พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2359.jpeg IMG_2360.jpeg IMG_2361.jpeg IMG_2358.jpeg IMG_2357.jpeg

    น้ำเต้ากันภัยพระสังวราชุ่ม วัดพลับ กทม
    เนื้อrาแกะอุดผงฝังตะกรุด


    พระเถระยุคเก่าผู้เชี่ยวชาญทางเวทย์วิทยาคมอีกท่านหนึ่งของเมืองไทย (ชาตะ 2396 มรณภาพ 2470) น้ำเต้ากันไฟของท่านนับเป็นน้ำเต้าอันดับหนึ่งที่หายากที่สุด วัสดุที่ใช้สร้างมีทั้งไม้มงคลนาม/งาแกะและผงคลุกรัก พระสังวราชุ่มท่านพบตำราการสร้างระหว่างการออกธุดงค์วัตรที่จังหวัดสระบุรี โดยท่านได้เดินทางไปพบศาลาพักร้อนที่รอดจากไฟไหม้ป่าตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่มอดไหม้ เมื่อท่านเดินเข้าไปจึงพบน้ำเต้าลูกใหญ่ผูกเอาไว้กับอกไก่ในศาลา ภายในน้ำเต้าบรรจุใบลานจารึกบทพระคาถาป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ลูกนี้สภาพสวยแชมป์ ผิวหิ้ง ไม่ผ่านการใช้ ที่ก้นอุดผงพุทธคุณ หายากที่สุดที่เป็นขนาดบูชาที่พบในวงการเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้น

    เนื้อrาแกะหายากมาก รับประกัน

    บูชา 3,500 บาท


    เครื่องรางของขลังที่ถือกันว่ามีพุทธานุภาพ เข้มขลังในด้าน "ป้องกันอัคคีภัยตามเคหสถานบ้านเรือน" ก็คือเครื่องรางของขลังในรูปแบบของ "น้ำเต้า" และน้ำเต้าที่มีชื่อเสียงรู้จักกันแพร่หลายและมีประสบการณ์จนขึ้นชื่อลือชาที่สุดเห็นจะได้แก่ น้ำเต้ากันไฟของ พระสังวรานุวงษ์เถร (ชุ่ม) หรือ ท่านเจ้าคุณสังวรา (ชุ่ม) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 16 ของวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
    สำหรับวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้มีด้วยกันหลายอย่าง เช่น ตะกรุดสามกษัตริย์,น้ำเต้ากันไฟ,พระพิมพ์เล็บมือ หรือพิมพ์ซุ้มกอ เนื้อชินตะกั่วถ้ำชา,พระพิมพ์ห้าเหลี่ยม เนื้อชินตะกั่วถ้ำชา และเนื้อสำริด, พระพิมพ์สองหน้า เนื้อชินตะกั่วถ้ำชา,พระพิมพ์เนื้อเงิน และเนื้อทองฝาบาตร,พระปิดตา เนื้อตะกั่วอาบปรอท ทั้งนี้ ด้านหลังพระเนื้อตะกั่วแทบทุกพิมพ์ จะมีเหล็กจารตัวเฑาะ ขัดสมาธิ หรือลงอักขระขอมอ่านว่า "อิ กะ วิ ติ" มีตัว "นะ" อยู่ตรงกลาง ที่เรียกกันว่า ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า

    ทางด้านพุทธคุณ กล่าวขวัญกันว่า ดีเด่นทางแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด บรรดาเซียนพระรุ่นเก่า และนักสะสมรุ่นอาวุโสล้วนมีวัตถุมงคลของท่านพกพาติดตัวอย่างน้อยหนึ่งองค์ และเคยได้ประสบการณ์มาแล้วมากต่อมาก บางท่านก็ภาวนาพระคาถาของท่านคือ "พระโสนามะยักโข เมตทันตปริวาสะโก อะสุณิหะเตโหตะโต ชยะมังคละ" พระคาถานี้ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก ท่านเจ้าคุณสังวราฯ(ชุ่ม) จารลงในใบลาน ใช้ป้องกันไฟ ป้องกันฟ้าผ่า กันคุณไสย อัปมงคลและสิ่งชั่วร้ายทั้งมวล

    อัตตโนประวัติของ เจ้าคุณสังวรา (ชุ่ม) ท่านเกิดที่บ้าน ต.เกาะท่าพระ อ.บาง กอกใหญ่ จ.ธนบุรี เมื่อวันพุธที่ 16 พ.ย. 2396 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 ตรงกับปีฉลู จ.ศ.1215 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงประสูติ

    เป็นบุตรของนายอ่อนและนางขลิบ เยาว์วัยได้เรียนอักขรสมัยในสำนักพระอาจารย์ทอง วัดราชสิทธาราม ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ จนอายุ 13 ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณรในสำนักพระสังวรานุวงษ์เถร (เมฆ) และศึกษาเล่าเรียนในสำนักนี้ตลอดมา

    อายุ 21 ปี เข้าอุปสมบท มีพระสังวรานุวงษ์เถร (เมฆ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านปลัดโต และพระสมุห์กลัด เป็นคู่กรรมวาจาจารย์ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่หลายปี แต่ไม่เคยสมัครเข้าสอบไล่หรือบาลีในสนามหลวง

    เมื่อแตกฉานแล้วจึงหันมาเรียนและขึ้นกรรมฐานกับพระอุปัชฌาย์ เริ่มจากวิชาธรรมกายจนถึงถอดรูปได้ เรียนอยู่นานจนพระอุปัชฌาย์เชื่อมือ และได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมด จนกระทั่งปีพ.ศ.2422 ได้เป็นพระใบฎีกาฐานานุกรมของพระสังวรานุวงษ์เถร (เมฆ)

    หลังพระอุปัชฌาย์มรณภาพ ท่านก็รับหน้าที่เป็นพระอาจารย์สอนและบอกกรรมฐานพระเณรและคฤหัสถ์ทั่วไป และมีโอกาสได้ออกไปรุกขมูลและถือธุดงค์บ่อยครั้ง สถานที่ที่ท่านชอบไปคือแถบพระพุทธบาทห้ารอย จ.เชียงราย ไปจน ถึงเมืองหงสาวดีและย่างกุ้ง ในประเทศพม่า

    ถึงปีพ.ศ.2431 เลื่อนเป็นพระสมุห์ฐานานุกรมในพระสังวราฯ (เอี่ยม) ต่อมาในปีพ.ศ.2451 ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระราชาคณะที่ พระสังวรานุวงษ์เถร ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อจาก พระมงคลเทพมุนี (เอี่ยม) รับพระราชทานนิตยภัตเพิ่มอีกเดือนละสามตำลึงเสมอด้วยชั้นราช รุ่งขึ้นอีกปีได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เพิ่มนิตยภัตขึ้นอีกเดือนละสองบาทรวมเป็นสามตำลึงครึ่ง

    เจ้าคุณสังวรา (ชุ่ม) เป็นพระมหาเถระที่มีพรหมวิหารสี่ครบถ้วน จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาในหมู่ชนอย่างมาก เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิต มีอุบาสกอุบาสิกาและประชาชนทั่วไปมาฟังธรรมในวัดและเล่าเรียนทางวิปัสสนาธุระกันมากต่อมาก เพราะท่านมีความรู้ความสามารถจึงอบรมสั่งสอนถ่ายเทความรู้ให้จนหมดสิ้น

    ทั้งนี้ ท่านเป็นพระเถระรูปสุดท้ายที่ได้รับพระราชทานพัดหน้านางงาสานต่อจากเจ้าคุณเฒ่า หรือหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ซึ่งหลังจากท่านแล้วก็ไม่มีรูปใดได้รับพระราชทานอีกเลย อาจจะเป็นเพราะไม่มีพระราชาคณะรูปใดเหมาะสม หรือเพราะวัสดุและชิ้นส่วนงาสานนี้มีราคาแพงและหาได้โดยยาก จึงไม่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นอีก

    นอกจากนี้ ท่านเป็นพระอาจารย์ของ พระเกจิอาจารย์สำคัญทางฝั่งธนบุรีหลายรูป เช่น หลวงปู่นาค วัดระฆัง หลวงพ่อพริ้งวัดบางปะกอก และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นต้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2024
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2424.jpeg IMG_2422.jpeg IMG_2421.jpeg IMG_2423.jpeg IMG_2425.png IMG_2377.png IMG_2378.png

    ราหู กะลาตาเดียว อุดผง ครูบาเลิศ วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง ตัวหนังสือจีน รุ่นแรก เลี่ยมเงิน

