ประวัติหลวงปู่คำคะนิง ภาคพิสดาร ๔ (ตอนอุโมงค์แก้วใต้ลำน้ำโขง)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 10 ตุลาคม 2008.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี
    บุกเมืองพญานาคและท่องนรก(๔)
    โดย สิทธา เชตวัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ๐ มีอีหยังขอเบิ่งแหน่

    หลวงปู่คำคะนิงจึงกำหนดจิตอธิษฐานว่า สาธุ นโมอันว่านมัสการแด่พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ อันเป็นสรณะที่พึ่งประเสริฐสูงสุดอาตมาภาพจักขออนุญาตเข้าไปในถ้ำสถานอันลึกลับแห่งนี้

    ขอปวงเทพเจ้าทั้งหลายอันมีเจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าถ้ำ ตลอดจนยักษ์ คนธรรพ์ และพญานาคทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ณ ถ้ำสถานแห่งนี้ จงได้รับทราบและเปิดทางสะดวกให้แก่อาตมาภาพด้วยเถิด

    อาตมาภาพอยากจะขอเข้าไปดูชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นวาสนาบุญหูบุญตามถ้าหากมีจริงก็ขอให้ได้ดูชมสมใจ มิได้มีเจตนาโลภโมโทสันอยากได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือทรัพย์สมบัติของพวกท่านแต่ประการใดเลย

    เมื่ออธิษฐานจบแล้วหลวงปู่คำคะนิงก็จุดเทียนเล่มใหญ่ที่เตรียมมาในย่ามหลายห่อแล้วมุดคลานเข้าไปในรูดำมืดนั้น เข้าไปลึกประมาณสองร้อยวาก็ทะลุออกคูหาถ้ำข้างในเป็นถ้ำกว้างประมาณห้าวา เพดานสูงมีหินย้อยจากเพดานและผนังถ้ำสีขาวหม่นๆ งดงามบ้างเป็นพู่พวงห้อยลงมาคล้ายม่านหรือโคมระย้าพื้นถ้ำเป็นตระพักซ้อนขึ้นไปมีขั้นบันไดธรรมชาติ

    บนตระพักนั้นเป็นแอ่งน้ำใสแจ๋วปานกระจกมีหินรูปร่างคล้ายจระเข้แช่ขวางอยู่ในแอ่งน้ำถัดลึกเข้าไปมองเห็นปากอุโมงค์ดำมืดพอที่จะคลานมุดเข้าไปได้ก็ปรากฏว่าตรงกับนิมิตในสมาธิเป็นความจริงทุกประการ

    หลวงปู่คำคะนิงจึงเดินลุยลงไปในแอ่งน้ำนั้นซึ่งลึกแค่เอวพอไปถึงจระเข้หินจึงปีนป่ายขึ้นหลังมันเพื่อจะข้ามไป

    แต่เป็นที่น่าประหลาดว่าจระเข้หินนั้นเคลื่อนไหวได้มันยกตัวลอยสูงขึ้นเหนือน้ำปิดทากอุโมงค์ไว้ เอ๊ะ...นี่มันยังไงกัน ? หลวงปู่คำคะนิงแปลกใจจึงลองเอาเท้าแหย่เข้าไปใต้ท้องจระเข้หินดูทำท่าคล้ายจะมุดลอดใต้ท้องมันไป

    แปลกอีกแล้ว จระเข้หินก็จมตัวลงในน้ำไม่ยอมให้มุดลอดไปอีกนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้วต้องเป็นสิ่งลึกลับอาถรรพณ์คอยพิทักษ์รักษาปากถ้ำไว้เป็นแม่นมั่น

    ท่านจึงกำหนดจิตอธิษฐานขึ้นดังๆ ว่า

    โอ๊ย...ผู้ข้า...ขอเข้าไปเบิ่งบูชาหูบูชาตาดอก ถ้ามีอีหยังขอเบิ่งแหน่ไม่มีเจตนาอย่างอื่นใดดอก

    เป็นภาษาไทยอีสานมีความหมายว่า ตัวข้าหรือกระผมขอเข้าไปดู เพื่อบูชาหูบูชาตา ถ้ามีอะไรขอดูหน่อย ไม่มีเจตนาอย่างอื่นใดหรอก

    ทันทีที่อธิษฐานจบลง แปลกแท้ๆจระเข้หินจมตัววูบลงไปกบดานอยู่ใต้น้ำราวมีชีวิตอนุญาตให้หลวงปู่คำคะนิงลุยน้ำข้ามหลังมันไปโดยสะดวกจากนั้นก็คลานมุดเข้าไปในปากอุโมงค์ดำมืดนั้น

    ตอนนี้แสงเทียนยังจุดสว่างถือไว้อยู่ตลอดเวลา เทียนจะดับไม่ได้เพราะแสงเทียนคือสิ่งบอกเตือนว่า อากาศในถ้ำมีพอหายใจหรือไม่

