หลวงพ่อเล่าเรื่อง...ดาวหลุมดำ ตอนที่ ๑

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 27 เมษายน 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ดาวหลุมดำ ตอนที่ ๑<O:p</O:p

    <O:p</O:p





    ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันที่บันทึกวันนี้เป็นวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๓๓ ที่บอกวันที่ก็เพราะว่า คราวนี้มีเรื่องพิเศษ เรื่องพิเศษที่จะพูดให้ฟังก็คือว่า เป็นเรื่องนิทาน ขอให้นามว่า เรื่องดาวหลุมดำ คำว่า ดาวหลุมดำ นี้ เป็นดวงดาวหนึ่งที่เป็นหลุมดำ คำว่า ดาวหลุมดำ นี้ เป็นดาวดวงหนึ่งที่เป็นหลุมดำ ๆ ที่มีเหตุเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เพราะว่า เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๓๓ ได้ไปที่กรุงเทพฯ เพื่อจะไปซอยสายลมก็ไปแวะที่ดอนเมือง บ้าน พล.อ.อ.อาทร โรจนวิภาต คุยกันถึงเรื่องอื่นเสร็จ ท่านพล.อ.อ.อาทร ก็ปรารภว่า ตอนนี้ฝรั่งกำลังสนใจเรื่องดาวหลุมดำ นั่นก็หมายความว่า ดาวดวงนี้เป็นหลุม เวลาที่ดาวดวงต่าง ๆ เข้าไปใกล้ มันก็ดูดเข้าไปหมด แสงสีต่าง ๆ ที่เข้าไปใกล้ มันก็ดูดเข้าไปหมด แสงก็มองไม่เห็น เมื่อท่านพูดแบบนี้ ก็มีความรู้สึกว่า ดาวหลุมดำนี้มีความร้อนสูงพอสมควร แต่ความร้อนไม่สูงเท่าดวงอาทิตย์ อย่าเข้าใจว่าสูงมากขนาดนั้น<O:p</O:p
    ในกาลต่อมา ก็กลับมาจากบ้าน พล.อ.อ.อาทร โรจนวิภาต มาถึงที่ซอยสายลม ก็มาพบ หมอมนตรี ซึ่งมาคอยอยู่ก่อน ความจริงหมอมนตรีนี่ เป็นหมอสำหรับรักษาโรคประสาท หมอมนตรี นามสกุล อมรพิเษฐ์กุล ท่านเป็นหมอรักษาโรคประสาท ก็เป็นอันว่า คนนี้ดี อาตมายอมรับนับถือ ต้องมีหมอประเภทนี้ไว้ก็เพราะว่า ว่าง ๆ บางทีโรคประสาทมันเกิดขึ้นได้ ถ้าหากว่าบังเอิญ มันจะบ้าเพราะโรคประสาท ขอญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายโปรดทราบว่า ไม่ต้องหนักใจ เพราะมีหมอมนตรีคอยรักษาอยู่แล้ว <O:p</O:p
    ถามหมอมนตรี หมอมนตรีก็บอกว่า ไอ้โลกหลุมดำ มันเป็นหลุมครับ เวลาดวงดาวต่าง ๆ เข้าไปใกล้ มันดูดหายเข้าไปหมด แสงสีต่าง ๆ ก็ดูดหายเข้าไปหมด ก็มีสภาพเหมือนกันกับท่าน พล.อ.อ.เตือนใจ กลิ่นสุภา สองสามีภรรยา<O:p</O:p
    สำหรับ นพ.<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>อาทร ที่บอกมา ก็เลยไม่ได้กรณีพิเศษ มาเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๓๓ อาตมาเป็นโรค มีหนองที่รากฟันความจริงตั้งใจจะถอนทิ้ง ไอ้ของเลว ๆ อย่างนี้ไม่เคยสนใจมัน แต่ทว่า บังเอิญ พ.ต.นพ.นพพร และก็ พญ.<st1:personName w:st=" /><st1:personName w:st=" ProductID="นพพรนั้น เป็นหมอศัลยแพทย์" on?>นพพรนั้น เป็นหมอศัลยแพทย์</st1:personName> ผ่าตัด แพทย์หญิงเตือนใจเป็นแพทย์ฟัน เป็นทันตแพทย์ สองตายายบอกว่า อย่าถอนทิ้งเลยหลวงพ่อ เอาไว้ก่อน ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยถอนทิ้ง ก็เลยบอกว่า ถ้ามีการรักษาอย่างหลวงพ่อไม่เสียสตางค์ และก็ไม่เสียเวลามากจะรักษา ถ้าต้องเสียสตางค์ด้วย ต้องเสียเวลาด้วยจะไม่รักษา เพราะของเลว ๆ อย่างนี้ ไม่อยากจะเอาไว้ เพราะเคยถอนทิ้งไปแล้ว เธอก็ยืนยันบอกว่า ไม่เป็นไรหนูจะจัดการให้ รักษาให้เอง <O:p</O:p