    บูชา 2,200 บาท

    ราหูกะลาตาเดียว ของครูบาเลิศนั้น รุ่นก่อนๆ มีประสบการณ์ทางพลิกดวง กลับดวง อย่างมากมาย
    ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงและหายาก

    ครั้งนี้ครูบาสร้างกะลาตาเดียวแบบเดิม แต่ให้เป็นรูปวงรี ตามวลีโบราณที่ว่า กาลารีมั่งมีทรัพย์
    ลงราหูตำรับเก่า ล้อมด้วยย้นต์ ล้านนา ที่ครูบาลงกำชับให้ 3 ยันต์ คือ
    ยันต์นาคบ่วงบาศไว้ผูกดวง
    ยันต์โมกรายัติปราบสิ่งไม่ดี
    ยันต์มหาคำขนเรียกเงินทองเข้าบ้าน

    ด้านหลังเป็นรุ่นแรกที่ลงหนังสือจีน คำว่า "ฮก" กลับหัว เป็นอักษรมงคลที่ศักดิ์สิทธิ์
    "ฮก" คือ ความสุข ความสมบูรณ์ อุดมโชคลาภ มากมายทรัพย์สิน ยศถาบรรดาศักดิ์ เพิ่มพูน
    พอลง "ฮก" กลับหัวมีความหมายทวีคูณคือ ให้ความสุข ความสมบูรณ์ ทำให้ธุรกิจงอกงาม เพิ่มโชคลาภ
    เพิ่มยศ เพิ่มอำนาจ เพิ่มบารมี อายุยืนยาว แก้สิ่งร้ายให้กลายเป็นดีได้ในฉับพลัน

    ราหู กะลาตาเดียว ตัวหนังสือจีน รุ่นแรกนี้ จัดสร้าง 987 องค์

    มีประสบการณ์อย่างมากมาย หายาก น่าบูชา

    ครูบาเจ้านันตา เป็นพระอุปัชฌาจารย์ของครูบาเลิศ ผู้ถ่ายทอดวิชาราหูให้ทั้งหมด ราหูตำราเก่าของครูบาเจ้านันตานั้น ท่านลงเป็นยันต์ล้านนา ตัวเมือง แม้แต่หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม ท่านก็ลงเป็นยันต์ขอมลาวตัวเมือง เช่นกัน

    ครูบาเลิศ ท่านเขียนยันต์ล้านนาเก่ง ลงยันต์ล้านนาทุกตัว นี้เป็นเคล็ดให้ ราหู วัดทุ่งม่านใต้ ขลังและดังไม่เหมือนใคร ตอนที่สร้างราหูกะลาตาเดียว เจาะอุดผง ๒ รู ใช้ไฟแกะ เดินเส้นยันต์รูปพระราหูนั้น มีประสบการณ์ทางพลิกดวง กลับดวง มากมายนัก หมดแล้ว ค่านิยมพุ่งไปหลักพัน และหายากที่สุด ต่อมาครูบาเลิศจึงสร้างราหูกะลาตาเดียวแบบเดิมแกะกะลาให้เป็นรูปรี ดังคำวลีโบราณว่า “กาลารี มั่งมีทรัพย์” ลงราหูตำรับเก่า ล้อมด้วยยันต์ล้านนา ที่ครูบาท่านลงกำกับให้ ๓ ยันต์ คือ ยันต์นาคบ่วงบาศ ไว้ผูกดวง ยันต์โมกรายัติ ปราบสิ่งไม่ดี และยันต์มหาขนคำ เรียกเงินทองเข้าบ้าน

    ด้านหลัง เป็น รุ่นแรกที่ลงหนังสือจีน คำว่า “ฮก” กลับหัว เป็นอักษรมงคลที่ศักดิ์สิทธิ์ “ฮก” คือ ความสุข ความสมบูรณ์ อุดมโชคลาภ ทรัพย์สิน ยศถาบรรดาศักดิ์ เพิ่มพูน พอลง “ฮก” กลับหัว มีความหมายทวีคูณ คือ ให้ความสุข ความสมหวัง ได้ในโชคลาภ เพิ่มยศ เพิ่มอำนาจ เพิ่มบารมี อายุยืนยาว แต่ถ้าดวงชะตาไม่ดี ดวงตก จะแก้สิ่งร้ายให้กลับกลายเป็นดี ขึ้นโดยพลัน ชาวจีนเชื่อมั่นนักว่า จะทำธุรกิจให้งอกงามไม่เจ๊งต้องใช้ “ฮก” กลับหัว เพราะจะได้ทั้งเงินทองโชคลาภไหลเข้ามาต่อเนื่อง ดวงเราดีร้ายอย่างไร “ฮก” กลับหัวรักษาให้ดี สม่ำเสมอ ลึกลงไปอีกเมื่อเอา “ฮก” กลับหัวมาใช้หลังราหู จะได้ยกดวง ยกชีวิตให้มีแต่เจริญรุ่งเรือง หาจุดดับจุดบอดไม่ได้เลย

    พระยันต์ทั้ง ๒ นี้ผู้ใดนับถือบูชาไว้ มิรู้อดอยากตกทุกข์ได้ยากเลย เมื่อจะใช้ยันต์สุริยประภานั้น ให้เอาคาถานี้นมัสการก่อน ๗ หน “เอหิจักขุ นาฬิเกลา สุริยประภา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะ ระตะนะ สัมปันโน มณีโชติระโส ยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหัง วันทามิ เมสะทาฯ” แล้วจึงว่าพระคาถากำกับพระยันต์ ดังนี้ กลางวัน “กุเสโต โตราโมมะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุตติโม มะมะ คุตติโม” (ว่ากำกับ ๓ จบ ๗ จบ) กลางคืน “ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสกา มะมะ กาเสตัง” (ว่ากำกับ ๓ จบ ๗ จบ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2024
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2382.jpeg IMG_2383.jpeg IMG_2381.png

    พระสมเด็จหลังพระปรางค์ ปี 15 พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงน้ำมัน หลวงพ่อกวยปลุกเสกนิยม

    บูชา 4,000 บาท

    พระเครื่องชุดนี้ ออกในงานสร้างอุโบสถ พิธีเสาร์ห้า ของวัดพระปรางค์ จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕ ผสมผงเก่าหลวงพ่อศรี ว่าน108 กรุของเก่า เกสร108 ธูปคาถาพัน แร่และข้าวตอกพระร่วง, ผงและว่านต่างๆ ของพระเกจิอาจารย์อีกมากมาย และที่สำคัญได้เอา อัฐิหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์อีกด้วย ผสมเป็นมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเนื้อองค์พระ พระเกจิที่มาร่วมพิธีปลุกเสก เป็นเกจิสายหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ ทั้งสิ้น ได้เเก่
    ๑. หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์
    ๒. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    ๓. หลวงพ่อฟุ้ง วัดสะเดา
    ๔. หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    ๕. หลวงพ่อเจ้ย วัดห้วยเจริญสุข
    ๖. หลวงพ่อบัว วัดเเสวงหา
    ๗. หลวงพ่อพิม วัดวิหารทอง
    ๘. หลวงพ่อเเพ วัดพิกุลทอง
    ๙. หลวงปู่เย็น วัดกลางชูศรี

    วัตถุมงคลที่ออกให้บูชาในครั้งนี้ มากมายหลายอย่าง ได้แก่
    ๑. พระสมเด็จเนื้อดินเผา พิมพ์ใหญ่หลังพระปรางค์
    ๒. พระพิมพ์คะแนนเนื้อดินเผา หลังมิ
    ๓. พระสมเด็จเนื้อผง พิมพ์ใหญ่หลังพระปรางค์นิยม
    ๔. พิมพ์คะแนน เนื้อผง หลังมิ
    ๕. พระขุนแผนหลังสามมิ
    ๖. พระขุนแผน หลังวัดพระปรางค์
    ๗. พระลีลาหลังมิ
    ๘. พระขุนแผนชมตลาดหลังมิ
    ๙. พระพุทธนั่งบัวหลังยันต์มิ
    ๑0. พระเนื้อดิน พิมพ์ปาฏิหารย์ ด้านหลังปั๊มบล็อกของสมเด็จหลังพระปรางค์

    พระเครื่องต่าง ๆ เท่าที่สืบทานได้ สืบทานได้เท่านี้ หากมีประวัติที่แน่นอนจะนำมาเพิ่มให้อีก พระชุดนี้ พระคณาจารย์แต่ละรูปที่มา ร่วมปลุกเสกล้วนแล้วแต่เก่ง ๆ เป็นที่นับถือ และเป็นที่รู้จักทั้งสิ้น โดยเฉพาะหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ดังนั้นหากหาพระเครื่องที่ออกที่ วัดโฆสิตารามไม่ได้ นี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับศิษย์ที่ศรัทธา และนับถือหลวงพ่อกวย จะหามาบูชา และครอบครอง รุ่นนี้นับได้ว่าเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวย ที่ได้ปลุกเสกนอกวัดและเป็นพิมพ์มาตรฐาน ไม่ผิดวัดแน่นอน แทนหลวงพ่อกวยได้แน่นอน

    หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ ท่านเป็นพระปรมาจารย์ใหญ่ ของสิงห์บุรี เลยไปถึง ชัยนาท ลุ่มแม่น้ำน้อย สุพรรณ อ่างทอง เลยทีเดียวครับ เชี่ยวชาญในวิปัสนากรรมฐานเป็นเลิศ พระในยุคเดียวกับท่าน เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เป็นต้นครับ
    ผงของหลวงปู่ศรี ท่านจะลบผงเอง เสกเองตามตำหรับของท่าน ซึ่งเป็นผงวิเศษมาก มีอานุภาพสูงส่ง และท่านจะหวงแหนผงนี้มาก เพราะทำยากนั่นเอง ผงที่ท่านทำเองก็มี ผงปฐมัง ผงอิทธะเจ ผงตรีนะสิงเห ผงพุทธคุณ เป็นต้นครับ
    ผงนี้หลังจากหลวงปู่มรณะภาพแล้ว ศิษย์ที่ได้ผงทั้งหมดไว้ คือ หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ ซึ่งหลวงพ่อทองนี้เป็นศิษย์ก้นกุฏิ ที่บวชตั้งแต่เป็นเณร จนกระทั่งเป็นพระ และหลวงปู่ศรี ได้ถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น จนหลวงปู่ศรี มรณะภาพไป หลวงพ่อทองก็ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนหลวงปู่ศรี ตลอดมา
    จนกระทั่งหลวงพ่อทองจะจัดพิธีผูกพัทธสีมา วัดพระปรางค์ หลวงพ่อทองได้นำผงหลวงปู่ศรีที่เก็บไว้ มาผสมสร้างเป็นพระสมเด็จขึ้นมา เพื่อสมนาคุณให้กับญาติโยม ได้นำไปบูชา แล้วจัดพิธีปลุกเสกอย่างยิ่งใหญ่ โดยคณาจารย์ศิษย์สายหลวงปู่ศรี ทั้งหมด 9 รูป
    ปรากฏว่า พระผงรุ่นนี้ได้ปรากฎพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือ ให้กับผู้ที่นำไปบูชาอย่างเอนกอนัน เป็นที่กล่าวขานกันมาก พระรุ่นนี้จึงหมดจากวัดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นพระหายาก และทรงคุณค่าจนกระทั่งปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2505.jpeg IMG_2497.jpeg IMG_2498.jpeg IMG_2390.png

    เหรียญสรรพสิทธิโชค หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร ศิษย์ในสายพระอาจาร ย์มั่น กะไหล่ทองกรรมการ ตอกโค๊ต 1,999 องค์

    บูชา 1,4000 บาท

    ประวัติพระอาจารย์ทองบัว ตันติกโร(พระราชพุทธิมงคล) พระอาจารย์ทองบัว เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 แรม 15 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา (ตรงกับวันมาฆบูชา) เวลา 6.00 น. ที่บ้านหนองผักแว่น ตำบลห้วยโปร่ง อำเภอโคกสำโรง จังหวัด ลพบุรี ในสกุล “บุตรศรี” แต่ครั้งเมื่อไปแจ้งที่อำเภอทางอำเภอเขียนผิดเป็น “พุทธศรี” ซึ่งมีความหมายว่า เป็นศรีหรือมิ่งขวัญแก่บวรพุทธศาสนา ตั้งแต่บัดนั้นมา
    โยมบิดาชื่อนาย โมทย์ โยมมารดาชื่อ นางสีดา มีพี่น้องร่วมท้องกัน 12 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 6 คน ส่วนท่านเป็นบุตรคนที่ 9 เมื่ออายุได้ 6-7 ขวบ โยมมารดาถึงแก่กรรม จึงได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ยังจังหวัด ขอนแก่น และเมื่ออายุได้ 9 ขวบ จึงได้ไปเรียนหนังสือไทยที่โรงเรียนบ้านยางคำวิทยาทาน วัดสวรรค์คงคา บ้านยางคำ จนจบชั้นประถม เมื่อจบเรียนแล้ว ได้บวชเป็นผ้าขาวรักษาศีลอุโบสถ บริโภคอาหารวันละมื้อเดียว นุ่งขาวห่มขาว และบำเพ็ญสมาธิ ติดตามกับพระภิกษุพี่ชายจนออกพรรษา เมื่อปี 2482 เมื่ออายุของท่านได้ 18 ได้บวชเป็นสามเณร โดยมีท่านเจ้าคุณพระพิศาลคณานุกิจ ศิษย์พระอาจารย์มั่นเป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วได้บำเพ็ญสมณธรรมกัมมัฐฐาน หัดวิปัสสนาเป็นเวลา 3 ปี กับพระอาจารย์ท่านเจ้าคุณพิศาลคณานุกิจ เจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล)
    ต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ท่านอาจารย์ทองบัวมีอายุได้ 21 ปีเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ผู้เป็นอาจารย์นำตัวไปฝากอุปสมบท ณ วัดมหาชัย อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี (พระอาจารย์มั่นเคยจำพรรษาอยู่) โดยมีพระพิศาล คณานุกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์มีท่านอาจารย์ตาลเป็นพระกรรมวาจารย์ เมื่ออุปสมบทเป็นที่เรียบร้อยแล้วได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองแวง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ได้เรียนปริยัติธรรมและกรรมฐานควบคู่กันไป จนจบชั้นนักธรรมเอก
    ภายหลังพระอาจารย์มั่นกลับออกจากเชียงใหม่ในปี 2482 และเดินทางกลับสู่ภาคอีสาน สู่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอุดรธานีแล้ว ในปีพ.ศ. 2485-2486 ได้พักจำพรรษาที่วัดสำนักป่าบ้านนามน จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นที่สงบวิเวกดีมาก โอกาสนี้เองที่พระ อาจารย์ทองบัว ตันติกโร ได้ถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ณ.สำนักป่าบ้านนามนนั่นเอง ได้ศึกษาฟังธรรมเทศน์ธรรมและฝึกปฏิบัติ นอกจากนี้ยังได้ฝึกบำเพ็ญกรรมฐานร่วมกับพระอาจารย์จันทร์ เขมปนัตโต(อดีตจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง) , พระอาจารย์ชอบ ฐานะสโม , และพระอาจารย์ตื้อ วจลธัมโม
    นอกจากได้เรียน ปฏิบัติกรรมฐานจากพระอาจารย์มั่นแล้ว ยังมีโอกาสธุดงค์ติดตามท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ไปจังหวัดนครพนม และได้ธุดงค์ไปดอยเก้า กุฉินนารายณ์สถานที่อันศักสิทธิ์กับท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ แม้แต่พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ศิษย์องค์แรกของพระอาจารย์มั่น ก็มีความเอ็นดูพระอาจารย์ทองบัวมาก ครั้งหนึ่งพระอาจารย์สิงห์เคยหยอกล้อ โดยใช้มือขวาของท่านลูบคางพระอาจารย์ทองบัว เมื่อในปี 2485 พระอาจารย์ทองบัวยังได้มีโอกาสศึกษากรรมฐานกับพระอาจารย์กงมา และภายหลังในปี 2493 ยังมีโอกาสศึกษากรรมฐานกับพระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่แหวน สุจิณโณ และพระอาจารย์สิม พุทธจาโร ผลแห่งการบำเพ็ญภาวนารักษาศีล ปฏิบัติวิปัสสนา กัมมาฐานเป็นเวลานานถึง 34 ปี(ในตอนนั้น) จึงได้มีสมาธิที่แก่กล้า อีกทั้งความมานะบากบั่นในการบำเพ็ญภาวนา ดังนั้นจึงต้องถูกนิมนต์ไปนั่งปรกบริกรรมภาวนาในพิธีพุทธาภิเษกเสมอมามิได้ขาด
    กิตติศัพท์ชื่อเสียงของพระอาจารย์ทองบัว ในการอฐิธานจิตในวัตถุมงคลใดแล้วเล่าจะบังเกิดสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้ที่ศรัทธา พุทธคุณในด้าน แคล้วคลาดและเมตามหานิยมสูง
    บ่อยครั้งที่มีการสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลของสายวัดป่า อาธิพระเครื่องหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ พระเครื่องหลวงปู่สิม พระเครื่องหลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ และอื่นอีกมากมาย ท่านก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ร่วมอธิฐานจิตหรือจารแผ่นยันต์ หรือเสกมวลสารเลย
    หลวงปู่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโรงธรรมสามัคคีตั้งแต่ปี 2493 เป็นต้นมา ตลอดใต้ร่มกาสาวพัตร หลวงปู่ท่านได้ถือเพศบรรพชิต นับตั้งแต่นาทีแรกของการบรรพชาอุปสมบท จนถึงปัจจุบัน ปฎิบัติข้อวัตรตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ครูอาจารย์ได้ประพฤติเป็นแนวทางไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำวัตร สวดมนต์ บำเพ็ญภาวนาปฎิบัติศาสนกิจส่วนตนและส่วนรวม ท่านทำไม่เคยจน ตราบจนถึงวันที่ท่านได้ละสังขาร ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 จวบได้ 90 ปี 68 พรรษา (ตรงกับวันวิสาขบูชา) ซึ่งหาเปรียบพระเกจิอาจารย์องค์ใดรูปใดได้ เกิด วันมาฆบูชา ละสังขาร วันวิสาขบูชา
    เหรียญสรรพสิทธิโชค รุ่นแรก
    หลวงปู่ทองบัวนับว่าเป็นพระเถระคณาจารย์ผู้เรืองวิทยาคุณสูง ทรงศีลาจารวัตรเคยปฎิบัติ บำเพ็ญสมาธิ วิปัสนากัมมัฏฐานเป็นเวลาช้านานมากว่า 70 ปี อีกทั้งมีจิตบริสุทธิ์ทรงพลังแข็งแกร่ง ดังนั้นวัตถุมงคลที่ท่านนั่งปรกบริกรรมปลุกเสกอธิษฐานจิตแผ่พลังเมตตาลงไปในเหรียญนั้นจึงดีเด่น มีพุทธคุณสูงทางด้านเมตตามหานิยม เหรียญนำโชคลาภมหาศาลอาจดลบันดาลให้มีโชคดีราวปาฎิหาริย์ เหรียญดังกล่าวนั่นก็คือ “เหรียญสรรพสิทธิโชค” รุ่นแรก พ.ศ.2517 ซึ่งเหรียญรุ่นนี้แกะบล็อคโดยนายช่างเกษม มงคลเจริญ ซึ่งมีฝีมือแกะเหรียญได้งามเลิศเป็นอันดับหนึ่งในขณะนั้น ซึ่งจำนวนที่สร้างมีดังนี้
    1 เหรียญสรรพสิทธิโชคเนื้อทองคำหนักราว 27 กรัม จำนวน 9 เหรียญ มีเลข 1-9 กำกับ
    2 เหรียญสรรพสิทธิโชคเนื้อเงิน จำนวนการสร้าง 299 เหรียญ
    3 เหรียญสรรพสิทธิโชคเนื้อนวะ จำนวนการสร้าง 699 เหรียญ
    4 เหรียญสรรพสิทธิโชคเนื้อทองแดงกละไหล่ทอง จำนวนการสร้าง1999 เหรียญ
    5 เหรียญสรรพสิทธิโชคทองแดงรมดำ จำนวนการสร้าง 9999 เหรียญ
    จากจำนวนทั้งสิ้นนี้ยังมี ชุดกระเป๋าเพื่อจัดเป็นชุดหากมีผู้ที่ต้องการบูชาเป็นชุด คาดว่าไม่น่าเกิน 100 ชุด และยังมีเหรียญทองแดงผิวไฟอีกจำนวน 1500 เหรียญ และผ้ายันต์สรรพสิทธิโชคอีกราว 300 ผืน ล็อกเก็ตอีก 3 อัน
    พุทธคุณเด่นของเหรียญรุ่นแรก ดีเด่นทางด้านโชคลาภ ทำให้ฐานะการเงินกระเตื้องขึ้นได้แทบไม่น่าเชื่อ เคยเป็นที่ประจักษ์แก่สายตามามากราย ว่าดลบันดาลให้บังเกิดโชคดีมหาศาล ดุจดังบุญหล่นทับนั่นเทียว ผู้ใดมีเหรียญรุ่นแรกนี้ จงเก็บบูชาไว้เถิด จักบังเกิดโชคลาภให้เห็นผลประจักษ์ได้แน่นอน สมกับคำอวยพรว่า สรรพสิทธิโชค ที่หลวงปู่ท่านได้แต่งชื่อเหรียญรุ่นนี้ไว้
    (ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือลานโพธิ์ ปี พ.ศ.2548)

