีปอื่นในอีก ๓ ทวีปนั้น นอกจากใบหน้าแล้ว ผู้คนแต่ละทวีปมีความสวยงามไม่แตกต่างกัน เนื่องจากมีคุณธรรมในจิตใจเสมอเหมือนกัน โดยทั่วไป เฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น ที่ผู้คนสวยงามและขี้เหร่ แตกต่างกันมากมาย ตามแต่กุศลและอกุศลที่เจ้าตัวกระทำ จะให้ผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...