Lorenzo'oil หนังครอบครัวใน วันพ่อกับวันแม่

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Inner Smile, 4 ธันวาคม 2009.

  1. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    [​IMG]
    Lorenzo s Oli ตราบที่ความหวังยังไม่หมด
    Lorenzo's Oli เป็นเรื่องของเด็กชายลอเร็นโซวัย 5 ขวบซึ่งป่วยเป็นโรค Adrenoleukodystrophy หรือ ALD ที่วงการแพทย์(ขณะนั้น) แทบไม่รู้จัก จึงไม่มีทางรักษา

    พ่อแม่ของลอเร็นโซไม่ยอมรับการวินิจฉัยโรคและการรักษา (ที่แทบไม่ได้รักษาอะไรเลย) ของนายแพทย์ ทั้งคู่จึงใช้พยายามในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับโรค ALD เพื่อหาทางหยุดยั้งอาการที่ทรุดลงตามลำดับของลูกชายตนเอง
    <object height="344" width="425">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/CxkylRxJxh8&color1=0xb1b1b1&color2=0xcfcfcf&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="344" width="425"></object>
    หลังผ่านทั้งความสำเร็จและล้มเหลว ผ่านความดีใจและเสียใจแทบจะเวลาเดียวกัน ทั้งคู่ทำให้มนุษย์เริ่มตระหนักว่า...ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง อาศัยกำลังใจและความอดทนเหนือมนุษย์ ทั้งคู่พบยาที่สามารถหยุดยั้งโรค ALD
    ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตลอเร็นโซลูกชาย แต่ยังสามารถช่วยเด็กอีกหลายร้อยรายทั่วโลก ที่ป่วยเป็นโรคนี้ได้


    ยาที่ว่าหาใช่สิ่งวิเศษหายาก แต่เป็นของพื้นๆที่ผู้คนใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นคือน้ำมันมะกอกกับน้ำมันละหุ่ง

    ภายหลังวงการแพทย์เรียกยานี้ว่า Lorenzo's Oil เพื่อให้เป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ!

    .............................................
    Lorenzo s Oli ��Һ��������ѧ�ѧ����� By call me Beckham On PHA Board
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2009
  2. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    เรียนรู้ กับ การดูหนัง เรื่อง Lorenzos oil
    จาก คนไร้กรอบ - Living company - เรียนรู้ กับ การดูหนัง เรื่อง Lorenzos oil

