"กายในกาย" (ประสบการณ์ภพภูมิ กายทิพย์)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย mobilelizard, 15 สิงหาคม 2013.

  1. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เมื่อผมตกใจเมื่อเห็นกายทิพย์ของตัวเองไม่นานมานี้...

    ประมาณสองวันก่อนผมลองเจริญสติ แบบกำหนดไม่ทั่วร่าง อยู่เฉพาะกลางๆ ผมก็ทำค้างไว้อย่างนั้น ในที่สุดเมื่อผมถอดจิตได้ สภาวะไม่ค่อยชัด ผมก็ทำความรู้สึกไปทั้งกายทิพย์นั้น สักพัก มองไปรอบๆ ชัดเท่าตาเห็นสว่างไปหมด ผมยกนิ้วขึ้นมาดูข้างซ้าย ตกใจ! ทำไมเรามีนิ้วเท่ากันหมดทุกนิ้ว คือสั้นลง ยังคิดไปว่าดีเข้าข้างตัวเอง พอยกมือขวาขึ้นมาดู อะจ๊ากกกกกกกกกกกก สั้นๆ ยาวๆ มาไม่ครบ

    หลังจากผมกลับร่างช่วงแรกคิดไปว่า เราทำกรรมอะไรหรือเปล่ากายทิพย์เลยเป็นแบบนั้น แค่ผมก็คิดไปว่า หรือว่ากายที่ถอดได้นั้นเป็นกายเวทนา เพราะหลังจากนั้น ผมไปอ่านที่คุณธรรมชาติบอกว่ากายเวทนาไม่มีตา หู ไม่มีหน้า ผมเลยนึกไปว่ามันจะต้องพิกลพิการแบบนี้หรือเปล่า

    ผมจึงได้สอบถามไปทางคุณธรรมชาติ โดยไม่ได้บอกว่าผมจงใจกำหนดรู้สึกไม่ทั่วกาย คุณธรรมชาติบอกว่ากายทิพย์ที่ถอดออกมานั้น ไม่ใช่กายเวทนา แต่เป็นกายจิตนั่นแหละ แต่เป็นกายจิตที่ทำความรู้สึกทางจิตยังไม่สมบูรณ์ ทำความรู้สึกจิตไม่ทั่วทั้งตัว เลยมีผลออกมาผิดปรกติ ผมไม่ได้บอกเลยยยยว่าผมกำหนดไม่ทั่วตัวจริงๆ

    ขออนุญาติคุณธรรมชาติเอาคำตอบใน pm มาเล่าส่วนนึง เป็นกรณีศึกษา ซึ่งคุณธรรมชาติสามารถรู้ได้ว่าผมกำหนดทำความรู้สึกไม่ทั่วทั้งตัว ทั้งๆ ที่ไม่ได้บอกเลย

    อีกอย่างผมเคยถอดกายทิพย์แล้วหันไปมองที่ๆ นอนอยู่หลายครั้ง บางครั้งจะเห็นเป็นดำๆ ตรงๆ ที่ๆ นอนอยู่ คุณธรรมชาติเผยว่านั่นคือกายจิต เห็นกายเวทนา ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมมันต้องดำๆ แต่หวังว่าจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ต่อไป
     
  2. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ถอดจิตเจอใครเอ่ยอยู่ในห้อง!

    ย้อนไปประมาณสามวันก่อน ถอดจิตออกมา อะจ๊าก ใครเอ่ยตัวใสทั้งตัว เหมือนแก้ว แบบนั้น และตรง หัวช่วงบนๆ ยังมีแสง ดวงหนึ่ง เป็นผู้หญิงผมยาว ผมก็เดินตามเขาไป ออกนอกห้อง ใครก็ไม่ทราบนะครับ ไม่ได้ถามเสียด้วย

    เพราะบางทีผมเจอภพภูมิที่ไม่เคยเจอ ผมมักจะถามว่าท่านเป็นใคร เป็นเทวดาหรือเปล่า เป็นนางฟ้าใช่ไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2013
  3. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    พลังจิตแบบเบสิคเวลาอยู่ในกายทิพย์

    คุณจะอยู่ที่ไหน ภพไหน นอกจากบินได้คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย แต่หากอยากลองอะไรสนุกๆ และทำง่ายๆ ก็คือการเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยจิต ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ากสิณอะไร แต่คิดว่าไม่มีกสิณก็คือพลังจิตล้วนๆ นี่แหละ ซึ่งผมได้ลองมาหลายที่ และพบว่า เป็นอะไรที่ทำง่ายและมีพลังมาก

    ความหมายของพลังมากคือเมื่ออยากจะเคลื่อนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่หากเข้ากสิณลมแล้วกำหนดให้ลมพัดต้องใช้แรงลมมหาศาล แต่ด้วยวิธีนี้สามารถทำได้ง่ายๆ และยังมีความแม่นยำในการเคลื่อนย้ายสิ่งของมาก

    อีกอย่างสามารถใช้ฉีกกำแพง ฉีกพื้น ได้ด้วยหลักการเดียวกันเพียงกำหนดจิตเท่านั้น หรืออาจจะกำหนดให้สิ่งของบี้เล็กลง ก็ได้