    IMG_2649.jpeg IMG_2650.jpeg

    เนื้อทองแดงรมดำ บูชา 800 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2024
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2396.jpeg IMG_2397.jpeg

    พระบรมฉายาลักษณ์ 9 รัชกาล

    ด้านหลัง หลวงปู่นาค วัดระฆังจาร แปะทองเก่าทั้งหน้า/หลัง ขนาด 2*3 เซน ตัวจริง จารด้วยหมึก ครับ

    บูชา 900 บาท
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2409.jpeg IMG_2410.jpeg IMG_2420.jpeg IMG_2419.jpeg IMG_2411.jpeg IMG_2412.jpeg IMG_2413.jpeg IMG_2414.jpeg IMG_2415.jpeg IMG_2416.jpeg IMG_2417.jpeg IMG_2418.png

    กำไลหางช้างเผือก หัวพญานาคเป็นเงินสั่งทำอย่างดี

    หางช้างเผือกสมัยเก่าจริงๆ มีครูบาอาจารย์แน่นอน ต่างจากของทำขายครับ

    บูชา 4,900 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2024
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2463.jpeg IMG_2464.jpeg

    รูปถ่ายหลวงพ่อกวย ปี2556

    ออกวัดโฆสิตารามโดยตรง แปะทองแจกกรรมการ แบบนี้หายากครับ รับประกันแท้สากล

    รูปหลวงพ่อกวยปี2558 เช่ากันไป4-5,000แล้ว ปี2556 น่าเก็บครับ ราคาเบากว่ากันเยอะ

    บูชา 1,700 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2024
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2465.jpeg IMG_2466.jpeg

    เหรียญหลวงพ่อกวย วัดหัวเด่น ปี2540

    เนื้อฝาบาตร รับประกันแท้

    บูชา 800 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2473.jpeg IMG_2471.jpeg IMG_2472.jpeg IMG_2470.jpeg

    เหรียญหลวงพ่อเกษม ภปร ปี2523

    เด่วนี้ตามสนามพระแทบ ไม่เจอละครับ น่าเก็บ บล๊อค ๒ ขีด รับประกันแท้

    บูชา 950 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2483.jpeg IMG_2482.jpeg IMG_2484.jpeg IMG_2486.jpeg IMG_2485.jpeg IMG_2487.jpeg

    แผ่นทองคำแท้ ในหลวง ร9 หนักประมาณกรัมนึง

    พร้อมกรอบ แท่นบูชา

    บูชา 4,000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2024
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2478.jpeg IMG_2477.jpeg IMG_2476.jpeg IMG_2479.jpeg IMG_2480.jpeg IMG_2475.jpeg

    ตะกรุดโทน เนื้อเงิน หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์

    พร้อมบัตรสมาคม รับประกัน

    บูชา 12,500 บาท
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2513.jpeg IMG_2514.jpeg

    รูปหล่อหลวงพ่อกวย หลวงปู่หมุนปลุกเสก วัดซับลำใย

    บูชา 7,500 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2024
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2521.jpeg IMG_2522.jpeg IMG_2524.jpeg IMG_2525.jpeg IMG_2526.jpeg IMG_2527.jpeg

