การให้ทาน ในเขตและนอกเขตพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Aek9549, 23 ตุลาคม 2008.

  1. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    [SIZE=-1]ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมาร เสด็จไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก (เพื่อโปรดพระพุทธมารดา) องค์สมเด็จพระชินสีห์ประทับที่ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เวลานั้นมีเทวดา ๒ ท่านมาเฝ้าองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถก่อนคนอื่นทั้งหมด เว้นไว้แต่พระอินทร์ พระอินทร์ท่านเป็นเจ้าภาพ ท่านรับอยู่ก่อน มีเทวดาองค์หนึ่งมา คือ ท่านอินทกเทพบุตร มานั่งข้างๆขาเบื้องขวา ท่านอังกุรเทพบุตร มานั่งข้างขาเบื้องซ้าย เทวดามากันมากมายหมดดาวดึงส์ ท่านอินทกเทพบุตรนั่งตรงที่เดิม แต่ท่านอังกุรเทพบุตรต้องถอยหลังไปอยู่ท้ายบริษัท อยู่ริมนอกเพราะเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุดในดาวดึงส์

    องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงถามท่านอังกุรเทพบุตร(ท่านบันดาลให้เสียงท่านและ เสียงเทวดาที่พูดกันได้ยินถึงคนที่ค่อยท่านอยู่ที่เมืองพราณสี ที่เมืองมนุษย์ คนทุกคนฟังชัด) องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ถามว่า

    " อังกุระ เมื่อสมัยเมื่อตถาคตขึ้นมาใหม่ๆมาถึงใหม่ เธอนั่งใกล้ข้างขาข้างซ้าย เวลานี้เทวดาทั้งหลายมากันครบถ้วน แต่เธอกลับมานั่งท้ายบริษัท ตถาคตอยากจะทราบว่า ในสมัยที่เธอเป็นมนุษย์ เธอทำบุญอะไรไว้ จึงเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุดในสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก"

    ท่านอังกุระจึงได้กราบทูลสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

    " ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าข้าในสมัยที่ข้าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ เป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์มาก แล้วในสมัยนั้นเป็นต้นกัป คนมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปีจึงตาย ต่อมาสมัยที่ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนแก่ เหลืออีก ๒๐,๐๐๐ ปีจะสิ้นอายุ จึงได้ตั้งโรงทาน ๘๐ แห่งคือ ๑ โยชน์ ๑ แห่งโรงทานนี้ให้แก่คนกำพร้าคนเดินทาง ทั้งกลางวันและกลางคืนทั้งอาหารการบริโภค ผ้าผ่อนท่อนสไบ ของใช้ตามสมควร แต่ว่าเวลานั้นว่างจากพระพุทธศาสนา คนไม่มีศีล ไม่มีธรรม คนไร้ศีลไร้ธรรม ไม่มีพระพุทธเจ้าทรงสอนบุญญาธิการ ที่ได้จึงน้อยเกินไป (ลงทุนมาก๒๐,๐๐๐ปีตั้งโรงทาน๘๐แห่งเลี้ยงไม่จำกัด ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท คิดเอาว่าเขาต้องใช้เงินวันละเท่าไร แต่ว่าอาศัยว่าคนผู้รับ เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ท่านผู้ให้ก็ไม่ค่อยจะบริสุทธิ์นัก เวลานั้นศีลธรรมน้อยเกินไป เป็นของธรรมดาของชาวโลกวัตถุทานที่ได้มา ก็เข้าใจว่าไม่ค่อยจะบริสุทธิ์ ฉะนั้น เวลาตายจากความเป็นมนุษย์ จึงมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุดก็ต้องมานั่งท้าย เพราะบุญญาธิการไม่เท่าเทวดาทั้งหลาย"

    หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระจอมไตรจึงถามท่านอินทกเทพบุตรว่า

    " อินทกะ เมื่อตถาคตมาถึงใหม่ๆ เธอมาถึงแล้ว ก็นั่งตรงนี้เวลานี้เทวดามาหมดสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เธอก็นั่งตรงนี้ตถาคตอยากจะทราบว่า ในสมัยที่เป็นมนุษย์เธอสร้างความดี คือ บุญกุศลอะไรไว้เธอจึงเป็นเทวดาที่มีศักดาใหญ่ นอกจากพระอินทร์"

    " ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า การที่ข้าพระพุทธเจ้าสมัยเป็นมนุษย์นั้น เป็นคนที่จนที่สุด หมายความว่าเป็นคนจนอยู่ในป่า ต่อมาท่านพ่อตายเหลือแต่ท่านแม่ ก็มีความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ เลี้ยงแม่ด้วยการตัดฟืน เหนื่อยยากลำบากขนาดไหนก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า ทำอย่างไรแม่จึงจะมีความสุขตามกำลังที่จะให้ท่านได้"