    อีกอย่างนอกจากเคลื่อนย้ายสิ่งของตามจิตกำหนด ก็สามารถดูดของเข้าหาตัว หรือ ผลักออกก็ได้
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301



    อ่านเรื่องของท่าน mobilelizard แล้วนึกถึงเรื่องพ่อมดที่ชอบทำการทดลองในหนัง คงสนุกไม่น้อยถ้าเราสั่งดินฟ้าอากาศได้
     
  5. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ขอบ่นหน่อยนะครับไหนๆ ก็มีกระทู้เป็นของตัวเองละ


    ผมต้องเพิ่มความเพียรให้มากกว่านี่แล้วซิ เพราะตอนนี้ถือเป็นโอกาศทองในการปฏิบัติ บางทีก็รู้สึกเจ็บใจในความขี้เกียจตัวเอง อยากจะทำให้ได้เยอกว่านี้ ทุกวันนี้จะทำแบบจริงๆ จังอยู่สัก 3 - 4 เวลา เช้ากลางวันก่อนนอน แต่อยากให้ได้มากกว่านั้น เพราะคิดว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว คนอื่นไม่รู้นะครับ แต่ผมไม่อยากมาเกิดเป็นคนแล้วละครับ ชีวิตผมสบายดีโดยรวม แต่พอคิดทบทวนตั้งแต่เกิดจนตอนนี้ ให้ทำอีกไม่เอาแล้วครับ เพราะตลอดชีวิตก็ เจอความทุกข์มามากมาย ทุกวันนี้ฉลาดขึ้นบ้างเพราะการปฏิบัติ ศึกษาธรรม ชาติหน้าจะโชคดีได้เจอพระธรรม ได้มีเวลา มีโอกาศปฏิบัติอีกแบบนี้หรือเปล่า เอาให้มันจบๆ ไปเลยชาตินี้ดีกว่าไหนๆ ได้เกิดเป็นคนได้มีโอกาศมาปฏิบัติ ก็เหมือนได้มาเข้าโรงเรียน ถ้าเรียนไม่จบชาตินี้ ต้องไปต่อ summer เรียนซ้ำชั้น หรือเรียนซ้ำอีกปีก็ไม่เอาแล้วครับ

    ใครมีเวลาว่างเยอะๆ ก็รีบๆ ทำเถอะครับเดี๋ยวไปต่อ summer จะยุ่งไปใหญ่

    ถ้าผมปฏิบัติจนพ้นได้ ผมก็หวังจะแนะนำคนในครอบครัวให้หันมาทำจริงๆ จังบ้าง...
     
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301



    อนุโมทนาเลยคะที่คิดได้แบบนี้ คุณนับว่าโชคดีมาก ดิฉันเองก็เบื่อจะเกิดเหมือนกันคะ แต่มันมีห่วงที่ต้องตามไปช่วยจนกว่าบุคคลนั้นจะพ้นจากวัฏสงสารไปด้วย
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    รบกวนถามคุณ mobilelizard ไปเรียนสมาธิจากสำนักไหนมาคะ ที่แรก และทุกวันนี้ถือ ศีลแปด และกรรมบทสิบ หรือเปล่า
     
  8. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678


    ผมว่าเกิดเป็นคนถ้ายังไม่บรรลุก็เหมือนถือระเบิดที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อแหละครับ ให้คุณชีวิตดีเลิศเลออย่างไร ความทุกข์มันก็รออยู่ข้างหน้าอีกไม่นาน ถ้าชีวิตคุณว่าดีมีความสุขแล้วคุณพอใจกับชีวิตคุณ คุณก็เตรียมตัวได้เลยครับ เพราะต่อไปคือความทุกข์ ความผิดหวัง ไม่สมหวัง ที่รอคุณอยู่ข้างหน้า ไม่ได้แช่งแต่ คือความจริงๆ ที่หลายๆ คนไม่อยากจะยอมรับ

    บางคนพอดูชีวิตดารา ไฮโซบางท่าน ก็ว่าทำไมชีวิตเขาดีจัง แต่ความเป็นจริงเขาก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น...สวย รวย หล่อ ก็อกหัก ก็พบกับความไม่สมหวัง ความทุกข์ต่างๆ มันไม่ใครเกิดมาแล้วไม่เจอกับความทุกข์หรอกครับ...มีแต่เขาจะซ่อนไว้ จะข่มไว้เป็นส่วนใหญ่ กี่คนจะออกมาร้องห่มร้องไห้ เล่าว่าชีวิตตัวเองไม่มีความสุขอย่างไร บางคนดูดีเป็นที่อิจฉาของหลายคน แต่คุณจะรู้หรือว่าเขามีเรื่องทุกข์ใจอะไรมั่ง ก็มันเป็นทุกข์ก็เพราะต้องเกิดแหละครับ ไม่ต้องเกิดก็ไม่ต้องมานั่งดูแลร่างกาย ทำนั่นทำนี่ ดิ้นรนต่างๆ นาๆ