    ลูกอมหรือลูกแก้วมหาจักรพรรดิ ขนาดประมาณ 0.7 ซ.ม. (ไข่จิ้งจก) หลวงปู่ดู่ วัดสะแก


    ลูกนี้มีขนาดโดยประมาณ เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7 ซ.ม. ครับ สมัยก่อนสร้างเยอะครับ แต่เดี๋ยวนี้ค่อนข้างหายากขึ้นแล้วครับ แถมมีปลอมเยอะ ลูกแก้วหรือลูกอมเนื้อผงพุทธคุณผสมปูนที่หลวงปู่ดู่สร้าง วัตถุประสงค์นั้นท่านทำเพื่อใช้แทนลูกแก้วขององค์หลวงปู่ทวด ท่านทำขึ้นด้วยผงต่าง ๆ โดยมีปูนเป็นส่วนผสมสำคัญ มีหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่ หากมีขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ นิ้วขึ้นไป บรรดาลูกศิษย์จะเรียกว่าลูกแก้ว และหากมีขนาดเล็กก็จะเรียกว่าลูกอมหรือลูกประคำแล้วแต่จะเรียกกัน บางท่านเรียกว่าลูกแก้วสารพัดนึกก็มี ลักษณะโดยทั่วไปจะเป็นเนื้อผงพุทธคุณผสมปูนแล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ เจาะรูทะลุผ่าน สามารถร้อยด้วยด้ายหรือเชือก เพื่อแขวนหรือห้อยคอได้
    หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตเป็นแก้วมหาจักรพรรดิ เรียกว่า "แก้วมณีนพรัตน์" เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า และอีกนัยหนึ่งท่านบอกว่าทำเป็นทำเป็นลูกแก้วหลวงปู่ทวดด้วย ปรากฏว่ามีพุทธคุณหลายอย่าง จนเป็นที่นิยมและเสาะแสวงหาของบุคคลทั่วไป
    หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า ที่ให้เจาะรูไว้ตรงกลางก็เพื่อให้เชือกร้อยได้ และถือเป็นอากาศธาตุ (ช่องว่าง) ด้วย ใช้ประโยชน์ได้สารพัด เอาแช่น้ำ กิน อาบได้ กันเสนียดจัญไร ใช้กำแทนพระในเวลาทำสมาธิก็ได้"
    หลวงปู่ท่านว่า ข้าอธิษฐานเป็นแก้วมหาจักรพรรดิ เรียกว่า แก้วมณีนพรัตน์ เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า แม้ผู้ใดนำไปใช้ก็จะเกิดประโยชน์ใหญ่มีพุทธานุภาพมาก แล้วแต่จะอธิษฐานเอา

    """ แกเชื่อหรือยังละว่าพระข้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้เสก พระพุทธเจ้าเป็นคนเสก """

    ลูกนี้รับประกันทุกสนาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2024
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2573.jpeg IMG_2574.jpeg IMG_2575.jpeg
    IMG_2601.jpeg

    กุมารทองพิมพ์ใหญ่หลวงพ่อกวย โฆสิตาราม ปี 2521

    พิมพ์ใหญ่ ตัวจริงเสียงจริง รับประกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2024
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2584.jpeg IMG_2585.jpeg IMG_2586.jpeg
    IMG_2595.png
    IMG_2596.png IMG_2597.png


    พระสมเด็จสองหน้า(กรรมการ) วัดราชนัดดา กทม. ปี 2512

    เนื้อเปลือกมังคุด หายากปลุกเสก โดย หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท หลวงพ่อปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

    บูชา 1,500 บาท

    พระสมเด็จพิมพ์ 2 หน้า(พิมพ์หายาก) ออกวัดราชนัดดา กรุงเทพฯ ปี ๒๕๑๒ ปลุกเสกโดย หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท (พระชุดนี้น้ำเข้าปลุกเสกพิธีเดียวกับพระพุทธบาทประชารักษ์ วัดพระพุทธบาท ด้วย น่าใช้มากครับ)
    หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู
    หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    ฯลฯ
    ปลุกเสก

    “สมเด็จพระพุทธบาทประชารักษ์” พระสมเด็จรุ่นนี้พระธรรมรัตนากร(หลวงพ่อใหญ่)เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท เจ้าคณะจังหวัดสระบุรีในขณะนั้นได้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเนื่องจากท่านเห็นว่าวัดพระพุทธบาทยังไม่เคยมีการจัดสร้าง พระพิมพ์สมเด็จมาก่อนเลยและท่านได้เห็นดอกไม้ที่ประชาชนนำมาใส่บาตรพระช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นจำนวนมาก ท่านจึงได้ให้รวบรวมไว้นำมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างและอีกวัตถุประสงค์หนึ่งเพื่อแจกแก่ผู้ที่เข้ามาแสดงมุตาจิตที่ท่าน ได้เลื่อนสมณศักดิ์ และส่วนหนึ่งนำมาจำหน่ายแก่ประชาชนที่มานมัสการรอยพระพุทธบาทในราคาองค์ละสิบบาทเพื่อเป็นที่ระลึก

    การจัดสร้างมีการดำเนินการโดยทางวัดเองเริ่มประมาณในปีพ.ศ.2512 โดยมี “พระมหาโกเมศ” จากวัดราชนัดดาซึ่งมีความสนิทกับท่านพระธรรมรัตนากรเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง(ปัจจุบันทราบว่าท่านได้ลาสิกขาแล้ว )และการดำเนินการไม่ได้มีการจัดทำเอกสารในการจัดสร้างแต่อย่างใดแต่ได้มีการถ่ายรูปไว้จำนวนหนึ่งขณะนี้สอบถาม แล้วตั้งแต่เจ้าอาวาสคือท่านพระธรรมรัตนากรมรณภาพแล้วก็ไม่ได้มีผู้ใดสนใจ รูปที่ถ่ายไว้ได้สูญหายไปไม่ทราบว่าไปตกอยู่ที่ใครบ้างถ้าตามพบจะนำมาเสนอต่อไป การกดพิมพ์พระได้ดำเนินการกดพิมพ์กันในบริเวณวัดพระพุทธบาท บริเวณใต้ถุนศาลาทำบุญ ปัจจุบันศาลาหลังนี้เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ทำการรื้อไปแล้วซึ่งน่าเสียดายยิ่งนัก โดยพิมพ์พระเป็นพิมพ์ที่ท่านพระมหาโกเมศจัดหามาเท่าที่ทราบมีประมาณสิบกว่าพิมพ์ โดยเรียกชื่อพิมพ์คล้ายกันกับสมเด็จบางขุนพรหมแต่ได้แกะพิมพ์ให้แตกต่างกันออกไป และการพิมพ์องค์พระทำเป็นแบบสองหน้าก็มี ที่เรียกชื่อเท่าที่พบ

    ๑) พิมพ์ทรงเจดีย์
    ๒) พิมพ์ฐานขาสิงห์
    ๓) พิมพ์เกศบัวตูม
    ๔) พิมพ์ปกโพธิ์
    ๕) พิมพ์อกครุฑ
    ๖) พิมพ์ฐานแซม
    ๗) พิมพ์วัดเกศ

    พิมพ์นอกจากนี้จะเป็นพิมพ์พิเศษที่ทำขึ้นมาเพื่อแจกแก่ผู้ที่มาช่วยงานเช่นทำเป็นพิมพ์สองหน้า
    ส่วนพิมพ์ทั่วไปลักษณะองค์พระด้านหน้าจะเป็นรูปแบบของแต่ละพิมพ์ทรงด้านหลังจะกดพิมพ์
    ด้านหลังองค์พระด้วยตราจุลมงกุฎ ซึ่งจุลมงกุฎนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์นวมได้ทำการจัดสร้างไว้
    เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมทำบูญเมื่อคราวบูรณะรอยพระพุทธบาทจะมีสองแบบคือแบบพิมพ์เล็กและพิมพ์
    ใหญ่จะนำมากดด้านหลังองค์พระทั้งสองแบบ ส่วนเนื้อพระจะแบ่งออกเป็นสามสีคือ
    ๑)เนื้อสีน้ำตาลหรือเนื้อเกสร สร้างจำนวนไม่มาก ไม่ได้นำออกจำหน่าย
    ๒) เนื้อสีเปลือกมังคุด สร้างจำนวนน้อยสุด ไม่ได้นำออกจำหน่าย
    ๓) เนื้อสีขาวสร้างจำนวนมากและนำมาจำหน่ายองค์ละสิบบาท
    พระทั้งหมดจัดสร้างจำนวนเท่าใดไม่ทราบ
    เมื่อทำการกดพิมพ์พระเป็นจำนวนพอแก่ความต้องการแล้วได้จัดพิธีพุทธาภิเศกที่ศาลาหอเย็นใกล้รอยพระพุทธบาทในปี พ.ศ.๒๕๑๕ ทราบว่าได้ทำพิธีใหญ่มากเกจิอาจารย์ที่มาร่วมในพิธีเท่าที่ทราบมีดังนี้
    หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู
    หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    และยังมีเกจิอาจารย์อื่นๆอีกสอบถามไม่มีผู้ให้คำตอบได้

