"การมีหนี้ เป็นทุกข์อย่างยิ่ง"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 2 ตุลาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    "การมีหนี้ เป็นทุกข์อย่างยิ่ง"

    เรื่องหนี้นั้น คิดว่ามีทุกสังคม นิคม หมู่บ้าน ทุกชนชั้นวรรณะ แต่จะต่างกันที่จำนวนเงินที่เป็น ส่วนมากเป็นหนี้เพราะ อยากเรียนต่อ อยากทำงาน อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากได้นั่น อยากได้นี่ สาระพัดอยาก ก็เพราะไอ้ตัวอยากนี่แหละ ใครมีมากก็เป็นหนี้มาก ใครมีน้อยก็มีหนี้น้อย บางคนผ่อนทั้งบ้านทั้งรถ ทั้งของใช้ เครื่องอำนวยความสะดวกในบ้าน จนสุดท้ายไปไม่รอด เพราะเงินหมุนไม่ทัน บางคนเงินมีน้อยไม่พอ หนี้ก็เยอะ ดันไปเล่นการพนัน เพราะคิดว่าจะได้เงินก้อนมาใช้หนี้ตัวเอง นี่แหละพอโดนความทุกข์กดดัน สติปัญญามืดบอดทันที เพราะไม่รู้จักวางใจ ให้เป็น โลภจนเกินเหตุ ปล่อยให้ความโลภ ความอยากครอบงำจน สะสมเป็นดินพอกหางหมู หากไม่รู้จักสลัดออกบ้าง ก็จะหนักอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ

    [​IMG]

    หนี้เกิดจากกรรมใหม่เป็นส่วนมาก กรรมเก่าเป็นส่วนน้อย กรรมใหม่คืออะไร ก็อย่างที่ว่ามาคือ ความอยาก ความโลภ ในใจที่มันมีมากๆ จนอดไม่ได้ จึงต้องขวนขวายมาเป็นของตนทั้งที่ ไม่มีทรัพย์พอที่จะได้มา แต่ก็ให้ตัณหามันล่อไปกู้ยืมเขาเพื่อสนองมันให้ได้ ....กรรมเก่าคืออะไร ก็คือไม่ได้ทำอะไร อยู่แบบพอเพียง แต่ดันมีเพื่อนหรือพี่น้องนิสัยไม่ดี สร้างหนี้ให้ เช่นให้เซ็นค้ำประกันต่างๆ จนสุดท้ายกลายเป็นหนี้ตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

    การวางใจเรื่องหนี้นั้นคล้ายๆกับการวางใจเรื่องกรรม เพราะมาแบบเดียวกัน หากทำใจยอมรับได้ว่าเป็นเพราะเราเองแท้ๆที่สร้างมันขึ้นมา ไม่ใช่ใครเลย หรือหากมีคนสร้างให้ก็ถือว่าเคยทำเขามาก่อน ไม่งั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ ความสุขในโลกอะไรก็ไม่สู้ทำใจยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดกับชีวิตได้เลย เพราะหากยอมรับไม่ได้ ใจมันจะสร้างกำแพงขึ้นมาต่อต้านตามกำลังกิเลส ที่มันสั่งให้เราเป็น ให้เราอยาก

    สังเกตุดูว่าก่อนที่เราจะเป็นหนี้ ก็เพราะความอยากได้โน่นนี่นั่น เข้ามาให้ตัวเองสบาย มันล่อมาให้หลง คิดไปแบบนั้น แต่พอได้มาแล้ว สร้างทุกข์ให้แล้ว มันก็ล่อให้อยากหมดหนี้เร็วๆอีก สั่งให้ทำยังงัยก็ได้ที่จะได้เงินมาใช้หนี้เขา นี่ก็เป็นทุกข์เข้ามาอีก คนไหนตามไม่ทันอวิชชาล่ะก้อ รับรองผูกคอตายแน่นอน เพราะจะคิดว่า หนี้เยอะขนาดนี้จะไปหาที่ไหนมาใช้เขา ทั้งที่ก่อนจะเอามาทำไมไม่คิดก่อน? หากมิจฉาทิฏฐิเข้าครอบงำมากๆ จะเปิดช่องให้มารเข้าแทรก คือเป็นโจรปล้นจี้ เป็นผีพนัน ทำสาระพันสิ่งชั่ว ที่จะได้เงินมาบำรุงตน เหมือนที่เป็นข่าวกันมากมาย