    ผมอ่านคนที่มีปัญหาชีวิตที่มาเล่าในหมวดกรรมหลายท่าน อ่านแล้วสงสาร เพราะว่าความทุกข์ไม่ใช่เรื่องน่าขำเลย หลายๆ คนอยากถึงขั้นฆ่าตัวตาย มันทุกข์ขนาดนั้น แล้วคุณจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าชีวิตที่มีความสุขของคุณในตอนนี้มันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป มีอะไรเป็นหลักประกันบ้าง เพราะยังไงเราก็ต้องพบกับความพลัดพลากอย่างแน่นอน คนที่เรารักเขาถึงเวลาก็ต้องตายอย่างแน่นอน สิ่งที่เรารักรักชอบ สุญหาย เสียหาย พลัดพลาก อย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคน อนิจัง ทุกขัง อนัตตา

    เพราะฉนั้นผมจะเห็นว่าความหลุดพ้นเท่านั้นที่จะทำให้ ผมพ้นจากทุกข์ได้อย่างแท้จริง ผมไม่คิดว่าการที่ผมสนองความต้องการต่างๆ จะทำให้ผมพ้นทุกข์ เพราะโลกเรามันเป็นอย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างตนแล...
     
  9. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เรียนกับบ้านนี่แหละครับ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบ ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะถอดจิตอะไรหรอกครับ แล้วช่วงนั้นผมทำสมาธิต่างๆ และพบสภาวะขยับตัวไม่ได้ แล้วเห็นรอบห้อง ทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงคุยกัน พอมาถามในพลังจิต ก็ได้รับคำแนะนำต่างๆ ผมก็ไปศึกษาลองผิดลองถูกเองนี่แหละครับ ที่ผมเล่าๆ นี่จริงๆ ผมเพิ่งทำได้ปีนี้ เองครับ

    แต่ผมไม่เหมือนคุณธรรมชาติ เพราะผมกว่าจะทำได้ก็ยากมาก หลายเดือนเลยครับ different levels จริงๆ นะครับ

    http://palungjit.org/threads/นอนสมาธิแล้วขยับไม่ได้.394884/

    อันนี้เป็นกระทู้ช่วงที่ผมยังทำไม่ได้ คุณ duchess ลองไปอ่านดูได้นะครับ ถ้าคุณ Duchess อยากทำมั่งเน้นไปเรื่องสติเลยครับ เพราะว่าถ้าชอบกสิณหรืออะไร พอในที่สุดมันแยกกัน ค่อยไปลองทำดูก็ได้ครับว่าเรามีของเก่าอะไรมั่ง ทำอะไรได้มั่ง

    ผมถือศีล 5 แต่ก็คงมีพลาดมั่ง แหละครับ โดยเฉพาะเรื่องพูดคำหยาบบางครั้ง
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    เรื่องของกาย ทั้งทางโลก (โลกียะ) และทางธรรม (โลกุตระ) จากการปฏิบัติล้วน ๆ

    +++ กาย (มนุษย์) เวทนากาย (พลังงานของกายมนุษย์) จิต (กายทิพย์) เวทนาจิต (พลังงานของกายจิต)

    +++ จากความเป็นจริงในทางปฏิบัติ หากผู้ใด "สังเกตุกาย-เนื้อมนุษย์" ที่เรียกว่า "รู้กาย" ได้อย่าง "ครอบคลุมทั้งตัว" โดยไม่ได้ทำเป็นส่วน ๆ หรือ เน้นเฉพาะส่วนแล้ว (กายานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน) ไม่นานก็จะได้ "ความรู้สึกทั้งตัว" ขึ้นมาเอง ตรงนี้เป็นเรื่องที่ "หนีไม่พ้น" เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่จะต้อง มีมาเอง เป็นมาเอง เมื่อ "เหตุถูก ผลย่อมถูก" ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

    +++ ยามใดที่ยังทรงอาการ "รู้ทั่วทั้งกาย" อยู่นี้ได้ดีเพียงพอ แล้วเกิดอาการ "รู้สึก หนึบ ๆ หยุ่น ๆ อุ่น ๆ หรือ คล้ายกับ สนามพลังงานแม่เหล็ก" เกิดขึ้น "ภายใน" ร่างของกายเนื้อแล้้ว ก็จะรู้ได้เองว่า มันซ้อน ๆ กันอยู่ ตรงนี้เป็นการเริ่มต้นของ "กายในกาย" การฝึกในชั้นนี้ สามารถฝึกในการ "อยู่" กับกายใดกายหนึ่งก็ได้ และจะสามารถ "เลือกกายได้" กายนี้เกิดจาก ความรู้สึกของกายเนื้อ หากฝึกในการ "อยู่" กับกายนี้ ผมเรียกว่า "เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน" หรือ "กายเวทนา" นั่นเอง

    +++ แต่ยามใดที่ทรงอาการ "รู้ทั่วทั้งกาย" แล้วเกิดอาการ "เย็น ๆ หรืออุณหภูมิ แตกต่างที่สบายกว่า" เกิดขึ้น "ภายนอก" ร่างของกายเนื้อแล้้ว ก็จะรู้ได้เองว่า มันซ้อนกันอยู่ เช่นกัน และมันก็เป็น "กายในกาย" เช่นกัน และ สามารถฝึกในการ "อยู่" ได้เช่นกัน กายนี้เกิดจาก "สติ" ครอบคลุมอยู่ "ภายนอก" ของกายเนื้อ จนทำให้ "จิต" แฝงมาอยู่นอกกายเนื้อไปด้วย หากฝึกในการ "อยู่" กับกายนี้ ผมเรียกว่า "จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน" หรือ "กายจิต" นั่นเอง