    และในปีพ.ศ. ๒๕๒๒ได้เข้าพิธีอีกครั้งหนึ่งสอบถามจากผู้ได้ไปนิมนต์ซึ่งได้เดินทางร่วมไปกับพระที่วัดที่จำได้มี
    หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    หลวงพ่อเชื้อวัดใหม่บำเพ็ญบุญ
    พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุธ)เจ้าคณะจังหวัดอุทัย (องค์นี้งูเห่าแผ่แม่เบี้ยท่านชี้มือสยบเลยจากคำบอกเล่าของผู้ที่ไปนิมนต์ท่าน)
    หลวงปู่นาค วัดหนองโปร่ง
    หลวงพ่อสุวรรณ วัดเขาบ่มกล้วย
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู

    และยังมีพระอีกส่วนหนึ่งที่พระมหาโกเมศได้นำมาร่วมในพิธีด้วยท่านจะสร้างในคราวเดียวกันหรือนำมาจากวัดราชนัชดาก็ไม่ทราบ สอบถามได้ใจความไม่ตรงกันบ้างว่ากดพิมพ์พร้อมกันเป็นพระพิมพ์คลายกันแต่มีเศษพลอยสีต่างๆผสมอยู่ในเนื้อพระส่วนเนื้อพระจะเป็นสีขาว และได้นำมาแจกในงานฉลองยศของท่านพระธรรมรัตนากรเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเท่านั้นและหลวงพ่อกวยได้นำพระบางส่วนกลับไปด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2024
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2602.jpeg IMG_2603.jpeg IMG_2604.jpeg IMG_2605.jpeg IMG_2606.png IMG_2607.png

    พระขุนแผนกุมารทอง หลวงพ่อทูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร รุ่นแรก เนื้อดินเจ็ดป่าช้า ปี2495 กุรงเทพฯ

    พระองค์นี้สวยมากครับ มือใหญ่ต้องมี3,000

    บูชา 1,600 บาท รับประกัน

    พระขุนแผนกุมารทอง หลวงพ่อทูรย์
    วัดโพธิ์นิมิตร รุ่นแรก เนื้อดินเจ็ดป่าช้า ปี2495 กุรงเทพฯ
    รายละเอียด พระขุนแผนกุมารทอง หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร ปี 2495
    พระโพธิสังวรเถร (หลวงพ่อฑูรย์ อตฺตทีโป) วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. ท่านเป็นเกจิเก่งอีกองค์หนึ่งในยุคกึ่งพุทธกาล เป็นศิษย์ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์นวม วัดอนงคาราม หลวงพ่อฑูรย์ท่านสร้างพระไว้เป็นจำนวนมากมายหลายแบบ โดยใช้สุดยอดมวลสารในการจัดสร้าง เช่นอิทธิวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคลจากทั่วประเทศ เนื้อพระกรุที่แตกหัก อาทิเช่นพระผงสุพรรณ พระขุนแผน วัดพระรูป วัดบ้านกร่าง (ท่านเป็นคนสุพรรณ) พระเนื้อชินกรุต่างๆโดยเฉพาะกรุวัดราชบูรณะ และท่านได้รับมอบผงวิเศษในการสร้างพระ ของเกจิรุ่นเก่าเช่นหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, ผงของสมเด็จฯนวม, ผงพระสมเด้จวัดระฆัง และพระกรุวัดสามปลื้ม ที่แตกหัก, ผงตะไบพระกริ่งของเจ้าคุณศรี (สนธิ์), ผงตะไบ ชนวนพระ 25 พุทธศตวรรษ, กระดาษสาลงยันต์ 108 ตาม ตำรับการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์, ดินจากสังเวชณียสถานและ อื่นๆตลอดจนว่านยา 108 ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกสร้างพระในแต่ละครั้ง ท่านจะนิมนต์พระเกจิคณาจารย์ มาร่วมอธิฐานจิตจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะเกจิที่มีความสนิทสนมกับท่านอาทิเช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์นวม วัดอนงฯ, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเส้ง วัดกัลยาฯ, หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา, ท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์ และหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี
    พระขุนแผนกุมารทอง รุ่นนี้ เป็นที่เลื่องลือกันว่า พุทธคุณเป็นเลิศทางด้านเมตตามหานิยมและโชคลาภ รวมทั้งความเจริญก้าวหน้าในชีวิต และหน้าที่การงาน
    คำแนะนำของหลวงพ่อฑูรย์ กล่าวว่า
    ๑.มงคลวัตถุที่สร้างด้วยวิทยาคม จะทรงประสิทธิภาพหรือไม่นั้น หาใช่เป็นสิ่งที่สร้างเก่าหรือใหม่แต่ประการใดไม่ ขึ้นอยู่กับพิธีกรรมในการสร้างว่า ถูกต้องหรือไม่เพียงใด ผู้สร้างมีสมาธิหรือไม่ อันเป็นข้อสำคัญ พระเครื่องชุดนี้พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณร่วม กันสร้างหลายรูป ก็น่าจะมีประสิทธิภาพตามสมควร
    ๒.ผู้ที่มีพระวัดโพธินิมิต ควรปฏิบัติเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง คือ หาดอกไม้ ธูป เทียน มาสักการบูชา กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลที่ตนได้บริจาคทรัพย์ในการสร้างโบสถ์วิหาร ให้กล่าวคำอุทิศว่า "พุทโธ อะระหัง สุสุสิโท พุทโธ ภะคะวาติ พุทโธ นะโมพุทธายะ" (ว่า ๓ จบ หรือ ๗ จบ)
    ๓.ต้องมีจิตใจเชื่อมั่นนับถืออย่างแท้จริง จึงจะบังเกิดผล
    ๔.ต้องปฏิบัติตนตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม
    ๕.ควรหาโอกาสบำเพ็ญกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยการใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระอาจารย์ผู้ทรงคุณ แล้วตั้งจิตอธิษฐานตามความปรารถนา
    ๖.ห้ามทดลองอย่างเด็ดขาด
    ๗.เอาไว้กับตัวจะเป็นมงคลยิ่ง
    ๘.เมื่อเกิดอุปสรรค หรือความทุกข์ใจ หรือโรคาพาธ ให้ทำน้ำมนต์อาบหรือดื่ม โดยตักน้ำสะอาดใส่ภาชนะ แล้วเอาพระแช่ลงในน้ำ จุดธูป เทียน สักการะ ควรมีดอกไม้ด้วย ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ" แล้วน้อมจิตระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากนั้นให้อธิษฐานเอาตามความปรารถนา เสร็จแล้วบริกรรมคาถาในข้อ ๒ ให้สำรวมจิตเพ่งเฉพาะเรื่องที่ปรารถนาเท่านั้น
    ๙.ควรเจริญภาวนาคาถา "ชินบัญชรคาถา" เป็นประจำทุกวัน จะบังเกิดโชคลาภและพ้นภัยพอุบัติทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2024
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2610.jpeg IMG_2611.jpeg

    เหรียญหลวงพ่อกวย วัดเดิมบาง ปี2515

    เลี่ยมเดิม

    รับประกันทุกสนาม

    บูชา 22,000 บาท ก่อนนี้ ต้องมี 27-30,000 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2024
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_2633.jpeg IMG_2634.jpeg IMG_2635.jpeg IMG_2636.jpeg

    เหรียญกายสิทธิ์ ปี2539

    มีจาร ตอกโค๊ต ดาว เลี่ยมเงินชุบทองคำแท้อย่างดี

    เฉพาะเหรียญไม่ตอกโค๊ตมีจาร ให้บูชากัน 2,500 ละครับ


    เหรียญกายสิทธิ์ (เหรียญรุ่นแรก) วัดถ้ำเมืองนะ ปี ๒๕๓๘ จัดสร้างในโอกาสฉลองการเปิดสำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ-วัดพุทธพรหมปัญโญ)....


    - เนื้อทองแดง ผสมชนวนเปิดโลกประมาณ ๕๐% ตอกโค้ด มีรอยจาร3จุด สร้าง 20,000 เหรียญ

    -เลี่ยมพร้อมอาราธนา


    #จำนวนการสร้าง

    ๑.เหรียญทองคำ ๙๓ เหรียญ

    ๒.เหรียญเงิน ๒,๒๖๓ เหรียญ

    ๓.เหรียญทองแดง ๒๐,๐๐๐ เหรียญ

    ๔.เหรียญตะกั่ว ๒๗๑ เหรียญ


    #ลักษณะของเหรียญกายสิทธิ์

    ๑.เหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ และมีพญานาค ๒ ตน

    ๒.มีอักขระ นะ ซ่อนหัว อันเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า ใครทำถึงจริงสามารถหายตัวได้

    ๓.ด้านหลังเป็นพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    ๔.มีอักขระขอม พุท ธะ สัง มิ ซึ่งคือหัวใจพระไตรสรณคมน์

    ....ผู้ออกแบบคือ น.ต.อัศวิน นัยชิต...


