ขอถาม : ความแก่ชราจะปรากฎแก่พระพระพุทธเจ้าหรือไม่คะ ?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Kerisawa, 17 พฤศจิกายน 2009.

  1. Kerisawa

    Kerisawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +96
    ก็ตามหัวข้อกระทู้แหละค่ะ เป็นเรื่องที่สงสัยมานานมากแล้วค่ะ
    เราเคยได้ลองค้นหาข้อมูลดูแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีค่ะ

    หลายคนคงรู้สึกว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ดูแปลกมาก
    บางคนอาจบอกว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "เรามีความแก่เป็นธรรมดา..."

    นั่นแปลว่าตัวพระองค์เองก็ต้องมีความแก่ชราเช่นกันน่ะสิ... ไม่น่าถามเลย


    ถ้าบอกแบบนี้ เราก็เข้าใจนะคะ และดูเหมือนมันจะจบลงแค่นี้...


    แต่กลับไม่ค่ะ เพราะเราดันไปนึกถึง นางวิสาขา

    ที่มีลักษณะเบญจกัลยาณี น่ะค่ะ

    ก็ลองเปรียบเทียบกันดู ประมาณว่า....

    หญิงผู้มีลักษณะ เบญจกัลยาณี แม้จะอายุมากแล้ว... ก็ยังดูเป็นสาวสวยอยู่...

    แล้วพระพุทธเจ้า ซึ่งแน่นอนว่าต้องสั่งสมบารมีมามากกว่า

    อีกทั้งยังมีลักษณะ มหาบุรุษครบ 32 ประการ ซึ่งดีกว่า...

    แบบนี้แล้ว ความแก่ชราก็คงไม่มีปรากฏแก่พระพุทธเจ้าหรอก


    ---------


    คือเราเข้าใจแบบนี้นะคะ แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยค่ะ ว่า

    ลักษณะมหาบุรุษนี้ สามารถแก่ หรือ

    มีความชราเหมือนกับลักษณะของมนุษย์ทั่วๆ ไปได้หรือไม่ค่ะ


    เพราะ เราไม่เคยเห็นบทความที่บอกประมาณว่า...

    พระพุทธเจ้าแม้อายุมากแล้ว แต่ก็ยังดูหนุ่มอยู่ (แปลว่าแก่ได้ ??)
    (หรือมีแต่เราไม่เห็น หรือ ตีความไม่ถูกเองหนิคะ)

    แต่ในขณะที่ นางวิสาขา มีค่ะ


    อีกทั้ง ยังเคยเห็นในอนิเมชั่นพระพุทธเจ้า เขาทำพระพุทธเจ้าแก่ค่ะ (ตอนใกล้ปรินิพพาน)
    คิดว่า... ลองทำอนิเมชั่นแบบนี้ทั้งที เขาคงศึกษาข้อมูลมาก่อน และ คงไม่มั่ว...


    สรุปคือ เหตุผลอันบน กับ อันล่าง มันมาตีกัน ทำให้รู้สึกสับสนว่า

    อันไหนถูก-ผิด กันแน่ค่ะ ดังนั้นวานผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ


    หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2009
  2. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,697
    ค่าพลัง:
    +1,559
    พระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างไห้สัตว์ทั้งหลาย ทั้งเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วย ว่าเป็นเรื่องธรรมดา แม้พระพุทธเจ้าก็หนีชราธรรมไม่พ้น . . แต่เป็นชราที่แสดงออกทางสังขารขันเท่านั้น ความชราแบบคนแก่ทั่วไป ไม่มี เช่น หลงๆลืมๆแบบคนทั่วไปนี้ คิดว่าไม่มี


    ส่วนนางวิสาขาไม่รู้ครับ แต่ที่เคยได้ยินมา นางวิสาขา ก็มีอาการชราที่ดูได้จาก ท่าทางกิริยา เช่น เวลานั่ง(พับเพียบ) ต้องเอาแขนข้างหนึ่งค้ำยันร่างกายไว้ ไม่เหมือนสตรี ที่ยังเยาว์ แต่อาการที่แสดงออกทางรูปขัน ไม่ทราบ
     
