ไทย-คนทรง, เกาหลี-ธิดาเทพ, ญี่ปุ่น-มิโก๊ะ

คนทรง คนสื่อกับจิตวิญญาณมีหลายยุคสมัย
หลายชนชาติพันธุ์ คล้ายๆ กันดังนี้ค่ะ

 

มิโกะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- start content -->




ภาพมิโกะ(หญิง)และองเมียวจิ(ชาย) จากภาพยนตร์เรื่ององเมียวจิ ปี 2544


มิโกะ (「巫女」, miko, 巫女<SUP>?</SUP>) คือหญิงสาวที่ทำงานอยู่ในศาลเจ้าชินโต ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเป็นช่วงที่การนับถือเทพเจ้าและธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นยังแรงกล้า ชาวบ้านชาวเมืองนับถือเทพเจ้าและเข้าใจว่าเทพเจ้าบันดาลให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น
บางสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เช่น ความแห้งแล้ง ฝนตก น้ำท่วม แผ่นดินไหว ฟ้าผ่า ฯลฯ คนในสมัยก่อนต่างก็เชื่อว่าเป็นสารจากเทพเจ้าที่ส่งมาให้มนุษย์ได้รับรู้ บางครั้งอาจมารูปแบบสิ่งเหนือธรรมชาติก็ได้ ผู้ที่ทำการรับสารนั้นจากเทพเจ้านั้นจะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่เรียกว่า มิโกะ
มิโกะในยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นจะไม่ได้แต่งตัวเหมือนกับมิโกะที่เราเห็นในปัจจุบัน ส่วนที่เราเห็นแต่งตัวเหมือนในปัจจุบันนั้นเป็นช่วงเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์แล้ว
อย่างที่รู้กันว่าญี่ปุ่นได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของเทพเจ้า ความเชื่อในเทพเจ้าและธรรมชาติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ในสมัยนี้อาจเรียกรวมๆ ว่า สร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของเทพนิยาย เมื่อเป็นเช่นนั้นการจะรับสารจากเทพเจ้าจำเป็นต้องมีคนกลางระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์ธรรมดา เราเรียกมนุษย์ที่ทำหน้าที่รับสารและแปลสารจากเทพเจ้าว่ามิโกะ มิโกะจะเป็นหญิงสาวพรหมจารี (ไม่ข้องแวะกับชายใด)
<TABLE class=toc id=toc summary=เนื้อหา><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

[ซ่อน]

• <LI class=toclevel-1>1 ที่มาของมิโกะ <LI class=toclevel-1>2 หน้าที่ของมิโกะ <LI class=toclevel-1>3 เครื่องแต่งกายของมิโกะ
• 4 ดูเพิ่ม

</TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[ if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>
[แก้] ที่มาของมิโกะ

มิโกะนั้นมาจากหญิงสาวที่เกิดจากบุตรีของนักบวชที่อุทิศตนให้กับเทพเจ้าและศาลเจ้า (แต่ล่ะศาลเจ้าจะมีเทพเจ้าประจำศาลเจ้า) ในสมัยโบราณหญิงสาวที่จะเป็นมิโกะนั้นจะได้รับสารบางอย่างจากเทพเจ้า และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็จะเป็นส่วนของพิธีกรรมต่อไป

[แก้] หน้าที่ของมิโกะ

มิโกะจะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะมาทำหน้าที่ หน้าที่นั้น ได้แก่ การดูแลความเรียบร้อยภายในศาลเจ้า การรำบูชาเทพเจ้าในงานเทศกาล หรือการช่วยงานนักบวชในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การแต่งงาน (ชาวญี่ปุ่นจะแต่งงานในพิธีชินโต) รวมไปถึงการทำนายอนาคตด้วย
ประเพณีและความเชื่อได้ดำเนินมาถึงปัจจุบัน ชินโตเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นที่แยกกันไม่ออก แต่ในปัจจุบันวิถีได้มีการวิวัฒนาการ มิโกะส่วนหนึ่งมาจากพิธีกรรมที่สืบต่อกันมาแต่โบราณ แต่มิโกะส่วนใหญ่มาจากการทำงานพิเศษ หรือมาจากอาสาสมัคร หน้าที่หลักๆของมิโกะเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ในขณะที่มิโกะเดิมจะมีภาระหน้าทีเหมือนเดิม
ในข้างต้นได้กล่าวว่ามิโกะนั้นจะต้องเป็นสาวพรหมจารี (สาวบริสุทธิ์) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามิโกะจะแต่งงานไม่ได้ เมื่อหญิงสาวที่เป็นมิโกะแต่งงานออกไปแล้ว นั่นหมายถึงหญิงสาวเหล่านั้นได้ละซึ่งหน้าที่หลักของศาลเจ้าแล้ว และจะปรนนิบัติดูแลสามีและครอบครัวของเธอแทน