    #ในการสร้างเหรียญมีการผสมชนวนต่างๆซึ่งเป็นชนวนโลหะจากพิธีที่ได้จาก....

    ๑.พิธีหลอมโลหะที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๗ โดยมีแผ่นจารจากเกจิอาจารย์หลายองค์ อาทิเช่นหลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์ ท่านสุมโนดาบส(จังหวัดเชียงราย) ที่สำคัญคือมีชนวนโลหะจากหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ที่ท่านอธิษฐานให้ มีทั้ง ทองคำ เงิน โลหะผสม

    ๒.ชนวนโลหะที่ได้จากการหล่อพระพุทธสิหิงค์ของกรมทหารสื่อสารทหารอากาศ โดยผสมชนวนที่ได้จากครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๓๗ และพิธีต่างๆอีกหลายพิธี

    ๓.ชนวนทั้งหมดได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในงานครบ ๖๐ ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย สมเด็จพระสังฆราชพระญาณสังวร ทรงเป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ โดยมีคณาจารย์หลายองค์ทั้งสายพระป่าและเกจิอาจารย์ จำนวน ๖๗ องค์

    ๔.ชนวนตะกั่ว

    ๔.๑ ตะกั่วแท่ง น้ำหนัก ๑๐ กิโลกรัม อธิษฐานโดยหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    ๔.๒ ตะกั่วหลอมจากตะกรุดโบราณ พบที่ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา น้ำหนัก ๐.๕ กิโลกรัม จาก พ.อ.อ.นเรศ ทิพย์สุวรรณ์

    ๔.๓ เนื้อชินกรอบโบราณ จากใกล้ๆวัดป้อมรามัญ ตำบลสวนพริก จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำหนัก ๐.๕ กิโลกรัม

    - เนื้อเงินผสมชนวนเปิดโลกประมาณ ๘๐% เลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะเป็นตะกรุดจักรพรรดิเนื้อเงินที่ อ.ศุภรัตน์ได้จารแล้วให้หลวงปู่ดู่ได้อธิษฐานจิตเอาไว้ก่อนหน้านั้น รวมทั้งอาจารย์ได้ไปซื้อเม็ดเงินบริสุทธิ์มาเข้าร่วมในพิธีเปิดโลกด้วย

    - เนื้อทองแดงผสมชนวนเปิดโลกประมาณ ๕๐%

    - เนื้อตะกั่วนี่พิเศษ แทบจะใช้ชนวนเปิดโลกล้วนๆ เพราะในพิธีนั้นอาจารย์ศุภรัตน์ได้นำตะกั่วลูกปืนมาเข้าร่วมพิธีโดยอธิษฐานให้เป็นแก้วจักรพรรดิด้วย


    #พิธีพุทธาภิเษก...

    ๑.วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๓๘ ซึ่งตรงกับวันวันจักรี ณ วัดพุทไธศวรรย์ ตรงกัยวันพฤหัสบดี ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน มีคณาจารย์หลายท่าน เช่น หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท วัดพุทไธศวรรย์ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติหลวงตาม้า (พระวรงคต วิริยะธโร)

    ๒.มนต์ (อฐิษฐานจิต) โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก จังหวัดลำปาง ตรงกับวันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุน วันที่ ๒๓ สิงหาคม๒๕๓๘ เวลา ๐๘.๓๗ น. พร้อมกับพระรูปกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ของกรมสื่อสารทหารอากาศ เป็นเวลา ๑๐นาที

    ๓.วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๓๙ ตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด ณ สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ โดยมีคณาจารย์หลายองค์ เช่น หลวงพ่อวัดมหาวัน จ.เชียงใหม่ หลวงปู่สังข์ วัดป่า พระอาจารย์ตื้อ


    ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : หนังสือกายสิทธิ์ "ยุคอภิญญา"

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2024
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2626.jpeg IMG_2627.jpeg

    เหรียญหล่อเล็กหลวงพ่อขันวัดนกกระจาบ

    เนื้อสัมฤทธิ์พิมพ์สองหน้า สภาพผ่านการใช้บูชามา สวยๆ แพงเลยครับ ว่ากันหลักแสน

    บูชา 11,000 บาท

    หลวงพ่อขัน เป็นคณาจารย์รูปหนึ่งที่เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่บรรดาทหารที่เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีน เมื่อปี พ.ศ. 2481 ณ วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่แก่กล้าวิชาอาคมชั้นสูง วัตถุมงคลของท่านจึงได้รับความนิยมจากประสบการณ์ที่ผ่านมา..มีอยู่หลายชนิด เช่น เชือกคาดเอว เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ส่วนพระเครื่องที่นิยม ได้แก่เหรียญเสมาหูเชื่อม ปี พ.ศ. 2480 และเหรียญหล่อก้นแมลงสาบ เนื้อสัมฤทธิ์ และพระเนื้อผงใบลาน,ผงยาวิเศษ,ในรูปแบบของพิมพ์ต่างๆ มากมาย มีค่านิยมและเป็นที่ต้งการของบรรดานักสะสมพระเครื่องฯ สำหรับพุทธคุณนั้น เด่นดังทางแคล้วคลาด,คงกระพันชาตรีและปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายได้ดีเยี่ยม..สำหรับเหรียญนี้เป็นเหรียญหล่อกันแมลงสาบเนื้อสัมฤทธิ์พิเศษสองหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2024
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,647
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_2632.jpeg IMG_2631.jpeg IMG_2630.jpeg IMG_2629.jpeg IMG_2628.jpeg IMG_2617.jpeg

    ตะกรุดกระดูกห่าน พระครูธรรมสารวิจิตร (อ่อน ญาณเตโช) วัดมัชฌันติการาม(วัดน้อย) กรุงเทพมหานคร