    อุโมงค์ลาดต่ำลึกลงไปยาวประมาณสามสิบวาก็ทะลุถึงอีกคูหาถ้ำเป็นถ้ำกว้างพอสมควรเพดานสูงโค้ง มีหินย้อยใหญ่น้อยทั้งยาวและสั้น สีต่างๆ เช่นน้ำตาลอ่อน ขาวนวล แดงและเหลืองรูปร่างแปลกๆ คล้ายจีบม่านแพรเป็นริ้วๆ ก็มีคล้ายสายน้ำตกก็มี

    สลับซับซ้อนคล้ายตำหนักที่เทพเจ้าสร้างไว้เมื่อกระทบแสงไฟเทียนจะเกิดประกายระยิบระยับดุจโรยด้วยกากเพชรสวยงามวิจิตรพิสดารมาก

    ๐ พุทโธคุ้มหัว

    ตรงกลางถ้ำมีสิ่งมีชีวิตร่างหนึ่งตระหง่านอยู่ทำให้หลวงปู่คำคะนิงต้องตะลึงจังงัง

    สิ่งมีชีวิตนั้นคือพญางูตัวหนึ่งใหญ่เท่าต้นตาล ดำมะเมื่อมเลื่อมพรายชูคอขึ้นสูงท่วมหัว นัยน์ตาเขียวเปล่งประกายเจิดจ้าคล้ายแสงมรกตจ้องมองมายังหลวงปู่คำคะนิงอย่างน่าสะพรึงกลัว เป็นพญางูที่ไม่มีหงอน

    หลวงปู่คำคะนิงเล่าถึงตอนนี้ว่า ท่านไม่รู้สึกหวาดกลัวมันแต่ขนลุกซู่ซ่าไปหมด จะกลัวไม่ได้ ถ้านึกกลัวจะเป็นอันตรายต้องกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกภาวนา พุทโธๆๆไว้ในใจเรื่อยๆ

    ท่องพุทโธตัวเดียวนี้แหละคุ้มครองได้หมดพระธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์รวมลงอยู่ที่พุทโธตัวเดียวนี้แหละพุทโธตัวเดียวเป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในสากลโลกนี้ จำไว้ให้ดีคาถาของหลวงปู่มีพุทโธตัวเดียว ใช้ได้ทุกอย่างแล้วแต่จะอธิษฐานเอา

    เมื่อหลายปีมาแล้ว หลวงปู่อยู่ในถ้ำ พวกผู้ร้ายห้าหกคนมันมาปล้นมันคิดว่าหลวงปู่ร่ำรวยเพราะญาติโยมมาหามาก มันเอาปืนอาก้าจ่อยิงหัวหลวงปู่นะ

    หลวงปู่หลับตาภาวนาพุทโธๆๆ ตัวเดียวนี้แหละ มันยิงกันใหญ่ปืนมันไม่ลั่นเลย หลวงปู่ก็บอกมันว่า เอาเลยยิงให้หลวงปูตายเลยถ้าเราเคยมีเวรกรรมต่อกัน

    แต่มันก็ยิงหลวงปู่ไม่ออกเพราะพุทโธตัวเดียวแท้ๆ คุ้มครองพวกมันก็พากันหนีไป แล้วตำรวจก็จับได้

    หลวงปู่คำคะนิงกล่าวและประสิทธิ์พระคาถานี้ให้กับข้าพเจ้าและผ่านมายังท่านผู้อ่านทุกๆท่านครับ
    เมื่อกำหนดจิตกาวนาพุทโธๆๆ แล้วหลวงปู่คำคะนิงได้พูดขึ้นกับพญางูดังๆ ว่า อาตมาภาพถือสัจจะที่เข้ามานี้มาขอดูชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองของท่านถ้ามีอะไรก็ขอดูชมให้สนใจเพื่อเป็นวาสนาบุญตาด้วยเถิด ขอดูชมเฉยๆไม่เอาไปหรอก

    ๐ อุโมงค์แก้วใต้โขง

    เมื่อกล่าวจบลง สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นพญางูใหญ่ลดหัวลงต่ำทันที มันเลื้อยเข้าไปข้างใน ตัวมันยาวใหญ่มากหลวงปู่คำคะนิงยังคงยืนงุนงงถือเทียนเฉยอยู่

    พญางูได้เอี้ยวคอหันมาดูแล้วผงกหัวให้คล้ายเป็นเชิงบอกให้ตามไปหลวงปู่คำคะนิงจึงถือเทียนเดินตามไปห่างๆ ลำตัวพญางูยาวคล้ายจะไม่สิ้นสุดท่านเดินตามไปข้างๆ มัน