    +++ "เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน" ตามนัยยะนี้เป็นการ "ตั้งจิต-สติ ไว้ในกาย" ส่วน "จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน" ตามนัยยะนี้เป็นการ "ตั้งกาย ไว้ในจิต-สติ" ดังนั้นคงไม่แปลกใจนะครับว่า ทำไมมันจึงไปสอดคล้องกับการฝึกในหมวด "อภิญญา" ในพระไตรปิฏกที่ว่า "ตั้งกายไว้ในจิต หรือ ตั้งจิตไว้ในกาย" แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องแปลก ๆ ที่มีหลาย ๆ ท่านกล่าวว่า "การฝึกมหาสติปัฏฐาน เป็น สุขขะวิปัสสโก" ดังนั้น ขอให้เป็นที่ทราบกันไว้เลยว่า ผู้ที่กล่าวเช่นนั้น เป็นผู้ที่ไม่ใด้ "มหาสติ" และยังเป็นผู้ที่ไม่รู้จัก "มหาสติ" อีกด้วย

    +++ ยามใดที่ตั้ง "ตั้งจิต-สติ ไว้ในกาย" ยามที่กายถอดออกมาจะเป็น "กายเวทนา" ส่วนยามใดที่ "ตั้งกาย ไว้ในจิต-สติ" กายถอดออกมาจะเป็น "กายจิต"

    +++ ทั้ง 2 กายนี้ควรฝึกให้ถอดได้ทั้งคู่ เพราะในยามใดที่ "เดินวิปัสสนาเพื่อความหลุดพ้นแล้ว" กายเวทนา จะเป็นเวทีที่มหาสติปัฏฐาน สามารถปักหลักลงไปใน "อรูปสมาบัติ" (โลกียะ) หรือเรียกว่า "กองธรรมารมณ์" (โลกุตระ)(ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน) อันเป็นบ่อเกิดของ อวิชชา ได้โดยตรง และสามารถทำให้รู้จัก "จิตเดิมแท้เป็นประกายประภัสสร" อันเป็น "อาภัสสระพรหม" ที่มีความเก่าแก่ระดับ "ข้ามอสงไขย" เพราะมีขีดความสามารถในการฝ่า "มหันตภัยแห่งประลัยกัลป์" ได้ ดังนั้นผู้ใดมีขีดความสามารถนี้ และล่วงรู้การ "เดินจิต" ให้เข้าสู่สภาวะนี้้ได้้ ก็ให้ทราบไว้เลยว่า "มีขีดความสามารถแบบ พุทธภูมิ ตัวจริง" มาก่อน แล้วมาอธิษฐาน "ลาพุทธภูมิ" ในภายหลัง (ให้สังเกตุ พระป่าสายหลวงปู่มั่นให้ดี เพราะมีหลายองค์ได้กล่าวถึงสภาวะนี้ไว้) ส่วน "กายจิต" เหมาะในการท่องเที่ยวภพภูมิ และ เรียนรู้ "กฏแห่งกรรม" (โลกียะ) ยามที่ มหาสติ ปักหลักในฐานนี้ได้้ ก็จะเห็น "กิริยาจิต" (โลกุตระ) ตลอดจนกระบวนการทำงานของจิตได้ เมื่อเห็นแล้วก็ส่งผลให้ "เกิดความเบื่อหน่ายในจิตตน" จนต้องหาทาง "สิ้นสุดยุติความเป็นจิต" ในภายหลัง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ทั้งทางโลกและทางธรรม ควรฝึกในกายทั้ง 2 นี้ให้ดี จะได้ไม่ต้อง กลับไปกลับมา ในภายหลัง

    +++ เมื่อไปถึงที่สุดแห่ง กาย แล้วก็จะรู้ได้เองว่า "อะไรที่จิตเกาะอยู่ อาศัยอยู่" สิ่งนั้นเรียกว่า "กาย" และยังเป็น กายธาตุทั้งสิ้น (โลกียะ)(สังขตะธรรมทั้งมวล มีความเป็นธาตุทั้งสิ้น) จนกว่า "จิตจะใช้สติเป็นกาย" เท่านั้น จึงสิ้นสุดแห่ง กายธาตุ ทั้งสิ้นได้ (สติในชั้นสุดท้าย "สภาวะรู้" เท่านั้นที่ ไม่มีธาตุใด ๆ ตั้งอยู่ได้ และเป็น อสังขตะธรรม)(โลกุตระ) กายตรงนี้เป็น "วิสุทธิ" จิตที่อยู่กับสภาวะนี้เท่านั้นที่เรียกกันว่า "วิสุทธิเทพ" หรือเรียกกันในอีกนามหนึ่งว่า "ธรรมะกายา" (อย่าเอาไปปนกันกับ ลัทธิ แถว ๆ รังสิต นะ เพราะมันไม่เกี่ยวกับ สภาวะธรรม ในที่นี้)

