เรื่องเด่น แนะสวด รัตนสูตร สู้ไวรัสโคโรน่า ดังยุคพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงให้สวดพระคาถานี้เพื่อระงับโรคร้าย

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์, 1 มีนาคม 2020.

  1. โพธิสัตว์

    โพธิสัตว์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    113
    กระทู้เรื่องเด่น:
    92
    ค่าพลัง:
    +726
    Buddha-Weekly-Buddha-Teaching-Buddhism.jpg
    พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร เจ้าอาวาสวัดจากแดง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้นําพระสงฆ์และสาธุชน สวดพระคาถารัตนสูตร ในหอประชุมจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ ก.พ. ๒๕๖๓

    โดยกล่าวว่า ช่วงนี้หลายคนกลัวโรคระบาดมาก ทําอย่างไรเราจะนําพุทธธรรมเข้าไปแก้ ๑.ศีล เป็นเสื้อเกราะ หน้ากากและพระ ๒.ปริตรเป็นโล่ ๓.ปัญญาเป็นอาวุธ เพราะฉะนั้นทุกท่านที่รักษาศีลไว้ดี เสื้อเกราะมีอยู่แล้ว แต่อยากจะเพิ่มโล่คือหน้ากาก กับพระปริตร วันนี้ทุกท่านพกหน้ากากมาแล้ว

    พระปริตรที่เหมือนโล่คอยป้องกันโรคติดต่อ คือ รัตนสูตร


    rattanaprit-chanting-2020-pranom-thammalangaro-feb11-march11-news.jpg
    พระคาถารัตนสูตร (สวดรัตนปริตร) พระพุทธเจ้าได้สอนให้กับพระอานนท์ไปสวดที่เมืองเวสาลี ซึ่งเกิดโรคระบาดหนัก ทางการเอาไม่อยู่สุดท้ายไปกราบทูลพระพุทธองค์ให้ช่วย พระพุทธองค์ก็ทรงส่งพระอานนท์ไป ท่านสวดรัตนสูตรสวดเพียงองค์เดียวแต่ก็เห็นผล ผู้คนสงสัยว่าทําไมส่งแค่พระมาสวดองค์เดียวแต่เห็นผล คำตอบก็คือ
    • ๑. สวดถูกอักขระวิธี สวดช้า ๆ ชัด ๆ
    • ๒. แปลได้เข้าใจความหมายทุกตัวอักษร อย่างน้อมจิตไปในความหมาย
    • ๓. มีเมตตาอันบริสุทธิ์ ไม่ได้มุ่งหวังว่าถ้าสวดแล้ว เขาจะถวายปัจจัย เขาจะสรรเสริญยกย่องเรา ไม่หวังลาภ สักการะ ชื่อเสียงใดๆ ทั้งสิ้น คือมีเมตตาอันบริสุทธิ์
    ถ้าผู้ใด สวดรัตนปริตร ได้คุณสมบัติ ๓ ประการนี้ สวดเพียง ๑ จบ ก็เห็นผลเหมือนดั่งที่พระอานนท์ท่านสวด

    burmese-monk-who-can-remember-all-tripitaka-newspaper-253x300.jpg
    พล.อ.ต.สุรินทร์ คุมจั่น (ป.ธ.๙) อนุศาสนาจารย์ กล่าวกับทีมข่าวธรรมนําโลก
    ในวันตัดหวายลูกนิมิต ณ วัดไทรใหญ่ ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย นนทบุรี โดยแนะสวดพระคาถารัตนสูตรว่า มีชาวพุทธปรารภถึงสถานการณ์ที่เกิดภัยไข้เจ็บ ไวรัสโคโรร่า(อู่ฮั่น) เป็นโรคในยุคพุทธกาลก็มี เมื่อเกิดโรคร้ายมาเช่นนี้ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าให้สาวก คือพระอานนท์นํารัตนสูตรไปสาธยาพร้อมกับ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองไพศาลี ซึ่งขณะนั้นกำลังเกิดโรคระบาด คนล้มตาย ข้าวยากหมากแพง เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นในบ้านในเมือง พระพุทธเจ้าให้สวดรัตนสูตร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์รอบเมือง จากนั้นไพศาลีโรคภัยไข้เจ็บ ก็ระงับหายไป ด้วยอํานาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณและสังฆคุณ

    รัตนสูตรคือบทสวดที่สรรเสริญ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ขึ้นต้นบทสวดก็ยัง “กิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุ รัง วา…” ซึ่งเวลานี้ เรานิมนต์พระไปทําบุญพระ ก็จะสวดบทนี้ และเมื่อจะทําน้ำมนต์ ก็เรียกว่ารัตนสูตร

    ต่อข้อถามยุคนี้ไวรัสอู่ฮั่นเปรียบกับโรคภัยในยุคพุทธกาลได้หรือไม่ พล.อ.ต.สุรินทร์ คุ้มจั่น กล่าวได้ตรงกันเลยว่า โรคก็คือโรค เกิดจากความไม่สะอาด ความสกปรก เกิดจากเชื้อไวรัส ถ้าจะถามว่าบทสวดมนต์หรือพุทธานุภาพช่วยระงับโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างไร ต้องบอกว่าด้วย อํานาจพุทธคุณ อํานาจพระปริตร และอํานาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาบ้านรักษาเมือง เมื่อรวมอํานาจพลังสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ โรคภัยไข้เจ็บหรือสิ่งไม่ดีไม่งาม พลังฝ่ายไม่ดี ฝ่ายลบ สิ่งเหล่านี้ก็สู้ไม่ได้ เมื่อเราเติมพลังฝ่ายดีเข้าไป มาก ๆ (ธรรมนำโลก, 2563 )

    พระคาถา รัตนสูตร

    ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานี ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ อะโถปิ สักกัจะ สุณันตุ ภาสิตัง ตัสมา หิ ภูตา นิสาเมถะ สัพเพ เมตตัง กะโรถะ มานสียา ปะชายะ ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง ตัสมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา ฯ

    ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา สัคเคส วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง นะ ใน สะมัง อัตติ ตะถาคะเตนะ อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง สะมาธิมานันตะริกัญญะมาตุ สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    เย ปคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา จะตุพภิ วาเตภิ อะสัมปะกัมปิโย ตะกูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ

    เย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปัสสะติ อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ เย อะริยะสัจจานิ วิภาวะยันติ คัมภีระปัญเญนะ สุเทสิตานิ กิญจาปิ เต โหนติ ภุสัปปะมัตตา นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ ตะยัสสุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉิตัญจะ สีลัพพะตัง วาปี ยะทัตถิ กิญจิ จะตูหะปาเยหิ จะ วิปปะมุตโต ฉะ จาภิฐานานิ อะภัพโพ กาตุง อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    กิญจาปิ โส กัมมัง กะโรติ ปาปะตัง กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมิง คิมเห ตะถูปะมัง ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ นิพพานะคามิง ปะระมัง หิตายะ อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    ยานธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    ยานธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

    ยานธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข เตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ


    ความหมายรัตนสูตร ในขุททกปาฐะ

    [๗] ภูตเหล่าใด ประชุมกันแล้วในประเทศนี้ก็ดี หรือภุมมเทวดา เหล่าใดประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี ขอหมู่ภูตทั้งปวงจงเป็นผู้มีใจดี และจงฟังภาษิตโดยเคารพ ดูกรภูตทั้งปวง เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟัง ขอจงแผ่เมตตาจิตในหมู่มนุษย์ มนุษย์เหล่าใด นําพลีกรรมไปทั้งกลางวันทั้งกลางคืน เพราะเหตุนั้นแล

    ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทรักษามนุษย์เหล่านั้น ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้น เสมอด้วยพระตถาคตไม่มีเลย

    พุทธรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วย สัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระศากยมุนีมีพระหฤทัยดํารงมั่น ได้บรรลุธรรมอันใดเป็นที่สิ้นกิเลส เป็นที่สํารอกกิเลส เป็นอมฤตธรรมอันประณีต ธรรมชาติอะไรๆ เสมอด้วยพระธรรมนั้น ย่อมไม่มี

    ธรรมรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญแล้วซึ่งสมาธิใดว่าเป็นธรรมอันสะอาด บัณฑิตทั้งหลายกล่าวซึ่ง สมาธิใด ว่าให้ผลในลําดับ

    สมาธิอื่นเสมอด้วยสมาธินั้นย่อมไม่มี ธรรมรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    บุคคล ๘ จําพวก ๔ คู่ อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว บุคคลเหล่านั้นควรแก่ทักษิณาทาน เป็นสาวกของพระตถาคต ทานที่บุคคลถวายแล้วในท่านเหล่านั้น ย่อมมีผลมาก สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีตด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระอริยบุคคลเหล่าใด ในศาสนาของพระ โคดม ประกอบดีแล้ว [ด้วยกายประโยคและวจีประโยคอันบริสุทธิ์ มีใจมั่นคงเป็นผู้ไม่มีความห่วงใย [ในกายและชีวิต]

    พระอริยบุคคลเหล่านั้น บรรลุอรหัตผลที่ควรบรรลุหยั่งลงสู่อมตนิพพาน ได้ซึ่งความดับกิเลสโดยเปล่า เสวยผลอยู่ สังฆรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะ อันประณีต ด้วยสัจจะวาจานี้ขอความสวัสดีจง มีแก่สัตว์เหล่านี้

    เสาเขื่อนที่ฝังลงดินไม่หวั่นไหวเพราะลมทั้งสี่ทิศ ฉันใด ผู้ใดพิจารณาเห็นอริยสัจทั้งหลาย เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นสัตบุรุษผู้ไม่หวั่นไหวเพราะโลกธรรมมีอุปมาฉันนั้น สังฆรัตนะนี้ เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระอริยบุคคลเหล่าใด ทําให้แจ้งซึ่งอริยสัจทั้งหลาย อันพระศาสดาทรงแสดงดีแล้ว ด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง พระอริยบุคคลเหล่านั้น ยังเป็นผู้ประมาทอย่างแรงกล้าอยู่ก็จริง ถึงกระนั้น ท่านยอมไม่ยึดถือเอาภพที่ ๘ สังฆรัตนะแม่นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    สักกายทิฏฐิและวิจิกิจฉา หรือแม้สีลัพพต ปรามาส อันใดอันหนึ่งยังมีอยู่ ธรรมเหล่านั้น อันพระอริยบุคคลนั้นละได้แล้วพร้อมด้วยความถึงพร้อมแห่งการเห็น [นิพพาน] ทีเดียว