[แก้] เครื่องแต่งกายของมิโกะ

เครื่องแต่งกายของมิโกะเรียกรวมๆว่า "จิฮายะ" ประกอบไปด้วย

• ฮากะม่าผู้หญิงสีแดง
• เสื้อกิโมโนสีขาว
• ทาบิสีขาว(ถุงเท้า)
• โซริ(รองเท้า)
• นอกจากนั้นอาจจะมี ฮาโอริ(เสื้อคลุมชั้นนอก)บางๆ และเครื่องประดับผม

 

เดี๋ยวนี้คนทรง คนสื่อกับจิตวิญญาณในไทยมีเยอะขึ้นนะคะ
แปลกใจบ้างไหมคะ?

 

แต่ท่านก็ช่วยยามมีปัญหานะคะ ความเชื่อส่วนตัวอ่านะคะ

 

เพราะไม่ค้นพบเจอด้วยตนเอง ก็กล่าวเบี่ยงเบนไปเรื่อยๆ ติเตียนไปเรื่อยๆ
จึงเป็นเรื่องธรรมดาของปถุชนที่ยังขาดการไตร่ตรอง

 

ก็น่าสงสัยจะเจ้าค่ะ ป้าแมวว่า คงมีอะไรๆ แน่ๆเลยคะ

อย่างออกมาทักเขาแล้ว เขาฟ้อง เราฟ้องกลับอีกทีก็ดีนะค่ะ

รวยคะ อิฉันว่ารวย ไม่ต้องคิดมาก ง่ายๆ

เหมือนคนที่ชี้กิเลสคนอื่นนะเจ้าค่ะ พอเขาชี้กลับ ก็ตบกลับไป
เลยว่า นั่นแหละกิเลสปัจจุบัน แบบนี้คนทักคนแรกรวยไม่รู้เรื่องค่ะ

 

นานาจิตตัง นานาจิตตัง 55555

 

ชินโต ของญี่ปุ่นเขาจัดให้เป็นศาสนาประจำชาติไปแล้ว ที่ผมเรียกว่าศาสนาก็เพราะว่า เมื่อพระพุทธศาสนาเข้ามาในญี่ปุ่น ค.ศ. 552 ก็ได้มีการนำแบบอย่างและลักษณะจากพระพุทธศาสนานำมาประยุกต์เข้าด้วยกันครับ หมายความว่าแทนที่จะเป็น ความนิยม ทั่วไป แต่เป้นรูปแบบทางศาสนามากขึ้นก็เช่น มีการสร้างตำนาน สร้างวิหาร มีพระทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมด้วยครับ

ในความหมายของ ชินโต โดยเริ่มแรกเดิมทีคนสมัยก่อน เขาเห็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ตามธรรมชาติหรือ ความประหลาดใจในธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเช่น น้ำตก ต้นไม้ประหลาด วีรบุรุษ ต่างๆนาน เขาก็เลยเรียกชื่อสิ่งเหล่านี้ว่า "คามิ" ครับ หรือ เทพเจ้า นั้นเอง ดังนั้น ชินโต ก็เลยแปลว่า ทางของพระเจ้า ครับ

จะสังเกตได้ว่า ชินโต เขาจะไม่มีแม้กระทั่ง รูปปั้น หลักธรรม หรืออะไรเลย เพราะว่า เขาเชื่อว่า มนุษย์มีความซื่อสัตย์อยู่แล้วโดยธรรมชาติจริงๆ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องควบคุมจิตใจเพียงกระทำตามความโน้มเอียงของจิตใจอันสูงส่งก็พอ

โดยหลักๆ เขาก็จะนับถือสิ่งสำคัญๆ 3 อย่างครับ คือ

1.ธรรมชาติ

2.บรรพบุรุษ

3.ความบริสุทธิ์

และโดยทั่วไปชินโต เขานับถือเทพเจ้าหรือที่เรียกว่า คามิ ราวๆ 8 ล้านองค์(เขาจะไม่ยึดติดองค์ใดองค์หนึ่ง) แต่ที่นับถือที่สุดก็คือ อาทิตยเทพี ซึ่งเขาถือว่าเป็นต้นสายของพระจักรพรรดิ และในญี่ปุ่นเองก็เชือว่าตระกูลของตนนั้นสืบเชื้อสายมาจากคามิองค์ใดองค์หนึ่ง เช่นกัน