    +++ หวังว่าโพสท์นี้ คงพอเป็นประโยชน์อยู่บ้าง เพราะครอบคลุมเนื้อหา กายในกาย รวมทั้ง ผลของมหาสติปัฏฐาน 4 วิธีฝึกอภิญญาในพระไตรปิฏก พุทธภูมิ อสังขตะธรรม วิสุทธิเทวา และเรื่องเบ็ดเตร็ดนิดหน่อย ลองอ่านสัก 2-3 เที่ยว ก็จะเห็นความต่อเนื่องได้เอง นะครับ
     
  11. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678


    อะไรคือ มหันตภัยแห่งประลัยกัลป์ ที่ว่าครับ โพสต์เป็นประโยชณ์มากเลยครับ
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ หากจะตอบอย่างง่าย ๆ มหันตภัยแห่งประลัยกัลป์ ก็คือ ไฟประลัยกัลป์ นั่นเอง

    +++ หากจะตอบอย่างละเอียด รวมทั้งความเข้าใจในเรื่อง กาลอวกาศ ในพระพุทธศาสนา กับภาษาเมื่อ 2500 กว่าปีก่อนหน้านั้น จะต้องทำการ map ภาษาให้ตรงกับความหมายในพุทธศาสนาเสียใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร และอาจจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของ อจินไตย (นอกเหนือการคาดเดา unimaginable) บางประการอีกด้วย และไม่ง่ายต่อการ เดินจิตตาม เพื่อทำความเข้าใจ นะครับ
     
  13. yawamon

    yawamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +219
    รบกวนขอคำชี้แนะการปฏิบัติได้ไหมคะ สับสนตัวเองไม่รู้จะปฏิบัติแบบไหน จิตใจเศร้าหมองตลอด อยากปฏิบัติให้ก้าวหน้าแต่หาแนวทางไม่เจอ เบื่อตัวเองค่ะ
     
  14. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ลองเล่าประสบการณ์ที่ฝึกๆ มา และเศร้าหมองยังไงก่อนดีไหมครับ จะได้แนะนำกันถูก

    แต่เคยมีน้องคนนึงเป็นโรคฟุ้งซ่าน คิดมากอย่างหนัก ผมแนะนำให้หายใจแรงๆ ถี่ๆ เร็วๆ ยาวๆ จนไม่ไหวก็พัก เพราะผมเองเวลาฟุ้งซ่านผมจะเน้นไปที่การหายใจ พอหายใจแรงๆ เยอะๆ เร็วๆ ยาวๆ มันจะเมาๆ นิดๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก สบายๆ ผมแนะนำให้ทำเมื่อนึกออกทำไปเยอะๆ ไม่กี่วันเขาบอกตอนนี้เขาเอาอยู่แล้ว จากที่แต่ก่อนไม่ไหวจริงๆ เขาสบายขึ้นเยอะ และดูมีความสุขขึ้นมากอย่างกับคนละคน

    ผมเคยทดลองหายใจแบบนี้อยู่ สองสามวัน หายใจแรงๆ ยาวๆ เร็วๆ ตลอดๆ เหนื่อยก็พัก ผลคือแทบจะคิดอะไรไม่ได้เลยครับ ใครทำแบบนี้แล้วคิดมากได้ผมขอนับถือละ อันนี้ไม่ได้มีในตำราอะไรนะครับ มีคนสอนผมมาอีกทีแต่ไม่ใช่มนุษย์ เบื้องต้นลองทำดูก่อนได้ครับ แต่ระวังเจ็บหน้าอกนะครับ 555


    อาจจะผ่อนความเร็วลงมาหน่อยเอาจังหวะ ที่ไม่ลำบากมากก็ได้นะครับ ถ้าแรงมากไปอาจจะลำบากร่างกาย
     
  15. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    http://palungjit.org/threads/ที่สุดแห่งทุกข์.418952/


    คำสอนพุทธองค์นะครับ เผื่อคนไหนยังไม่ได้อ่าน ถือเป็นคำสอนที่สำคัญสำหรับผมมากจริงๆ
     
  16. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    พอดีย้อนไปอ่านที่คุณธรรมชาติแนะนำ ก่อนหน้านั้น ที่ผมยังทำไม่ได้ เห็นว่ามีแนะนำให้บินและชำแลกกำแพงด้วยนะครับ ตอนนั้นไม่ได้คิดจะทำเลยครับ กลายเป็นพอทำได้แล้วบ้าลองพวกพลังจิตไปเลยเหอะ (เดี๋ยวนี้หายบ้าไปเยอะ) ต้องสู้ต่อไปครับ




    http://palungjit.org/posts/7103385
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2013
  17. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    สวัสดีครับ ทุกท่าน ผมได้แอบฝึก ตามที่ อาจารย์ ธรรม-ชาติ สอนไว้ตามกระทู้ต่างๆ มาประมาณ

    2 เดือนแล้ว ตอนนี้ฝึกถึงรู้สึกได้ตั้งแต่ ศรีษะถึง เท้า (ไปเปิดตำราเทียบดู ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน.) แล้ว


    แต่ไม่เท่ากันทั้งกาย แล้วก็ทรงไม่ได้ตลอด ได้ช่วงหลับตา ยังคงห่างไกล มหาสติ

    มายืนยันว่า วิธีนี้ทำได้ให้ผลจริงครับ

    ________________________________
    กราบสวัสดีอาจารย์ และรุ่นพี่ทุกท่านด้วยครับ

    ฝากเนื้อฝากตัวรุ่นพี่ Mobilelizard ด้วยครับ ผมยัง

    เด็กน้อย ยังได้แค่เด็กๆ. จะพยายาม ถือศีล 5 ศีล หรือ ศีล 8 ให้บริสุทธิ์ และถือพรหมจรรย์ ตั้งแต่บัดนี้จนตลอดไปครับ.