    เพราะอย่างนี้พระพุทธองค์จึงสอนเสมอให้ทำความเข้าใจเรื่องจิตใจเป็นสำคัญ เพราะจำเป็นมากๆในการใช้ชีวิตของมนุษย์ คือการมี "สติ" ในการควบคุมกายใจไม่ให้หลงสิ่งชั่วที่มันมาหลอกล่อ ให้รู้เท่าทัน ความโกรธ ความโลภ ความหลง ที่มันถูกฝังมาหลายภพชาติ เพราะพระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นแล้วว่า มนุษย์ทั้งหลายมีทุกข์ เพราะ 3 เรื่องนี้เป็นสำคัญ หากตัดได้วางได้ก็สบายกันทุกคน จึงจำเป็นที่ต้องฝึกรักษาศีล สมาธิ ให้เกิดปัญญาควบคู่กับการมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา อวิชชาจะได้ไม่กำเริบ หรือมาสั่งบงการจิตใจเราได้... เราทุกคนจึงควรศึกษาเรียนรู้ และทำความเข้าใจจิตใจตัวเองให้เข้าใจและมีสติ พร้อมกับการรู้จักเสียสละปล่อยวางในเรื่องที่ก่อให้เกิดทุกข์ให้เบาบางลงให้ได้ตามกำลังสติปัญญาที่พอจะกระทำ เพราะบางทีมันต้องฝืนเป็นอย่างมากเพราะบุญมันน้อยกว่าบาป แต่หากใครมีบุญมากหน่อยก็จะฝึกได้ง่าย ไปได้เร็วกว่า เพราะเหตุอย่างนี้ท่านจึงบัญญัติพื้นฐานเรื่องการสร้างบุญบารมีด้วยการให้ทานบารมีเป็นอันดับแรก เพื่อฝึกการสลัดออก และวางสิ่งภายนอกตัวก่อน เพื่อละความโลภให้เบาบางลง จากนั้นจึงบัญญัติศีลเป็นข้อรองลงมาตามลำดับ จนครบ ๑๐ อย่าง สุดท้ายก็คือ อุเบกขาบารมี หมายถึง การปล่อยวางในทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกทั้งหลาย เรียกว่า "อุเบกขาปรมัตถปารมี"

    เดินตามทางมรรคแปด วางใจให้อยู่ในศีล สร้างสมาธิให้เกิด เปิดสติปัญญาให้แจ้ง แล้วจะเห็นต้นตอของทุกข์ และวิบากกรรมที่ทำให้เราเป็นไปในทุกเรื่อง จนรู้แจ้งแล้ววางมันลง จิตจะเบาสบาย สิ่งที่ยึดติดในใจจะคลี่คลายสลายไปเอง ตามลำดับ แล้วจะรู้ว่าทุกสรรพสิ่ง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน หากหลงยึดใว้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่พยายมดับไฟ ด้วยการยึดฟืนเข้าไปไม่เลิก เพราะเวลาไฟมันโหมมากๆ เอาฟืนใหม่เข้าไปมันก็จะอ่อนแรงลง แต่พอฟืนใหม่ติดไฟ กลับลุกโหมมากกว่าเดิม คนโง่เขลาก็จะยึดฟืนเข้าไปอีกแบบนี้เรื่อยๆ ...แต่คนมีสติปัญญาดี เขาจะเอาฟืนที่อยู่ในกองไฟออกทีละอัน แม้มันจะมีไฟลุกโชติช่วงก็ตาม แต่พอเอาออกเรื่อยๆ ไม่หยุด เชื้อมันก็จะไม่มี สุดท้ายไฟก็ดับไปเอง....."
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Kw.jpg
      Kw.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.5 KB
      เปิดดู:
      964
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เครดิต เฟส การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เดินทางสู่ความว่างแห่งปัญญา
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    อีกหนึ่งพระคาถา จากพระอริยเจ้าที่หลวงตาพระมหาบัวท่านยกย่องในปฏิปทาและคุณธรรมอีกองค์หนึ่ง
    และเป็นผู้สร้างพระพุทโธคลัง รุ่นหลังจากคุณแม่บุญเรือน ที่เป็นที่ยอมรับและเชิื่อถือกันว่า มีอานุภาพโชคลาภ ความคล่องตัว ไม่น้อยเลย ท่านคือ หลวงพ่อสังวาลย์