    รู้สึกว่าสำหรับหมอฟันก็มีหมอจำนูญ อีกคนหนึ่ง มาสนใจสงเคราะห์อยู่เสมอ ๆ เป็นคณะเหมือนกัน เป็นอันว่าหมอคนนี้เป็น ดร.จำนูญ ชื่อชักจะจำไม่ค่อยได้ ทีแรกเธอบอกว่า ถ้าอาการอย่างนี้ต้องไปที่คลีนิกบ่อย ๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน การที่จะไปคลีนิกก็ไปไม่ไหว เพราะคนคนเดียว งานมันก็มาก ทิ้งวัดทิ้งวาไม่ค่อยได้ ไม่ได้ห่วง แต่ว่าเสียดายศรัทธาของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท<O:p</O:p
    เป็นอันว่า หมอเตือนใจก็มาชำระรากฟันให้ มีหมอโอ๋รับอาสาขับรถมาส่ง หมอโอ๋นี้ชาวบ้านเขาเรียกกันที่สำนักงาน ชื่อ อาจารย์บุปผาชาติ พงษ์ประดิษฐ์ แต่อาตมาเรียกหมอโอ๋ เพราะเธอชอบเป็นหมอ เป็นคนขับรถมาให้ ขณะที่เขากำลังจัดการกับฟัน เอาเหล็กเข้าไปแคะฟัน ไปแคะหนอง มันเคยเสียวบางครั้งก็เคยปวด ตอนนี้ก็มาคิดว่า ประเดี๋ยวมันจะเสียว ประเดี๋ยวมันจะปวด เอาอย่างนี้ดีกว่า เราเป็นคนที่ไม่มีความหมาย ถือว่าร่างกายนี่ไร้สาระ ฉะนั้นร่างกายมันจะตายเชิญมันตายไปตามชอบใจ แต่ก่อนที่มันจะตาย เราไปก่อนมัน ก็จับ อานาปานุสสติ นิดหน่อย จิตก็ตกวูบลง ถึงอารมณ์ละเอียด เวลานั้นก็เห็นท่านผู้มีคุณมากมายมาล้อมอยู่มาก ลอยอยู่ข้างบน คุยกับท่านเพลิน<O:p</O:p
    ท่านก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ไปเสียให้ร่างกาย ร่างกายจะเป็นอย่างไร มันเป็นเรื่องของร่างกาย จิตใจอย่าไปสนใจกับมัน คำว่า ไปห่าง คือ ใจไม่สนใจ หมอเขาทำหน้าที่ของหมอ เป็นเรื่องของหมอเขาไป เรื่องการเจ็บ การป่วย การเสียว เป็นเรื่องของร่างกาย ปล่อยมันไปเราไม่สนใจในมัน พอท่านพูดเท่านั้น จิตก็ตกวูบอีกครั้งหนึ่ง มีความหวิวนิดหนึ่ง ปรากฏว่า ร่างกายไปอยู่ที่ที่ใดที่หนึ่ง ที่เขาเรียกว่ากันว่า แดนอมตะ คือ แดนที่ตายไม่เป็น พอไปถึงที่ตรงนั้นก็ไปนั่งแบบสบาย ๆ คิดว่า บ้านหลังนี้สวย เป็นเพชรแพรวพราวเป็นระยับ เครื่องแต่งกายเราก็สวย มีเครื่องประดับประดาสวยสดงดงามทุกอย่างมันเบาหมด ดีหมด ความหนักใจนิดหนึ่งก็ไม่มีในแดนนี้ เขาเรียกว่า แดนอมตะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ตอนนี้ ขอท่านผู้อ่านก็ดี ท่านผู้ฟังก็ดีโปรดทราบว่า เป็นอามรณ์เคลิ้ม ฉะนั้น เรื่องที่เล่าให้ฟังต่อนี้ไปทั้งหมด เป็นเรื่องนิทานทั้งหมด แต่ชื่อหมอเป็นคนจริง ๆ และความเป็นมาของหมอที่ให้รักษา ก็เป็นเรื่องจริง แต่ท้องเรื่องต่อไปทั้งหมด เป็นเรื่องนิทาน ขณะที่นั่งสบายอารมณ์อยู่ตรงนั้น ก็ปรากฏว่า มีท่านสุภาพสตรีคณะหนึ่ง เป็นหญิงล้วนไม่มีกระเทยปน กระเทยก็ไม่มี ชายก็ไม่มี แต่หญิงก็แปลก ไร้เพศภาวะความเป็นหญิง แต่งตัวแพรวพราวเป็นระยับเข้ามาใกล้ ขึ้นมาบนอาคารที่พัก ก็เลยลุกขึ้นจากที่ ทีแรกเอนกายอยู่