    คุณเป็นใคร คุณเกิดมาทำไม ความต้องการที่แท้จริงของคุณคืออะไร
    เรียนรู้ กับ การดูหนัง เรื่อง Lorenzos oil
    นำแสดงโดยดาราดังอย่าง Nick Nolte & Susan Sarandon เป็นพ่อแม่ของเด็ก หนังเก่า แต่ก็ดีมาก เหมาะสำหรับฝึกการ “คว้าจับ (capture)” ความรู้ ทั้งที่เป็น ค้นพบแบบ ตรงๆ ซื่อ (finding) และ ค้นพบภายในใจ ในกายของเรา ( feeling) ไปจนถึง การทำจิตให้เข้า สภาวะ Presencing (มาจาก Present + sensing อยู่กับปัจจุบันขณะ และ ตื่นรู้ มีสติ) ก็จะ ปิ๊งแนวคิด ไอเดีย หรือ Intuition ดีๆ ออกมามากมาย
    เป็นเรื่องจริง ของ พ่อแม่ ที่ ลูกชายวัย ๕ ขวบ ต้องเจอกับโรคร้าย ALD (adrenoleukodystrophy) ที่รักษายาก เกิดขึ้น 1 : 45000 ถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม มีแม่เป็นพาหะ เป็นในเด็กชาย ช่วง 5 – 10 ขวบ และ จะตายในระยะเวลา อีก 1 – 2 ปี หลังจากที่พบว่าเป็น ตายด้วยอาการสมองเสื่อม กล้ามเนื้อไม่ทำงาน ฯลฯ
    หนัง เริ่มเรื่อง ในฉากที่ หมู่เกาะ Comoros ในมหาสมุทรอินเดีย (อยู่ระหว่าง อัฟริกาตะวันออก กับ เกาะมาดากัสการ์) ตอนที่ พ่อแม่ ของเขาไปทำงานใน Comoros นี้ เห็นความน่ารักของ Lorenzo และ ความร่าเริงสดใสของชุมชนประมงเล็กๆ ที่มีความสุข รวมทั้ง โอมูรี เด็กหนุ่มผิวดำ มุสลิม ที่สนิทกับ Lorenzo
    พอ Lorezo อายุ 5 ขวบ ครอบครัวของ Odone ก็กลับมา Wahington DC
    ในหนังเรื่องนี้ จะเห็น ความเห็นแก่ตัวของคน อัตตาของคนวงการแพทย์ กระบวนทัศน์ของนักวิทยาศาสตร์ที่คับแคบ และ จะได้เห็น ความอดทน ต่อสู้ของคนที่เป็นพ่อแม่ ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ สร้างแรงบันดาลใจ (Open will) ให้หลายๆคนกล้าที่จะทำ สู้ๆๆๆๆ
    จะได้ยิน คำพูดกระเทือนใจ เช่น
    “เสียใจด้วยนะ ลูกของคุณเป็นโรคที่ไม่ค่อยมีใครเป็น ไม่มีใครวิจัยโรคหรอก มันไม่คุ้ม.. แต่ถ้า เป็นปรมาณู พวกเขา (นักวิทยาศาสตร์) สามารถคิดได้ภายใน 28 เดือน”
    “คุณ (หมอ) ไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะ เขาไม่ใช่ลูกของคุณ”
    จะเห็นภาพ กระเทือนใจมากมาย ฉากที่ พยาบาล ซังกะตายเฝ้าไข้เด็กอายุ ๗ ขวบ รักษาคนเหมือนเครื่องจักร ในขณะที่แม่เด็ก รู้จักการรักษาแบบองค์รวม (Holistic) แบบ Human side มากกว่าพยาบาล(สมัยนั้น)
    คำพูดกระเทือนคนไข้ ที่เห็นได้บ่อยๆ คือ “คุณไม่ใช่หมอ คุณอย่ารู้เลย” แต่ พ่อของ Lorenzo ก็ศึกษาด้วยตนเอง เข้าห้องสมุดแพทย์ ลงทุนจัดสัมนาให้หมอจากแดนไกลมาประชุมกัน จนต้องจำนองบ้าน เพียงเพื่อให้หมอ ได้มาอภิปรายกัน 1 วัน ด้วยอาหารอร่อย โรงแรมดี
    หนังเรื่องนี้ ฝึกจิตได้ดีมาก ถ้า “อิน” เราสามารถหลั่งน้ำตาได้ ไม่ว่าชายหรือหญิง

