4หมื่นเหรียญ15นาทีเกลี้ยง แสนคนรอเผาขุนพันธ์5ทุ่ม

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 23 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=585 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=8></TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=16>[​IMG]</TD><TD background=/images2006/dai_bg.jpg>[​IMG]</TD><TD width=137>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>4หมื่นเหรียญ15นาทีเกลี้ยง แสนคนรอเผาขุนพันธ์5ทุ่ม</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ "พล.ต.ต.ขุนพันธ์ฯ " คลื่นคนเรือนแสนเบียดรับเหรียญที่ระลึกหวิดจลาจลย่อย สั่งงดทันควัน ปชช.ไม่ยอมกลับนอนรอถึงดึก สุดท้ายเจ้าภาพยอมแจก 4หมื่นเหรียญ เกลี้ยงในพริบตา ก่อนทำพิธีเผาจริง 23.00 น.


    นับเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้ายต่อการจากไปของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อายุ 108 ปี อดีตนายตำรวจมือปราบจอมขมังเวทชื่อดังของภาคใต้ ที่ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ท่ามกลางประชาชนนับแสนคน จากทั่วทุกสารทิศที่พากันหลั่งไหลเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งวัน
    เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 ที่ลานศาลาร้อยปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทรงทอดผ้าไตรและทรงวางกระทงข้าวดอกไม้บริเวณหีบศพ ทรงจุดธูปเทียน ทรงวางดอกไม้จันทน์พระราชทานเพลิงศพ พร้อมกันนี้ มีพระราชปฏิสันถารกับบุตร ธิดาของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 17.30 น.
    ต่อมา เจ้าภาพได้เปิดให้ประชาชนนับแสนคนที่เข้าร่วมพิธีเข้าไปวางดอกไม้จันทน์เคารพศพ พร้อมเตรียมแจกวัตถุมงคลเหรียญ "พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช" เป็นที่ระลึก 3 หมื่นชุด และเหรียญด้านหน้าเป็นรูปจตุคามรามเทพ ด้านหลังเป็นรูปพระบรมธาตุเจดีย์อีก 6 หมื่นชุด ปรากฏว่าประชาชนต่างพากันเข้าไปบริเวณหน้าเมรุจนแน่นขนัด ทำให้หลายคนเป็นลมหมดสติ จนชุลมุนวุ่นวาย ส่งผลให้เจ้าภาพไม่สามารถแจกเหรียญที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนอยู่ในความเรียบร้อย แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากประชาชนต้องการรับเหรียญที่ระลึก ทำให้เจ้าภาพต้องงดแจกเหรียญ เพราะเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายจนเกิดเหตุอันตรายแก่ประชาชนที่เบียดเสียดรอรับเหรียญ ซึ่งเหรียญดังกล่าวได้แจกให้แก่ข้าราชการระดับสูงที่มาร่วมงานส่วนหนึ่งเท่านั้น
    ส่วนบรรยากาศพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงเวลา 24.00 น.ถึงเช้า 22 กุมภาพันธ์ ประชาชนนับพันได้ทยอยเข้าสู่ลานวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 10.00 น.ต้องปิดการจราจร บนถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นถนนหลัก เนื่องจากต้องใช้พื้นที่ในการรองรับคลื่นคนจำนวนมาก ที่เข้าสู่บริเวณพิธีจนเต็มวัด
    ตลอดทั้งวันยังมีประชาชนหลายหมื่นคนทยอยเข้าร่วมพิธีอย่างต่อเนื่องจนยอดทะลุหลักแสนคน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน สารวัตรทหาร และกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 4 รวมทั้งอาสาสมัครรักษาดินแดน กองปราบอาสาและเหยี่ยวแจ้งอาชญากรรม ต้องจัดกำลังกว่า 4 พันคนเข้าร่วมดูแลรักษาความปลอดภัย รวมทั้งมีแพทย์และพยาบาลมาคอยดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ เนื่องจากเริ่มมีประชาชนเป็นลมเพราะอากาศร้อนขึ้นตามลำดับ
    ขณะที่บริเวณลานพิธี ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด เนื่องจากเป็นบริเวณเขตพระราชฐานชั่วคราว เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งพลับพลาที่ประทับและบนเมรุชั่วคราวที่มีการเคลื่อนศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่บรรจุในหีบทองสลักลายพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตั้งตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง มาดูแลความเรียบร้อยทุกขั้นตอน
    น่าสนใจว่า ที่ด้านหน้าวัดยังมีการนำวัตถุมงคล หนังสือ และภาพถ่ายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับความสนใจมากถึงกับเบียดเสียดแย่งกันซื้อ ถึงแม้ราคาจะขยับขึ้นจากเดิมหลายเท่า
    มีรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 17.30-20.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ประชาชนยังคงหลั่งไหลขึ้นเคารพศพอย่างต่อเนื่อง คาดว่าใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 ชม.ประชาชนคงเบาบางลง จึงจะมีการประชุมเพลิงพระราชทานจริงในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน
    แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง 20.30 น. ประชาชนเรือนหมื่น ยังคงปักหลักอยู่ที่วัดพระมหาธาตุฯ ส่วนหนึ่งรอเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเผาจริง อีกส่วนหนึ่งยังปักหลักรอรับเหรียญและหนังสือที่ระลึก แม้ว่าขณะนี้เจ้าภาพจะไม่กล้านำมาแจก เนื่องจากในช่วงเย็น ขณะเจ้าภาพกำลังแจกของที่ระลึก ปรากฏว่ามีคลื่นมหาชนนับหมื่นคนเบียดเสียดกัน จนเกรงจะเกิดความวุ่นวายจึงได้ยุติการแจกทันที เพราะเกินกำลังที่เจ้าหน้าที่จะดูแลได้ทั่วถึง
    เวลา 21.00 น. ประชาชนนับหมื่นคนยังคงปักหลักอยู่บริเวณลานศาลาร้อยปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และมีการส่งเสียงโห่ร้องออกมาเป็นระยะ โดยมีตำรวจและอาสาสมัครนับพันนาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัย
    เวลา 22.20 น. บรรดาลูกหลาน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้ตั้งจุดแจกเหรียญที่ระลึกอีกครั้ง ที่หน้าโรงเรียนวัดพระมหาธาตุ ซึ่งมีรั้วติดกับวัด และห่างจากเมรุเผาศพประมาณ 100 เมตร เพื่อต้องการให้ประชาชนภายในวัดเคลื่อนออกมาด้านนอกก่อนทำพิธีเผาจริง พบว่ามีการแจกเหรียญขุนพันธ์ 4 หมื่นเหรียญ โดยใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็หมดในพริบตา
    ล่าสุดเวลา 23.00 น. ได้มีพิธีจุดเพลิงพระราชทาน โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเป็นผู้เชิญเพลิงพระราชทาน ท่ามกลางประชาชนนับหมื่นคน แต่ขณะที่มีการเชิญเพลิงพระราชทานนั้น ประชาชนได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาเป็นระยะ ท่ามกลางบรรดาลูกหลานขึ้นบนเมรุชั่วคราว เพื่อดูหน้า พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการเผาจริงในที่สุด
    นายสมชาย รักษ์บำรุง อายุ 40 ปี ชาว อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในช่วงที่มีการแจกเหรียญในเย็นวันเดียวกัน ตนอยู่ในเหตุการณ์ พบว่าชาวบ้านได้กรูกันเข้าไปรับของที่ระลึกจนขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะมีคนมากเกินไป ทำให้เจ้าหน้าที่ที่มีน้อยไม่สามารถกันฝูงชนได้ จึงทำให้ภาพออกมาไม่น่าดู เข้าใจว่าหากยังมีการแจกต่อความวุ่นวายเกิดขึ้นรุนแรงแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องมีการเหยียบกันแน่ๆ จึงเห็นด้วยที่ระงับการแจกไว้ก่อน
    พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ได้มีการจัดกำลังอย่างเต็มที่ แต่ด้วยจำนวนประชาชนนับแสนทำให้เกิดความยากลำบากในการปฏิบัติภารกิจ ประกอบกับมวลชนที่ทะลักฝ่าแผงกั้นเข้ามาทำให้ควบคุมลำบาก
    สำหรับ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมู่ 5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีฯ รับราชการเป็นนายตำรวจยศร้อยตรีในปี 2473 กระทั่งปี 2503 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 และได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี เกษียณอายุในปี 2507 และถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา เมื่อ 5 กรกฎาคม 2548 สิริอายุรวม 108 ปี ตลอดชีวิตรับราชการ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช สร้างเกียรติประวัติในตำแหน่งหน้าที่มากมาย จนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั่วไปในภาคใต้และจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติประวัติในการปราบปรามโจรผู้ร้ายคนสำคัญๆ ของจังหวัดต่างๆ นอกจากนั้น ยังเป็นผู้สนใจวิชาการทั่วไป โดยเฉพาะทางด้านประวัติศาสตร์ คติชนวิทยา และไสยศาสตร์เป็นพิเศษ
    หมายเหตุ -ชมการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการถ่ายภาพในงานศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชโดยเข้าใจกันว่าเป็นภาพปาฏิหาริย์หรือไม่ที่ http://www.oknation.net/blog/jaofoto/2007/02/21/entry-1 หรืออ่านความเห็น - ยังมีคนจริง..แบบท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช..ในยุคนี้อีกมั๊ย http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2007/02/22/entry-1

    -->[​IMG]
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ "พล.ต.ต.ขุนพันธ์ฯ " คลื่นคนเรือนแสนเบียดรับเหรียญที่ระลึกหวิดจลาจลย่อย สั่งงดทันควัน ปชช.ไม่ยอมกลับนอนรอถึงดึก สุดท้ายเจ้าภาพยอมแจก 4หมื่นเหรียญ เกลี้ยงในพริบตา ก่อนทำพิธีเผาจริง 23.00 น.
    นับเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้ายต่อการจากไปของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อายุ 108 ปี อดีตนายตำรวจมือปราบจอมขมังเวทชื่อดังของภาคใต้ ที่ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ท่ามกลางประชาชนนับแสนคน จากทั่วทุกสารทิศที่พากันหลั่งไหลเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งวัน
    เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 ที่ลานศาลาร้อยปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทรงทอดผ้าไตรและทรงวางกระทงข้าวดอกไม้บริเวณหีบศพ ทรงจุดธูปเทียน ทรงวางดอกไม้จันทน์พระราชทานเพลิงศพ พร้อมกันนี้ มีพระราชปฏิสันถารกับบุตร ธิดาของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 17.30 น. [​IMG]
    ต่อมา เจ้าภาพได้เปิดให้ประชาชนนับแสนคนที่เข้าร่วมพิธีเข้าไปวางดอกไม้จันทน์เคารพศพ พร้อมเตรียมแจกวัตถุมงคลเหรียญ "พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช" เป็นที่ระลึก 3 หมื่นชุด และเหรียญด้านหน้าเป็นรูปจตุคามรามเทพ ด้านหลังเป็นรูปพระบรมธาตุเจดีย์อีก 6 หมื่นชุด ปรากฏว่าประชาชนต่างพากันเข้าไปบริเวณหน้าเมรุจนแน่นขนัด ทำให้หลายคนเป็นลมหมดสติ จนชุลมุนวุ่นวาย ส่งผลให้เจ้าภาพไม่สามารถแจกเหรียญที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนอยู่ในความเรียบร้อย แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากประชาชนต้องการรับเหรียญที่ระลึก ทำให้เจ้าภาพต้องงดแจกเหรียญ เพราะเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายจนเกิดเหตุอันตรายแก่ประชาชนที่เบียดเสียดรอรับเหรียญ ซึ่งเหรียญดังกล่าวได้แจกให้แก่ข้าราชการระดับสูงที่มาร่วมงานส่วนหนึ่งเท่านั้น
    ส่วนบรรยากาศพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงเวลา 24.00 น.ถึงเช้า 22 กุมภาพันธ์ ประชาชนนับพันได้ทยอยเข้าสู่ลานวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 10.00 น.ต้องปิดการจราจร บนถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นถนนหลัก เนื่องจากต้องใช้พื้นที่ในการรองรับคลื่นคนจำนวนมาก ที่เข้าสู่บริเวณพิธีจนเต็มวัด [​IMG]
    ตลอดทั้งวันยังมีประชาชนหลายหมื่นคนทยอยเข้าร่วมพิธีอย่างต่อเนื่องจนยอดทะลุหลักแสนคน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน สารวัตรทหาร และกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 4 รวมทั้งอาสาสมัครรักษาดินแดน กองปราบอาสาและเหยี่ยวแจ้งอาชญากรรม ต้องจัดกำลังกว่า 4 พันคนเข้าร่วมดูแลรักษาความปลอดภัย รวมทั้งมีแพทย์และพยาบาลมาคอยดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ เนื่องจากเริ่มมีประชาชนเป็นลมเพราะอากาศร้อนขึ้นตามลำดับ
    ขณะที่บริเวณลานพิธี ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด เนื่องจากเป็นบริเวณเขตพระราชฐานชั่วคราว เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งพลับพลาที่ประทับและบนเมรุชั่วคราวที่มีการเคลื่อนศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่บรรจุในหีบทองสลักลายพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตั้งตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง มาดูแลความเรียบร้อยทุกขั้นตอน
    น่าสนใจว่า ที่ด้านหน้าวัดยังมีการนำวัตถุมงคล หนังสือ และภาพถ่ายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับความสนใจมากถึงกับเบียดเสียดแย่งกันซื้อ ถึงแม้ราคาจะขยับขึ้นจากเดิมหลายเท่า [​IMG]
    มีรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 17.30-20.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ประชาชนยังคงหลั่งไหลขึ้นเคารพศพอย่างต่อเนื่อง คาดว่าใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 ชม.ประชาชนคงเบาบางลง จึงจะมีการประชุมเพลิงพระราชทานจริงในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน
    แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง 20.30 น. ประชาชนเรือนหมื่น ยังคงปักหลักอยู่ที่วัดพระมหาธาตุฯ ส่วนหนึ่งรอเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเผาจริง อีกส่วนหนึ่งยังปักหลักรอรับเหรียญและหนังสือที่ระลึก แม้ว่าขณะนี้เจ้าภาพจะไม่กล้านำมาแจก เนื่องจากในช่วงเย็น ขณะเจ้าภาพกำลังแจกของที่ระลึก ปรากฏว่ามีคลื่นมหาชนนับหมื่นคนเบียดเสียดกัน จนเกรงจะเกิดความวุ่นวายจึงได้ยุติการแจกทันที เพราะเกินกำลังที่เจ้าหน้าที่จะดูแลได้ทั่วถึง
    เวลา 21.00 น. ประชาชนนับหมื่นคนยังคงปักหลักอยู่บริเวณลานศาลาร้อยปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และมีการส่งเสียงโห่ร้องออกมาเป็นระยะ โดยมีตำรวจและอาสาสมัครนับพันนาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัย
    เวลา 22.20 น. บรรดาลูกหลาน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้ตั้งจุดแจกเหรียญที่ระลึกอีกครั้ง ที่หน้าโรงเรียนวัดพระมหาธาตุ ซึ่งมีรั้วติดกับวัด และห่างจากเมรุเผาศพประมาณ 100 เมตร เพื่อต้องการให้ประชาชนภายในวัดเคลื่อนออกมาด้านนอกก่อนทำพิธีเผาจริง พบว่ามีการแจกเหรียญขุนพันธ์ 4 หมื่นเหรียญ โดยใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็หมดในพริบตา
    ล่าสุดเวลา 23.00 น. ได้มีพิธีจุดเพลิงพระราชทาน โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเป็นผู้เชิญเพลิงพระราชทาน ท่ามกลางประชาชนนับหมื่นคน แต่ขณะที่มีการเชิญเพลิงพระราชทานนั้น ประชาชนได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาเป็นระยะ ท่ามกลางบรรดาลูกหลานขึ้นบนเมรุชั่วคราว เพื่อดูหน้า พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการเผาจริงในที่สุด
    นายสมชาย รักษ์บำรุง อายุ 40 ปี ชาว อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในช่วงที่มีการแจกเหรียญในเย็นวันเดียวกัน ตนอยู่ในเหตุการณ์ พบว่าชาวบ้านได้กรูกันเข้าไปรับของที่ระลึกจนขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะมีคนมากเกินไป ทำให้เจ้าหน้าที่ที่มีน้อยไม่สามารถกันฝูงชนได้ จึงทำให้ภาพออกมาไม่น่าดู เข้าใจว่าหากยังมีการแจกต่อความวุ่นวายเกิดขึ้นรุนแรงแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องมีการเหยียบกันแน่ๆ จึงเห็นด้วยที่ระงับการแจกไว้ก่อน
    พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ได้มีการจัดกำลังอย่างเต็มที่ แต่ด้วยจำนวนประชาชนนับแสนทำให้เกิดความยากลำบากในการปฏิบัติภารกิจ ประกอบกับมวลชนที่ทะลักฝ่าแผงกั้นเข้ามาทำให้ควบคุมลำบาก
    สำหรับ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมู่ 5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีฯ รับราชการเป็นนายตำรวจยศร้อยตรีในปี 2473 กระทั่งปี 2503 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 และได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี เกษียณอายุในปี 2507 และถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา เมื่อ 5 กรกฎาคม 2548 สิริอายุรวม 108 ปี
    ตลอดชีวิตรับราชการ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช สร้างเกียรติประวัติในตำแหน่งหน้าที่มากมาย จนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั่วไปในภาคใต้และจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติประวัติในการปราบปรามโจรผู้ร้ายคนสำคัญๆ ของจังหวัดต่างๆ นอกจากนั้น ยังเป็นผู้สนใจวิชาการทั่วไป โดยเฉพาะทางด้านประวัติศาสตร์ คติชนวิทยา และไสยศาสตร์เป็นพิเศษ หมายเหตุ -ชมการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการถ่ายภาพในงานศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชโดยเข้าใจกันว่าเป็นภาพปาฏิหาริย์หรือไม่ที่ http://www.oknation.net/blog/jaofoto/2007/02/21/entry-1 หรืออ่านความเห็น - ยังมีคนจริง..แบบท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช..ในยุคนี้อีกมั๊ย http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2007/02/22/entry-1
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...