    ก็บอกว่า นี่เธอออกไปให้พ้นนะ ฉันต้องการอยู่คนเดียว ฉันไม่ต้องการให้มีอารมณ์อื่นเข้ามายุ่งกับฉัน ฉันถือว่า เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโต สตฺตานํ วิสุทฺธิยา ขึ้นต้น มหาสติปัฎฐานสูตร แปลไม่ได้ ใครอยากจะแปล ก็แปลเอาเอง รวมความว่า ฉันต้องการอยู่คนเดียว อารมณ์จิตจะสงบ เธออย่าเข้ามายุ่ง เธอที่เป็นหัวหน้าแทนที่จะโกรธ เธอกลับยิ้มเธอบอกว่า ในดินแดนแห่งนี้ คนทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต้องไม่มีคำว่า หนักใจ<O:p</O:p
    คำว่า หนักใจ หมายความว่า ความไม่พอใจ ต้องไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเต็มไปด้วยความสดชื่น มีอารมณ์เป็นอมตะ คือ อารมณ์ไม่ตาย ไม่ตายจากความสุข ต้องมีอารมณ์เบา อารมณ์เยือกเย็น ฉะนั้นคนที่นี่จะนั่งคนเดียวหรือจะนั่งหลายคนก็ต้องมีอารมณ์เหมือนกัน ไม่มีอารมณ์อื่นเข้ามาข้องฟังเธอพูด ท่านผู้อ่าน และท่านผู้ฟัง เธอก็พูดถูก อาตมาผู้พูดนี่เป็นพระ แต่ความจริง พระถ้ามีกังวลมันก็ไม่ใช่พระ อันนี้ไม่ได้ด่าใครนะ ด่าตัวเอง นึกในใจว่า เราถ้าเป็นพระ ถ้ามีกังวลก็ต้องไม่ใช่พระ ทีนี้คนพูดเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา เขาเป็นผู้หญิง เขายังสามารถทำอารมณ์อย่างนั้นได้ เราก็ต้องทำได้ มันจะไม่ได้มาก ประเดี๋ยวหนึ่ง ก็เอา<O:p</O:p
    ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้น เธอเข้ามาเถิด คุยกันได้ แต่ต้องแค่คุยกันนะ อย่ายั่วกันนะ ถ้าขืนยั่ว ไม่แน่นะ เดี๋ยวอาจจะวางแก่ทิ้ง เธอก็บอกว่า ที่นี่ไม่มีคำว่า ยั่ว ต้องตรงไปตรงมา ก็ถามว่า เธอมาทำไม เธอก็บอกว่า เห็นนั่งคนเดียว แล้วก็โง่คนเดียว แหม...นี่มันชมถนัดหน้า นั่งคนเดียว โง่คนเดียว ก็เลยถามเธอว่า ทำไมจึงโง่ เธอก็บอกว่า ความโง่มันมีอยู่ ทำไมไม่รู้จักคำว่า โง่ หรือ ก็บอกว่า โง่ น่ะรู้จัก คือ โง่นี่ไม่รู้อะไรจริง เธอก็ถามว่า จักรวาฬทั้งหมดรู้จักแล้วหรือยัง แหม...เล่นถามตอนนี้ ยังนึกในใจว่า ยายคนนี้ถึงแม้จะสวย ก็สวยเถิดวาจาจะเพราะ ก็เพราะไปเถิด<O:p</O:p
    ถ้าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ตบหกคะเมนเก็งเก้ไปแล้ว ไอ้พูดแบบนี้ แต่ตอนนี้มันแก่แล้ว สู้เขาไม่ไหว ก็เลยต้องเอา แก่ยิ้ม ๆ อย่างแก่ ๆ ยิ้ม แล้วก็ถามว่า เธอเห็นหรือว่า ฉันโง่ที่ไหน เธอก็ถามใหม่ว่า จักรวาฬทั้งหมด รู้จักแล้วหรือ ก็เลยตอบว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จักรวาฬเล็ก ๆ ฉันยังรู้จักไม่หมดเลย เธอถามว่าจักรวาฬไหน ก็บอกเธอว่า จักรวาล คือ ร่างกายของฉัน อวัยวะทั้งหมด ฉันไม่เคยเห็นหน้ามันชัด ถ้าใช้กำลังของจิต ในอารมณ์ของกรรมฐาน ก็เห็นเป็นเงา ๆ บ้าง เห็นชัดเจนบ้างบางส่วน แต่บางส่วนก็ไม่เห็น เธอก็บอกว่า จักรวาฬภายในฉันไม่ต้องการ ฉันต้องการจักรวาฬภายนอก <O:p</O:p