  3. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนา ความสงสัยเกิดขึ้นได้โดยหลักทางวิทย์ แต่อย่าทำให้เกิดเป็นข้อตำหนิติเตียนขึ้นภายในใจ จะเป็นบาป (สัพพัง อัปราทัง ขะมะถะ เมภันเต อุกาสะ ทวารัตเยนะกะตัง/สัพพัง อัปราทัง ขะมะถะเมภันเต อุกาสะ ขมามิภันเต)สาธุ สาธุ
     
  4. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    พระองค์ก็เหมือนพวกเราทั้งหลายนี้ละครับ แต่พระองค์จะงดงามตามวัยของพระองค์นะ
     
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ตัวอย่างหลวงพ่อปัญญาสิครับ ผมเห็นท่านตอน ๙๐ กว่าๆๆ แล้วท่านยังไม่เหมือน ๙๐ เลย ผิวพรรณเปล่งปลั่งมาก
     
  6. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีในสังขารนี้ทุกคนไม่เว้น เป็นของธรรมดา แต่กุศลบุญและบารมี ของพระพุทธเจ้า ทำให้ดูผิวไม่ย่น ดูตึงอยู่เสมอ ใครเคยเห็นหลวงพ่ออุตตะมะ หลวงพ่อปัญญา ถึงอายุมามาก ดูเนื้อหนังไม่มีริ้วรอย ดุจเด็จหนุ่มสาว อายุ15-20 ปี ฉะนั้นแล จงดูที่จิตเป็นปฐมตั้งอยู่บนความจริงอย่าโน้มเอนเอียงแก่ตนจึงจะรู้แจ้งจิต จิตในใสเสมอดุจดวงแก้วมณีที่โชติช่วงเสมอมิเคยดับเลย
     
  7. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    เคยเห็นผ่านตาจากตำราทำนองว่าความชราของพระพุทธเจ้าแสดงออกทางพระวรกายเพียงเล็กน้อยเช่นลักษณะที่องอาจผึ่งผายจะหง่อมลงนิดนึงความกระฉับกระเฉงจะลดลงนอกนั้นไม่ปรากฎ
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    พูดแบบชาวบ้านๆ นะครับ

    ความแก่เป็นธรรมดา แต่เมื่ออ่านพระไตรปิฎก อ่านแล้ว มีความรู้สึกว่าตอนปลายๆ ที่พระพุทธองค์ใกล้จะปรินิพพาน พระองค์ต้องย้ำให้ผู้อื่นฟังว่า ท่านมีร่างกายที่แก่ชราแล้ว มีวัยล่วงเลยแล้ว เหมือนต้องติงให้ผู้อื่นนั้นทราบว่า ท่านมีร่างกายที่แก่ชราและจะไม่ได้คงอยู่ตลอดกาล

    แปลว่า คนทั่วไปหรือคนใกล้ชิด ไม่น่าจะเห็นว่าพระองค์แก่ชราภาพ จนมีอาการเหมือนคนแก่ทั่วไป ที่ทำให้คนอื่นที่เห็นรู้สึกว่า แก่ ใกล้ตายแล้ว อย่างนั้น

    อย่างพระอานนท์ท่านอยู่จนอายุถึง 120 ปี และพระพุทธองค์เองก็ตรัสบอกพระอานนท์ไว้แล้วทำนองว่า พระองค์จะอยุูจนถึง 120 ปี ก็ยังได้ ถ้าจะอยู่ ("อานนท์ ถ้าบุคคลใดเจริญอิทธิบาท ๔ ประการ ปรารถนาจะดำรงอยู่ประมาณกัปป์หนึ่ง หรือมากกว่านั้นก็สามารถจะอยู่ได้")

    ในความเข้าใจของผม ความชราภาพของพระพุทธองค์นั้น ไม่ปรากฎเลยเพราะพระรัศมีสว่างรุ่งโรจน์เหนืออานุภาพเทวดา ในด้านพละกำลังทาง ร่างกายนั้นก็ขึ้นอยู่กับจิต และจิตพระองค์ทรงมีความบริสุทธิ์หาที่สุดมิได้ ประกอบกับพระองค์แทบจะเข้าฌาณทุกวันจากกิจวัตรของพระองค์ ความจริง จิตไม่มีกิเลสจะมีกำลังมากกว่าจิตที่เข้าฌาณตามปกติเสียอีก แต่นี่เหมือนพระองค์ยังคงเข้าฌาณเป็นประจำครับ พิจารณาจากตรงนี้

    - อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหํ คือ เวลาเที่ยงคืน ตอบปัญหาเทวดา
    - ปจฺจูเสว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ คือ เวลาเช้ามืด ทรงตรวจดูอุปนิสัยของสัตว์ที่ควรบรรลุธรรม แล้วเสด็จไปโปรดสั่งสอน

    คือ สองข้อนี้ ถ้าเป็นคนปกติจะพบเทวดาได้หรือหยั่งรู้อนาคตได้ ต้องเข้าฌาณ ๔ ก่อน เป็นอย่างน้อย ดังนั้น เสมือนพระพุทธองค์เข้าฌาณทุกวัน

    ดังนั้น ตั้งแต่ตอนที่พระองค์ตรัสรู้ ตอนพระชนมายุ ๓๖ ปี พระองค์เสมือนหยุดเวลาร่างกายไว้ครับ (ทางวิทยาศาสตร์มีรายงานวิจัยทำนองว่า คนเข้าฌาณนั้น ประดุจดั่งว่า หยุดนาฬิกาของร่างกายเอาไว้เลย ผลคือ แก่ช้าลง ซึ่งคนเข้าฌาณ ๔ นั้นยิ่งกว่าการนั่งสมาธิธรรมดาหลายเท่าครับ )

    จึงเป็นไปได้ว่า ความชราภาพของพระพุทธองค์ไม่น่าจะปรากฎ แต่ที่ช่วงใกล้ปรินิพพาน เมื่อพระอานนท์ไม่ได้ทูลขอให้อยุ่ต่อ และพระองค์ปลงสังขารเสียแล้ว เหมือนพระองค์ปล่อยไปตามธรรมชาติ แทบจะไม่ใช่ผลของอิทธิบาท ๔ เลย (เพราะถ้าแปล คำที่พระองค์ตรัส หมายความว่า ถ้าพระองค์ปรารถนาจะอยู่ต่อ อาการพระประชวรจะไม่เกิดขึ้นเลย)

    ปล. แค่ความคิดส่วนตัวนะครับ อาจจะผิดพลาดได้ ผมแค่จำความรู้สึกที่อ่านพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ไม่ได้ค้นคว้าจริงจังครับ
     
  9. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    กระทู้เก่ามาก แต่ยังไม่เห็นมีคนตอบตรงคำถามจึงตอบไว้

    พระพุทธเจ้าท่านแก่ลงไม่มาก ดูมีอายุขึ้น ไม่ได้แก่หง่อมผมขาว

    ส่วนนางวิสาขา ร่างกายหยุดไว้ที่อายุ 16 ปี

    ผลกรรมจากชาติก่อนเคยซ่อมแซมพระพุทธรูป แล้วทำหลังคาคลุมไว้ จึงได้เบญจกัลยาณี
     
  10. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    คำว่า แก่ลงไม่มาก ดุมีอายุขึ้น ไม่ได้แก่หง่อมผมขาว