    ...อริยทรัพย์ พุทโธคลัง พลัง มหาปัญโญ โภคะ สุโข...



    ถ้าไม่มีพระพุทโธคลังที่ท่านเป็นเจ้าพิธีอธิษฐานสร้าง ก็ให้ภาวนาพระคาถานี้เป็นอารมณ์กรรมฐาน และถือศีลห้า ขยัน แล้วจะเห็นผลด้วยตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ตุลาคม 2016
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ถึงแม้จะเป็นเพราะวิบากกรรมเก่าในอด่ีตชาติ หรือ เพราะ วิบากกรรมในชาตินี้ ที่ไม่รู้จักอดออม ใช้ชีวิตให้เหมาะสม เกลือกลั้วอบายมุข ภาระรับผิดขอบมาก อุบัติเหตุชีวิต
    หรือ ฯลฯ มากมายเหตุผล ที่มีในโลก



    ...ก็อย่าทิ้ง การให้ทาน ทำทานบารมี ด้วยใจที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม

    วัตถุทานได้มาบริสุทธิ์ ผู้ทำทานมีเจตนาบริสุทธิ์ มีศีล ผู้รับทานยิ่งเป็นผู้บริสุทธิ์

    สามสิ่งนี้ จะส่งผลย้อนกลับได้เร็ว และมาก


    จริงอยู่ หลายท่านบอกว่า ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจะดีทีึ่สุด แต่นั่นคือ เพื่อชำระล้างกิเลสในใจเป็นนิสัย .....แต่ถ้าต้องการตนไม่ให้ลำบากเกินไปทั้งทางโลกและทางธรรม เอาแบบพอดีๆ ก็อย่าทิ้งสามหลักนี้ จะไม่เสียเวลามากไปในการใช้ชีวิตในโลก
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    เรื่อง "ผู้ปรารถนานิพพาน เจริญภาวนาแล้วก็อย่าทิ้งเรื่องทานบารมี"


    "มุ่งเจริญแต่วิปัสสนาภาวนา ทานไม่ทำ เมื่อเกิดชาติหน้าก็เลยมีแต่ ปัญญาอย่างเดียว แต่ไม่มีจะกินจะใช้ ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน"
    (คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ)



    เราท่านทั้งหลายยังไม่ถึง "ฝั่งพระนิพพาน" ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อยโดยทำทุกๆ ทางเพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้ง "ทาน ศีล และภาวนา" สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ จะถือว่าการ "เจริญวิปัสสนาภาวนา" นั้น ลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่ "วิปัสสนา" อย่างเดียว โดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทานใดๆ ไว้เลย เมื่อเกิดชาติหน้า เพราะเหตุที่ยังไม่ถึง "ฝั่งพระนิพพาน" ก็เลยมีแต่ "ปัญญาอย่างเดียว ไม่มีจะกินจะใช้" ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน




    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...