    ก็ถามเธอว่า หมายถึงอะไร เธอก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน รู้จักแดนพรหมไหม ก็เลยบอกว่า ก็บอกว่า นี่ โง่ มันต้องดูแดนพรหม มองต่ำลงไป ก็มองตามเธอ มองต่ำลงไป เห็นแดนพรหมยาวเหยียด เป็นแดนกลุ่มใหญ่มาก แพรวพราวสวยสดงดงาม เธอถามว่า พรหมนี่มีความสุขหรือ ว่าความทุกข์ ก็ตอบเธอว่า พรหมไม่มีความทุกข์ แต่พรหมไม่สิ้นทุกข์ นั่นคือหมายความว่า ต้องเกิด พรหมที่เป็นโลกียวิสัย เป็นฌานโลกีย์ต้องกลับไปเกิดใหม่ มีทุกข์หนัก แต่พรหมที่เป็นพระอริยเจ้า ขั้นพระอนาคามีขึ้นมา หวังนิพพาน ก็ยังทุกข์ เพราะยังต้องปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุมรรคผลเบื้องสูง หรืออรหันต์<O:p</O:p
    เธอก็ตอบว่า ถูก หายโง่ไปนิดหนึ่งแหมมันน่าจะชมมาก ๆ ต่อไปเธอก็ถาม ดูแดนสวรรค์แล้วหรือยัง มองเยื้องไปนิดหนึ่งเห็นแดนสวรรค์เกลื่อนกล่นมากมาย ร้องรำทำเพลง มีความรักกัน ระหว่างเทวดากับนางฟ้า มีผัวมีเมีย มีลูกที่ไม่ได้ดูดเต้า นั่นก็หมายความว่า เวลามีลูก ลูกไม่ได้เกิดในสวรรค์ ไม่ต้องเลี้ยงด้วยนม เธอก็ถามว่า เทวดากับนางฟ้ามีความสุข หรือความทุกข์ ก็ตอบเธอบอกว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดีไม่มีทุกข์ แต่ก็ไม่สิ้นทุกข์ ท่านที่ไม่สามารถจะไปนิพพานได้ ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอีก เธอก็ตอบว่า ถูก หายโง่ไปอีกหน่อย แหม...เมื่อไรจะชม ฉลาดเสียทีก็ไม่ทราบ ยายคนนี้ชมคนไม่เป็น<O:p</O:p
    เธอก็ถามต่อไปว่า ต่อนี้ไป ดูจักรวาฬต่ำจากเทวดา นางฟ้าต่ำจากสวรรค์ลงไปต่อไปก็ดู เห็นไอ้ลูกมะนาวบ้าง ส้มเขียวหวานบ้าง มันลอยเกลื่อนในอากาศ ลูกเล็ก ๆ ลอยเกลื่อนอยู่ห่าง ๆ ก็เป็นระยะ ๆ ห่างกันบ้าง ไกลบ้าง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ห่าง ๆ กัน ไม่ติดกันแต่ว่ามันอยู่เป็นชั้น ที่สูงกว่ามี เลื่อนต่ำลงมาก็เยอะแยะ เต็มจักรวาฬ เต็มอาการไปหมด ก็ถามเธอบอกว่า ไอ้ลูกผลส้ม นี่ใครเขาทำหล่นไว้ เธอก็ยิ้ม เธอก็บอกว่าที่ฉันพูดว่า ไม่หมดโง่ นี่มันเป็นอย่างนี้ นี่แหละโง่หนักละ ถามว่า ทำไม เธอก็ตอบว่า ไอ้นั่นที่เห็นเป็นผลส้มลอยในอากาศ ไม่ใช่ผลส้ม นั่นคือ เป็นจักรวาฬต่าง ๆ ที่เราเรียกกันว่าดวงดาว มันลอยอยู่เป็นตะปุ่มตะป่ำ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เห็นดาวพฤหัสไหม ก็เลยบอกเธอว่า เห็น นั่นใหญ่เบ้อเริ่มเบ้อเร่อ แต่ยังอยู่ต่ำลงไปมาก<O:p</O:p
    เธอบอก ดูผิวมาถึงที่สุด สุดของขอบจักรวาฬเบื้องบน เรียกว่า ขอบที่สุด สูงที่สุดก็แล้วกัน นั่งอยู่ตรงนั้น ถือว่า มันอยู่ใกล้ที่สุด ก็เห็นดวงดาวใหญ่ ๆ มันใหญ่มาก จะเอาดาวพฤหัสเข้ามาเปรียบเทียบ นี่เป็นไปไม่ได้ ดาวพฤหัสยังเล็กกว่าเยอะแยะ ก็มีพระท่านนั่งใกล้ ๆ พระใหญ่ท่านนั่งใกล้ ๆ ท่านบอก ลูกเอ๊ย ดาวดวงนี้ล่ะนะถ้าจะเทียบกับดาวพฤหัส ดาวดวงนี้ต้องเปรียบเหมือนช้าง ดาวพฤหัสต้องเปรียบเหมือนหมู แต่หมูต้องเป็นตัวไม่โต คือ ด้านหลังของหมู ต้องสูงไม่เกินตาตุ่มของช้าง <O:p</O:pลองเปรียบเทียบดูซิว่า มันใหญ่กว่ากันเท่าไร ดาวขนาดใหญ่ประเภทนี้ มีหลายดวงเธอบอก เอาเฉพาะจุดนี้ก่อน อย่าโง่มากเกินไป ยายนี่แปลกจริง ๆ แกชมคนว่า ฉลาดไม่ได้ ไอ้เราก็อยากให้ชมเสียที ไม่ยักชม แปลกจริง ๆ แหม หนักใจ ถ้าเป็นมนุษย์ด้วยกัน ตบหกคะเมนไปแล้ว เอ...ถ้าเป็นมนุษย์แก่ ๆ ก็ไม่กล้าตบเขาเหมือนกันนา ประเดี๋ยวเขาจะหลบ แค่เขาหลบ เราก็หัวทิ่มพื้น มันจะตายเปล่า ๆ <O:p></O:p>