    ________________________________


    - ตอนที่ผมพบอาการ นี้ ผมให้คำจำกัดความของตัวเองว่า ดุจดั่งเหมือนมีใครเอากระบอกฉีดน้ำเย็นๆมาฉีด

    ตอนหลังผมไปอ่านเจอ ใน อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย (สัทธัมมปัชโชติกา). ท่านใช้คำว่า

    ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน. คำนี้ที่เจอคิดว่าใช่เลย แต่ของผมรู้สึกว่ายังเป็นละอองฝน บางครั้งก็มีเหมือนโดน

    เม็ดฝนใหญ่ๆเย็น จนสะดุ้ง. แต่ดุจเวิ้งเขาที่ห้วงน้ำใหญ่ไหลบ่ามาฉะนั้น. ยังไม่เคยประสบเจอ

    อาการ ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน ช่วงหลังบางครั้งคล้ายๆกับผมเรียกมาได้ดั่งใจในระดับ ไม่กี่วินาที แต่ยังอ่อนครับ

    ความชำนาญที่อาจารย์ ธรรม-ชาติ สอนไว้ตามกระทู้ต่างๆ เข้า ออก เร่ง ผ่อน แช่ ตรึง อยู่ เพิ่มลด % ยัง

    ทำไม่ได้ครับ

    ________________________________


    - อาการที่เคยเจอมา และเคยเป็นหลายครั้ง: น้ำตาไหลอาบแก้มเปียกเลย บางครั้งอกรู้สึก สะอื้น อยากร้อง ไห้ออกมา แต่รู้สึกดี, ยิบยับๆทั่วตัว, ชาอ่อนๆเป็น

    แถบๆ เป็นแผงๆ รู้สึกดี,รู้สึกผิวกายแข็งๆเป็นผืน, รูหูลึกๆ เหมือนมีใครมาปั่นหูแต่รู้สึกดี

    _________________________________

    - ที่นานๆเจอครั้ง: มือกระตุก ,เท้ากระตุก , รอบดวงตา เหมือนมีฟองน้ำมาเต้นระบำ ชุ่มช่ำมาก

    ________________________________

    - ที่เคยเจอ ครั้งเดียว: รู้สึกนั่งตีลังกา ในทิศตามเข็มนาฬิกา. ,ปากหนา ,ตัวใหญ่ ,กายปักแน่นดั่งภูผา ,นอน

    ภาวนาตื่นมาเหมือน ขยับตัวไม่ได้. ได้ยินเสียงสวดมนต์ไพเราะๆ ที่ไม่เคยได้ยินบนโลก ,หูเหมือนดับแล้ว

    ได้ยินแต่เสียงสังกะสี ดังมาก., ดวงสว่างสีขาวประกายพรึกปรากฏด้านหน้าเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณปากแก้วกาแฟ มาโผล่เองทั้งๆที่กำหนด รู้สึกลมอ่อนๆ เข้าออกๆ ไม่ได้กำหนด กสิณ,

    ความนึกคิดหายสมองโล่ง ไม่มีคำพูดผุดขึ้นมาดั่งชีวิตประจำวันว่างอยู่ไม่ถึงนาที,ภาษาบาลีโผล่เป็นคำพูด

    ขึ้นมา แต่จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้จด เป็นคนไม่เคยเรียนบาลี

    ________________________________
    นิมิตเลื่อนลอยแทบไม่มีโผ่ลมากวน แต่เคยบางครั้งเหมือน เผลอหลับลืมตัว แล้วมีภาพอะไรมาปรากฏ แล้วก็หายไป
    ________________________________
    - วิธีเดินจงกรม ฝึกเดินแบบตามรอยพระบาทพระพุทธองค์. หากจิตหยาบอยู่ก็บริกรรมพร้อมเดินครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  18. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    สวัสดีครับ

    ดีครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ขอบคุณคุณธรรมชาติด้วยนะครับ ที่แวะเวียนมาแนะนำ เป็นประโยชณ์แก่คนที่แวะมาอ่านมากครับ เป็นกำลังใจให้นักปฏิบัติทุกคนเรียนจบเร็วๆ ครับ

     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    สวัสดีครับ ทุกท่าน ผมได้แอบฝึก ตามที่ อาจารย์ ธรรม-ชาติ สอนไว้ตามกระทู้ต่างๆ มาประมาณ 2 เดือนแล้ว

    +++ ไม่ต้องแอบก็ได้ครับ เผื่อติดขัดอะไร จะได้มองเห็น

    ตอนนี้ฝึกถึงรู้สึกได้ตั้งแต่ ศรีษะถึง เท้า (ไปเปิดตำราเทียบดู ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน.) แล้วแต่ไม่เท่ากันทั้งกาย แล้วก็ทรงไม่ได้ตลอด ได้ช่วงหลับตา ยังคงห่างไกล มหาสติ มายืนยันว่า วิธีนี้ทำได้ให้ผลจริงครับ

