กรวดน้ำคว่ำขัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ภูผาปักษา, 18 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    กรวดน้ำคว่ำขัน หรือกรวดน้ำคว่ำทะนน หรือกรวดน้ำคว่ำกะลา ความหมายคืออะไร เป็นสำนวนไทยค่ะ หมายความว่าตัดขาดเลิกคบหาสมาคม

    ทำไมต้องคว่ำขัน ถือเป็นกิริยา ทำให้จบให้สิ้น ให้ความสัมพันธ์ขาดกันไปเหมือนสายน้ำ (อาศัยอาการเทให้หมด ให้มันหมดสิ้นกันไป) คล้ายคลึงแต่แตกตางจากสำนวนคว่ำบาตรที่แปลอย่างเดียวกัน เพราะกิริยาที่พระท่านคว่ำบาตรหรือปิดฝาบาตรเสีย คือไม่ยอมรับบาตรจากญาติโยมก็คือการตัดขาดเหมือนกันค่ะ
    (แต่การกรวดน้ำจนน้ำหมดไม่นับเป็นกรวดน้ำคว่ำขันนะคะ คว่ำขัน เป็นสำนวนยึดเคว่าคว่ำแสดงนัยของการไม่รับอีกต่อไปเท่านั้นเอง และการกรวดน้ำใช้ภาชนะอะไรก็ได้ค่ะไม่จะป็นต้องใช้ขัน )

    คว่ำให้ใคร ก็ให้เจ้าคนที่ไม่อยากคบอยากเจอะเจอด้วยแล้วนั่นแหละ

    กรวดน้ำเพื่ออะไร เพื่อบอกกล่าวให้พระธรณีช่วยมาเป็นพยานในการที่กระทำของตน ทั้งผลบุญ หรือการอื่น ๆ เช่น ตอนพระนเรศวรหลั่งทักษิโณทกเพื่อประการอิสรภาพ (ทักษิณา = ลงไปทางใต้ อุทก = น้ำ รวมความคือการหลังน้ำลงไปเบื้องล่าง) ก็เพื่อให้พระธรณีมาเป็นพยาน ได้ทรงรับทราบ เชื่อกันว่าน้ำที่เรากรวดน้ำจะไปรวมกันที่เส้นพระเกศาของแม่พระธรณี
    ที่มาของการกรวดน้ำ เป็นที่มาของพระพุทธรูปปางมารวิชัย (เคยตอบไปแล้วนะเราว่า) คือเมื่อพระพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้ พญาวสวตีมารได้มาขัดขวาง อ้างว่าโพธิบัลลังก็ที่ทรงนั่งอยู่นั้นเป็นของตน ให้พระพุทธองค์ลุกไปเสีย ทรงตอบว่าโพธิบัลลังก์นี้เป็นของพระองค์พญามารอ้างพยานโดยเอาพวกมารทั้งหลายเป็นพยานแล้วถามหาพยานฝ่ายพระพุทธเจ้า ตรัสว่าพวกมารที่พญามารอ้างนั้นไม่สามารถเป็นพยานได้เพราะมีจิตเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทรงอ้างเอาพระรณีเป็นพยาน โดยทรงประกาศขึ้นไป พระธรณีซึ่งปรกติเป็นอรูปจึงปรากฏกายขึ้นในรูปเทพนารี มีสะเอวเล็กสะโพกผาย พระเกศาสีเมฆฝน ทรงกล่าวเป็นพยานและว่าโพธิบัลลังก์นี้จะเกิดมีขึ้นได้เฉพาะพระชาติที่จะตรัสรู้เท่านั้น จากนั้นได้ยืนยันโดยการบิดมวยพระเกศาให้น้ำที่พระพทธองค์ได้ทรงกรวดน้ำไว้ในอดีตพระชาตินั้นมากมายนัก เฉพาะพระชาติเวสสันดรพระชาติเดียวก็มากมายนัก น้ำนั้นก็พัดพาเอาพญามารและพลมารลอยหายไปหมดสิ้น

    ถ้าคุณไปตามวัด ลองสังเกตุดูพระประธานในโบสถ์ มักจะเป็นปางมารวิชัย ปลายพระหัตถ์ข้างหนึ่งจะห้อยลง(คล้ายจะ)สัมผัสพื้น นั่นคืออาการทรงเรียกแม่พระธรณี ทางพม่าจะเรียกปางนี้ว่า ภูมิผัสสระ แปลตรงตัวคือสัมผัสพื้นแผ่นดิน ด้านหน้าพระประธาน คือผนังฝั่งตรงข้าม มักวาดเป็นรูปแม่พระธรณีบีบมวยผมและมีหมู่มารด้านหนึ่งเคลื่อนพลมา ด้านหนึ่งถูกน้ำพัดไป(วาดแบบจิตรกรรมไทย ต้องแบ่งภาพด้วยความเข้าใจเรื่องราว) นั่นคือทรงเผชิญหน้าและอยู่เหนือกิเลสคือหมุ่มาร ส่วนภาพวาดด้านหลังองค์พระประธาน มักวาดเป็นรูปภูมิจักรวาลหรือเขาพระสุเมรุ นั่นคือ ทรงเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นหลักของโลก

    อันนั้นคือประวัติ แต่ที่เรากรวดน้ำนั้น เจตนาอย่างหนึ่งคือการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติสนิทมิตรสหายที่ล่วงลับ แก่เจ้ากรรมนายเวร โดยใช้น้ำนั้นเป็นเครื่องนำผลบุญลงไปทางใต้คือโลกเบื้องล่าง (ทักษิณานุประทาน = การอุทิศผลบุญลงไปทางใต้)และเพื่อให้แม่พระธรณีได้ทรงรับทราบการอุทิศผลบุญนั้น

    ที่มา : yahoo รู้รอบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...