    ก็รวมความว่า เธอก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ดูเฉพาะดาวดวงนี้ ที่มันต่างกับเขา ดาวดวงโน้นที่มันห่างไป เป็นดาวกลมใช่ไหม เป็นลูกผลกลม ก็บอกว่า ใช่ เธอถามว่า โตไหม ก็บอกว่า ถ้าจะเปรียบกันนะ ไอ้ลูกผลส้มที่ลอยในจักรวาฬต่าง ๆ มันมีอุปมาเหมือนมะนาว หรือส้มเปลือกบาง แต่ไอ้ลูกนี้ ๒-๓ ลูก นี่มันโตขนาดพ้อม เธอก็บอกว่า ใช่มันใหญ่กว่ากันมาก ที่มนุษย์บอกว่า ดาวพฤหัสโตน่ะ ความจริงยังเล็กมากเกินไป เธอก็บอกว่า ดวงต่าง ๆ ไม่เอา เอาไอ้ดวงนี้ ดาวราหูนี่<O:p</O:p
    พระท่านบอกว่า เธอ ทำไมจึงเรียกว่า ดาวราหู เธอก็ตอบว่า ดาวดวงนี้ มันมีครึ่งดวง มันเหมือนกับผลส้มที่ถูกตัดกลาง หรือว่าเหมือนมีกระทะครอบลง มันมีโพรงข้างใน แต่ด้านบนนี่เป็นพื้นแผ่นดิน พื้นแผ่นดินหนาหลายโยชน์ แต่มีความเขียวชะอุ่ม มีทะเล มีมหาสมุทร มีแม่น้ำ มีคน อะไรทุกอย่าง เธอพรรณนา แต่ว่าตอนนั่งตอนนั้นไม่เห็น เห็นเป็นจุดดำ ๆ และก็ถือว่า ในบางโอกาส ไอ้ลูกผลส้มที่มันลอยเข้ามาใกล้ในรัศมี มันก็ผลุบหายเข้าไปในท้องดาวดวงนี้ พระท่านก็บอกว่า ดาวดวงนี้ควรจะเรียกว่า โลก ถ้าเรียกว่า ดาว เด็ก ๆ เขาจะเฝือ เธอถามท่านว่า เรียกว่าโลกอะไร ท่านเรียกว่า ชินโลก ชินโลก คือ โลกที่มีความชนะ ไม่แพ้ใคร นั่นก็หมายความว่า โลกประเภทนี้ในจักรวาฬทั้งหมด ไม่มี มีโลกนี้โลกเดียว ที่มีรูปร่างลักษณะแบบนี้<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ก็กราบเรียนถามพระท่านว่า ลักษณะจริง ๆ ของโลกนี้เป็นอย่างไร ท่านบอก โลกนี้ มีสภาพเหมือนกระทะครอบ กระทะวาง เอาตูดกระทะ เอาท้องกระทะขึ้นข้างบน เอาหัวกระทะลงข้างล่าง ข้างในมันจะเป็นโพรง และความกว้างใหญ่ไพศาลของมัน กว้างใหญ่ไพศาลมาก ถ้าจะนับจักรวาฬเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่ อย่างจักรวาฬมนุษย์ จักรวาฬของเราอยู่นี่ เวลานั้นไม่มีความหมายเลย มองดูจักรวาฬนี้ มันเหมือนกับมะนาวลูกเล็ก ๆ มันจิ๋วมาก ถ้าจะไปเทียบกับดาวพระศุกร์ โลกพฤหัส โลกพระอังคาร มันเทียบกันไม่ได้ เป็นอันว่าโลกที่เราเลือกอยู่ เป็นโลกที่แคบ ๆ ทำความสะอาดได้ง่าย อย่างนี้ถ้าใครเป็นนายกเทศมนตรี ก็สบายเป็นเทศบาลโลกมนุษย์ แคบๆ
    ก็เป็นอันว่า ถ้าเปรียบเทียบกัน มันใหญ่กว่ากันมาก ท่านก็ถามว่า ถ้าจักรวาฬที่ลอยอยู่ ถ้ามันจะไหลเข้ามาในท้องของดาวดวงนี้หรือโลก ๆ นี้ ก็ไม่รู้กี่ร้อยดวง มันถึงจะเต็ม ก็ต้องนับพันดวง แสนดวง แต่ท่านก็บอกว่า ตามที่มีคนเขาเห็น เขาลือกันในโลกมนุษย์ ท่านบอก ท่านได้ยิน ท่านบอกว่า มีนักวิทยาศาสตร์พวกหนึ่ง คนหนึ่ง แกเป็นคนทุภพลภาพ ไม่ถึงกับไปไหนไม่ได้ ไปได้แต่เดินไม่ถนัด แกก็คิดอยากจะดูระบบโหราศาสตร์ โหราจารย์อะไรก็ไม่ทราบ ดวงดาวต่าง ๆ แกก็ส่องไปส่องมา ส่องมาส่องไป ด้วยกล้อง กล้องพิเศษที่แกคิดขึ้น ไม่ทราบว่าจะเรียกว่ากล้องอะไรดี ก็มาเจอะไอ้เจ้าดาวดวงนี้เข้า เห็นว่าจักรวาฬต่าง ๆ ที่ไหลเข้ามาใกล้ ลอยหายผลุบเข้าไปในท้องมันหมด แล้วก็ไม่ออกมา<O:p</O:p