    +++ ให้ใช้ "ความรู้สึกแบบคร่าว ๆ ทั่วทั้งร่าง" แล้ว สติ จะครองกายเวทนาได้เต็มที่เอง
    +++ ให้ฝึกการ "ปิดเปลือกตา กับ เปิดเปลือกตา" แล้วทดสอบความแตกต่างกับการ "หลับตา และ ลืมตาดู" เมื่อหาความแตกต่างได้แล้ว ก็จะทรงความรู้สึกอย่างต่อเนื่องได้ดีกว่า การหลับตาและลืมตา
    ________________________________
    กราบสวัสดีอาจารย์ และรุ่นพี่ทุกท่านด้วยครับ

    ฝากเนื้อฝากตัวรุ่นพี่ Mobilelizard ด้วยครับ ผมยัง

    เด็กน้อย ยังได้แค่เด็กๆ. จะพยายาม ถือศีล 5 ศีล หรือ ศีล 8 ให้บริสุทธิ์ และถือพรหมจรรย์ ตั้งแต่บัดนี้จนตลอดไปครับ.

    +++ เรื่องของศีล ให้อ่านตรงนี้ประกอบไปด้วย

    http://palungjit.org/threads/พระอรหันต์ถ้าไม่บวชจะตายภายใน-๗-วันจริงหรือ.506507/page-2#post8245509

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    - ตอนที่ผมพบอาการ นี้ ผมให้คำจำกัดความของตัวเองว่า ดุจดั่งเหมือนมีใครเอากระบอกฉีดน้ำเย็นๆมาฉีด ตอนหลังผมไปอ่านเจอ ใน อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย (สัทธัมมปัชโชติกา). ท่านใช้คำว่า ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน. คำนี้ที่เจอคิดว่าใช่เลย แต่ของผมรู้สึกว่ายังเป็นละอองฝน บางครั้งก็มีเหมือนโดนเม็ดฝนใหญ่ๆเย็น จนสะดุ้ง. แต่ดุจเวิ้งเขาที่ห้วงน้ำใหญ่ไหลบ่ามาฉะนั้น. ยังไม่เคยประสบเจออาการ ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน ช่วงหลังบางครั้งคล้ายๆกับผมเรียกมาได้ดั่งใจในระดับ ไม่กี่วินาที แต่ยังอ่อนครับ ความชำนาญที่อาจารย์ ธรรม-ชาติ สอนไว้ตามกระทู้ต่างๆ เข้า ออก เร่ง ผ่อน แช่ ตรึง อยู่ เพิ่มลด % ยังทำไม่ได้ครับ

    +++ เรื่อง พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย (สัทธัมมปัชโชติกา) ลองยกทั้งบทมาดู จะได้รู้ว่า "ก่อนเกิดอาการ ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน" ต่าง ๆ นั้น ท่านกล่าวไว้ว่า "ให้เดินจิตอย่างไร" ลองยกมาดูนะครับ
    ________________________________

    - อาการที่เคยเจอมา และเคยเป็นหลายครั้ง: น้ำตาไหลอาบแก้มเปียกเลย บางครั้งอกรู้สึก สะอื้น อยากร้องไห้ออกมา แต่รู้สึกดี,

    +++ หากเกิดอาการนี้อีก "ให้ดักจับ ตรง อยากร้องไห้" สังเกตุอาการ "ดัน" ของมันว่า "มาจากบริเวณ ลิ้นปี่" หรือไม่ และความ หยาบ-ละเอียด อยู่ในระดับใด

    ยิบยับๆทั่วตัว, ชาอ่อนๆเป็นแถบๆ เป็นแผงๆ รู้สึกดี,รู้สึกผิวกายแข็งๆเป็นผืน, รูหูลึกๆ เหมือนมีใครมาปั่นหูแต่รู้สึกดี

    +++ ตรงอาการ ชาอ่อนๆเป็นแถบๆ นั้น ให้ขยายอาการให้เต็มร่าง จากนั้นจึงฝึก เร่ง ผ่อน เข้า ออก แช่ ได้ง่ายกว่าอาการอื่น
    _________________________________

    - ที่นานๆเจอครั้ง: มือกระตุก ,เท้ากระตุก , รอบดวงตา เหมือนมีฟองน้ำมาเต้นระบำ ชุ่มช่ำมาก

    +++ ใหสังเกตุ มือกระตุก ,เท้ากระตุก ให้ดี ๆ เพราะตรงนี้ เป็นอาการของ "จิตเคลื่อนร่าง" หากเห็นกระบวนการตรงนี้ได้ละเอียด ก็ "สามารถนำมาใช้งานได้" และเป็น อภิญญา ชนิดหนึ่ง
    ________________________________

    - ที่เคยเจอ ครั้งเดียว: รู้สึกนั่งตีลังกา ในทิศตามเข็มนาฬิกา. ,ปากหนา ,ตัวใหญ่ ,กายปักแน่นดั่งภูผา ,นอนภาวนาตื่นมาเหมือน ขยับตัวไม่ได้.