    อนึ่ง พระอริยบุคคลเป็นผู้พันแล้วจากอบาย ทั้ง ๔ ทั้งไม่ควรเพื่อจะทําอภิฐานทั้ง ๖ [ คือ อนันตริยกรรม ๕ และการเข้ารีด] สังฆรัตนะแม่นี้เป็นรัตนะ อันประณีต ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระอริยบุคคลนั้นยัง ทําบาปกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจก็จริง ถึงกระนั้นท่านไม่ควร เพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันนั้น ความที่บุคคลผู้มีธรรมเครื่องถึงนิพพาน อันตนเห็นแล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อปกปิด บาปกรรมนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว สังฆรัตนะแม้นี้ เป็นรัตนะอันประณีตด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พุ่มไม้ในป่ามียอดอันบานแล้วในเดือนต้น ในคิมหันตฤดู ฉันใดพระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐยิ่ง เป็นเครื่องให้ถึงนิพพาน เพื่อประโยชน์เกื้อกูลมีอุปมา ฉันนั้นพุทธรัตนะ แม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงทราบธรรมอันประเสริฐ ทรงประทานธรรมอันประเสริฐ ทรงนํามาซึ่งธรรมอันประเสริฐ ไม่มีผู้ยิ่งไปกว่า ได้ทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ พุทธรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีตด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    พระอริยบุคคลเหล่าใดผู้มีจิตอันหน่ายแล้ว ในภพต่อไป มีกรรมเก่าสิ้นแล้ว ไม่มีกรรมใหม่เครื่องสมภพพระอริยบุคคลเหล่านั้น มีพืชอันสิ้นแล้ว มีความพอใจไม่งอกงามแล้ว เป็นนักปราชญ์ ยอมนิพพาน เหมือนประทีปอันดับไป ฉะนั้น สังฆรัตนะ แม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจจะวาจา นี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    ภูตเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในประเทศนี้ก็ดี หรือภุมมเทวดาเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดี เราทั้งหลาย จงนมัสการ พระพุทธเจ้า ผู้ไปแล้วอย่างนั้น ผู้อันเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บูชาแล้ว ขอความสวัสดี จงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    ภูตเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในประเทศก็ดี หรือภุมมเทวดาเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดี เราทั้งหลาย จงนมัสการ พระธรรม อันไปแล้วอย่างนั้น อันเทวดาและมนุษย์ บูชาแล้ว ขอความสวัสดี จงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    ภูตเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในประเทศนี้ก็ดี หรือ ภุมมเทวดาเหล่าใดประชุมกันแล้ว ในอากาศก็ดี เราทั้งหลาย จงนมัสการ พระสงฆ์ ผู้ไปแล้วอย่างนั้น ผู้อันเทวดาและมนุษย์ บูชาแล้ว ขอความสวัสดี จงมีแก่สัตว์เหล่านี้

    จบ รัตนสูตร ฯ — อ้างอิง พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ- ธรรมบทอุทาน – อิติวุตตกะ- สุตตนิบาต หน้าที่ ๓ – ๖ หัวข้อที่ ๗

    แหล่งอ้างอิง:
    ธรรมนำโลก. (2563). สวดรัตนสูตร เสริมพลังสู้ปัดเป่าไวรัสมหันตภัยโคโรน่า (อู่ฮั่น) ดังยุคพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงให้สวดพระคาถานี้ เพื่อระงับโรคร้าย. เข้าถึงได้จาก

    .




     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ไฟล์เสียง บทสวด รัตนสูตร - สมเด็จพระญาณสังวรฯ

    รัตนสูตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงสอนแก่พระอานนท์ เพื่อใช้สวดขจัดปัดเป่าภัยพิบัติร้ายแรงทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับชาวกรุงเวสาลี มีทั้งโรคระบาด อันตรายจากภูตผีปีศาจ ความอดอยากล้มตาย

    พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้พระอานนท์เถระรำลึกถึงคุณพระรัตนะ คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทำสัจกิริยาประพรหมน้ำพระพุทธมนต์ให้เกิดความสุขสวัสดีแก่ชาวกรุงเวสาลี ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนสูตรนี้ ภัยพิบัติร้ายแรงได้ระงับลงอย่างฉับพลัน
    ปัจจุบันนิยมสวดรัตนสูตรทุกครั้งที่มีการทำน้ำพระพุทธมนต์ ทั้งยังมีอานุภาพป้องกันจากโจรผู้ร้าย นายผู้ปกครอง อาวุธ เคราะห์กรรม สัตว์ร้ายและภัยธรรมชาติอีกด้วย



    ที่มา sombool2012
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ขออนุญาติ เจ้าของกระทู้ ครับ
    เพิ่มเติมอีกเวอร์ชั่นให้ครับ ไพเราะดี ฟังแล้ว สงบสบาย น่าจะทำให้เข้าถึงกระแสเมตตา ได้ง่าย
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=7662&Z=7746

     

แชร์หน้านี้

Loading...