    พระท่านก็เลยบอกว่า ความจริงมันออก แต่ฝรั่งไม่มีเวลาดู เวลามันออก เพราะว่านักวิทยาศาสตร์ถึงเวลาก็ต้องหลับ ถึงเวลาตื่นก็ตื่น ถึงเวลาหลับ ต้องมีการพักผ่อน ทีนี้ไอ้เจ้าดาว หรือโลกอันนี้ มันกว้างใหญ่ไพศาลมากข้างในมันเป็นโพรง ทีนี้เวลาที่อากาศไหลวนมาถึงตรงนี้เข้า ก็หวนเข้าไปข้างใน แล้วก็ไหลมาข้างนอก เหมือนกับเขตน้ำวน ที่มีแม่น้ำใหญ่ ๆ น้ำไหล แล้วก็มีอุโมงค์เข้าไปข้างในข้าง ๆ ในแผ่นดิน มีอุโมงค์ลึก ๆ ชอนเข้าไปข้าง ๆ ไกล ๆ หน่อยเป็นอุโมงค์ใหญ่ สถานที่ตรงนั้นจะเป็นน้ำวนของต่าง ๆ ถ้าไหลไปที่นั่น ไปถึงนั่น จะวนไปวนมาอยู่ บางอย่างก็หลุดเข้าไปในอุโมงค์นั่น และต้องใช้เวลานานหน่อย จึงจะคลายตัวออกมา ข้อนี้ฉันใด ไอ้เจ้าชินโลกนี่ก็เช่นเดียวกัน<O:p</O:p
    ในเมื่อมันเป็นหลุมลึกอยู่ตรงกลางข้างใน และแสงสว่างที่มันรับก็รับตอนล่าง คือ มันสูงกว่าแสงอาทิตย์ที่มันจะพึงรับ ไม่ใช่ต่ำกว่าแสงอาทิตย์ การหมุนมันก็หมุนตัวเหมือนลูกข่าง ไม่ใช่หงายไป คว่ำมา มันก็หมุน เป็นการทรงตัว และเวลาที่โลกต่าง ๆ เลื่อนเข้ามาใกล้ในรัศมีความดูดของมัน มันก็ไม่ดูดแรง แต่ความจริงเจ้าดวงดาวหรือว่าโลกต่าง ๆ ที่ไหลมานี่ มันไหลไปตามกระแสของอากาศ หรือตามกระแสของลม มันไม่มีเครื่องขับเคลื่อน มันก็ไหลเข้าไปตามลมเข้าไปท้องของเจ้าโลกนี้<O:p</O:p
    ความจริงเข้าไปแล้วมันก็ไม่หายไปไหน มันก็วนมาวนไปกระทบโน่นบ้าง กระทบนี่บ้าง ในที่สุดถึงจังหวะ มันก็ไหลออกมาข้างนอก แต่เวลาที่มันไหลออกมา ฝรั่งมองไม่เห็น แต่ไม่ใช่เวลาวันสองวัน มันต้องใช้เวลาเป็นปี อาจจะเข้าไปถึงปุ๊บ แล้วอาจจะใช้เวลาในเมืองมนุษย์ประมาณ ๒๐ ปีบ้าง ๕๐ ปีบ้าง ๗๐ ปีบ้าง อาการมันเป็นอย่างนี้ เลยทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความหนักใจ คิดว่า โลกนี้เป็นโลกอัศจรรย์ ท่านจึงถามว่า สงสัยโลกนี้ไหมเลยกราบเรียนพระท่าน บอกว่า สงสัยขอรับ ท่านก็บอก ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกัน ไปด้วยกันทั้งกลุ่มนี่ บรรดาท่านสุภาพสตรีปากกล้านี่ก็ไปด้วย ไปด้วยกัน จะได้รู้ว่า ไอ้โลกนี้จริง ๆ มันเป็นอย่างไร <O:p</O:p
    เมื่อท่านบอกว่า ไปด้วยกัน ก็มาไม่ยาก ก้าวปั๊บเดียวก็ถึงโลกนี้ทันที ไม่ต้องพักพรหมโลก ไม่ต้องพักสถานีสวรรค์ ไม่ต้องพักสถานีพรหม ไม่ต้องพักสถานีอรูปรพรหม อวกาศใด ๆ ทั้งหมด ก้าวก้าวเดียวก็ถึง มาถึงก็เห็นโลกมันยังเล็ก ๆ อยู่ ก็ลงไปข้างหน้าทีแรกลงเดินบนผนังโลก ใกล้ ๆ ขอบ พระท่านบอกว่า ถ้าเดินแบบนั้นนะ ถ้าชีวิตของคนในโลกมนุษย์ธรรมดา ๕๐๐ ชีวิต มันยังไม่จบเลย มันใหญ่โตมาก มนุษย์โลกที่เธออยู่ เธอถือว่า ใหญ่ มันเล็กจิ๋วเดียว มันเทียบกัน ๑ ใน ๑๐๐๐ ก็ยังไม่ได้ ความใหญ่โต<O:p</O:p
