กวดขันพระสงฆ์

เจ้าคณะผู้ปกครองตั้งแต่ระดับเจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ ลงมา ออกคำสั่งถึงเจ้าอาวาสวัดทั่วประเทศ ให้พระภิกษุสามเณรงดใช้โซเชี่ยลมีเดีย กดไลก์ กดแชร์ โพสต์ภาพ รวมถึงข้อความวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ

ห้ามวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เหมาะสม ส่อ ยั่วยุ ปลุกปั่น ก้าวร้าว กระทบกระเทือนความมั่นคง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ ยังห้ามเรี่ยไร ตั้งแผงพระ วัตถุมงคล รูปเหมือน รูปบูชาในงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า รวมทั้งห้ามติดป้ายโฆษณาเกี่ยวกับวัตถุมงคลต่างๆ โดยอ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ รวมถึงการขึ้นป้ายพุทธาภิเษกด้วย

เพื่อหยุดยั้งการใช้สื่อโซเชี่ยลที่ไม่เหมาะสม และพุทธพาณิชย์

ในคำสั่งนี้ ยังรวมถึงการห้ามแสดงพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับเพศกำเนิด การเดินทางไปในสถานที่ไม่สมควรแก่เพศบรรพชิต ใช้อุปกรณ์สื่อสารผิดกาลเทศะ การแต่งกายที่ไม่เหมาะสมจนนำมาซึ่งโลกวัชชะ

แม้จะสอดคล้องกับพระธรรมวินัย และขนบธรรมเนียมคณะสงฆ์ แต่ถ้าหากไม่นำไปสู่การบังคับใช้อย่างจริงจัง ก็ไม่ต่างอะไรกับเสือกระดาษ ลำพังเจ้าอาวาสจะสามารถ สอดส่องดูแลทั่วถึงหรือไม่

ถ้าจะนำไปสู่การปฏิบัติเคร่งครัด สังคม หรือพุทธศาสนิกชน ก็ต้องร่วมกันตรวจสอบ ตักเตือนควบคุมกันด้วยความเป็นกัลยาณมิตร ไม่มุ่งแต่จะจับผิดให้ร้ายจนกลายเป็นความขัดแย้ง

เลิกคิดแบบชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

ที่น่าสนใจก็คือ การจัดทำวัตถุมงคล เครื่องรางต่างๆ ที่วัดส่วนใหญ่มุ่งแข่งขันกันจนลืมรากเหง้าดั้งเดิมของหลักการพระพุทธศาสนา ซึ่งเท่ากับมอมเมาชาวพุทธ ให้ตกไปในอวิชชาแทนที่จะส่งเสริมปัญญา

จริงอยู่แนวทางนี้ อาจทำให้วัดมีรายได้ที่จะนำไปพัฒนาถาวรวัตถุ เสนาสนะ ตลอดจนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ แต่ถ้าหักโหมเอาแต่อาศัยความเชื่อความศรัทธามาเป็นประโยชน์จนเกินไป ก็ยิ่งทำให้ห่างจากแก่นแท้ของหลักธรรมออกไป

ในส่วนของโชซเชี่ยลมีเดียนั้น ย่อมมีทั้ง ด้านดีและด้านที่เสียหาย ถ้าหากรู้จักใช้เป็นช่องทาง การสื่อสารเพื่อเผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอน ก็ย่อมจะเป็นคุณูปการกับพระศาสนาไม่น้อย โดยเฉพาะในยุคดิจิตอล

ทั้งนี้ไม่ควรปิดกั้นจนล้าหลังหลุดโลก โดยต้องส่งเสริมบนความสร้างสรรค์

ขอขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/uncategorized/news_549513