    +++ นั่นคืออาการของ "กายเวทนา" ที่เริ่มเข้าที่แล้ว หากเกิดอาการอีก ให้ "แช่" ในอาการนั้น แล้วจะเป็น "ตัวเอง ออกมาจากตัวเอง" แล้วจะได้ "การถอดกายเวทนา"

    ได้ยินเสียงสวดมนต์ไพเราะๆ ที่ไม่เคยได้ยินบนโลก ,หูเหมือนดับแล้ว ได้ยินแต่เสียงสังกะสี ดังมาก.,

    +++ เป็น "โสตะวิญญาณ ของ กายเวทนา" ไม่นานอาจได้รับการติดต่อจาก ภพภูมิ ได้

    ดวงสว่างสีขาวประกายพรึกปรากฏด้านหน้าเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณปากแก้วกาแฟ มาโผล่เองทั้งๆที่กำหนด รู้สึกลมอ่อนๆ เข้าออกๆ ไม่ได้กำหนด กสิณ,ความนึกคิดหายสมองโล่ง ไม่มีคำพูดผุดขึ้นมาดั่งชีวิตประจำวันว่างอยู่ไม่ถึงนาที,ภาษาบาลีโผล่เป็นคำพูดขึ้นมา แต่จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้จด เป็นคนไม่เคยเรียนบาลี

    +++ เป็น สัญญาเก่า ที่เคยได้นิสัยมาก่อน และเป็นส่วนหนึ่งของ การระลึกชาติ หากสติละเอียดดีเพียงพอ ก็จะชัดเจนขึ้นเอง
    ________________________________
    นิมิตเลื่อนลอยแทบไม่มีโผ่ลมากวน แต่เคยบางครั้งเหมือน เผลอหลับลืมตัว แล้วมีภาพอะไรมาปรากฏ แล้วก็หายไป

    +++ ยามใดที่ สติ ครองฐานใดฐานหนึ่งได้ ยามนั้น นิมิตเลื่อนลอยย่อมไม่มีปรากฏ เพราะในขณะนั้น ๆ "พ้นแล้วจากนิวรณ์ 5"
    ________________________________
    - วิธีเดินจงกรม ฝึกเดินแบบท่า เท้าพระพุทธองค์. หากจิตหยาบอยู่ก็บริกรรมพร้อมเดินครับ

    +++ หากจิตหยาบอยู่ "ให้กำหนด ความละเอียด ในยามที่เท้าสัมผัสพื้น" ไม่น่าเกิน 2 นาที จะเดินในระดับ "อัปปนาสมาธิ" ได้ ลองดูนะครับ
     
  20. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ประสบการณ์ระลึกถึงเจ้าแม่กวนอิม

    มีอยู่ช่วงนึง ผมฝึกเข้าสภาวะขยับตัวไม่ได้ แต่เห็นและได้ยินเสียงคนคุยกัน สภาวะสำหรับบางคนอาจจะไม่ชอบ เพราะจะมากับความรู้สึกน่ากลัว บางทีผมก็ได้ยินเด็กกระโดดบนหลังคาสองคนแล้วบอกว่าไม่ให้นอน หรือได้ยินเสียงคนคุยด้วยโดยไม่เห็นตัว คนนั้นบอกว่าทำจิตแบบนี้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว และยังบอกว่าชื่อ "ป้ารุ้ง" บางทีผมก็สามารถคุยกับอาที่ตายไปในสภาวะนี้ อามักจะเล่าเรื่องการเป็นอยู่ในโลกของเขาให้ฟังเป็นลักษณะถามตอบ

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง พอผมเข้าสภาวะนั้น เห็นไปรอบห้อง แต่ขยับตัวไม่ได้ รู้สึกตกใจเพราะสภาวะนั้นเป็นสภาวะที่ค่อนข้างน่ากลัว เลยนึกถึงเจ้าแม่กวนอิม ทันใดนั้นเองได้ยินเสียงเพลงสวดมนต์แบบจีนๆ คิดว่าเป็นบทเจ้าแม่กวนอิม และเห็นรูปวาดเจ้าแม่กวนอิม โผล่มาเต็มสองตา และในใจของกระผมเย็นยะเยือกสบายเข้ามาแทนที่ความตกใจ เป็นความสุขที่หาไม่ได้ทั่วๆ ไปเลย มันสุขเข้าไปในใจทำให้ผมสบายอย่างมาก

    อีกผมเคยฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมหลายครั้ง ครั้งล่าสุด ผมเห็นท่านยืนอยู่ ณ ที่แแห่งหนึ่ง ท่านสูงประมาณ 3 เมตร น่าจะได้ และผมเห็นคนกราบไหว้ท่านอยู่จำนวนหนึ่งรอบๆ ผมก็รู้สึกดีใจก้มลงไหว้ท่านอยู่ห่างๆ ท่านก็ถามผมว่า "มีอะไรจะให้ช่วย" ผมก็ตอบไปว่า "ปล่าวครับ ผมแค่ศรัทธา" ผมเห็นท่านเปล่งฉัพรังสีสว่างสไว จนแทบจะไม่เห็นกายท่าน เป็นภาพที่ติดตาผมมาจนถึงปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...