    ท่านบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดินลงไปเลย ไปดูหลุมข้างล่าง มันเป็นอย่างไร นั่นแน่ เอาจริงเอาจัง ก็เคลื่อนตัวลงมา ถึงหลุมข้างล่าง เห็นข้างล่างมันเป็นโพรงใหญ่ กว้างขวางมาก ข้างในก็มีไอ้โลกกลม ๆ เข้าไป หมุนไปหมุนมา อีเหละเกะกะ กระทบกันนิด ๆ หน่อย ๆ บ้าง กระทบผนังบ้าง ก็วนซ้าย วนขวาบ้าง วนมาวนไป มันไม่ค่อยจะออก ท่านบอก พวกนี้ก็ออกหมด ไม่ช้าถึงวาระมันก็ออก มันค่อย ๆ ไหลไปตามความดันของอากาศ แต่มันลึกมาก <O:p
    พอชมข้างในเสร็จ ท่านบอก ความร้อนที่รับ ตอนนี้จะร้อนมาก แต่ก็ไม่ร้อนเหมือนโลกพระศุกร์ โลกพระศุกร์ตอนหัวจะร้อนมาก แต่ว่าตอนกลาง ๆ จะมีความอุ่น ตอนปลายจะเย็นจัด เพราะแสงพระอาทิตย์ไม่ถึง โลกนี้ก็มีสภาพคล้ายคลึงกับโลกพระศุกร์ คือ ความร้อนยันเข้ามาจากข้างล่าง แต่ปรากฏมีแสงสว่างข้างบน แสงสว่างประสานกันทั้งโลก ไม่มืด ท่านก็บอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดินต่อไปขึ้นให้เร็วหน่อย เพราะโลกนี้มันกว้าง<O:p</O:p
    ก็ถามว่า ในเมื่อมันเป็นโพรงแบบนี้มันจะไม่พังหรือท่านบอก จับดูซิ มันแข็งขนาดไหน ความแกร่งของมันที่สัมผัสกับความร้อนเหมือนกับหินเราดี ๆ หินผสมเหล็ก หรือเหล็กเป็นหิน หินเป็นเหล็ก มันแข็งขนานหนัก และต่อไปต้องขึ้นไปสูงมาก ไอ้ความแข็งนี่มันหนาจัด หนาขึ้นไปสูงมากจึงเริ่มมีดิน แต่ส่วนที่เป็นดินจริง ๆ ก็หนาเป็นโยชน์ คำว่า โยชน์ ก็แปลว่า ๔๐ ๐ เส้น แต่มันหลาย ๔๐๐ เส้น<O:p</O:p
    เอาละ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟัง และบรรดาท่านทั้งหลายที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เพราะเทปนี้เป็นทั้งเสียง เป็นทั้งหนังสือ สำหรับเรื่องโลกหลุมดำนี่ หรือดวงดาวหลุมดำนี่ ที่นำมาเขียนในเล่มที่ ๑๑ ก็เพราะว่า เพิ่งจะประสบพบเห็น เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๓๓ เท่านั้นเอง มันคงไม่จบในเล่มนี้ ขอให้อ่านต่อไปในเล่มที่ ๑๒ สำหรับในตอนที่ ๑ นี้ชื่อว่า โอกาสที่พบหลุมดำ ในวาระแรกก็หมดลง ขอลาไปก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้ฟัง และผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี<O:p</O:p

    ˹ѧ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  4. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348
    ลิงค์ธรรมะในเว็บต่างๆของหลวงพ่อ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=714 หนังสือธรรมะ (จำหน่ายที่ตึกรับแขก)
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=716
    ซีดี - วีซีดีธรรมะ (จำหน่ายที่ตึกรับแขก)<o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=901 รวมซีดีคำสอนหลวงพ่อจากเว็บไซด์ต่างๆ<o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/forumdisplay.php?fid=50 บทสวดมนต์<o:p></o:p>