     
  3. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    หนังใช้เพลง มุมกล้องแบบกดๆ ถ่ายจากมุมล่าง แสงสีฟ้า การเน้นแสงอบอุ่น (ส้ม) ในบางช่วง กระตุ้นอารมณ์ โดยเฉพาะแววตาของแม่
    เห็น โอมูรี เด็กหนุ่มจาก อัฟริกัน ที่เป็นมุสลิม แต่ น้ำใจเหลือล้น พ่อเด็กเป็นคนลงทุน นำ โอมารี ซึ่งเคยเป็นเพื่อนของ Lorenzo มาก่อน บินข้ามทวีปมาหาที่ Washington DC ก่อนจะพามา พ่อพูดว่า “น่าสงสาร โอมารีนะ เป็นคนดำ มุสลิม แต่ ต้องมาเมืองที่เหยียดผิว เหยียดศาสนา เช่นนี้”
    แม้โอมารี จะเป็นเด็ก ผิวดำ ต่างศาสนา แต่ โอมารี รู้จัก การรักษาด้วย "ใจ" สู่ "ใจ" เป็นความบริสุทธิ์ทางใจ ที่ หมอ พยาบาล นักวิทย์ ฯลฯ สมัยนั้น ขาดแคลน
    โอมารี พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้ แต่ ทันทีที่เห็นหน้า Lorenzo เขา จับมือ Lorenzo และ ร้องเพลงเบาๆให้ฟัง
    คนดู สะใจ ที่เห็น แม่เด็ก ขับไล่ พยาบาลที่ "แข็งโป๊ง" ทำงานแบบไม่มี "หัวใจ" ด้วยการโยน กระเป๋าพยาบาลออกไปนอกประตู และ บอกว่า "ไปสะ"
    จะ เห็น พยาบาล แพทย์ สักกี่คนในโลก( สมัยนั้น) ที่ รักษาคนไข้แบบองค์รวม !!! ในขณะที่ ความต้องการเป็นใหญ่ในอาชีพ บ้านสวย รถแพง เที่ยวเมืองนอก ตำแหน่ง ชื่อเสียง อัตตา ฯลฯ มันเป็น เสียงเรียกภายในของพวกเขา
    ระบบการศึกษาที่ห่างเหินการเข้าสู่ต้นตอของชีวิต (Connecting to the source) สืบค้นรากเหง้าของชีวิต ก็จะผลิต "บัณฑิตหัวใจกระด้าง" ออกมา เสพนิยม บริโภคนิยม กอบโกย อยู่บนความกลัว เห็นคนอื่นโง่กว่า ไม่เคยได้ยินเสียงภายใน (inner voice) ของตนเอง ไม่รับรู้ ไม่ sense ไม่คิดเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ฯลฯ
    เห็น คนนิสัย “กระทิง” (พ่อแม่) ที่ต้องต่อสู้ กับ พวกนิสัย “หมี” เช่น นักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ พ่อแม่ของเด็กที่เป็นโรคนี้ ฯลฯ ที่ ระมัดระวัง ไม่กล้าเสี่ยง
    คนที่ชอบ ผู้หญิงนักสู้ และ ผู้ชายนักเรียนรู้ ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้
    มีหลายฉาก ที่เป็น dialogue (สุนทรียสนทนา) ซึ่งหากไม่มีการคุยกันดีๆแบบนี้ ทั้งผัวเมีย คยทะเลาะ ตบตี ปล่อยลูกชายตายไปนานแล้ว ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ ได้ทำให้ หมอในหลายๆประเทศ ได้ “ฉุกคิด” และ เริ่มมาสนใจเรื่องของจิตใจ การรักษาคนไข้ไม่ใช่รักษาโรค
    ดูเรื่องนี้ จะเข้าใจ Theory U ของ Otto C Scharmer มากขึ้น การ “ค้นพบ” ที่สำคัญ อยู่ที่การสังเกต การออกนอกกรอบ กระบวนการการเรียนรู้ ฯลฯ เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็น “กระบวนกร”
    มีการแปลผิด อย่างแรง คือ ในหนัง subtitle แปลคำว่า rapeseed ว่า “ละหุ่ง” แต่ จริงๆแล้ว ไม่ใช่ครับ Rapeseed คือ rapeseed หรือ Canola เป็นพืชตระกูล rape คนที่ไปเที่ยวฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ฯลฯ คงจะเคยเห็น เป็นทุ่งสีเหลืองอร่าม (ตอนไปอินเดีย หญิงไทย ลงไปเก็บดอกไม้ ในทุ่งนี่แหละ) ..... บางที คนไทยเรียกทุ่งมัสตาด แต่ ฝรั่งงง
    ตอนนี้ Lorenzo อายุ 29 ปีแล้ว นอนเป็นอัมพาต อยู่บนเตียง พ่อของเขาสูบบุหรี่หนักมากๆ ได้ ปริญญากิติมาศักดิ์ทางแพทย์ แต่ น่าเศร้า ปี 2000 แม่ของเขา ตายเพราะ มะเร็งในปอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ เครียดจัด ดูแลลูกนาน ถึง 24 ปีเต็ม และ ต้องสูดควันบุหรี่ของสามีมากไปหรือเปล่า
    พ่อของเขา Augusto ยังไม่หยุดยั้งที่จะวิจัยต่อไป
    ตอนที่ พ่อแม่ รู้ว่า แม้นจะได้ทาน Lorenzos oil ลูกของเขาก็ไม่หายขาด ต้องเป็นผัก (vegetable) ตลอดกาล แม่เสียขวัญมาก แต่ พ่อบอกว่า "อย่าคิดว่าเราทำเพื่อลูกของเราสิ เราทำเพื่อลูกของคนอื่นๆด้วย" ... นี่แหละ จิตอาสา นี่แหละ หัวใจของแพทย์ ที่ไม่ได้เรียนแพทย์
    แพทย์ทั้งหลายอ่านกระทู้นี้แล้ว อย่าโกรธผมนะ มีแพทย์ดีๆเยอะ และ สมัยโน้น กับ สมัยนี้ อะไร อะไร ก็เปลี่ยนไปแล้ว
     
  4. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,329
    [​IMG]


    ลูกคือดวงใจของพ่อและแม่....
     

แชร์หน้านี้

Loading...