    ผมว่า มันยังกว้างจนไม่อาจคำนวณหรือกะได้ว่า ประมาณไหน

    ผมขออธิบายสรุปที่ผมโพสต์ว่า

    นับแต่พระองค์ตรัสรู้ พระองค์เข้าสู่สภาวะที่ร่างกายนั้นถูกจิตที่บริสุทธิ์ของพระองค์หยุดเวลาไว้หลายช่วงต่อหนึ่งวัน เวลาร่างกายของพระองค์จึงเดินช้ากว่าคนอื่น แต่เวลาที่ว่า นั้น เมื่อพระองค์อายุ 80 ชันษา อายุร่างกายพระองค์ช่วง 36 ชันษา ถึง 80 ชันษา รวม 45 ปี อย่างน้อยเวลาร่างกายหยุดจริงๆ คือ 1/4 วัน (นับเฉพาะช่วง ตอบคำถามเทวดา และส่องพระญาณโปรดสัตว์) เวลาหยุดจริง 11.25 ปี แต่เมื่ออ่านพระไตรปิฎก คาดหมายได้ว่า ผู้เป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันไปมีพื้นฐานกำลังของจิตอย่างน้อยที่ปฐมฌาณเพราะความที่กิเลสเบาบางแต่สำหรับพระพุทธองค์น่าจะลุ่มลึกกว่านั้น เพราะทราบว่านับแต่เข้าสู่การเป็นพระมหาโพธิสัตว์เป็นต้นไป ก็มีจิตที่ส่วนใหญ่วางบนปฐมฌาณ ตลอดทั้งวันได้ ซึ่งเวลาของร่างกายจะถูกหน่วงช้ากว่าปกติแล้ว แต่ปัญหาคือ การหน่วงของเวลาร่างกายของระดับปฐมฌาณ กับจตุตถฌาณ มันต่างกันมาก คือจตุตถฌาณ เวลาถึงขั้นที่หยุดนิ่ง ส่วนขั้นอรูปฌาณ นั้น เวลาที่หยุดนิ่งถูกขยายออกไปจนมากกว่าเวลาที่เดิน ซึ่งถ้าพระองค์เข้านิโรธสมาบัติสำหรับพระอรหันต์ เวลาของร่างกายมันยิ่งกว่าถูกหยุดนิ่ง แต่เมื่อออกมาแล้วผลของมันจะยิ่งกว่าผลของการเข้าจตุตถฌาณ ยิ่งกว่าผลของปฐมฌาณอีก

    ขอโทษที่เยิ่นเย้อ แต่ผมกล่าวเพื่อชี้ว่า ผมเห็นว่า ร่างกายพระองค์น่าจะดูอายุไม่เกิน 50 ปี ของคนสมัยก่อน แต่อายุคน 50 ปีสมัยพุทธกาล ถ้าเทียบกับปัจจุบัน ร่างกายยังดูเยาวัยกว่า 50 ปีสมัยนี้ และอายุ 50 ปีสมัยก่อนของพระพุทธองค์จะดูเยาวัยกว่าคนทั่วไปที่อายุ 50 ปีสมัยพุทธกาล ผมจึงพูดง่ายๆ ว่า เมื่อพระองค์อายุ 36 ปี เมื่อพระองค์ตรัสรู้ เวลาร่างกายของพระองค์หยุดชะงักลงแล้วหลายส่วน

    ถ้าให้เทียบกับปัจจุบัน ตอนพระองค์อายุ 80 ปี พระองค์เหมือนคนอายุไม่เกิน 40 ปีของคนปัจจุบัน (40 ปีของคนยุคปัจจุบัน จะเห็นชัด ถ้าเป็นคนที่ยากจนลำบาก จิตใจก็ไม่ฝึกฝน อายุ 40 ปี ก็เหมือนคนอายุ 50 ปี แต่คนที่เป็นสุขุมาลชาติยุคปัจจุบัน อายุ 40 ปี ก็ประดุจคนอายุ 30 ปี)
    แต่พระพุทธองค์(พิจารณาเแพาะพื้นเพความเป็นเจ้าชายสิทถัตถะ) จัดเป็นสุขุมาลชาติ พระองค์อายุ 40 ปี ก็เหมือนคนอายุ 30 ปีเช่นกัน
    อันนี้ ให้นับถึงเมื่อพระองค์มีอายุ ๖๐ ชันษา

    แต่ช่วงเลย 60 ชันษา ถึง 80 ตามสภาพเซลล์ร่างกายของคนจะทรุดโทรมลงเร็วมากกว่าปกติ (ความจริงเซลล์เริ่มเสื่อมสภาพตั้งแต่ 45 ปี ถึง 55 ปี หรือที่เรียกว่า วัยทอง (อันนี้ นับคำนวณตามปัจจุบันนะครับ)) แต่ว่า การฝึกสมาธิ คนที่นั่งสมาธิยินสมาธิเดินสมาธิ ถ้าถึงจุด ร่างกายจะผลิต โกรธ์ฮอร์โมนครับ (ร่างกายคนปกติจะผลิตช่วง สี่ทุ่ม ถึงตีสาม ที่ควรนอน) แต่คนฝึกสมาธิ ร่างกายก่อนเข้าฌาณ 4 ร่างกายจะผลิตโกรธ์ฮอร์โมน หมายถึงว่า วัยทองมันจะถูกดีเลย์ออกไปครับ และแม้เลยวัยทองก็ไม่ต้องกินฮอร์โมนแบบคนสมัยนี้เพื่อชะลอความทรุดโทรมของร่างกาย

    ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า เต็มที่ร่างกายของพระพุทธองค์ตอน 80 ชันษา ไม่นับช่วงที่ทรงประชวร (ที่พระองค์ปล่อยไปตามที่พระองค์ทรงปลงอายุ) พระองค์จะดูเหมือนคนอายุ 55 ปีสมัยปัจจุบันแต่ที่เป็นวัยของชนชั้นสุขุมาลชาติเท่านั้น

    (ชนชั้นสุขุมาลชาติ ของไทยให้ดูดาราบางคน กับไฮโซบางคนครับ
    ต่างประเทศ ดูดาราฮ่องกงครับ 60 ยังดูดี ยิ่งถ้าดูด้วยตาเนื้อของเราแบบตรงๆ ไม่ใช่ดูผ่านกล้องถ่ายหนัง เฉินหลงอายุ 60 ปี ยังดูดีเหมือนคนอายุ 30กว่าปี แต่ไม่เกิน 40 ปีครับ ไม่นับดารา พานอิ๋งจือ อายุ 71 อย่างกับอายุ 40 ไม่เกิน 50 ปี)

    ที่พูดเปรียบเทียบมากมาย เพื่อให้คนปัจจุบันเห็นภาพที่ใกล้เคียงปัจจุบันที่สุด

    แต่ว่า ที่ผมบอกแล้ว พระพุทธองค์ ท่านไม่ใช่ชาวบ้านครับ ท่านเป็นพระพุทธองค์ ต่อให้อายุ 80 ปี หรือมากกว่านี้ก็ตาม รัศมีของพระองค์ล่วงอานุภาพแห่งเทวดา คำว่า ล่วงอานุภาพของเทวดา นั้น สื่อความหมายว่า ไม่แก่ ไม่ตายครับ เป็นที่ทราบชัดว่า อมตะ หรือ immortal ครับ เพราะเทวดา ไม่แก่ไม่ตาย ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ที่เข้าถึง ความเป็นอมตะที่แท้จริงต่างหาก ไม่ใช่เทวดาที่อมตะชั่วคราว คำว่าล่วงอานุภาพเทวดา แปลว่า รัศมีของพระพุทธองค์นั้น ย่อมครอบกายสังขารของพระองค์ และสรรพสัตว์ย่อมหยั่งทราบความเป็นอมตะแท้จริงของพระองค์ ยิ่งกว่าประจักษ์จากเทวดา

    สัตว์ก็ดี มนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี เมื่อมาพบพระพุทธองค์ ไม่ว่าพระองค์อายุเท่าไร ก็ตาม จะเห็นในพระรัศมีที่ครอบคลุมพระองค์ จนพระกายของพระองค์ก็เป็นสีทอง (รัศมีคือแสง แสงส่องพระวรกายสีทอง ก็คือ ทองคำที่เปล่งแสงครับ คำว่า ชราภาพ ย่อมไม่ปรากฎครับ

    พระองค์จึงต้องบอกพระอานนท์เองว่า พระองค์มีความชราแล้ว เพราะความชราไม่ปรากฎครับ

    คำว่า ความชราไม่ปรากฎ หมายเฉพาะ ที่ดวงตาสัตว์ มนุษย์ และเทวดาเห็น แต่ความชราซึ่งเป็นลักษณะย่อมเกิดตามปกติ ในทุกสิ่งครับ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฝืนสัจธรรม

    อุปมา ความชราและมรณะของเทวดา ที่ปรากฎเมื่อ 7 วันสุดท้ายก่อนสิ้นอายุขัย ความชรานั้น ตามนุษย์ก็ไม่เห็นว่าเทวดาแก่หรือชราภาพนะครับ แต่ความชรา มันเกิดแม้กับพระพรหมนะครับ แม้อรูปพรหม(ไม่มีกายด้วยซ้ำ) ก็ปรากฎนะครับ แต่มันไม่เห็นเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...