    วัดมัชฌันติการาม (วัดน้อย) ธ.
    มัชฌันติก (เที่ยง) + อาราม (วัด) = มัชฌันติการาม แปลว่า “วัดของเจ้าจอมมารดาเที่ยง”
    ประวัติของพระครูธรรมสารวิจิตร หรือหลวงปู่อ่อน ญาณเตโช ไม่มีการบันทึกไว้ มีแต่การบอกเล่าต่อ ๆ กันมาของบรรดาศิษยานุศิษย์ จึงต้องทำการค้นคว้าต่อไปตามคำบอกเล่าที่พอจะรวบรวมได้ คือ ภูมิลำเนาเดิมของหลวงปู่อ่อน เป็นคนอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ไม่ทราบว่าอุปสมบทเมื่อไหร่สันนิษฐานว่าอุปสมบทในรัชกาลที่ ๔ หลังจากอุปสมบทในบวร พระพุทธศาสนาแล้วก็ได้ศึกษาเล่าเรียน พระปริยัติธรรม ตามที่มีในสมัยนั้น รวมทั้งศึกษาไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ เวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ จากสำนักของครูอาจารย์ที่มีในสมัยนั้น ทั้งในเขตจังหวัดชลบุรี บ้านเกิด ชัยนาท อ่างทอง ลพบุรี อยุธยา จนมีความเชี่ยวชาญ หลวงปู่อ่อนเป็นศิษย์สำนักเรียนเดียวกันกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท กอปรกับหลวงปู่มีนิสัย ชอบธุดงค์กรรมฐานไปในสถานที่สงัด ปราศจากผู้คนเพื่อเจริญวิปัสสนากรรมฐานอาจกล่าวได้ว่าจังหวัดต่างๆ ในเขตภาคกลางนี้เกือบทั้งหมด
    หลวงปู่เคยเดินธุดงค์ไปมาหมดแล้ว หลวงปู่จึงมีชื่อเสียงทั้งทางเมตตาและทางขมังเวทย์ตั้งแต่ยังเป็นภิกษุหนุ่ม ประจวบกับสมัยนั้นเจ้าจอมมารดาเที่ยงและลูกหลานได้มาอุปถัมภ์ ในการสร้าง วัดมัชฌันติการามอยู่ และได้กราบทูลสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วโรรส ทรงรับเป็น พระธุระช่วยเหลือในการปฏิสังขรณ์ พระอารามในด้านต่าง ๆ ทั้งอุโบสถ เจดีย์ ศาลาการเปรียญ และกุฏิรับรองพระสงฆ์ในขณะเดียวกันก็หาพระภิกษุที่มีศีลาจารวัตร เป็นที่น่าเลื่อมใสมาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดด้วย การก่อสร้างศาสนวัตถุต่าง ๆ ได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ยังขาดแต่พระภิกษุผู้จะมาจำพรรษาและดำรงตำแห่งเจ้าอาวาส กิตติศัพท์ของหลวงปู่อ่อนว่าเป็นผู้มี ศีลาจารวัตรงดงามน่าเลื่อมใสได้ทราบไปถึงพระกรรณของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรม พระยาวชิรญาณวโรรส ได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าและได้ตรัสรับสั่งนิมนต์ให้อยู่จำพรรษา เพื่อเป็นการฉลองศรัทธาของผู้อุปถัมภ์วัดและศรัทธาของประชาชน ชาวสวนคลองบางเขนใหม่ด้วย หลวงปู่อ่อนจึงได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดมัชฌันติการาม ตั้งแต่ปี พุทธศักราช ๒๔๑๗ เป็นต้นมา หลังจากการก่อสร้างอุโบสถ เจดีย์ ศาลาการเปรียญ และกุฏิรับรองพระสงฆ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว
    ก็มีการจัดงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิตอุโบสถพร้อมทั้งฉลองวัดไปในงานเดียวกันใน ปีพุทธศักราช ๒๔๑๘ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วโรรส เป็นประธานในการผูกพัทธสีมาหลังจากงานเสร็จหลวงปู่ก็อยู่ปกครอง คณะสงฆ์เป็นที่พึ่งแก่คณะอุบาสก อุบาสิกาวัดมัชฌันติการามเป็นลำดับมา โดยได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ จากความที่หลวงปู่เป็นพระภิกษุที่มีศีลาจารวัตรงดงามเป็นที่ เคารพนับถือของคนในท้องถิ่นนี้เป็น จำนวนมาก และเป็นพระภิกษุที่ทรงไว้ซึ่งวิทยาคุณ เป็นที่เลื่องลือของคนทั่วไป
    จนข่าวได้ทราบไปถึงพระเนตรพระกรรณของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ว่ามีสหธรรมิกของหลวงปู่ศุขได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดมัชฌันติการาม จนมีชื่อเสียงปรากฏ มีลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ใคร่ที่จะมาฝากตัวเป็นศิษย์บ้าง จึงได้แจวเรือมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าคลองบางเขนใหม่ ซึ่งเป็นทางคมนาคมเข้าออกวัดที่สะดวกที่สุด
    ในสมัยนั้นกับทหารองครักษ์ ขึ้นที่ท่าน้ำแล้วเข้าไปกราบ ใคร่อยากทดลองดูวิทยาคุณของหลวงปู่ว่าสมคำเล่าลือหรือไม่ จึงกราบเรียนขอวัตถุมงคลจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ และได้รับเมตตาเป็นผ้าประเจียดจากหลวงปู่ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดขมังเวทย์ของท่าน จึงอยากทดลองดูโดยแจวเรือออกไปที่แม่น้ำเจ้าพระยากับทหารองครักษ์ แล้วนำผ้าประเจียดมาตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าหลวงปู่มีวิยาคุณสมคำเล่าลือจริงขอให้ยิงพระแสงปืนไม่ออก แล้วได้ทดลองดูหลายครั้ง พระแสงปืนยิงไม่ออก ได้ประจักษ์พยานด้วยพระองค์เอง จึงหันเรือกลับมาที่วัดมัชฌันติการาม ฝากตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    ยังมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาอีกของบรรดาแม่ค้าที่นำสินค้าเข้ามาขายตามคลองบางเขนใหม่ เมื่อเดินทางถึงหน้าวัดมักขอพรจากรูปเหมือนหลวงปู่อ่อน และกวักน้ำที่ท่าน้ำวัดปะพรมที่เรือและสินค้าต่าง ๆ ในเรือเพื่อความเป็นสิริมงคลค้าขายดี จนทำกันเป็นประเพณี เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าขายของต่าง ๆ ได้หมดในเวลาไม่นาน หลวงปู่จึงเป็นที่เคารพอย่างยิ่งของแม่ค้าทางเรือที่สัญจรค้าขายไปมา จนชื่อเสียงของหลวงปู่อ่อนในทางเมตตามหานิยม ขมังเวทย์ยิ่งโด่งดังเป็นที่โจษขานของคนทั่วไปยิ่งขึ้น จนชื่อเสียงไปถึงสำนักพระราชวัง ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นผู้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดได้ทรงทราบ ใคร่จะพระราชทานสมณศักดิ์ให้ เพื่อเป็นการบูชาคุณหลวงปู่ แต่เนื่องจากหลวงปู่เป็นพระที่มักน้อยสันโดษ ไม่ปรารถนายศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ หลวงปู่จึงไม่เดินทางไปเข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศและผ้าไตร ในพระบรมมหาราชวังทั้ง ๆ ที่ในสมัยนั้นการปกครองเป็นแบบระบบสมบูรณาญาสิทธิราช จึงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่จากกรมสังฆการีนำตราตั้งและพัดยศมาถวายถึงวัดมัชฌันติการาม ในกาลต่อมาทางเจ้าคณะเขตผู้ปกครองตามลำดับชั้น ได้พิจารณาเห็นว่าหลวงปู่อ่อนเป็นผู้ที่มีพรรษากาลพอควร มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสมานาน มีศิษยานุศิษย์มากมาย จึงเสนอแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อให้การอุปสมบทกุลบุตร ผู้มีจิตศรัทธาใคร่อุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา ในบรรดาสิทธิวิหาริก ของหลวงปู่เป็นอุปัชฌาย์ให้นั้น ที่มีชื่อเสียงปรากฏเป็นถึงรองสมเด็จพระราชาคณะ คือ พระเดชพระคุณ พระญาณวโรดม (สนธิ์ กิญจกาโร) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร หลวงปู่อ่อนในขณะนั้นจึงมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วทุกทิศ มีศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายเจ้านายชั้นสูง พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ และประชาชนทั่วไปนับถือเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่อ่อน บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างก็มาร่วมกันในการทำบุญทำกุศล ที่ศาลาการเปรียญวัดมัชฌันติการาม แม้การคมนาคมจะไม่สะดวก แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างก็ตั้งใจกันมาด้วยจิตอันศรัทธาต่อหลวงปู่อ่อน ญาณเตโช หรือสมณศักดิ์ “พระครูธรรมสารวิจิตร” ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี ศิษยานุศิษย์ ต่างก็รู้กันโดยปริยายต้องมาร่วมทำบุญ กาลต่อมาหลังจากที่หลวงปู่อ่อนได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับศิษยานุศิษย์มาเป็นเวลานานจนเลยเข้าสู่วัยชรา ธรรมดาของสังขารย่อมมีร่วงโรยไปตามกาลเวลา ไม่มีใครที่สามารถจะอยู่ค้ำฟ้าได้ ดังบทที่พระท่านพิจารณาบังสุกุล คือ
    อนิจฺจา วต สงฺขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงแท้แน่นอน อันใดเลย
    อุปฺปาทวยธมฺมิโน เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
    เตสํ วูปสโม สุโข การไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด โดยดับสังขารเหล่านั้น
    เข้าสู่นิพพานเสียได้เป็นสุข
    สพฺเพ สตฺตา มรนฺติ จ สัตว์ทั้งปวง กำลังตายอยู่ด้วย
    มรึสุ จ มริสฺสเร ตายไปแล้วด้วย จักตายด้วย
    ตเถวาหํ มริสฺสามิ ตัวเราก็จักตายอย่างนี้เหมือนกัน
    นตฺถิเม เอตฺถ สํสโย เราไม่ต้องสงสัยในเรื่องความตายนี้
    พระครูธรรมสารวิจิตร ก็เช่นเดียวกัน หลวงปู่ได้ป่วยด้วยโรคชราภาพ และได้ถึงแก่มรณภาพ ในขณะที่มีอายุได้ ๗๐ กว่าปี ในตอนต้นของสมัยรัชกาลที่ ๖ สังขารของหลวงปู่อ่อน ได้ทำการพระราชทานเพลิงศพที่วัดมัชฌันติการาม หลังจากนั้นได้มีการนำอัฐิของหลวงปู่ไปบรรจุไว้ภายใต้รูปเหมือน หลวงปู่อ่อน ญาณเตโช ที่วิหารของท่านในปัจจุบัน แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือในตัวท่านก็ยังระลึกถึงคุณงามความดีของท่านกันอยู่ทุกปี ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี ศิษยานุศิษย์ทุกหมู่เหล่าจะมาทำบุญบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายแด่หลวงปู่อ่อนมาตลอดจนเป็นประเพณีงานประจำปีปิดทองรูปเหมือนของท่านมาจนถึงปัจจุบัน

    ดอกนี้รอยจารชัดเจนครับ รับประกัน

    บูชา 9,500 บาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...