    ครั้นแล้วมันก็หยุดลง ทำหัวก้มๆ เงยๆ ลงที่พื้นถ้ำ 2-3 ครั้ง ตรงนั้นเป็นปากหลุมถ้ำดำมืดท่านเข้าใจได้โดยวิถีจิตว่าพญางูบอกกล่าวไม่ให้ลงไปในปากถำหลุมดำมืดนั้นเพราะจะเป็นอันตรายให้ระวัง

    จากนั้นพญางูได้เลื้อนตรงไปทางขวามือแล้วหันมาผงกหัวขึ้นๆ ลงๆให้ท่านเข้าไปดู เมื่อเข้าไปดูพบว่าตรงนั้นมีหินย้อยลงมาสวยกมมากคล้ายม่านแพรริ้วๆพญางูได้ยื่นหัวของมันชะโงกเข้าไปข้างๆ หินย้อยรูปม่าน

    ปรากฏว่ามีรูใหญ่ดำมืด พญางูผงกหัวขึ้นๆ ลงๆ คล้ายจะบอกให้ลงไปในรูนี้จากนั้นมันก็เลื้อยนำทางลงไปก่อน

    ท่านถือเทียนจุดสว่างลงไปในรูนี้ตามหลังมันไป ทางลงราบรื่นเกลี้ยงเกลาเพดานและผนังอุโมงค์ทางลงกระทบแสงเทียนเป็นประกายระยิบระยับพร่างพรายไปหมดคล้ายแสงดาวนับแสนนับล้านดวงในท้องฟ้า บอกให้รู้ว่าเป็นพวกแร่ธาตุอัญมณี

    อุโมงค์ทางลงลาดต่ำลงไปเรื่อยๆ จากการกำหนดหมายจดจำไว้

    หลวงปู่คำคะนิงเล่าว่า
    อุโมงค์นี้พุ่งตรงไปยังด้านทิศตะวันออกคือแม่น้ำโขง อุโมงค์ยาวมากเดินจนรู้สึกเหนื่อย เทียนหมดไปหลายเล่ม

    เมื่อท่านหยุดยืนพักเหนื่อยพญางูก็จะหยุดบ้างแล้วเอี้ยวคอมาดูผงกหัวขึ้นๆ ลงๆ คล้ายบอกให้ตามไปท่านก็ออกเดินต่อไปอีก กะว่าเดินไปหนึ่งวันเต็มๆ

    ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นคูหาถ้ำกว้าง วิจิตรพิสดารด้วยหินย้อยเป็นหลืบฉากคล้ายท้องพระโรงมีแสงสว่างรุ่งเรืองอันเกิดจากหินย้อยเปล่งแสงคล้ายดวงดาว

    ตอนนี้เทียนที่จุดสว่างนำทางได้ดับลง หลวงปู่คำคะนิงรู้สึกหายใจไม่ออกไม่มีอากาศหายใจ จึงกำหนดจิตอธิษฐานขึ้นว่า

    โอ๊ย...ข้าน้อย...ขอให้ได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถิด ข้าน้อยอยากเบิ่งอย่าเพิ่งให้ตายเลย

    อธิษฐานจบก็มีอากาศหายใจอย่างสดชื่นรู้สึกร่างกายหายเหนื่อยกระปรี้กระเปร่าขึ้นตอนนี้พญางูใหญ่ซึ่งหยุดดูอยู่ไต้ผงกหัวขึ้นๆ ลงๆ ให้ตามไป

    เมื่อออกเดินไปก็เห็นเพดานอุโมงค์ข้างบนเป็นหินสีขาวใสกระจ่างเหมือนกระจกกว้างประมาณยี่สิบวา มองขึ้นไปเห็นเป็นแม่น้ำใหญ่ไหลเอื่อยเห็นท้องฟ้าอยู่เหนือน้ำด้วย

    ความรู้สึกบอกว่า ข้างบนคือแม่น้ำโขงเวลานี้ท่านกำลังอยู่ในอุโมงค์แก้วเมืองบาดาลใต้แม่น้ำโขง

    พญางูเลื้อยนำทางเข้าถ้ำโน้นออกถ้ำนี้วกไปวนมาคล้ายรวงผึ้งยักษ์แต่ละถ้ำสวยงามพิสดารด้วยหินงอกหินย้อย ตามผนังถ้ำรุ่งเรืองไปด้วยแสงแก้วมณีสีต่างๆสว่างไสวเต็มไปหมด

    จากหนังสือโลกทิพย์ ฉบับที่ 11 ปีที่ 2 เดือนมีนาคม 2526
    กรุณาติดตามตอนต่อไปครับ (เมืองใต้พิภพ-พบมนุษย์นาคา )
    http://palungjit.org/showthread.php?t=152861

    ขอเชิญทุกท่านได้โมทนาบุญผ้าป่า ๓ กองบุญร่วมกันครับ
    http://palungjit.org/showthrea...=158315&page=3

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เพียงท่านแวะชมและโมทนาท่านก็จะได้บุญได้กุศลตามกำลังใจของแต่ละท่าน

    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  2. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG] ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...