    ฟังตอนนี้ก็คิดด้วยนะบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายว่า คนที่มีความรู้คุณ ยอมรับนับถือความดีของบุคคลผู้มีคุณ แล้วสนองคุณท่านนี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า เป็นคนดี ตามพระบาลีท่านว่า
    [/SIZE]<center>[SIZE=-1]"นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา"
    ซึ่งแปลว่า "บุคคลใดรู้อุปการคุณที่ท่านทำแล้ว แล้วก็ทำดีสนองตอบแทนคุณท่าน เราขอสรรเสริญบุคคลนั้นว่าเป็นคนดี"[/SIZE]</center>[SIZE=-1]
    เป็นอันว่า เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์สดับแล้ว ท่านก็เล่าต่อไปท่านอินทกะถวายคำตอบไปว่า

    " มาวันหนึ่งมีพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเดินทางมา ก็เป็นเวลาที่พอดีมีอาหารอยู่บ้างตามฐานะของคนจนคนป่า ยามปกติไม่มีของสำหรับทำบุญ คนจนนี่ก็ไม่มีพระ บางครั้งพระมาก็ไม่มีของถวาย ก็เลยจำใจนิ่ง เพราะอยากจะถวาย วันนั้นพอดี ของในครัวพอมีอยู่บ้าง พระก็มาพอดี มีโอกาสได้อารธนาพระถวายเป็นสังฆทาน ครั้งเดียวในชีวิต ในชีวิตของข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนจน ถวายสังฆทานครั้งเดียว แต่มีความกตัญญูรู้คุณกับแม่ด้วย ตายจากความเป็นคนจึงมาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เป็นเทวดาที่มีอานุภาพมากกว่าเทวดาอื่นนอกจากพระอินทร์"

    นี่ บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ฟังแล้วต้องคิดว่าท่านอังกุรเทพบุตร ทำบุญมากแต่ว่ามีอานิสงส์น้อย ท่านอินทกเทพบุตรทำบุญน้อยแต่มีอานิงส์มาก เรื่องนี้มีมากในพระพุทธศาสนา

    ฉะนั้นการบำเพ็ญกุศลนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า ต้องเลือกเขตนา การหว่านพืชในที่ดอนเกินไป ไม่มีน้ำเลี้ยงพืชก็แห้งตาย การหว่านพืชในที่ลุ่มเกินไปน้ำท่วมพืชก็ตายจะต้องดูถึงถึงพื้นนาที่ดีๆ ข้าวหรือพืชจึงจะงาม ผลจึงจะดกมีผลคุ้มค่าและเกินคำที่เราทำ อย่างท่านอินทกเทพบุตร ท่านเป็นคนจนแสนจนแต่ว่าท่านถวายสังฆทานตามเขตในพระพุทธศาสนา แล้วมีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดาอันนี้เป็นปัจจัยสูงสุด

    แต่ก็เป็นที่น่าปลื้มใจ ที่คณะบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท และภิกษุสามเณร ทั้งในวัดก็ดีนอกวัดก็ดีนิยมการบำเพ็ญทานอันดันสูงนั่นคือ
    ๑. พอใจในการถวายทานสังฆทาน ถวายสังฆทานมีของมาถวายจัดเป็นชุดโดยเฉพาะก็มี ของน้อยก็มีของมากก็มี นี่เป็นสังฆทานและ
    ๒. ก็มีมากท่านนิยมมาเลี้ยงพระ การเลี้ยงพระตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปไม่ต้องบอกก็เป็นสังฆทาน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ทีนี้การใส่บาตรหน้าบ้านโดยไม่จำกัดพระ อันนี้ก็เป็นสังฆทานอานิสงส์ใหญ่มากที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายกย่องว่า เป็นการบำเพ็ญทาน ถวายแด่ พระองค์เอง ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่าถวายสังฆทานครั้งเดียว และ
    ๓. บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท พระก็ดีเณรก็ดีที่นิยมช่วยส่งเสริมในการสร้างวิหารทาน ถึงกับมาสร้างห้องเป็นห้องๆ เป็นชื่อของตัวเอง เป็นชื่อนะไม่ใช่โชว์ ที่เขาติดชื่อนะจะได้ทราบว่าใครทำไว้ ลูกหลานจะได้อนุโมทนา ได้เป็นส่วนบุญด้วย สร้างพระพุทธรูปสวยสดงดงาม

    รวมความว่า การบริจาคทานของบรรดาท่านพุทธบริษัททำถูกต้องอย่างนี้มีอานิสงส์มาก

    credit http://www.dhammathai.org
    คัดมาจาก หนังสือบารมี ๑๐ โดยหล่วงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี)

    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=all4u&month=10-2007&date=24&group=26&gblog=2
    [/SIZE]
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณะศาลาการเปรียญวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=153325<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...