    http://www.watthasung.com/wat/forumdisplay.php?fid=49 สมบัติพ่อให้<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/เธฃเธงเธกเธซเธ™เธฑเธ‡เธชเธทเธญเธ„เธณเธชเธญเธ™เธ‚เธญเธ‡เธซเธฅเธงเธ‡เธžเนˆเธญเธžเธฃเธฐเธฃเธฒเธŠเธžเธฃเธซเธกเธขเธฒเธ™.24126/ <o:p></o:p>
    รวมหนังสือคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/เธชเธฒเธฃเธšเธฑเธ-เธฃเธงเธกเธšเธเธ„เธงเธฒเธก-เธ‚เธญเธ‡เธซเธฅเธงเธ‡เธžเนˆเธญ-เธเธตเนˆเธœเธกเนเธ„เธขเน‚เธžเธชเน„เธงเน‰-เธˆเธฐเน„เธเน‰เธซเธฒเธ‡เนˆเธฒเธขเน†.119666/ <o:p></o:p>
    รวมบทความ ของหลวงพ่อ ที่ joezaaaa โพสไว้ จะได้หาง่ายๆ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/สารบัญ-รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์-”.124421/<o:p></o:p>
    รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ โพสโดย teporrarit<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=zeedhama&month=25-10-2008&group=2&gblog=1 <o:p></o:p>
    ศูนย์พุทธศรัทธา อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.praruttanatri.com/meditation_club/ <o:p></o:p>
    ชมรมสมาธิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.putthawutt.com/html/actrule.html<o:p></o:p>
    รวมหนังสือหลวง

    <o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://thaisquare.com/Dhamma/sound/index.html <o:p></o:p>
    เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ แจก ซีดี<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.thaisquare.com/Dhamma/book/prawat_luangpopan/content.html<o:p></o:p>
    ประวัติหลวงพ่อปาน เขียนโดยหลวงพ่อ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.luangpor.com/ <o:p></o:p>
    เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ ขอ ซีดีได้ครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://scripturn.com/tag_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99.html <o:p></o:p>
    วีดีโอ คำสอนหลวงพ่อ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://www.youtube.com/profileuser=alinodreamworld&view=videos&start=20<o:p></o:p>
    วีดีโอ คำสอนหลวงพ่อ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    http://palungjit.org/threads/รวมคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ-99836.html <o:p></o:p>
    รวมคำสอนหลวงพ่อ โพสโดยคุณ mahaasia<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    และสุดท้ายครับ<o:p></o:p>
    http://palungjit.org/forums/รวมคําสอนเรื่องนิพพานของพระผู้ปฎิบัติดี-[.10/FONT]115676.html <o:p></o:p>
    รวมคําสอนเรื่องนิพพานของพระผู้ปฎิบัติดี โพสโดยคุณ ลูกวัดท่าซุง<o:p></o:p>

     

แชร์หน้านี้

Loading...